[นิยายแปล] Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken (WN) – ตอนที่ 13 อุ้มเทพธิดากลับบ้านกันเถอะ

Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken (WN)
ชื่อไทย : มาฮิรุณคอแดง(?)
ผู้แปล : แปลแบบคนเหงาและง่วง
Chapter : 13 อุ้มเทพธิดากลับบ้านกันเถอะ
 
สวนสาธารณะที่อามาเนะและมาฮิรุได้พบกันเป็นครั้งแรกนั้นอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน
อพาร์ตเม้นต์ที่อามาเนะอยู่นั้นเหมาะสำหรับอาศัยอยู่ไม่กี่คน และค่อนข้างลำบากสำหรับการอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีเด็กในแถบบล็อกของเขาเลย และดูเหมือนว่าอพาร์ตเม้นต์ที่อยู่ใกล้ๆแถบนี้ก็เช่นกัน
ดังนั้นสวนสาธารณะเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจึงดูเงียบเหงาเล็กน้อย
มันเป็นสถานที่โล่งๆที่ไม่ค่อยมีเด็กมาเล่น…และที่นั่นเอง เขาก็เห็นมาฮิรุในระหว่างทางกลับบ้าน
 
“เธอมาทำอะไรแถวนี้กัน?”
“…ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
 
มาฮิรุนั่งนิ่งอยุ่บนม้านั่งและลดตาของเธอลงเมื่อเห็นอามาเนะ
มันไม่เหมือนครั้งก่อน พวกเขาเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น อามาเนะสามารถพูดคุยกับเธอได้อย่างปกติดีแล้ว แต่ครั้งนี้คำตอบของเธอฟังดูห้วน
เธอไม่ได้ดูระแวงเขา แต่เหมือนว่ากำลังปิดบังอะไรอยู่มากกว่า
 
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วล่ะก็อย่าทำหน้าอับจนหนทางอย่างงั้นสิ เกิดอะไรขึ้นกันล่ะ?”
“…ไม่มีอะไร…”
 
แม้ใบหน้าเธอจะบอกว่ากำลังลำบากอยู่ก็ตาม แต่เธอก็ไม่ยอมพูดเหตุผลออกมา
แม้ว่าจะมีข้อตกลงเงียบๆ ระหว่างพวกเขาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันนอกอพาร์ตเม้นต์ก็ตามที แต่เมื่อเขาเห็นเธอมีปัญหา เขาก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปพูดคุยกับเธออยู่ดี
มาฮิรุอาจจะไม่ต้องการให้เขามายุ่งวุ่นวายด้วยก็ได้
(ถ้าเธอไม่อยากจะพูดออกมาก็ไม่เป็นไร) เขาคิดขณะที่จ้องมองหน้าที่แข็งทื่อของเธอ แล้วเขาก็สังเกตเห็นเส้นเล็กๆ สองสามเส้นบนเสื้อคลุมของเธอ…บางทีมันอาจจะเป็นขนสัตว์
 
“บนเสื้อเธอมีขนสัตว์ติดอยู่ เธอเล่นกับแมวรึหมามาอย่างงั้นหรอ?”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ก็แค่ ฉันช่วยแมวลงมาจากต้นไม้เท่านั้นแหละค่ะ”
“มุกเก่าๆนี่มัน…อ่า อย่างงั้นเองสินะ”
“เอ๊ะ?”
“นั่งรออยู่ตรงนั้นแหละ อย่าขยับไปไหนเชียวนะ”
 
เขาเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเธอถึงมานั่งอยุ่บนม้านั่งนี่ เขาถอนหายใจยาวๆออกมาแล้วหายไปสักครู่
มาฮิรุทำตามที่อามาเนะบอกและไม่ได้ขยับไปไหน
ที่ถูกก็คือเธอขยับไม่ได้ต่างหาก
(เธอมักจะทำอะไรยุ่งยากด้วยเหตุผลแปลกๆจริงๆ) เขาถอนหายใจออกมาแล้วไปที่ร้านขายยาใกล้ๆ ซื้อผ้าเปียกและผ้าพันแผล จากนั้นเขาก็ไปที่ร้านสะดวกซื้อและซื้อน้ำแข้งที่สำหรับใส่กาแฟ พอกลับไปเขาก็พบมาฮิรุที่ยังคงอยู่ที่เดิม
 
“ชีนะ ถอดถุงน่องออกที”
“หา?”
[TL : ( ͡° ͜ʖ ͡°)]
 
มาฮิรุจ้องไปที่เขาอย่างเย็นยะเยือกเมื่ออามาเนะพูดออกมา
 
“เอ่อ ถึงเธอจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ…เอ้า ฉันจะหันหลังไม่ให้มองเห็น ใช้เสื้อคลุมของฉันคลุมตัวเองไว้ แล้วถอดถุงน่องของเธอออก ประคบเย็นส่วนที่บาดเจ็บแล้วใช้ผ้าพันไว้”
 
เขาไม่ได้มีงานอดิเรกแปลกๆ อย่างการมีความสุขกับการถอดถุงน่องของเธอ เขายกถุงในมือของเขาให้ดูเพื่อแสดงให้เห็นของข้างใน ดูเหมือนเธอจะเข้าใจ แต่ใบหน้าของเธอดูราวกับถูกแช่แข็ง
สายตาที่จ้องมาของเธอช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
 
“…คุณรู้ได้ยังไงคะ?”
“เธอถอดรองเท้าออกข้างเดียว และข้อเท้าก็ดูบวมกว่าอีกข้าง แถมที่เธอไม่อยากจะยืนขึ้นอีก เูเหมือนว่าเธอช่วยแมวแต่ดันขาพลิกซะเอง งุ่นง่านจังเลยนะ”
“หนวกหูค่ะ”
“ค้าบ ค้าบ ค้าบ รีบๆถอดถุงน่องของเธออกได้แล้ว”
 
มันออกจะชัดเจน แต่เธอไม่คิดว่าอามาเนะจะสังเกตเห็นอาการบาดเจ็บของเธอ และทำหน้าบูดบึ้งหันหน้าหนี
ยังไงก็ตาม เธอรับเสื้อคลุมไปแล้ววางคลุมไว้บนหัวเข่าของเธอ เธอคงจะยอมตั้งใจฟังทำตามที่เขาบอก
แล้วอามาเนะก็หันหลังออกจากมาฮิรุ แล้วเอาน้ำแข็งจากร้านสะดวกซื้อออกมาใส่ลงในถุงพลาสติก จากนั้นก็เทน้ำใส่ลงไป
 
เขามัดปากถุงไม่ให้มันหก จากนั้นก็เอาผ้าขนหนูมาห่อไว้เบาๆ เพื่อทำถุงน้ำแข็ง แล้วค่อยๆหันกลับมา
มาฮิรุถอดถุงน่องตามที่บอก เรียวขาอันเปลือยเปล่าของเธอก็แสดงออกมาให้เห็น
เรียวขาอันราบเรียบให้ความรู้สึกนุ่มนิ่มในขณะเดียวกันก็ดูกระชับไม่มีไขมันส่วนเกินเลย และเห็นอาการบวมที่ผิดแปลกตรงข้อเท้าของเธอ
 
“ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เลวร้ายนัก แต่มันคงจะแย่กว่านี้ถ้าเคลื่อนไหวมากเกินไป ประคบน้ำแข็งที่อาการบาดเจ็บก่อน อาจจะรู้สึกเย็นนิดหน่อยนะ เมื่อไม่เจ็บแล้วฉันจะพันพ้าให้เธอ ผ่อนคลายเถอะ”
“…ขอบคุณมากค่ะ”
“ทีหลังก็อย่าปิดบังแล้วพูดออกมาตรงๆนะ ฉันไม่ได้ช่วยเธอเพราะอยากให้เธอติดหนี้บุญคุณฉันสักหน่อย”
 
อามาเนะเองก็หวังว่าอย่างน้อยก็อยากจะตอบแทนบุญคุณที่เธอให้กับไว้เขาด้วย
มาฮิรุวางขาของเธอลงบนม้านั่ง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆบนใบหน้าของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีของอามาเนะและนั่งนิ่งๆ
 
“ยังรู้สึกเจ็บอยู่ไหม”
“…ก็นิดหน่อย”
“ฉันจะประคบแล้วนะ…อย่าโกรธแล้วคิดว่าฉันเป็นโรคจิตหรือลวนลามนะ?”
“ฉันไม่พูดจาหยาบคาบกับผู้มีพระคุณของฉันหรอกค่ะ”
“ถ้างั้นก็ดีไป”
 
อามาเนะย้ำอีกครั้งว่าเขาไม่ได้มีความคิดไม่บริสุทธิ์ ขณะที่เขาคุกเข่าไปที่เท้าของมาฮิรุ เขาประคบผ้าลงเหนือข้อเท้าที่บวมแดงของเธอ
เขาถามว่าเธอเจ็บมากแค่ไหน และเธอบอกว่าเธอสามารถยืนขึ้นและเดินได้ แต่เธอยังคงนั่งพักเพื่อป้องกันไม่ให้อาการบาดเจ็บแย่ลง อย่างน้อยที่สุดมันก็ยังเป็นแค่การบาดเจ็บเล็กน้อย
 
เขาพันผ้าที่เขาซื้อมา และอามาเนะก็พบว่ามาฮิรุกำลังมองมาที่เขา
 
“คุณมีประโยชน์กว่าที่คิดนะคะ” 
“ก็นะ ฉันปฐมพยาบาลได้ แต่ยังไงก็ทำอาหารไม่เป็นอยู่ดี”
 
เขายักไหล่ด้วยท่าทางล้อเล่นเล็กน้อย และเธอก็หัวเราะคิกคักกลับมา
เธอยังคงดูเกร็งอยู่เมื่อก่อนหน้านี้ ดังนั้นมันคงจะดีถ้าทำให้เธอผ่อนคลายได้สักนิด
เมื่อเห็นเธอผ่อนคลายลงเล็กน้อย อามาเนะก็โล่งใจแล้วเอากางเกงพละออกมาจากกระเป๋าของเขา
 
“เอานี่”
“คะ?”
“อย่ามองฉันแบบนั้นสิ ขาเธอเปลือยอยู่ แถมเธอก็ใส่ถุงน่องไม่ได้เพราะผ้า ฉันยังไม่ได้ใส่มันเลย วางใจเถอะ”
 
ผ้าถูกพันอยู่รอบข้อเท้าของเธอ และมันคงจะลำบากถ้าจะใส่ถุงน่องในรูปร่างแปลกๆ มันจะดีกว่าถ้าเธอใส่กางเกงของเขาเพื่อกันความหนาวเย็นและป้องกันกระโปรงเปิด
เมื่อเธอตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้หมายถึงอะไรอย่างงั้น เธอก็รับกางเกงของเขาไปอย่างว่าง่าย
มาฮิรุสวมกางเกง แล้วอามาเนะก็เอาเสื้อคลุมที่เขาให้เธอยืมคืนมา เขาถอดเสื้อฮู้ดที่เขาสวมทับเสื้อเชิ้ตอยู่แล้วส่งให้เธอ
[TL : นี่เอ็งพกชุดมากี่ตัวเนี่ย]
 
“สวมนี่ซะสิ”
“ไม่ล่ะค่ะ ทำไมล่ะ?”
“เธออยากให้คนอื่นเห็นฉันอุ้มเธอรึไง?”
 
เขาไม่สามารถปล่อยให้คนเจ็บเดินกลับคนเดียวได้ เขาจึงตั้งใจจะอุ้มเธอกลับ
ยังไงเสียพวกเขาก็กลับไปที่เดียวกันอยู่แล้ว มันคงจะมีประสิทธิภาพมากกว่าถ้าอุ้มเธอกลับ แล้วก็ดีต่ออาการบาดเจ็บของเธอด้วย
 
“อ๊ะ โทษทีนะ เธอช่วยถือกระเป๋าให้ฉันได้ไหม ฉันจะอุ้มเธอไม่ได้ถ้าถือกระเป๋าอยู่”
“มีตัวเลือกอื่นนอกจากอุ้มฉันไหม?”
“คือว่านา เธอเท้าพลิกอยู่นะ เพราะงั้นทำตามที่ฉันบอกแล้วพักผ่อนเถอะ ไม่มีใครอยู่รอบๆด้วย แต่ฉันยังอยู่ด้วยนี่ เพราะงั้นใช้ขาของฉันเถอะ”
“ขาหรอ?”
“อะไรกัน เธออยากให้ฉันอุ้มเธอด้วยแขนรึไง? อุ้มเธอเหมือนเจ้าหญิงน่ะหรอ”
“เธอมีแรงพอจะอุ้มฉันกลับบ้านงั้นหรอค่ะ?”
“เธองี่เง่ารึไง?…เอาเถอะ ก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่หรอก”
 
เขาก็คงดีที่จะอุ้มมาฮิรุในแนวนอน แต่มันจะลำบากเกินไปสำหรับเขาที่จะเดินไปถึงอพาร์ตเม้นต์เมื่อต้องอุ้มเธอไปด้วย นอกจากนี้มันยังเด่นมากเกินไปอีกด้วย มันจะดีกว่าถ้าไม่ทำแบบนั้น
เขารู้ว่ามาฮิรุเพียงล้อเล่นเล็กน้อย และไม่โกรธเพียงเพราะเขาโดนดูถูก เขาหัวเราะเมื่อเห็นเธอสบายดีพอจะมีอารมณ์กับการล้อเล่นเมื่อกี้
 
“เอาล่ะ ถ้าเธอเสร็จแล้ว สวมฮู้ดแล้วก็ถือกระเป๋า แล้วก็ถือกระเป๋าตัวเองด้วย ฉันถือไม่ได้เพราะต้องอุ้มเธอ”
“…ขอโทษด้วยค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ในฐานะผู้ชายคนนึง ฉันไม่สามารถทิ้งคนที่บาดเจ็บไว้ข้างหลังแล้วกลับบ้านได้หรอก”
 
เขาคุกเข่าลง แล้วหันหลังให้เธอ แล้วเธอก็ขยับร่างกายของเธอลงบนหลังของเขา
แม้ว่าจะผ่านเสื้อฮู้ดแล้วก็ตาม แต่ความรู้สึกนุ่มและบอบบางของร่างกายมาฮิรุก็ส่งผ่านมาถึงเขา 
เขาทำให้แน่ใจว่าเธอจับเขาแน่นพอแล้ว แต่ก็ไม่ได้รัดคอเขา เขาค่อยๆลุกยืนขึ้นและยกเธอขึ้นมา
อย่างที่เขาคาดเอาไว้ ตัวเธอเบามากจริงๆ
 
ในขณะที่เธอมักจะบ่นกับเขาบ่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ และร่างกายที่เล็กมากของเธอก็ทำให้กังวลว่าเธอกินอาหารดีรึป่าว แต่บางทีเธอคงเป็นเพราะร่างกายเธอมีรูปร่างเล็กๆ อยู่แล้วก็ได้
ขณะที่กำลังคิดเกี่ยวกับสถาณการณ์หลายๆ อย่าง เขาก็เริ่มได้กลิ่นหอมหวานจางๆ แล้วเขาก็ถูกมันครอบงำอย่างใจจดใจจ่อ เขาพยายามอย่างมากที่สุดเพื่อตั้งใจกลับบ้านอย่างแน่วแน่
 
การที่มีคนที่อุ้มคนไว้ข้างหลังดึงดูดสายตาของคนจำนวนมาก โชคดีที่ใบหน้าของมาฮิรุถูกซ่อนเอาไว้ จึงไม่ได้รับความสนใจมากนัก
 
“เอาล่ะ ถึงแล้ว”
 
เขาอุ้มเธอไปที่ทางเข้าห้องของเธอ และเขาตั้งใจจะเดินจากไปอย่างไม่รบกวนเธอ
เธออาจจะไม่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มนักเนื่องจากเธอมีผนังคอยช่วยพยุงแล้ว อาการบาดเจ็บของเธอก็อาจจะไม่ได้เลวร้ายนัก โชคดีที่วันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของพวกเขา ดังนั้นถ้าได้พักผ่อนสักวันสองวันอาการคงจะดีขึ้นจนสามารถเดินได้อย่างปกติอีกครั้ง
 
“เธอไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอาหารเย็นฉันหรอกวันนี้ ดังนั้นพักผ่อนไปเถอะ เธอจะเอาพวกอาหารเสริมไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ยังมีอยู่บ้างค่ะ”
“ถ้าอย่างงั้นก็ดี แล้วเจอกันนะ”
 
โชคดีสำหรับเขาที่ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารของเธอ นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องดีที่เธอสามารถเดินได้ด้วยตัวเอง
อามาเนะมองมาฮิรุที่เดินไปที่ประตูของเธอแล้วเปิดออก แล้วเขาก็เอากุญแจของเขาออกมาเช่นกัน
 
“…เอ่อคือ”
“หืม?”
 
เมื่อเขาถูกเธอเรียกกระทันหันจึงหันหน้าไปมองเธอ เธอกอดกระเป๋าแน่นและมองมาที่เขาอย่างเขินอาย
ดวงตาที่สั่นเครือของเธอทำให้เขาเอียงศีรษะเล็กน้อย ดวงตาของเธอแกว่งวนไปรอบๆ สายตาที่สับสนของเธอจ้องมองเขาราวกับเป็นกังวล ดูเหมือนว่าเธอจะตัดสินใจเรียบร้อยแล้วมองมาที่อามาเนะอย่างตั้งใจ
 
“…ขอบคุณสำหรับวันนี้มากค่ะ คุณช่วยฉันไว้ได้มากจริงๆ”
“ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นสิ่งที่ฉันอยากทำเองด้วยสิ งั้น ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
 
อามาเนะก็คงจะมีปัญหาที่กังวลเกี่ยวกับมาฮิรุมากเกินไป เขาจึงสลัดเรื่องนั้นทิ้งออกไป เขามองเธอโค้งคำนับ แล้วจึงไขกุญแจบ้าน
จากนั้นเขาก็นึกได้ว่าเสื้อฮู้ดและกางเกงของเขายังอยู่กับเธอ แต่เขาคิดว่าเธอคงจะคืนให้เขาในไม่กี่วัน ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไปในอพาร์ตเม้นของเขาโดยไม่ได้มองย้อนกลับไปอีก
 
 
 
*———-จบตอน———-*
ลงสีภาพหยาบๆ by คนเหงาและง่วง
**แปลจากอิ้ง เทียบยุ่นนิดหน่อย แปลผิดยังไงก็ขออภัยนะครับ มือใหม่แปล เพิ่งเคยแปลเรื่องแรก อาจจะมีผิดบ้างทักท้วงกันได้นะครับ
 
นี่เป็นเวอร์ชั่น WN (เว็บโนเวล) อาจจะมีบางส่วนที่ต่างกับแบบเล่มอยู่บ้างนะครับ แต่ก็ยังคงความหวานไว้เช่นเคย
อย่าลืมกดไลก์และกดติดตามเพจเพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยนะครับ ที่เพจลงล่วงหน้า 1 ตอนนะครับ
เพจแปลแบบคนเหงาและง่วง

[นิยายแปล] Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken (WN) – ตอนที่ 13 อุ้มเทพธิดากลับบ้านกันเถอะ

[นิยายแปล] Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken (WN) – ตอนที่ 13 อุ้มเทพธิดากลับบ้านกันเถอะ

Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken (WN) ชื่อไทย : มาฮิรุณคอแดง(?) ผู้แปล : แปลแบบคนเหงาและง่วง Chapter : 13 อุ้มเทพธิดากลับบ้านกันเถอะ   สวนสาธารณะที่อามาเนะและมาฮิรุได้พบกันเป็นครั้งแรกนั้นอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน อพาร์ตเม้นต์ที่อามาเนะอยู่นั้นเหมาะสำหรับอาศัยอยู่ไม่กี่คน และค่อนข้างลำบากสำหรับการอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีเด็กในแถบบล็อกของเขาเลย และดูเหมือนว่าอพาร์ตเม้นต์ที่อยู่ใกล้ๆแถบนี้ก็เช่นกัน ดังนั้นสวนสาธารณะเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจึงดูเงียบเหงาเล็กน้อย มันเป็นสถานที่โล่งๆที่ไม่ค่อยมีเด็กมาเล่น…และที่นั่นเอง เขาก็เห็นมาฮิรุในระหว่างทางกลับบ้าน   “เธอมาทำอะไรแถวนี้กัน?” “…ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”   มาฮิรุนั่งนิ่งอยุ่บนม้านั่งและลดตาของเธอลงเมื่อเห็นอามาเนะ มันไม่เหมือนครั้งก่อน พวกเขาเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น อามาเนะสามารถพูดคุยกับเธอได้อย่างปกติดีแล้ว แต่ครั้งนี้คำตอบของเธอฟังดูห้วน เธอไม่ได้ดูระแวงเขา แต่เหมือนว่ากำลังปิดบังอะไรอยู่มากกว่า   “ถ้าไม่มีอะไรแล้วล่ะก็อย่าทำหน้าอับจนหนทางอย่างงั้นสิ เกิดอะไรขึ้นกันล่ะ?” “…ไม่มีอะไร…”   แม้ใบหน้าเธอจะบอกว่ากำลังลำบากอยู่ก็ตาม แต่เธอก็ไม่ยอมพูดเหตุผลออกมา แม้ว่าจะมีข้อตกลงเงียบๆ ระหว่างพวกเขาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันนอกอพาร์ตเม้นต์ก็ตามที แต่เมื่อเขาเห็นเธอมีปัญหา เขาก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปพูดคุยกับเธออยู่ดี มาฮิรุอาจจะไม่ต้องการให้เขามายุ่งวุ่นวายด้วยก็ได้ (ถ้าเธอไม่อยากจะพูดออกมาก็ไม่เป็นไร) เขาคิดขณะที่จ้องมองหน้าที่แข็งทื่อของเธอ แล้วเขาก็สังเกตเห็นเส้นเล็กๆ สองสามเส้นบนเสื้อคลุมของเธอ…บางทีมันอาจจะเป็นขนสัตว์   “บนเสื้อเธอมีขนสัตว์ติดอยู่ เธอเล่นกับแมวรึหมามาอย่างงั้นหรอ?” “ไม่ใช่หรอกค่ะ ก็แค่ ฉันช่วยแมวลงมาจากต้นไม้เท่านั้นแหละค่ะ” “มุกเก่าๆนี่มัน…อ่า อย่างงั้นเองสินะ” “เอ๊ะ?” “นั่งรออยู่ตรงนั้นแหละ อย่าขยับไปไหนเชียวนะ”   เขาเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเธอถึงมานั่งอยุ่บนม้านั่งนี่ เขาถอนหายใจยาวๆออกมาแล้วหายไปสักครู่ มาฮิรุทำตามที่อามาเนะบอกและไม่ได้ขยับไปไหน ที่ถูกก็คือเธอขยับไม่ได้ต่างหาก (เธอมักจะทำอะไรยุ่งยากด้วยเหตุผลแปลกๆจริงๆ) เขาถอนหายใจออกมาแล้วไปที่ร้านขายยาใกล้ๆ ซื้อผ้าเปียกและผ้าพันแผล จากนั้นเขาก็ไปที่ร้านสะดวกซื้อและซื้อน้ำแข้งที่สำหรับใส่กาแฟ พอกลับไปเขาก็พบมาฮิรุที่ยังคงอยู่ที่เดิม   “ชีนะ ถอดถุงน่องออกที” “หา?” [TL : ( ͡° ͜ʖ ͡°)]   มาฮิรุจ้องไปที่เขาอย่างเย็นยะเยือกเมื่ออามาเนะพูดออกมา   “เอ่อ ถึงเธอจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ…เอ้า ฉันจะหันหลังไม่ให้มองเห็น ใช้เสื้อคลุมของฉันคลุมตัวเองไว้ แล้วถอดถุงน่องของเธอออก ประคบเย็นส่วนที่บาดเจ็บแล้วใช้ผ้าพันไว้”   เขาไม่ได้มีงานอดิเรกแปลกๆ อย่างการมีความสุขกับการถอดถุงน่องของเธอ เขายกถุงในมือของเขาให้ดูเพื่อแสดงให้เห็นของข้างใน ดูเหมือนเธอจะเข้าใจ แต่ใบหน้าของเธอดูราวกับถูกแช่แข็ง สายตาที่จ้องมาของเธอช่างเจ็บปวดเหลือเกิน   “…คุณรู้ได้ยังไงคะ?” “เธอถอดรองเท้าออกข้างเดียว และข้อเท้าก็ดูบวมกว่าอีกข้าง แถมที่เธอไม่อยากจะยืนขึ้นอีก เูเหมือนว่าเธอช่วยแมวแต่ดันขาพลิกซะเอง งุ่นง่านจังเลยนะ” “หนวกหูค่ะ” “ค้าบ ค้าบ ค้าบ รีบๆถอดถุงน่องของเธออกได้แล้ว”   มันออกจะชัดเจน แต่เธอไม่คิดว่าอามาเนะจะสังเกตเห็นอาการบาดเจ็บของเธอ และทำหน้าบูดบึ้งหันหน้าหนี ยังไงก็ตาม เธอรับเสื้อคลุมไปแล้ววางคลุมไว้บนหัวเข่าของเธอ เธอคงจะยอมตั้งใจฟังทำตามที่เขาบอก แล้วอามาเนะก็หันหลังออกจากมาฮิรุ แล้วเอาน้ำแข็งจากร้านสะดวกซื้อออกมาใส่ลงในถุงพลาสติก จากนั้นก็เทน้ำใส่ลงไป   เขามัดปากถุงไม่ให้มันหก จากนั้นก็เอาผ้าขนหนูมาห่อไว้เบาๆ เพื่อทำถุงน้ำแข็ง แล้วค่อยๆหันกลับมา มาฮิรุถอดถุงน่องตามที่บอก เรียวขาอันเปลือยเปล่าของเธอก็แสดงออกมาให้เห็น เรียวขาอันราบเรียบให้ความรู้สึกนุ่มนิ่มในขณะเดียวกันก็ดูกระชับไม่มีไขมันส่วนเกินเลย และเห็นอาการบวมที่ผิดแปลกตรงข้อเท้าของเธอ   “ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เลวร้ายนัก แต่มันคงจะแย่กว่านี้ถ้าเคลื่อนไหวมากเกินไป ประคบน้ำแข็งที่อาการบาดเจ็บก่อน อาจจะรู้สึกเย็นนิดหน่อยนะ เมื่อไม่เจ็บแล้วฉันจะพันพ้าให้เธอ ผ่อนคลายเถอะ” “…ขอบคุณมากค่ะ” “ทีหลังก็อย่าปิดบังแล้วพูดออกมาตรงๆนะ ฉันไม่ได้ช่วยเธอเพราะอยากให้เธอติดหนี้บุญคุณฉันสักหน่อย”   อามาเนะเองก็หวังว่าอย่างน้อยก็อยากจะตอบแทนบุญคุณที่เธอให้กับไว้เขาด้วย มาฮิรุวางขาของเธอลงบนม้านั่ง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆบนใบหน้าของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีของอามาเนะและนั่งนิ่งๆ   “ยังรู้สึกเจ็บอยู่ไหม” “…ก็นิดหน่อย” “ฉันจะประคบแล้วนะ…อย่าโกรธแล้วคิดว่าฉันเป็นโรคจิตหรือลวนลามนะ?” “ฉันไม่พูดจาหยาบคาบกับผู้มีพระคุณของฉันหรอกค่ะ” “ถ้างั้นก็ดีไป”   อามาเนะย้ำอีกครั้งว่าเขาไม่ได้มีความคิดไม่บริสุทธิ์ ขณะที่เขาคุกเข่าไปที่เท้าของมาฮิรุ เขาประคบผ้าลงเหนือข้อเท้าที่บวมแดงของเธอ เขาถามว่าเธอเจ็บมากแค่ไหน และเธอบอกว่าเธอสามารถยืนขึ้นและเดินได้ แต่เธอยังคงนั่งพักเพื่อป้องกันไม่ให้อาการบาดเจ็บแย่ลง อย่างน้อยที่สุดมันก็ยังเป็นแค่การบาดเจ็บเล็กน้อย   เขาพันผ้าที่เขาซื้อมา และอามาเนะก็พบว่ามาฮิรุกำลังมองมาที่เขา   “คุณมีประโยชน์กว่าที่คิดนะคะ”  “ก็นะ ฉันปฐมพยาบาลได้ แต่ยังไงก็ทำอาหารไม่เป็นอยู่ดี”   เขายักไหล่ด้วยท่าทางล้อเล่นเล็กน้อย และเธอก็หัวเราะคิกคักกลับมา เธอยังคงดูเกร็งอยู่เมื่อก่อนหน้านี้ ดังนั้นมันคงจะดีถ้าทำให้เธอผ่อนคลายได้สักนิด เมื่อเห็นเธอผ่อนคลายลงเล็กน้อย อามาเนะก็โล่งใจแล้วเอากางเกงพละออกมาจากกระเป๋าของเขา   “เอานี่” “คะ?” “อย่ามองฉันแบบนั้นสิ ขาเธอเปลือยอยู่ แถมเธอก็ใส่ถุงน่องไม่ได้เพราะผ้า ฉันยังไม่ได้ใส่มันเลย วางใจเถอะ”   ผ้าถูกพันอยู่รอบข้อเท้าของเธอ และมันคงจะลำบากถ้าจะใส่ถุงน่องในรูปร่างแปลกๆ มันจะดีกว่าถ้าเธอใส่กางเกงของเขาเพื่อกันความหนาวเย็นและป้องกันกระโปรงเปิด เมื่อเธอตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้หมายถึงอะไรอย่างงั้น เธอก็รับกางเกงของเขาไปอย่างว่าง่าย มาฮิรุสวมกางเกง แล้วอามาเนะก็เอาเสื้อคลุมที่เขาให้เธอยืมคืนมา เขาถอดเสื้อฮู้ดที่เขาสวมทับเสื้อเชิ้ตอยู่แล้วส่งให้เธอ [TL : นี่เอ็งพกชุดมากี่ตัวเนี่ย]   “สวมนี่ซะสิ” “ไม่ล่ะค่ะ ทำไมล่ะ?” “เธออยากให้คนอื่นเห็นฉันอุ้มเธอรึไง?”   เขาไม่สามารถปล่อยให้คนเจ็บเดินกลับคนเดียวได้ เขาจึงตั้งใจจะอุ้มเธอกลับ ยังไงเสียพวกเขาก็กลับไปที่เดียวกันอยู่แล้ว มันคงจะมีประสิทธิภาพมากกว่าถ้าอุ้มเธอกลับ แล้วก็ดีต่ออาการบาดเจ็บของเธอด้วย   “อ๊ะ โทษทีนะ เธอช่วยถือกระเป๋าให้ฉันได้ไหม ฉันจะอุ้มเธอไม่ได้ถ้าถือกระเป๋าอยู่” “มีตัวเลือกอื่นนอกจากอุ้มฉันไหม?” “คือว่านา เธอเท้าพลิกอยู่นะ เพราะงั้นทำตามที่ฉันบอกแล้วพักผ่อนเถอะ ไม่มีใครอยู่รอบๆด้วย แต่ฉันยังอยู่ด้วยนี่ เพราะงั้นใช้ขาของฉันเถอะ” “ขาหรอ?” “อะไรกัน เธออยากให้ฉันอุ้มเธอด้วยแขนรึไง? อุ้มเธอเหมือนเจ้าหญิงน่ะหรอ” “เธอมีแรงพอจะอุ้มฉันกลับบ้านงั้นหรอค่ะ?” “เธองี่เง่ารึไง?…เอาเถอะ ก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่หรอก”   เขาก็คงดีที่จะอุ้มมาฮิรุในแนวนอน แต่มันจะลำบากเกินไปสำหรับเขาที่จะเดินไปถึงอพาร์ตเม้นต์เมื่อต้องอุ้มเธอไปด้วย นอกจากนี้มันยังเด่นมากเกินไปอีกด้วย มันจะดีกว่าถ้าไม่ทำแบบนั้น เขารู้ว่ามาฮิรุเพียงล้อเล่นเล็กน้อย และไม่โกรธเพียงเพราะเขาโดนดูถูก เขาหัวเราะเมื่อเห็นเธอสบายดีพอจะมีอารมณ์กับการล้อเล่นเมื่อกี้   “เอาล่ะ ถ้าเธอเสร็จแล้ว สวมฮู้ดแล้วก็ถือกระเป๋า แล้วก็ถือกระเป๋าตัวเองด้วย ฉันถือไม่ได้เพราะต้องอุ้มเธอ” “…ขอโทษด้วยค่ะ” “ไม่เป็นไรหรอกน่า ในฐานะผู้ชายคนนึง ฉันไม่สามารถทิ้งคนที่บาดเจ็บไว้ข้างหลังแล้วกลับบ้านได้หรอก”   เขาคุกเข่าลง แล้วหันหลังให้เธอ แล้วเธอก็ขยับร่างกายของเธอลงบนหลังของเขา แม้ว่าจะผ่านเสื้อฮู้ดแล้วก็ตาม แต่ความรู้สึกนุ่มและบอบบางของร่างกายมาฮิรุก็ส่งผ่านมาถึงเขา  เขาทำให้แน่ใจว่าเธอจับเขาแน่นพอแล้ว แต่ก็ไม่ได้รัดคอเขา เขาค่อยๆลุกยืนขึ้นและยกเธอขึ้นมา อย่างที่เขาคาดเอาไว้ ตัวเธอเบามากจริงๆ   ในขณะที่เธอมักจะบ่นกับเขาบ่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ และร่างกายที่เล็กมากของเธอก็ทำให้กังวลว่าเธอกินอาหารดีรึป่าว แต่บางทีเธอคงเป็นเพราะร่างกายเธอมีรูปร่างเล็กๆ อยู่แล้วก็ได้ ขณะที่กำลังคิดเกี่ยวกับสถาณการณ์หลายๆ อย่าง เขาก็เริ่มได้กลิ่นหอมหวานจางๆ แล้วเขาก็ถูกมันครอบงำอย่างใจจดใจจ่อ เขาพยายามอย่างมากที่สุดเพื่อตั้งใจกลับบ้านอย่างแน่วแน่   การที่มีคนที่อุ้มคนไว้ข้างหลังดึงดูดสายตาของคนจำนวนมาก โชคดีที่ใบหน้าของมาฮิรุถูกซ่อนเอาไว้ จึงไม่ได้รับความสนใจมากนัก   “เอาล่ะ ถึงแล้ว”   เขาอุ้มเธอไปที่ทางเข้าห้องของเธอ และเขาตั้งใจจะเดินจากไปอย่างไม่รบกวนเธอ เธออาจจะไม่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มนักเนื่องจากเธอมีผนังคอยช่วยพยุงแล้ว อาการบาดเจ็บของเธอก็อาจจะไม่ได้เลวร้ายนัก โชคดีที่วันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของพวกเขา ดังนั้นถ้าได้พักผ่อนสักวันสองวันอาการคงจะดีขึ้นจนสามารถเดินได้อย่างปกติอีกครั้ง   “เธอไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอาหารเย็นฉันหรอกวันนี้ ดังนั้นพักผ่อนไปเถอะ เธอจะเอาพวกอาหารเสริมไหม?” “ไม่เป็นไรค่ะ ยังมีอยู่บ้างค่ะ” “ถ้าอย่างงั้นก็ดี แล้วเจอกันนะ”   โชคดีสำหรับเขาที่ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารของเธอ นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องดีที่เธอสามารถเดินได้ด้วยตัวเอง อามาเนะมองมาฮิรุที่เดินไปที่ประตูของเธอแล้วเปิดออก แล้วเขาก็เอากุญแจของเขาออกมาเช่นกัน   “…เอ่อคือ” “หืม?”   เมื่อเขาถูกเธอเรียกกระทันหันจึงหันหน้าไปมองเธอ เธอกอดกระเป๋าแน่นและมองมาที่เขาอย่างเขินอาย ดวงตาที่สั่นเครือของเธอทำให้เขาเอียงศีรษะเล็กน้อย ดวงตาของเธอแกว่งวนไปรอบๆ สายตาที่สับสนของเธอจ้องมองเขาราวกับเป็นกังวล ดูเหมือนว่าเธอจะตัดสินใจเรียบร้อยแล้วมองมาที่อามาเนะอย่างตั้งใจ   “…ขอบคุณสำหรับวันนี้มากค่ะ คุณช่วยฉันไว้ได้มากจริงๆ” “ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นสิ่งที่ฉันอยากทำเองด้วยสิ งั้น ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”   อามาเนะก็คงจะมีปัญหาที่กังวลเกี่ยวกับมาฮิรุมากเกินไป เขาจึงสลัดเรื่องนั้นทิ้งออกไป เขามองเธอโค้งคำนับ แล้วจึงไขกุญแจบ้าน จากนั้นเขาก็นึกได้ว่าเสื้อฮู้ดและกางเกงของเขายังอยู่กับเธอ แต่เขาคิดว่าเธอคงจะคืนให้เขาในไม่กี่วัน ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไปในอพาร์ตเม้นของเขาโดยไม่ได้มองย้อนกลับไปอีก       *———-จบตอน———-* ลงสีภาพหยาบๆ by คนเหงาและง่วง **แปลจากอิ้ง เทียบยุ่นนิดหน่อย แปลผิดยังไงก็ขออภัยนะครับ มือใหม่แปล เพิ่งเคยแปลเรื่องแรก อาจจะมีผิดบ้างทักท้วงกันได้นะครับ   นี่เป็นเวอร์ชั่น WN (เว็บโนเวล) อาจจะมีบางส่วนที่ต่างกับแบบเล่มอยู่บ้างนะครับ แต่ก็ยังคงความหวานไว้เช่นเคย อย่าลืมกดไลก์และกดติดตามเพจเพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยนะครับ ที่เพจลงล่วงหน้า 1 ตอนนะครับ เพจแปลแบบคนเหงาและง่วง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset