[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit – บทที่2 ตอนที่ 14

บทที่ 2 ตอนที่ 14

 

ราชันศักดิ์สิทธิ์แห่งราชอาณาจักรครูวานศักดิ์สิทธิ์นั้นมีชื่อของตนเองที่ได้มาตั้งแต่เกิดอยู่ ทว่าเมื่อขึ้นครองบัลลังก์ เขาก็จะต้องทิ้งชื่อของตนเอง แล้วถูกเรียกว่า “ราชันศักดิ์สิทธิ์” ไปจนตาย

 

ลักษณะของราชันศักดิ์สิทธิ์นั้นจะมีทั้งผมและตาเป็นสีฟ้าอ่อนเสมอ สีนี้จะถูกเรียกว่า “สีฟ้าศักดิ์สิทธิ์” เมื่อตัวราชันศักดิ์สิทธิ์มีทายาทกับเผ่าพันธ์ุไหนก็ตาม ทายาทที่เกิดมาจะมีอยู่ 2 แบบก็คือ สืบทอดลักษณะของราชันศักดิ์สิทธิ์มา ไม่ก็สืบทอดลักษณะของเผ่าพันธุ์นั้นไปอย่างสมบูรณ์แทน มีเพียงแค่ 2 แบบนี้เท่านั้น

 

มันเป็นกรรมพันธุ์พิเศษเช่นเดียวกับเนตรเวทมนตร์นั้นแหล่ะ

 

เนื่องจาก “สีฟ้าศักดิ์สิทธิ์” นั้นปรากฏได้ในทั้งชายและหญิง มันก็เป็นไปได้ที่ผู้หญิงจะกลายเป็นราชาได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ปรากฏ “สีฟ้าศักดิ์สิทธิ์” ละก็ พวกเขาก็จะต้องใช้ชีวิตในฐานะญาติของราชวงศ์โดยจะไม่ถูกเรียกว่า “เจ้าชายศักดิ์สิทธิ์” หรือ “เจ้าหญิงศักดิ์สิทธิ์” แทน – ในกรณีนี้ พวกเขาเองก็เรียกตัวเองว่า “ดยุค” ไม่ได้ด้วย มีเพียงแค่คนที่มี “สีฟ้าศักดิ์สิทธิ์” เท่านั้นที่จะเป็นดยุคได้ แน่นอนว่า “สีฟ้าศักดิ์สิทธิ์” สามารถหายไปตามสายเลือดได้ แต่ต่อให้มันหายไปแล้ว สถานะดยุคก็ไม่ได้ถูกถอนออกแต่อย่างใด ดังนั้นถึงแม้ตระกูลเอเบเน่จะมีสายเลือดของฮาล์ฟลิงก็ตาม พวกเขาก็ยังคงเป็นดยุคอยู่

 

“สีฟ้าศักดิ์สิทธิ์” นั้นเป็นสีที่พิเศษและเป็นสีที่มีสถานะสูงที่สุดในราชอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้แล้ว – ผมได้เรียนรู้เรื่องนี้มาจากครูสอนพิเศษส่วนตัว

 

「ท่านราชันศักดิ์สิทธิ์คนนั้นหน่ะหรอ!?」

 

「ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?」

 

「หรือว่าท่านราชันจะมาเป็นผู้ดูแลของเจ้าชายศักดิ์สิทธิ์เอง!?」

 

เสียงโห่ร้องดังก้องถึงจุดสูงสุดแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่อยู่ที่โต๊ะที่ผมอยู่ – โต๊ะของขุนนางที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในงานเลี้ยงนี้ – ต่างก็คุกเข่าก้มหัวลง รวมไปถึงพวกเราเหล่าคนคุ้มกันด้วย

 

หลังจากนั้น โตีะอื่นๆก็เริ่มทำตาม โถงงานเลี้ยงขนาดใหญ่กลับมาเงียบสงัดอีกครั้งเพราะทุกคนได้ก้มหัวลงหมดแล้ว

 

ทางด้านนอกนั้น แสงจากดวงอาทิตย์ได้หายไปแล้ว ค่ำคืนของคืนจันทร์ดับก็กลืนกินไปทั่วท้องฟ้า

 

อย่างไรก็ตาม โคมระย้าภายในโถงนั้นก็ได้ส่องสว่างจ้าไปทั่วบริเวณ

 

เสียงฝีเท้าของเจ้าชายศักดิ์สิทธิ์กับราชันศักดิ์สิทธิ์นั้นดังใกล้เข้ามาที่พวกเรา

 

ออร่าสุดยอกมากเลยละ ถ้าเป็นอาคาชิคุงจากเรื่อง “คุโ*โกะ โ*ะ บ*สเก็ต” ละก็ เขาคงจะพูดว่า “เขาตัวสูงมาก”… อ่าห์ เจ็บปวดจริงๆที่ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะเข้าใจที่ชั้นอ้างอิงเลย!

 

「เออ อืม… ทุกคนครับ ได้โปรดเงยหน้าขึ้นเถอะครับ ยังผมเองก็เป็นผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงเหมือนกันกับทุกคนนะครับ」

 

การพูดอยย่างเป็นทางการของเจ้าชายศักดิ์สิทธิ์นั้นช่างไม่เข้ากับเสียงที่เหมือนกับเด็กๆของเขาเลย

 

ทว่าก็ไม่มีใครเงยขึ้นเลยสักคน

 

「เออ อืมม…」เสียงไม่พอใจของเจ้าชายสามารถได้ยินได้จากในโถงที่เงียบเชียบแห่งนี้

 

「-พวกเจ้าไม่ได้ยินนั่นหรือไง? เงยหน้าขึ้นซะ」

 

เมื่อเสียงเข้มๆดังขึ้น – ถ้ามีแก้วอยู่ใกล้ๆละก็ มันจะต้องสั่นไหวไปมาจากความถี่ต่ำๆนั่นแน่ๆ – แรกสุดก็คือทั้งสองคนจากตระกูลดยุคที่เงยหน้าขึ้นก่อน จากนั้นก็ตามด้วยตระกูลมาร์ควิส และสุดท้ายตอนนี้ก็เป็นผม,คุณหนู,และคนอื่นที่เงยหน้าขึ้น

 

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใครที่บอกให้พวกเราเงยหน้าขึ้น เป็นตัวท่านราชันศักดิ์สิทธิ์เองนั่นเอง

 

เมื่อมองไปที่เขาตรงๆ ออร่าของเขาค่อนข้างสุดยอดไปเลย มีบางอย่างเปล่งประกายออกมาด้วยละ เอ๊ะ นั่นมันมานาไม่ใช่หรอ? เขากำลังปล่อยมานาออกมางั้นหรอ? นั่นจะไม่แย่เอาหรอครับ ท่านราชันศักดิ์สิทธิ์?

 

「ข้อขอโทษที่ไม่ได้บอกถึงการมาของข้า เพราะมันอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ ดังนั้นข้าก็เลยเก็บเงียบเอาไว้ คิดว่าข้าเป็นคนคุ้มกันของคลูฟชราทเอาละกันนะ」

 

มันก็ยังเป็นเรื่องใหญ่อยู่ดีถ้าท่านมาโดยไม่บอกแบบนี้ไม่ใช่หรอ? …ผมมั่นใจว่าคนอื่นๆเองก็คงจะคิดแบบนั้น แต่ก็คงไม่มีใครพูดอะไรออกไป เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงตัวราชันศักดิ์สิทธิ์เองเลยนี่นา

 

เจ้าชายคลูฟชราทดูโล่งใจขึ้นเพราะทุกคนเงยหน้าขึ้นแล้ว เขาเดินมาที่โต๊ะของพวกเราก่อนจะนั่งลงตรงที่ของเขา

 

หลังจากนั้น ท่านราชันก็ไปยืนอยู่ข้างหลังของเจ้าชายก่อนจะตรวจดูผู้คนที่อยู่ที่โต๊ะ นี่เขาเอาจริงเรื่องที่เขาจะเป็นคนคุ้มกันอย่างนั้นหรอ? มันจะดีจริงๆหรอ? แต่ถ้าราชันไม่นั่งลง คนอื่นๆก็นั่งลงไม่ได้เหมือนกัน ใช่ไหมละ?

 

「…องค์ราชันครับ ได้โปรดอย่าเล่นตลกแบบนี้สิครับ」

 

เย็ดเข้!!! หมีเทาพูดได้!!! …ผมคิดแบบนั้น ทว่ามันก็เป็นเพียงแค่คุณเบอร์เซิร์กเกอร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของคุณหนูมิร่าเท่านั้นเอง คุณเบอร์เซิร์กเกอร์เป็นคนพูดออกไปงั้นหรอ… ผมละโล่งใจจริงๆ

 

ไม่สิ คนคุ้มกันไม่ควรจะพูดคุยกับราชาศักดิ์สิทธิ์ง่ายๆแบบนี้สิ นี้มันแย่จริงๆแล้ว

 

「อะไร? เจ้าเองก็มาเป็นคนคุ้มกันให้กับลูกของเจ้าเองด้วยไม่ใช่รึไง ท่านเอิร์ลประจำชายแดนมิวล์?」

 

ท่านราชันมองกลับไปด้วยสายตาคมกริบพร้อมกับยกคิ้วของเขาขึ้น เดี๋ยวก่อนนะ คุณเบอร์เซิร์กเกอร์เป็นท่านเอิร์ลประจำชายแดนเองงั้นหรอ!?

 

ขนาดคุณหนูกับลูกชายของดยุคเองก็ยังตกใจเลย

 

อะไรเนี้ย! มีกรณีที่คนคุ้มกันเป็นตัว VIP เองด้วยหรอ? ไหนดูสิ คนคุ้มกันของหลุยส์ก็คืออาเธอร์ ดังนั้นตัวตนของเขาจึงแน่ชัดแล้ว ส่วนคนคุ้มกันหน้าตาดีของคุณหนูชาล็อตนั้น… ดูจากการที่เขามองเหตุการณ์ตอนนี้พร้อมกับอ้าปากค้างแบบนี้ คงจะไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเขาหรอก ขนาดตัวผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาจะทำหน้าที่คุ้มกันได้จริงๆเลย

 

และคนคุ้มกันเผ่าฮาล์ฟลิงของคุณชายอีธาน… ใช่ เธอกำลังจ้องมองผมอยู่ “ผมไม่มีตัวตนที่ปิดบังเอาไว้หรอก ผมไม่ใช่ไข่ที่มีอะไรเซอร์ไพรส์อยู่ข้างในหรอกนะ” – เพื่อที่จะส่งข้อความนี้ให้เธอ ผมจึงยกแขนทั้งสองข้างขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าออกไป ไม่รู้ว่าเธอรับรู้ถึงข้อความของผมหรือไม่ เธอพยักหน้าพร้อมกับทำเสียง “อูมุ” ออกมา มันหมายความว่าอะไรละนั่นไอ้ “อูมุ” เนี้ย

 

「ถ้ายังงั้น พวกเรามาตั้งอกตั้งใจในฐานะคนคุ้มกันกันเถอะครับ」

 

「อืม ข้าเองก็จะทำยังงั้นเหมือนกัน เฮั พวกเจ้า! จะยืนกันอยู่อีกนานไหม? นั่งลงซะ」ท่านราชันพูดขึ้น

 

คนคุ้มกันโลกไหนกันที่มาบอกให้แขก “นั่งลงซะ” หน่ะ?

 

แต่ มันก็อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นพวกคนมีอำนาจละนะ พวกเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของเหล่าคนที่สถานะต่ำกว่าหรอก

 

ตอนที่ผมรู้ตัว วงออเคสตราก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่มุมๆหนึ่งของโถงและพวกเขากำลังจะเริ่มเล่นเพลงแล้ว พวกเขาเล่นเครื่องสายที่คล้ายกับไวโอลิน มันไพเราะมากเลยละ ดนตรีเบาๆที่จะไม่ไปรบกวนบทสนทนาในงานเลี้ยงก็ได้บรรเลงขึ้น มีคนรับใช้คนหนึ่งในคฤหาสน์นำเก้าอี้มาให้ท่านราชันนั่ง ทว่าท่านราชันก็ปฏิเสธมันโดยการพูดว่า “เจ้าเคยเห็นคนคุ้มกันคนไหนนั่งไหมละ?” ทำเอาคนรับใช้คนนั้นหน้าซีดไปเลย เห็นไหม พวกเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของคนที่อยู่ต่ำกว่าหรอก

 

ในที่สุดงานเลี้ยงก็ได้เริ่มขึ้น มีบางอย่างเหมือนกับรายการของวันนี้ถูกวางเอาไว้บนโต๊ะ มันมีชื่อของเมนูอาหารที่จะนำมาเสิร์ฟ ดูเหมือนจะมีการทักทายจากผู้ให้การสนับสนุนงานนี้คั่นกลางด้วย ถึงจะเป็นงานเลี้ยงของชนชั้นสูงเองก็ยังมีผู้ให้การสนับสนุนอยู่สินะ และมีชื่อ “ตระกูลดยุคโรซีเออร์” ตระกูลของหลุยส์เขียนเอาไว้ตรงนั้นนด้วย

 

ถ้าตัวดยุคเองก็จะมาด้วยละ? จำนวณ VIP ก็จะเพิ่มขึ้นอีกงั้นหรอ? ผมเห็นเด็กๆหลายคนที่รู้สึกอึดอัดเพราะว่านอกจากตัวราชันศักดิ์สิทธิ์แล้ว ตัวเอิร์ลประจำชายแดนเองก็อยู่ที่นี่ด้วย นี่พวกเขาจะไม่ปล่อยให้เด็กๆได้พักหายใจมั่งเลยหรอ?

 

「เออ อืมม ทุกคนที่มีอายุครบ 12 ในปีนี้ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะครับ ชื่อของผมคือคลูฟชราท ได้โปรดอย่าใส่ใจท่านราชัน… คนคุ้มกันที่อยู่ด้านหลังของผมเลยนะครับ」

 

เนื่องใจที่ไม่มีใครพูดอะไรเลย เจ้าชายก็เลยพยายามเต็มที่เพื่อสร้างบทสนทนาขึ้น แต่ไม่มีใครที่ไม่สนใจท่านราชันศักดิ์สิทธิ์ได้หรอกนะ

 

「คลูฟชราทซามะ ไม่ได้เจอกันซักพักแล้วนะครับ」

 

「โอ๊ะ หลุยส์นี่ ใช่ มันก็ซักพักแล้วละนะ」

 

คิดว่าพวกเขาคงจะรู้จักกันอยู่แล้วสินะ เพราะพวกเขาพูดคุยกันได้อย่างเป็นกันเองมากเลย

 

「หืมม? นี่นายย้อมผมยังงั้นหรอ?」

 

「!? เออ ครับ ผมแค่… รู้สึกอยากจะย้อมนะครับ」

 

หลุยส์เหลือบมองไปที่คุณหนูอีวาพร้อมกับเหงื่อเย็นๆบนหน้าผากของเขา เจ้าชายสังเหตุเห็นมันจึงได้มองมาที่คุณหนู – ก่อนจะตะลึงงันไป

 

「นี่เป็นการพบกันครั้งแรกของพวกเราสินะคะ เจ้าชายศักดิ์สิทธิ์คลูฟชราทซามะ ดิชั้นชื่อ อีวา เป็นลูกสาวคนโตของตระกูลเอิร์ลซิวลิซส์ค่ะ」

 

เนื่องจากเธอนั้นกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ เธอจึงทำเพียงแค่ก้มหัวลงเล็กน้อย ทว่าเจ้าชายกลับจ้องมองเธออย่างไม่วางตาเลย

 

「มีอะไรหรือปล่าวคะ คลูฟชราทซามะ?」

 

「…อา เอ เออ… ผมขอถามชื่อได้ไหมครับ?」

 

「อย่างที่ดิชั้นได้บอกไป ดิชั้นชื่ออีวา ซิวลิซส์ค่ะ」

 

「งะ-งั้นหรอ! อีวา ซิวลิซส์ซินะ ใช่แล้ว เป็นชื่อที่ค่อนข้างยาวเลยนะ เธอมาจากตระกูลไหนงั้นหร—โอ้ย!?」

 

ท่านราชันศักดิ์สิทธิ์ได้เขกหัวของเจ้าชายไปทีนึง ไม่ ไม่สิ คนคุ้มกันไม่ควรทำร้ายคนที่คุ้มกันอยู่เองนะ

 

「ใจเย็นก่อน คลูฟชราท คุณหนู เธอคือ… ลูกสาวของวิกเตอร์สินะ」

 

「ค่ะ ท่านองค์ราชัน ตระกูลซิวลิซส์เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่แสงศักดิ์สิทธิ์ของท่าน—」

 

「หยุด หยุดเลย อะไรแบบนั้นไม่จำเป็นในตอนนี้หรอก!」

 

เมื่อท่านราชันพูดถึงตัวเธอ คุณหนูก็ได้ลงจากเก้าอี้ของเธอ เธอคุกเข่าแล้วก้มหัวลง ทว่าก็เป็นตัวท่านราชันเองที่หยุดเธอเอาไว้

 

「นั่งลง นั่งลงเถอะ พวกเจ้าทุกคนเป็นตัวหลักของวันนี้นะ」

 

หลายๆคนคงจะคิดว่า “คนที่เด่นกว่าตัวหลักอย่างท่านไม่ต้องมาพูดเลย!” แน่ๆ

 

「…ดิชั้นขอบคุณอย่างสุดซึ้งค่ะ ท่านองค์ราชัน」

 

เมื่อคุณหนูกลับมายังที่นั่งของตนเอง เหล้าก่อนอาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟ

 

โต๊ะนั้นต่างถูกเรียงรายไปด้วยจานสีขาวพร้อมมีดกับซ้อมที่ทำจากเงินบริสุทธิ์และมันวาวราวกับกระจก ตรงกลางของโต๊ะนั้นว่างเปล่า จะเป็นจุดที่เอาไว้วางอาหารที่จะนำมาเสิร์ฟต่อจากนี้

 

มีเหล้าก่อนอาหารอยู่ในแก้วหลากสีด้วย มันมีรสชาติเหมือนกับแอปเปิ้ลไซเดอร์หมัก มันหวานกว่าไซเดอร์ธรรมดาทั่วๆไป

 

คุณหนูดื่มเหล้าก่อนอาหารก่อนจะวางมันคืนบนโต๊ะ หลุยส์กับคุณหนูมิร่าต่างก็มองคุณหนูอย่างไร้สติในทุกการกระทำของเธอเลย

 

มันเป็นภาพที่น่าดูจริงๆ ผมสงสัยจังว่าเหล่าคนคุ้มกันเองก็จะได้กินมั้งไหมนะ… คงจะไม่ละนะ ขณะที่ผมคิดแบบนั้น ท่านราชันศักดิ์สิทธิ์ก็ได้พูดขึ้นมาว่า

 

「แล้วก็นะ ลูกสาวของวิกเตอร์ เจ้ามีคู่หมั้นรึยัง?」

 

 

 

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit

Options

not work with dark mode
Reset