[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit – บทที่2 ตอนที่ 7

บทที่ 2 ตอนที่ 7

 

เมื่อผมถามผู้คนในคฤหาสน์เกี่ยวกับแม่ของคุณหนู พวกเขาก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงคำถามของผมประมาณว่า “บางทีไม่รู้จะดีกว่านะ” ดังนั้นผมเลยเดาว่าแม่ของคุณหนูคงจะจากไปแล้ว และตัวผมเองก็ไม่เคยได้ยินคุณหนูพูดถึงแม่ของเธอ ในขณะที่เธอถูกเลี้ยงดูมาด้วยความรักความเอ็นดูของผู้คนในคฤหาสน์แห่งนี้

 

「เรย์จิ!」

 

「ผมอยู่ข้างหน้าคุณหนูแล้วครับ ไม่จำเป็นต้องตะโกนก็ได้ครับ」

 

「ก็ชั้นมีความสุขนี่นา ทุกคนในคฤหาสน์ใจดีกับชั้น แถมชั้นยังมีคนคุ้มกันที่แข็งแกร่งอย่างนายอีกด้วย」

 

「ขอบคุณครับ แค่ความรู้สึกของคุณหนูก็เพียงพอแล้วครับ ดังนั้นไม่ต้อง–」

 

「ชั้นคิดว่าชั้นควรแบ่งปันความสุขของชั้นให้กับคนอื่นๆด้วยนะ!」

 

คุณหนูอีวาไม่เคยฟังที่คนอื่นเขาพูดเลย ไม่สิ เธอจะรับฟังเมื่อจำเป็น แต่ทุกครั้งที่ผมคิดว่า “ได้โปรดเปลี่ยนหัวข้อเป็นเรื่องอื่นได้แล้วครับ หรือ ช่วยข้ามส่วนที่ไม่เกี่ยวกับผมเถอะนะครับ” เธอก็แทบไม่เคยฟังผมเลย

 

ก่อนหน้านี้ เธอพูดว่า “ชั้นอยากจะปีนขึ้นไปบนหลังคา!” โดยที่ไม่ฟังผมเลย ผมปฏิเสธไปถึง 7 ครั้งเลยนะ ดังนั้นผมเลยยอมแพ้และอุ้มเธอขึ้นไปบนหลังคา ภาพวิวที่เห็นด้านบนนั้นมันก็สุดยอดอยู่ ทว่าคืนนั้นลอร์ดเลือดเย็นก็ได้เรียกผมไปพบแล้วจ้องมองผมด้วยรอยยิ้มอยู่อย่างเงียบๆไปถึง 15 นาทีเลย ตอนนั้นแหล่ะที่ผมตัดสินใจว่าผมจะไม่ขึ้นไปดูวิวข้างบนอีกเป็นครั้งที่สอง ลอร์ดเลือดเย็นคนนี้ดูจะเป็นพวกเอาใจลูกสาวของเขามากๆเลยละนะ

 

แล้วก็ยังมีตอนที่คุณหนูพูดว่า “ชั้นอยากจะเข้าไปในเมืองเพื่อดูวิธีชีวิตของชาวเมือง!” ช่างเป็นคำพูดที่สมกับเป็นลูกคุณหนูจริงๆ ชั้นปฏิเสธเธอไปประมาณ 12 ครั้งโดยที่ไม่ยอมแพ้ แต่แนนอนว่ามันไม่ได้ผลและผมต้องยอมแพ้ไป ผมซื้อเสื้อผ้าธรรมดาๆมาให้พวกเราใส่แล้วซ่อนผมอันสวยงามของคุณหนูด้วยหมวก – หรือจะบอกว่ามันคือกระสอบที่ดูเหมือนหมวกดี – ผมพาเธอเข้าไปในเมือง ผมคิดว่า “ในเมื่อผมห้ามเธอไม่ได้ งั้นก็พาเธอไปซะเพื่อออมแรงเอาไว้” ผลลัพธ์จากการทำแบบนั้นก็คือ ในตอนที่กลับถึงบ้าน พวกเขาได้ตั้งทีมค้นหาและเกือบจะแจ้งไปยังยามประจำเมืองแล้ว เหล่าเมดต่างกรีดร้องออกมา (มี 2 คนสลบไปเลย) หลังจากที่ได้เห็นสภาพมอมแมมของคุณหนู ผมได้ถูกจับตัวเอาไว้ในห้องส่วนตัวของท่านเอิร์ลกับท่านเอิร์ลเพียงสองคนจนถึงเที่ยงคืน พวกเราถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่อง “คนคุ้มกันคืออะไร?” ท่านเอิร์ลคิดว่ามันคือ “ห้ามพาไปยังที่ที่อันตราย” และความเห็นของผมก็คือ “มีปัญหากับการเลี้ยงดูเธอเพราะเธอเอาแต่ใจเกินไป” ถึงความเห็นของพวกเราจะไม่ตรงกัน แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าเศร้าหมองของแม็กซิมที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน่วยค้นหาแล้ว ผมก็รู้สึกเสียใจที่ทำให้ทุกคนในคฤหาสน์ต้องเป็นห่วง ยกเว้นท่านเอิร์ลไว้คนนึงนะ

 

「คุณหนูครับ คุณหนูหมายถึงบริจาคเงินงั้นหรอครับ?」

 

ความสุขมันแบ่งปันกันตรงๆไม่ได้ แต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็จะมีความสุขถ้าได้รับเงินละนะ

 

「ไม่ใช่หรอก เรย์จิ พวกเราจะไปแก้ไขปัญหาที่เงินแก้ไม่ได้ต่างหาก หรือก็คือ ปัญหาที่รากฐานยังไงละ!」

 

ปัญหาที่รากฐานก็คือเรื่องที่ขุนนางมีความได้เปรียบกว่าสามัญชนอย่างเห็นได้ชัดนั่นเอง เช่นภาษีที่ถูกตั้งขึ้นมาอย่างไม่เป็นธรรมโดยขุนนางศักดินาเพียงฝ่ายเดียว หรือ ในแถบชนบทที่พวกขุนนางศักดินาสามารถพรากพรหมจรรย์ของเจ้าสาวในคืนวันแต่งงานของเจ้าบ่าวเจ้าสาวได้ ที่มันถูกเรียกว่า “สิทธิของเจ้านาย(Droit du seigneur)” นั่นแหล่ะ

 

ผมเรียนรู้เรื่องนี้มาจากครูสอนพิเศษส่วนตัว

 

ซักพักหลังจากที่ผมได้เป็นคนคุ้มกัน ครูสอนพิเศษส่วนตัวก็ได้ถูกเลือกมาให้กับผม และเริ่มสอนผมเกี่ยวกับความรู้ที่จำเป็นสำหรับขุนนาง — ทั้งการเมือง, การปกครอง, กฎหมาย, และอื่นๆอีกมากมาย

 

อย่างไรก็ตาม ผมมั่นใจว่าคุณหนูต้องถูกสอนให้มีทัศนคติในการใช้อำนาจมาแล้วแน่นอน ตัวอย่างเช่น “คุณหนู ท่านอยู่ในตำแหน่งที่สามารถใช้สิทธิและอำนาจพวกนี้ได้”

 

ใครที่สอนคุณหนูให้มีทัศนคติแบบสามัญชนแล้วปลูกฝังความคิดประมาณว่า “พวกเราควรที่จะเท่าเทียมกันมากกว่านี้!” ให้กัน?!

 

「ชั้นรู้สึกตัวเมื่อมองไปที่นาย เรย์จิ นายพูดคุยและเรียนรู้กับครูของนายได้อย่างเท่าเทียมใช่ไหมละ? นายหน่ะโหยหาความรู้มากกว่าชั้นอีก ถ้าให้โอกาสละก็ ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าจะขุนนางหรือสามัญชน ทุกคนก็จะสามารถเรียนรู้และเก่งขึ้นได้!」

 

「………」

 

ปรากฏว่าเป็นความผิดของผมซะงั้น

 

「คุณหนูครับ คือมันไม่ใช่แบบนั้นครับ ผมก็แค่ เอออ…」

 

มันก็คงง่ายถ้าผมบอกไปว่าผมมีความรู้จากชาติที่แล้ว! ถึงเธอจะไม่เชื่ออย่างแน่นอนก็เถอะ แต่ถ้าผมอยากจะทำให้เธอเชื่อละก็ ผมก็แค่เอาหินสกิล【World Ruler】ออกมาก็ได้ ถึงผมเองจะไม่อยากทำก็เถอะ…!

 

「เรย์จิ นายไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว」

 

「คุณหนูครับ…」

 

「ชั้นรู้ นายเองก็คิดแบบเดียวกับชั้น!」

 

ช่ายยยย ไม่เลยสักนิด!

 

「เรย์จิ ไปหาท่านพ่อกันเถอะ!」

 

「อะไรนะครับ?」

 

ท่านเอิร์ลงั้นหรอ? ผมเริ่มเห็นว่าเรื่องนี้มันจะจบไม่สวยซะแล้วสิ

 

「ชั้นอยากจะไปขออนุญาตท่านพ่อเพื่อสั่งสอนพวกค้าทาสผิดกฎหมายที่กระจายตัวอยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้!」

 

ท่านราชาศักดิ์สิทธิ์นั้นเข้มงวดเรื่องกฎหมาย “สั่งห้าม” เกี่ยวกับ “ทาส” มาก ทุกคนพูดกันว่ามันเป็น “ความเมตตาของราชาศักดิ์สิทธิ์” แต่ตัวผมไม่คิดแบบนั้น

 

แท่นบูชาแห่งแรกคือกระดูกสันหลังของประเทศนี้ หินสกิลมากมายถูกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันในหมู่ผู้คนของประเทศนี้ และเนื่องจากไม่มีการเอาเปรียบเผ่าพันธ์ุอื่นๆ จึงมีผู้อพยพเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมาก

 

ดังนั้น ถ้าเรื่อง “ทาส” ได้รับการอนุมัติแล้วละก็ ผู้คนจำนวนมากก็จะกลายเป็นทาส เพราะมีผู้คนมากมายที่มายังเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้โดยที่ไม่มีเงินติดตัวมา ทาสจะตกเป็นทรัพย์สินของพวกคนรวย ซึ่งนั่นก็หมายความว่าพวกเขาสามารถสร้างกองทัพขึ้นมาได้อย่างถูกต้อง เหล่าขุนนางต่างหวาดกลัวถึงเรื่องนั้น

 

ถึงจะพูดแบบนั้น ก็ยังมีผู้คนมากมายที่ติดหนึ้มหาศาลอยู่ และถ้าพวกเขาไม่อาจจ่ายด้วย “ร่างกายของพวกเขาเอง” ได้ละก็ พวกเขาจะหาคนให้กู้ยืมไม่ได้

 

ดังนั้นจึงปรากฏ “ลูกน้อง” ขึ้นมา

 

ด้วยการผูกมัดจากเวทย์พันธสัญญา พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรไปจากทาสเลย

 

แต่แน่นอนว่า เนื่องจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ประกาศอย่างหนักแน่นไปแล้วว่า “การค้าทาสถูกหวงห้าม!” ธุรกิจแบบนั้นก็เลยไม่ปรากฏในสาธารณะ และเพราะแบบนั้นก็เลยไม่มีเหตุการณ์ที่ทาสเพิ่มมากขึ้นอย่างฉับพลันด้วย

 

นั่นคือที่ผมคิดในตอนที่ได้ยินเรื่องแบบนี้ครั้งแรก ในทางกลับกัน คุณหนูก็กำลังเกรี้ยวกราดอยู่

 

「ถ้าพวกเขาค้าทาสละก็ งั้นมันก็ขัดกับเจตจำนงของท่านราชันศักดิ์สิทธิ์นะสิ!」เธอยืนยันแบบนั้น

 

ด้วยระบบ “ลูกน้อง” นี้ อัตราดอกเบี้ยของผู้ให้กู้ยืมจึงไม่สูงขึ้น และมันไม่เหมือนกับทาสที่ถูกซื้อขายมาฐานะสิ่งของ “ลูกน้อง” ที่สามารถผูกมัดได้แค่เวทย์พันธสัญญาเจ้านาย-ลูกน้อง 1 ต่อ 1 เท่านั้น พวกเขาจึงมีมูลค่าน้อย ด้วยความคิดแบบนั้น ผมก็พูดออกไปว่าระบบ “ลูกน้อง” นั้นสามารถใช้เป็นหลักประกันสำหรับคนเป็นหนึ้ที่ไม่มีทางเลือกอื่นได้ แต่แน่นอน คุณหนูไม่ฟังเลยสักนิด ถึงมันจะไม่ยากที่จะกล่อมคุณหนูเพราะตัวคุณหนูเองก็ลดราวาศอกลงในตอนที่ผมอธิบายไปว่า “ถึงมันจะมีความเป็นไปได้ว่ากฎหมายจะถูกฝ่าฝืน แต่มันก็เป็นสิ่งที่จำเป็นนะครับ!”

 

สิ่งที่ขัดใจคุณหนูจริงๆก็คือเรื่องที่เด็กๆถูกเสนอให้ไปเป็น “ลูกน้อง” จากพ่อแม่ที่ติดหนี้

 

ถ้าถูกผูกมัดด้วยเวทย์พันธสัญญาแล้วละก็ พวกเขาจะถูกทำอะไรก็ได้ แบบทำอะไรก็ได้จริงๆ

 

หญิงสาวพรหมจรรย์นั้นขายได้ราคาดีมากในฐานะ “ลูกน้อง” ถ้าคุณหนูรู้เรื่องนี้เข้าละก็ และด้วยจิตวิญญาณแห่งความยุติธรรมแบบสุดๆที่อยู่ในตัวของเธอ จะไม่สามารถหยุดเธอได้อีกแน่นอน

 

(ถึงแม้ผมจะไม่คิดว่าท่านเอิร์ลจะยอมรับคำขอน่าสงสัยอย่างจัดการกับพวกพ่อค้าทาสหลังจากที่พวกนั้นสารภาพแล้วว่า “ใช่แล้ว พวกเราคือพ่อค้าทาส” ก็เถอะ…)

 

ที่ผมดีใจก็คือ ครั้งนี้คุณหนูมีจิตสำนึกพอที่จะไปพูดคุยกับท่านเอิร์ลก่อนจะไปทำอะไร

 

ในทุกวันนั้นท่านเอิร์ลมักจะยุ่งอย่างน่าเหลือเชื่อเลยละ ทว่าด้วยความที่เขาเป็นพวกโอ๋ลูก เขาเลยสละเวลามาฟังคำขอของเธอ เขาตอบเพียงแค่ “เอ่อ-ฮะ” ออกมาในขณะที่รับฟังเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ โดยที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาเหมือนเดิม

 

「เข้าใจแล้ว อีวา พ่อจะเตรียมรายชื่อของ “สำนักงานจัดการทรัพยากรมนุษย์” ที่ดูมีโอกาศสูงที่จะผิดกฎหมายให้ ดังนั้นลองไปติดต่อพวกนั้นดูนะ」

 

「ขอบคุณมากเลยค่ะ ท่านพ่อ!」

 

ผมคิดว่าตอนนั้นใบหน้าของผมดูแย่ยิ่งกว่าใบหน้าของอุ*ปจากเรื่องวัน*ชซะอีก

 

เอ๊ะ? ได้รับอนุญาต… อย่างงั้นหรอ?

 

ผมไม่รู้ว่าเพราะเขาได้ยินเสียงกรีดร้องจากดวงวิญญาณของผม หรือเพราะเขาไม่ได้สนใจความเห็นของผมมาตั้งแต้แรกแล้วกันแน่ แต่ท่านเอิร์ลก็ได้พูดออกมาว่า「เรย์จิซัง ข้าหวังพึ่งเจ้าในฐานะคนคุ้มกันอยู่นะ」

 

 

 

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit

Options

not work with dark mode
Reset