[นิยายแปล] Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken (WN) – ตอนที่ 3 การดูแลของเทพธิดา

Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken (WN)
ชื่อไทย : มาฮิรุณคอแดง(?)
ผู้แปล : แปลแบบคนเหงาและง่วง
Chapter : 3
เพราะด้วยไข้ของเขา ทำให้อามาเนะได้ตระหนักถึงสถานการณ์ของตัวเองได้สายเกินไป เขานึกเสียใจที่ได้ปล่อยให้มาฮิรุได้เห็นความเป็นจริงต่อหน้าของเขา
อพาร์ทเม้นท์ที่อามาเนะอาศัยอยู่เป็นแบบ 1SLDK
(TL : หมายถึงตัวย่อของอพาร์ทเม้นท์ ห้องที่มีห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องทานข้าว ห้องครัว ส่วนตู้เสื้อผ้าแบบใหญ่ อย่างละ 1 ห้อง)
มีห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ห้องนอน และห้องเก็บของที่ขนาดใหญ่เกินกว่าจะอาศัยอยู่คนเดียว พ่อแม่ของเขาตัดสินใจให้อยู่ที่นี่เพราะคำนึงถึงความปลอดภัยและการเดินทางที่สะดวก
พ่อแม่ของเขาต้องการให้เขาอยู่ที่นี่เขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็คิดว่ามันฟุ่มเฟือยเกินไปสำหรับการอาศัยอยู่คนเดียวอยู่ดี
นอกจากนี้แล้วอามาเนะก็ไม่ถนัดงานบ้านอีกด้วย
แน่น่อน ทั้งห้องนั่งเล่นและห้องนอนของเขาก็รกไปหมด
 
 “นี่มันไม่น่าดูเลยจริงๆ”
 
เทพธิดา หรือผู้ช่วยชีวิตถึงกับเก็บคำพูดเอาไว้ไม่อยู่ แม้ท่าทางจะน่ารักก็ตาม
มันแย่จริงๆ อามาเนะไม่สามารถปฏิเสธได้เลย เขาคงจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน ถ้ารู้ว่าจะมีใครมา แต่มันก็สายเกินไปซะแล้ว
ริมฝีปากอันชุ่มชื่นได้ถอนหายใจออกมา แต่เธอก็ไม่ได้กลับออกไป เธอพาอามาเนะเข้าไปที่ห้องนอน
ระหว่างทางเดินไป ทั้งสองคนเกือบจะสะดุดล้ม อามาเนะรู้สึกเจ็บปวดที่ทำให้ห้องรกแบบนี้ มันคงจะแย่จริงๆ ถ้าเขาไม่ได้ทำความสะอาดมัน
 
“ก่อนอื่น คุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วฉันจะกลับเข้ามาใหม่นะคะ โอเคไหม?”
“…เธอจะกลับมาอีกงั้นหรอ?”
“ฉันคงจะนอนไม่หลับ หากปล่อยคนป่วยทิ้งไว้บนเตียงเฉยๆอย่างงี้”
 
ดูเหมือนมาฮิรุจะพูดคำพูดเดียวกันกับอามาเนะที่เคยบอกไว้เมื่อคราวก่อน และทำให้เขาเถียงไม่ออก
หลังจากที่มาฮิรุเดินออกจากห้องไป เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าถามที่เธอบอกแต่โดยดี
 
“…นี่มันรกจนแทบจะเดินไม่ได้เลย…เขาอยู่แบบนี้ได้ยังไงกันเนี่ย…” 
 
เขาได้ยินเสียงพึมพำระหว่างที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า มันทำให้เขารู้สึกผิดจริงๆ
เมื่อเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เขาก็เอนตัวนอนลง แล้วดูเหมือนว่าเขาจะเผลอหลับไป 
หลังจากที่เขาพยายามลืมตาอันหนักอึ้งของเขา สิ่งที่เข้ามาในสายตาของเขาเป็นสิ่งแรกก็คือเส้นผมสีน้ำตาลอ่อน
เขามองขึ้นไปตามเส้นผมนั้น แล้วพบว่ามาฮิรุยืนมองเขาอยู่เงียบๆ ทำให้รู้ว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ใช่แค่ความฝัน
 
“…ตอนนี้กี่โมงแล้วเนี่ย?”
“ 1 ทุ่มน่ะ คุณหลับไปได้ไม่นานเท่าไหร่”
 
มาฮิรุตอบสั้นๆ และเมื่ออามาเนะลุกขึ้นมา เธอก็ยื่นแก้วน้ำเกลือแร่มาให้
เขาขอบคุณแล้วรับแก้วมาดื่ม จากนั้นก็หันไปมองรอบๆ
เขารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย อาจเป็นเพราะเขางีบหลับไป
แล้วเขาก็สังเกตได้ว่ารู้สึกเย็นที่หน้าผากเล็กน้อย เขาเอื้อมมือไปจับแล้วรู้สึกสัมผัสถึงผ้า
มันคือแผ่นลดไข้ ซึ่งที่ห้องของเขาไม่น่าจะมี เขานึกขึ้นได้แล้วหันไปทางมาฮิรุ [ฉันนำมันมาจากที่ห้องของฉันน่ะ] เธอตอบสั้นๆ
ห้องของเขาไม่มีทั้งแผ่นลดไข้และน้ำเกลือแร่ งั้นน้ำเกลือแร่เธอก็คงเป็นคนนำมาเหมือนกัน
 
“…ขอบคุณที่นำมาให้นะ” 
“ไม่เป็นไรค่ะ”
 
คำตอบนั้นเรียบง่ายจนเขายิ้มเจื่อน
ดูเหมือนว่าเธอดูแลเขาเพราะรู้สึกผิด และไม่ได้รู้สึกสนใจอยากคุยกับอามาเนะ แต่ถึงยังไงก็ไม่มีทางที่เธอจะพูดคุยอย่างสนิทสนมกับผู้ชายที่เพิ่งเคยเจอกันอยู่แล้ว
 
“ยังไงก็ตาม ฉันเอายาวางไว้ให้แล้วบนโต๊ะ มันคงจะไม่ดีที่จะกินมันในตอนที่ท้องยังว่าง คุณหิวแล้วใช่ไหม?” 
“อืม ก็ประมาณนั้น”
“งั้นหรอคะ ฉันทำโจ๊กไว้แล้วค่ะ ถ้าไม่รังเกียจก็เชิญทานไหมค่ะ”
“…เอ๊ะ ชีนะทำเองงั้นหรอ?”
“จะมีใครนอกจากฉันอีกหรอคะ? ถ้าไม่อยากงั้นเดี๋ยวฉันทานเองก็ได้ค่ะ”
“ไม่สิ จะทานครับ ให้ผมทานเถอะครับ”
 
เขาไม่เคยคิดว่าเธอจะมาดูแลเขา แล้วทำข้าวต้มให้ทานอีก เลยทำให้เขาสับสนเล็กน้อย
ที่จริงแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าทักษะการทำอาหารของมาฮิรุเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่เคยได้ยินข่าวลือแย่ๆ จากคาบเรียบเรียนทำอาหารของเธอเลย มันอาจจะไม่ได้เลวร้ายนัก
อามาเนะก้มหัวลงขอร้อง มาฮิรุจ้องมองเขาอย่างเรียบเฉย เธอพยักหน้า แล้วเอื้อมมือไปหยิบที่วัดไข้จากบนโต๊ะข้างๆมา
 
“เดี๋ยวฉันไปเอามาให้ค่ะ ดังนั้นวัดอุณหภูมิตัวเองด้วยค่ะ” 
“โอเค”
 
เขาทำตามที่เธอบอก แล้วปลดเสื้อตัวเองออกแล้วเอาที่วัดไข้มาวัด ในตอนนั้นมาฮิรุก็หันหน้าหนีออกไป
 
“กรุณาทำหลังจากที่ฉันออกจากห้องแล้วสิคะ!”
 
เสียงของเธอดังขึ้นเล็กน้อย และอามาเนะก็สังเกตเห็นว่าใบหน้าของเธอแดงขึ้นเล็กน้อย
อามาเนะพบว่าปฏิกิริยาของมาฮิรุดูน่าสนใจนิดหน่อย ไม่เหมือนกับผู้หญิง ผู้ชายไม่จำเป็นต้องปิดบังหน้าอกของตัวเอง บางทีมาฮิรุคงไม่ค่อยมีความต้านทานเกี่ยวกับเนื้อหนังของเด็กผู้ชายล่ะมั้ง อย่างไรก็ตาม เธอก็รีบหันหน้าหนีออกไปทันทีหลังเขาเริ่มปลดกระดุมเสื้อออก
ใบหน้าสีขาวของเธอถูกย้อมด้วยสีอ่อนๆของกุหลาบ เธอหันหน้าออกไปขณะที่กำลังสั่น แล้วเขาก็คิดว่าหูของเธอก็แดงเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าเธอกำลังอายอยู่
(…อ่าา ฉันเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคนอื่นๆถึงพูดว่าเธอน่ารักกัน)
อามาเนะเองก็คิดว่ามาฮิรุนั้นเป็นคนสวย แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น เธอน่ารักและสวยอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ทั้งหมดก็แค่นั้น
เธอเป็นคนที่สวยงามราวกับถูกแกะสลักขึ้นมา และน่าประทับใจดั่งงานศิลปะชิ้นหนึ่ง
แต่ในตอนนี้ มาฮิรุแสดงให้เห็นถึงความเขินอายเล็กน้อย ทำให้เธอดูมีชีวิตมากขึ้นเล็กน้อย และมันน่ารักเอามากๆ
 
“…ถ้างั้น ช่วยเอาโจ๊กมาให้หน่อยได้รึป่าว?”
“ม-ไม่ต้องให้คุณมาบอกฉันหรอกค่ะ!”
 
ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้ใกล้ชิดกันเพียงพอที่จะบอกตรงๆ ว่าเธอน่ารัก เธอคงคิดว่าเขาประหลาดแน่ๆ หากทำแบบนั้น ดังนั้นเขาจึงได้แต่กลืนความคิดนั้นลงไป
เมื่อเขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ มาฮิรุก็รีบลุกออกจากห้องไป
เธอเดินออกไปอย่างช้าๆ บางทีคงเป็นเพราะเธอลนลานหรือไม่ก็ห้องของเขารกเกินไป คิดว่าน่าจะเป็นเพราะอย่างหลัง
เมื่อเขามองเธอออกไปจากห้องอย่างงุนงง อามาเนะก็ถอนหายใจออกมา ไม่รู้เลยว่ามันลงเอยแบบนี้ได้ยังไง
(…เอาเถอะ ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะความรับผิดชอบของเธอและความรู้สึกผิดนั่นแหละ)
 
เด็กผู้หญิงมักจะไม่เข้ามาในห้องของเด็กผู้ชายที่ไม่ค่อยรู้จักเพื่อมาดูแลเขาหรอก มันคงจะแย่ถ้าเธอถูกจู่โจมเข้าล่ะนะ
แต่มาฮิรุก็ยังทำแบบนั้นแม้จะเสี่ยงก็ตาม เป็นเพราะเธอคงรู้สึกผิดจริงๆ อามาเนะพยายามแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้สนใจเธอเท่าไหร่ และมันคงจะทำให้เธอผ่อนคลายลงได้สักหน่อย 
เพราะยังไง การที่มาฮิรุมาดูแลเขาก็เพราะไม่มีทางเลือกอย่างไม่ต้องสงสัย
 
“…ฉันนำโจ๊กมาให้แล้วนะคะ” 
 
ในขณะที่เขากำลังคิดเช่นนั้นระหว่างที่มีไข้อยู่ มาฮิรุก็ได้เคาะประตู
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้เข้ามาในทันที เพราะกังวลว่าเขาจะยังแต่งตัวไม่เสร็จ แล้วเขาก็นึกได้ว่าตัวเองคลายเสื้อออกเพื่อที่จะวัดอุณหภูมิอยู่
 
“ฉันยังวัดไม่เสร็จ”
“ฉันบอกว่าให้คุณวัดอุณหภูมิของคุณในตอนที่ฉันไม่อยู่ไม่ใช่หรอคะ…”
“โทษที ฉันเหม่อไปหน่อยน่ะ”
 
เขาขอโทษแล้วซุกที่วัดไข้ไว้ที่รักแร้ของตัวเอง สักพักก็มีเสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นมา
เขานำมันออกมาดู มันขึ้นแสดงว่า 38.3°C ไม่ได้แย่ถึงขนาดจะต้องไปโรงพยาบาล แต่มันก็ค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร
อามาเนะใส่เสื้อผ้าของเขากลับให้เรียบร้อย “เข้ามาได้เลย” เขาบอกมาฮิรุที่ยังไม่ได้เข้ามา เธอเดินเข้ามาอย่างระมัดระวังพร้อมกับถาดโจ๊ก
เธอดูโล่งอกเมื่อเห็นเขาใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
 
“อุณหภูมิเป็นยังไงบ้าง?”
“38.3°C ฉันคงดีขึ้นหากกินยาแล้วพักผ่อนสักหน่อย”
“…ยาในร้านขายยาส่วนใหญ่จะเกี่ยวของกับอาการทั่วไปที่ไม่ใช่ไวรัส ดังนั้นพักผ่อนสักหน่อยเพื่อให้ภูมิคุ้มกันทำงานนะ”
 
หลังจากที่เขาโดนว่ามา อามาเนะรู้ว่ามาฮิรุเพียงแค่กังวลเกี่ยวกับเขา มันทำให้หัวใจของเขารู้สึกจั๊กจี้ขึ้นมา
[ให้ตายสิ] เธอถอนหายใจขณะที่วางถาดโจ๊กลงบนโต๊ะข้างๆ แล้วเปิดฝาออก 
มันคือโจ๊กลูกพลัม โจ๊กค่อนข้างบาง เมื่อดูจากอาการในกระเพาะของเขา บางทีคงมีสัดส่วนของน้ำและข้าวประมาณ 7:1 
ลูกพลัมถูกใส่เพิ่มเข้ามาไม่ใช่เพื่อเพิ่มรสชาติ แต่เพราะว่ามันดีต่ออาการหวัด
ไม่มีไอน้ำลอยขึ้นมา แต่มันยังคงอุ่น แสดงว่าเธอไม่ได้ทำเมื่อสักครู่นี้ แต่มันเย็นลงสักพักนึงแล้ว 
อามาเนะจ้องมองไปที่โจ๊ก มาฮิรุไม่สนใจเขาแล้วเสิร์ฟโจ๊กลงในถ้วย พลัมกระจัดกระจายอยู่บางๆ เมล็ดถูกนำออกไปอย่างดี สีแดงอ่อนๆผสมลงบนสีขาว
 
“นี่ค่ะ แต่อาจจะมันไม่ร้อนแล้วนะ”
“ไม่หรอก ขอบคุณนะ”
 
เขารับมันไว้แล้วตักมันด้วยช้อนขึ้นมา แล้วจ้องอยู่อย่างนั้น มาฮิรุประหลาดใจในท่าทีของเขา
 
“…อะไรงั้นหรอคะ อย่าบอกนะว่าอยากให้ฉันป้อนให้น่ะ ไม่มีบริการแบบนั้นให้หรอกนะคะ” 
“ใครบอกกันล่ะ…ไม่ใช่สักหน่อย ฉันแค่คิดว่าเธอรู้วิธีทำอาหารด้วยสินะ”
“ทุกคนที่อาศัยอยู่คนเดียวก็มักจะสามารถทำได้กันอยู่แล้ว”
 
สำหรับหรับอามาเนะที่ไม่เหมาะจะอาศัยอยู่คนเดียวนั้นมันช่างน่าเจ็บปวดจริงๆ
 
“ฟูจิมิยะซัง ก่อนที่คุณจะทำอาหารน่ะ ควรจะทำความสะอาดห้องก่อนนะคะ”
“นั่นสินะ…”
 
ปรากฏว่ามาฮิรุจะรู้ถึงสิ่งที่อามาเนะกำลังคิดอยู่ในระหว่างที่กำลังทำอย่างอื่นอยู่ เขาพึมพำขึ้นมาแล้วนำช้อนที่เต็มไปด้วยโจ๊กเข้าปาก
โจ๊กเหนียวๆกระจายไปทั่วปากพร้อมกับรสชาติของข้าวและเกลือนิดหน่อย 
แต่ความเปรี้ยวกับความเค็มของลูกพลัมแห้งที่น่ากินทำให้รสชาติกลมกล่อมขึ้น
อามาเนะไม่ได้ชอบในรสชาติเค็มๆของลูกพลัมแห้ง แต่เขาชอบในความหวานเล็กน้อยในความเปรี้ยวอ่อนๆนี้ เขาผสมลูกพลัมแห้งกับข้าวสีขาวแล้วทำฉะสุเกะ*
(TL : “ข้าวต้ม” ชนิดต่างๆ เรียกว่า Chazuke หรือบางครั้งเรียก Ochazuke ถือเป็นอาหารพื้นบ้านที่รับประทานกันมาตั้งแต่เฮอัน)
 
“อร่อย”
“ขอบคุณค่ะ แต่มันก็แค่โจ๊กธรรมดา ใครจะทำก็คงไม่ต่างกันหรอกค่ะ”
 
มาฮิรุตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่ก็ยังมีรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าของเธอ
มันต่างกับร้อยยิ้มที่เขาเห็นได้เป็นครั้งคราวในตอนที่อยู่ในโรงเรียน มันเป็นรอยยิ้มแห่งความสบายใจ แล้วเขาก็จ้องมองมันโดยไม่รู้ตัว
 
“…ฟูจิมิยะซัง?”
“ปล่าว ไม่มีอะไรหรอก”
 
รอยยิ้มนั้นหายไปในวินาทีต่อมา มันทำให้เขารู้สึกเสียดาย
เขาคิดอย่างนั้น แต่อามาเนะก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ในขณะที่พยายามค่อยๆกินโจ๊กจากช้อนเล็กๆนั้น เพื่อกลบเกลื่อน
 
 
 
**แปลจากอิ้ง แปลผิดยังไงก็ขออภัยนะครับ มือใหม่แปล อาจจะมีผิดบ้างทักท้วงกันได้นะครับ
นี่เป็นเวอร์ชั่น WN (เว็บโนเวล) อาจจะมีบางส่วนที่ต่างกับแบบเล่มอยู่บ้างนะครับ แต่ก็ยังคงความหวานไว้เช่นเคย
อย่าลืมกดติดตามเพจเพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยนะครับ เพจ แปลแบบคนเหงาและง่วง
ที่เพจจะลงก่อน 1 ตอนนะครับ

[นิยายแปล] Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken (WN)

[นิยายแปล] Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken (WN)

[นิยายแปล] Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken (WN)

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset