[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit – บทที่2 ตอนที่ 22

บทที่ 2 ตอนที่ 22

 

ผมกลับมาถึงคฤหาสน์ตอนเกือบจะบ่าย 3 โมงแล้ว ส่วนท่านเอิร์ลนั้นน่าจะกลับมาหลังพระอาทิตย์ตกดิน… แต่ดูจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน มันก็ไม่แปลกถ้าเขาจะกลับช้ากว่านั้นนะ ไปแจ้งให้หัวหน้าพ่อบ้านทราบดีกว่าว่าผมอยากจะพบเขา – ตอนแรกผมก็คิดยังงั้น ทว่า–

 

「กลับมาซะทีนะ」

 

「เอ๊ะ?」

 

ท่านเอิร์ลนั้นได้ยืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า

 

「เรย์จิ!」

 

「คุณหนูครั– อุ๊ฟ…」

 

คุณหนูพุ่งเข้ามากอดผมจนทำให้ผมถอยหลังไปเลย แต่ดีที่ผมมีร่างกายที่ยืดหยุ่นดังนั้นผมจึงไม่ได้ล้มลงไป

 

「มะ-มีอะไรหรอครับ?」

 

「ไหนนายบอกว่าจะรีบกลับมาไง! แต่ดูเวลาตอนนี้สิ…」

 

「อา–」

 

ผมทำให้เธอกังวลยังงั้นหรอ? ไม่สิ คุณหนูเป็นกังวลมาตั้งแต่แรกแล้วนี่นา… แต่แล้วผมก็ยังทานอาหารกลางวันอย่างสบายๆเนี้ยนะ

 

(ให้ตายเหอะ ผมจะทำยังไงดีนะ…)

 

หัวของผมเต็มไปด้วยเรื่องของท่านเอิร์ลจนลืมเรื่องของคุณหนูไปเลย

 

「…ขออภัยนะครับคุณหนู งั้นผมจะอยู่กับคุณหนูทั้งวันจนกว่าจะถึงเวลานอนแล้วกันนะครับ」

 

「จริงๆนะ?」

 

「แน่นอนครับ」

 

ดังนั้น ได้โปรดหยุดกอดผมซักทีเถอะครับ… หัวหน้าพ่อบ้านจ้องผมด้วยสีหน้าอย่างกับปีศาจแล้ว และหัวหน้าเมดเองก็ถือแส้มานั่นแล้วด้วย– เดี๋ยวนะ เธอไปเอามันมาจากไหนกัน!?

 

「เรย์จิซัง」ท่านเอิร์ลเรียกผม ดวงตาของเขาเย็นชาหยั่งกับดินเยือกแข็งเลย!

 

「ใจเย็นก่อนครับ ท่านเอิร์ล ใจเย็นๆนะครับ…」

 

「ข้าก็ใจเย็นอยู่แล้ว แค่กำลังคิดว่าจะตักเตือนคนคุ้มกันที่ออกไปเดินเตร็ดเตร่ข้างนอกทั้งๆที่มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเมื่อวานยังไงดีก็เท่านั้นเอง」

 

การตักเตือนทีหลีกเลี่ยงไม่ได้!

 

「ทะ-ที่สำคัญไปกว่านั้นนะครับ สุภาพบุรุษท่านนั้นคือใครหรือครับ?」

 

มีชายตัวสูงรูปร่างผอมบางยืนอยู่ข้างๆท่านเอิร์ล แทนที่เขาจะดูเหมือนขุนนาง เขากลับดูเหมือนข้าราชการมากกว่า เขาสวมเสื้อโค้ทสีน้ำตาลทว่าผิวของเขานั้นเป็นสีสีดำอมฟ้า รวมถึงมีผมสีเงินตั้งแต่โคนจนถึงปลายเลย เขายังสวมแว่นตาปิดบังดวงตาสีทองที่มีแววตาคล้ายกับแมวด้วย ดูจะไม่ใช่เผ่ามนุษย์เลยสักนิด

 

「ว้าว! วันนี้ได้เห็นอะไรที่น่าสนใจซะด้วย ที่ท่านเอิร์ลซิวลิซส์ทำตัวเหมือนกับพ่อคนตามปกติแบบนี้」

 

「…เลขานุการลำดับที่ 2 สเปคคูล่า (Specular) เจ้าไม่ควรล้อเล่นกับขุนนางยังนั้นนะ」

 

「กระผมต้องขออภัยที่ล่วงเกินท่านไปครับ」

 

เห็นวิธีการพูดคุยแบบสบายๆของเขากับท่านเอิร์ลแล้ว หมายความว่าเลขานุการนี้เป็นตำแหน่งที่สูงขนาดนั้นเลยหรอ?

 

「อีวา เรย์จิซัง ไปที่ห้องของข้า」ท่านเอิร์ลพูด

 

มีคนทั้งหมด 5 คนมารวมตัวกันที่ห้องทำงานของท่านเอิร์ลที่เป็นสถานที่ที่จะต้องทำการรายงานสถานการณ์ของคุณหนูภายใน “10 วันต่อหนึ่งครั้ง” ใน 5 คนนั้นมี ผม, คุณหนู, ท่านเอิร์ล, สเปคคูล่าซัง, และหัวหน้าพ่อบ้าน เนื่องจากตัวหัวหน้าพ่อบ้านนั้นยืนอยู่ที่ประตูห้อง เขาจะทำหน้าที่ “เฝ้ามอง” อย่างนั้นหรอ?

 

(คนๆนี้เป็นใครกันแน่นะ?)

 

เมื่อผมมองไปที่ผู้ตรวจการ เขาก็มองกลับมาที่ผมเช่นกัน

 

「ยินดีที่ได้รู้จักนะ เรย์จิซัง กระผมชื่อสเปคคูล่า เลขานุการแห่งฝ่ายกิจการภายในเมืองหลวง」

 

「ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ ผมเรย์จิ คนคุ้มกันของคุณหนูอีวาครับ」

 

「หืมม…」

 

「?」

 

ในตอนนั้น มันเหมือนกับว่าดวงตาของสเปคคูล่าซังนั้นเรืองแสง รู้สึกเหมือนกับว่า… เขากำลังพยายามมองตัวตนของผมเลย

 

「…ท่านเอิร์ล สไตล์การคุ้มกันของเรย์จิซังยังคงเหมือนเดิมไหมครับวันนี้?」

 

「อืม」

 

「งั้นหรอครับ นี่ครับ」

 

นั่นมันอะไรหน่ะ?

 

สเปคคูล่าซังเขียนบางอย่างลงบนกระดาษใบหนึ่งก่อนจะยื่นให้กับท่านเอิร์ล เมื่อท่าเอิร์ลมองดูกระดาษแผ่นนั้น เขาก็ขมวดคิ้วแล้วพยักหน้าเล็กน้อย

 

「ถ้ายังงั้น กระผมขอตัวนะครับ」

 

「จะกลับแล้วงั้นรึ?」

 

「กระผมหมดหน้าที่แล้วครับ」

 

เมื่อสเปคคูล่าซังยืนขึ้น หัวหน้าพ่อบ้านก็ได้ก้มหัวให้กับเขาก่อนจะปล่อยเขาออกไปจากห้อง

 

「เมื่อกี้มันอะไรกันคะ ท่านพ่อ?」

 

「………」

 

หลังจากที่มองดูกระดาษที่สเปคคูล่าซังยื่นมาให้ไปซักพัก ท่านเอิร์ลก็ได้โชว์มันให้พวกเราดู

 

「เลขานุการลำดับที่ 2 สเปคคูล่านั้นมีสกิลที่หายากมากๆแม้จะเป็นในหมู่เจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจการภายในเมืองหลวงอยู่」

 

และสิ่งที่เขียนอยู่ในกระดาษแผ่นนั้นก็คือ – ไม่มีสกิล

 

「มันก็คือ【มองหินสกิล★★】มันเป็นสกิลที่จะทำให้รับรู้ถึงสกิลของคนที่เจ้ากำลังมองอยู่ ถึงระดับของเขาจะไม่สามารถบอกจำนวนดาวได้ก็จริง… แต่เขาก็ได้ตรวจดูสกิลของเรย์จิซังไปแล้ว」

 

「ท่านพ่อ! ทำไมถึงทำยังนั้นละคะ?」

 

ถึงน้ำเสียงของคุณหนูจะเหมือนกับการตำหนิ แต่เธอเองก็ตกตะลึงไปเล็กน้อยเหมือนกัน

 

「เรย์จิ นาย…」

 

「ครับ ผมไม่มีสกิลอะไรในตัวเลยครับ」

 

ผมตอบออกไปอย่างซื่อสัตย์

 

(เกือบไปแล้วววววววววว~~~~~! ดีนะที่ผมระวังตัวเอาไว้ คิดไว้แล้วเชียวว่ามันต้องมีสกิลอะไรแบบนี้อยู่ด้วย!)

 

เนื่องจากพวกเรานั้นเซ็นสัญญาคุ้มกันกันแล้ว แต่ท่านเอิร์ลก็ไม่เคยยืนยันสกิลที่ผมมีเลยซักครั้ง ผมไม่รู้ว่าเขาคิดว่ามันไม่เป็นไรตราบใดที่ผมสามารถจัดการำวกมือสังหารได้ หรือเขาคิดว่าผมเป็นแค่ “ผู้ใช้เวทมนตร์” หลังจากที่เห็นผมใช้【เวทย์ความมืด】ในการประลองกับแม็กซิมซังอะไรแบบนั้นกันแน่ ยังไงก็ตาม ดูจากที่ผมรู้ถึงยาพิษในอาหารเมื่อวานได้ ท่านเอิร์ลก็คงเริ่มคิดว่าผมมียูนีคสกิลบางอย่างแน่ๆแล้ว ก็คงไม่แปลกถ้าเขาจะสงสัยว่ามันอาจจะนำอันตรายมาสู่เขากับคุณหนู ท่านเอิร์ลยิ่งระมัดระวังตัวอย่างมากเมื่อเป็นเรื่องของลูกสาวของเขาอยู่ด้วย

 

(เพื่อเอาไว้ก่อน เป็นการเพื่อเอาไว้ก่อนจริงๆที่ได้ตัดสินใจเอา【World Ruler】ออกมา ดีจริงๆที่ผมทำยังงั้น…)

 

ท่านเอิร์ลนั้นมี “เนตรเวทมนตร์แห่งการสอบสวน” อยู่ ดังนั้นผมเลยตอบออกไปว่า “ผมไม่มีสกิลอะไรในตัวเลย” แทนที่จะเป็น “ผมไม่มีสกิลอะไรเลย”

 

เป็นชัยชนะของผมที่ผมได้ระมัดระวังตัวเอาไว้

 

「ข้าต้องขอโทษด้วย เรย์จิซัง ไม่ใช่ว่าข้าสงสัยอะไรในตัวเจ้าหรอกนะ」

 

「ไม่ครับ ผมเข้าใจความรู้สึกของท่านอยู่ เป็นการเพื่อเอาไว้ก่อนใช่ไหมละครับ?」

 

「ใช่แล้ว ในทางกลับกัน ข้าก็ค้นพบอะไรบางอย่างด้วย – บางอย่างที่ข้ามั่นใจว่าเรย์จิซังเองก็คงไม่รู้เรื่องนี้แน่ๆ」

 

「เรื่องที่ผมไม่รู้งั้นหรอครับ…?」

 

「ผู้คนที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้โดยที่ไม่ต้องใช้หินสกิลนั้นได้เปรียบอย่างมากทั้งเรื่องการใช้งานเวทมนตร์ที่รวดเร็วและใช้งานได้หลากหลายมากกว่าเวทมนตร์ตามปกติ แต่แน่นอนว่ามันยากที่จะเรียนรู้ได้」

 

「การใช้งานเวทมนตร์…」

 

「ใช่แล้ว บางทีเจ้าอาจจะใช้ “บทสวดแห่งฝันร้าย” จาก【เวทย์ความมืด】ในตอนที่สู้กับแม็กใช่ไหม ข้าเดาว่ายังงั้นนะ? มันสามารถอธิบายได้เลยว่าทำไมเจ้าถึงใช้งานมันได้รวดเร็วนัก」

 

「…หมายความว่าท่านสงสัยว่าผมไม่มีสกิลที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วสินะครับ?」

 

ท่านเอิร์ลตอบกลับมาด้วยการยิ้มกว้าง ซึ่งมันไม่ได้เหมาะกับเขาเลยซักนิด

 

「แต่ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะไม่มีสกิลอะไรเลยแบบนี้ มีเหตุผลอะไรรึปล่าว?」

 

「ไม่ครับ มันก็แค่ว่าผมใช้ชีวิตแบบนี้มาโดยที่ไม่มีปัญหาอะไรเลยจนถึงตอนนี้ก็เท่านั้นเองครับ ดังนั้นผมจะซึมซับหินสกิลก็ต่อเมื่อมันจำเป็นจริงๆครับ」

 

ที่ผมพูดมันก็เป็นความจริงอยู่ ตอนนี้ผมสามารถทำอะไรก็ได้ด้วย 【World Ruler】ดังนั้นช่องสกิลอีก 6 ช่องที่เหลือจาก 16 ช่อง ผมจะใช้มันก็ต่อเมื่อจำเป็นจริงๆเท่านั้น

 

「ท่านพ่อคะ มีข่าวคาวอะไรเกี่ยวกับการพยายามลอบสังหารเมื่อวานไหมคะ?」

 

「นอกจากเรื่องที่มีการพบพิษอยู่ในจานอาหารของเจ้าชายศักดิ์สิทธิ์แล้ว มันก็มีเรื่องที่ขุนนางบางคนอ้างว่ามันอาจจะเป็นฝีมือของตัวเรย์จิซังเอง」

 

อ่าห์~ กะไว้แล้วเชียว ยังไงซะ ในตอนนั้นก็ไม่มีใครที่รับรู้ถึงพิษได้นอกจากผมนี่นะ

 

「ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว! เรย์จิไม่ทำยังนั้นแน่นอนค่ะ!」

 

「คุณหนู ใจเย็นก่อนครับ ท่านเอิร์ล ได้โปรดใช้เนตรเวทมนตร์ของท่านด้วยครับ ผมไม่ได้เป็นคนวางยาพิษในจานจริงๆ」

 

「…อืม ข้าก็พึ่งยืนยันถึงเรื่องนั้น」

 

ในจังหวะที่เขาใช้งานมัน ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายชั่วแวบหนึ่ง

 

ท่านเอิร์ลเองก็คงอยากจะยืนยันให้แน่ใจว่าผมใม่ใช่คนร้ายตัวจริงอยู่เหมือนกัน และจังหวะที่เขาเปลี่ยนไปใช้งานเนตรเวทมนตร์ของเขาเองก็ลื่นไหลเกินไปด้วย

 

แต่ในทางกลับกัน มันก็หมายความว่าเขาไม่ได้ใช้เนตรเวทมนตร์เลยจนถึงตอนนี้ นี่เขาเชื่อใจผมขนาดนั้นเลยหรอ? …ไม่ละ ผมมั่นใจว่ามันต้องเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้ผมคิดไปแบบนั้นแน่ๆเลย

 

 

 

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit

Options

not work with dark mode
Reset