[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit – บทที่2 ตอนที่ 45

บทที่ 2 ตอนที่ 45

 

「โตขึ้นเยอะเลยนะ ก็ปกติละนะ มันผ่านมา 4 ปีแล้วนี้นา」

 

「…ดันเต้ซัง」

 

ดันเต้ซังลูบหัวผมในขณะที่พวกเรายืนอยู่หน้าโครงกระดูกของอูโรโบรอส

 

「เรย์จิคุง!」

 

มิมิโนะซังวิ่งมาหาผมจากด้านข้างก่อนจะกระโดดกอดผม ถึงผมจะสูงกว่ามิมิโนะซังแล้วก็เถอะ แต่มันก็แค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง

 

「ชั้นตามหาเธอมานาน, นาน, นานมากๆเลยนะ!」

 

「ขะ-ขอโทษครับ… ผมต้องออกมาด้วยเหตุผลบางอย่างหน่ะครับ」

 

ผมออกมาจากซิวเวอร์บาลาซโดยที่ไม่ได้อธิบายอะไรเลย แน่นอนไม่ใช่ว่าผมไม่เห็นค่าของความอ่อนโยนของพวกเขาหรอกนะ แต่ในตอนนั้นผมต้องทำแบบนั้นก็เพื่อ… ปกป้องลาร์ค

 

ดูจากความมีค่าของหินสกิล 6 ดาวในราชอาณาจักรครูวานศักดิ์สิทธิ์แล้ว【ราชาแห่งเงา】ของลาร์คก็ค่งจะไม่ต่างกันเลยในสหพันธรัฐคีทแกรนหรอก

 

ฮ่าาห์… สงสัยจังว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่นะ ลาร์ค?

 

ยังไงก็เถอะ ผมมั่นใจว่าสหพันธรัฐคีทแกรนยังคงตามล่าหินสกิล【ราชาแห่งเงา】แม้กระทั่งตอนนี้อย่างแน่นอนเลย ดังนั้นผมจึงไม่อาจเปิดเผยข้อมูลให้กับซิวเวอร์บาลานซ์ในตอนนั้นได้ มันจะสร้างปัญหาให้พวกเขาได้ถ้าพวกเขาถูกสงสัยว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดขึ้นมา

 

「แล้ว ตอนนี้เธอทำอะไรอยู่งั้นหรอ? ชุดของเธอดูมีคุณภาพสูงมากเลยนะ — อ้า เธอบาดเจ็บงั้นหรอ!? เธอบาดเจ็บใช่ไหม!? ดูสิ เลือดไหลด้วย! น็อนใช้【เวทย์รักษา】ทันที— โอ้ย!」

 

น็อนซังเข้ามาจากด้านหลังแล้วเขกหัวของมิมิโนะซัง

 

「เรย์จิคุงโชกไปด้วยเลือดก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีบาดแผลภายนอกค่ะ ถูกไหม เรย์จิคุง?」

 

「อา ครับ–」

 

「อุฟุฟุฟุ งั้น เธอก็สามารถใช้【เวทย์รักษา】ได้ด้วยสินะ? สุดยอดไปเลย ได้เห็นเรย์จิคุงเติบโตขึ้นมากขนาดนี้ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาแบบนี้… อุฟุฟุฟุ」

 

ผมรู้สึกกลัวเสียงหัวเราะนั่นของน็อนซังมากๆเลย!

 

「—ทางนี้!」

 

「—การต่อสู้จบลงแล้วหรอ?」

 

「—เอาจริงดิ ไอ้โครงกระดูดยักษ์นั่นมันอะไรกัน?!」

 

นักผจญภัยติดอาวุธหลายคนวิ่งมาจากอีกฝากของถนน เมื่อพวกเขารู้ว่าการต่อสู้ได้จบลงไปแล้ว พวกเขาก็ดูจะผิดหวังและโล่งอกในเวลาเดียวกันเลยพร้อมกับมองไปทางโครงกระดูกขนาดใหญ่นั่น

 

「พวกนายฆ่ามันงั้นหรอ?」นักผจญภัยที่สะพายดาบคู่เอาไว้ที่เอวถามขึ้น

 

ดันเต้ซังพยักหน้าเป็นการตอบกลับ

 

「อา ให้ตายสิ ขโมยผลงานแบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยนะ รู้ไหม?」

 

「ไอ้พวกคนนอกเอ้ย…」

 

เหล่านักผจญภัยในเมืองนี้ดูจะอิจฉาที่ซิวเวอร์บาลานซ์จัดการมอนสเตอร์ได้

 

(ต่อให้พวกนายมาตั้งแต่ต้น พวกนายก็สู่มันไม่ได้หรอก ยกเว้นว่าจะมีพลังระดับเดียวกับดันเต้ซังละนะ)

 

ผมค่อนข้างไม่สบอารมณ์เลย ทว่าดันเต้ซังกลับพูดว่า「พวกเราตรงมาที่นี่ทันทีเลย แต่ตามปกติแล้วพวกนักผจญภัยจะต้องไปรวมตัวกันที่กิลด์ก่อนลงมือหน่ะ และเพราะการอพยพประชาชนมีความสำคัญเป็นอันดับแรกด้วย」

 

「แล้วทำไมพวกคุณถึงมากันเร็วมากละครับ ดันเต้ซัง?」

 

「เพราะน็อนดึงดันที่จะให้พวกเรามา “ทันที” หน่ะสิ… เธอมักจะลางสังหรณ์ที่เฉียบคมในเวลาแบบนี้ด้วย」

 

「อุฟุฟุฟุ」

 

เสียงหัวเราะของคุณมันน่ากลัวนะครับ น็อนซัง

 

「—กัปตัน ดูเหมือนมอนสเตอร์นั่นจะถูกจัดการไปแล้วครับ」

 

「—ว่าไงนะ!?」

 

ครั้งนี้เป็นภาคีอัศวินของราชันศักดิ์สิทธิ์ประมาณ 50 นาย ขี่ม้าเข้ามาจากอีกฝั่งของถนน

 

มีหลายคนที่ผมคุ้นหน้าในกลุ่มพวกเขาด้วย—นี้คงจะเป็นหน่วยที่ 11 ละมั้ง

 

「ทุกนาย หยุด!!」กัปตันหน่วยที่ 11 ออกคำสั่งแล้วมองลงมาที่พวกเราและเหล่านักผจญภัยจากบนม้าของเขา「พวกเจ้าเป็นคนกำจัดมันงั้นรึ?」เขาถามขึ้น

 

「ใช่ พวกเราเป็นคนกำจั–」ดันเต้ซังเริ่มพูด

 

「เครดิตเป็นของกิลด์นักผจญภัยเว้ย!」ชายที่พูดกับดันเต้ซังก่อนหน้านี้พูดตัดบท「อัศวินอย่างพวกแกที่มาช้าไม่สมควรได้เครดิตหรอก!」

 

เหล่านักผจญภัยคนอื่นๆก็พูดตามเขาขึ้นมาว่า「ใช่แล้วๆ」

 

「พวกเจ้าเป็นคนจัดการมันจริงๆงั้นรึ? มอนสเตอร์ตัวใหญ่ขนาดนั้นน่ะนะ?」

 

「ใช่แล้ว ภาคีอัศวินควรจะถอนตัวไปซะ」

 

「พวกเราไม่สามารถถอนตัวได้ เจ้างูยักษ์นั่นสร้างความเสียหายมาตั้งแต่เขตศักดิ์สิทธิ์ที่ 2 มาจนถึงนี่เลย พวกเราจะเป็นคนนำวัตถุดิบพวกนั้นไปเอง」

 

「อะไรนะ!? ไปตายซะไป! นี้เป็นทรัพย์สินของนักผจญภัยนะ!」

 

「ภาคีอัศวินจะเป็นคนเก็บรักษาเอาไว้ก่อน แล้วจากนั้นค่อยแจกจ่ายกันอย่างเท่าเทียม」

 

「นั่นก็เหมือนกับปล้นกันตรงๆเลยนะเว้ย!」

 

「แค่ทำตามคำสั่งซะ!」

 

การโต้เถียงกันร้อนแรงขึ้นเร็วมาก

 

สำหรับผม ผมทำเพียงแค่มองพวกเขาอยู่เงียบๆ ผมเหนื่อเกินกว่าจะไปสนเรื่องอะไรแบบนั้นแล้ว ความตึงเครียดตลอดมานี้รวมถึงชีวิตของผู้คนที่ตกอยู่ในอันตราย—และแน่นอนว่ารวมถึงชึวิตของผมด้วยเช่นกัน ผมไม่สนใจแล้วว่าใครจะได้เครดิตไป

 

「มิมิโนะซัง, ดันเต้ซัง, น็อนซัง พวกคุณจะยังอยู่ในเมืองนี้ใช่ไหมครับ? ผมติดหนี้ท่านเอิร์ลซิวลิซส์อยู่ ดังนั้นผมจะต้องกลับไปก่อนในตอนนี้หน่ะครับ」

 

「งั้นหรอ? ตระกูลเอิร์ลสินะ? ฮึมมม เรย์จิคุงดูจะอยู่ในที่ที่ดีนะ」มิมิโนะซังพูดขึ้น

 

「เรย์จิ พวกเราอยู่ในโรงแรมที่ชื่อว่า ‘ซิลเวอร์ซิตรัส’ นะ ติดต่อพวกเรามาด้วยละ เพราะข้าตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมตายจนกว่าจะชดใช้บุญคุณที่ได้รับจากเจ้าหมดหน่ะ」ดันเต่ซังพูดขึ้นพร้อมกับแตะไปที่ไหล่ซ้ายของเขา

 

เนื่องจากผมเห็นเขาสู้เมื่อกี้แล้ว คำสาปดูจะหายเป็นปลิดทิ้งแล้วสินะ

 

「เข้าใจแล้วครับ ไว้เจอกันใหม่นะครับ」

 

「ติดต่อพวกเรามาด้วยนะ เรย์จิคุง!」

 

「อย่าลืมนะ เข้าใจไหม? คุณพ่อเอาแต่พูดว่าจะทำนู่นทำนี่และทุกๆอย่างในตอนที่ได้พบเธอเลยนะ รู้ไหม」

 

「…จะเผากันต่อหน้าเลยหรอ คุณลูก?」

 

ขนาดผมเองก็ยังอายที่ได้ยินแบบนั้นเลย

 

ผมเลิกสนใจการโต้เถียงกันระหว่างเหล่าอัศวินกับนักผจญภัยแล้วกระโดดขึ้นไปบนโครงกระดูกของอูโรโบรอสและดึงดาบสั้นของผมออก

 

「หา…? เจ้า… คือคนทำความสะอาดคนนั้น ใช่ไหม?」กัปตันสังเกตเห็นผม

 

「ครับ」

 

「ข้าก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก แต่ว่า บางที เป็นเจ้าสินะที่ทำการปิดฉากหน่ะ?」

 

「ครั–」

 

「ไม่มีทางอยู่แล้ว! เขาเป็นแค่เด็กนะ! ข้าเห็นเจ้ามอนสเตอร์นั่นจากไกลๆมาแล้ว มันเป็นงูที่ตัวโครตใหญ่เลยนะ」นักผจญภัยพูดขัดขึ้นมาจากข้างๆ

 

ให้ตายสิ–ผมใช้งานดาบเล่มนี้หนักเกินไปแล้ว ขณะที่คิดว่าผมควรจะไปหาดาบเล่มใหม่ ผมก็เก็บดาบเล่มนั้นกลับเข้าไปในฝักแล้วกระโดดลงมา

 

「เจอกันใหม่เร็วๆนี้นะครับ」

 

「อืม」

 

「แล้วเจอกันนะ」

 

「โปรดติดต่อมาด้วยนะจ๊ะ~ ชั้นรู้สึกไม่ค่อยเชื่อใจเพราะเหตุการณ์ครั้งก่อนด้วย เข้าใจนะจ๊ะ~?」

 

「อะฮ่าๆ…(ผมเอาชนะน็อนซังไม่ได้เลยแห่ะ)」

 

เมื่อคิดแบบนั้น ผมก็หันหลังให้กับซิวเวอร์บาลานซ์

 

หลังจากนั้น ผมก็ใช้เวลาสักพักเพื่อกลับไปยังที่พักอาศัยของท่านเอิร์ลในเขตศักดิ์สิทธิ์ที่ 2 เมื่อผลของ【เวทย์ซัพพอร์ต】ของน็อนซังหมดลง ร่างกายของผมก็รู้สึกล้าอย่างมาก รูปลักษณ์ของผมโทรมหลังจากการต่อสู้ และผมก็ยังทำเข็มกลัดผูกไทด์ที่ใช้ยืนยันตนว่าเป็นคนของท่านเอิร์ลตกด้วย

 

ทว่าเซอรี่ซังก็หามันพบด้วยสายตาอันเฉียบคมของเธอ เธอพูดว่า “ด้วยนี่ก็ถือซะว่าได้ชดใช้หนี้ทั้งหมดของชั้นแล้วนะ!” ในตอนที่เธอเอามาคืนผมด้วย แต่ไอ้เข็มกลัดนี้มันไม่ได้สำคัญเท่าไหร่ถ้าเทียบกับหนี้สินที่ผมใช้ให้แทนเธอใช่ไหมละ? ถึงยังงั้น ผมก็เหนื่อยจนถึงขนาดที่ผทคิดจะลดให้สัก 10% เลยนะ แล้วอีกอย่าง ตอนที่ผมเอาเรื่องที่เธอไม่ได้ช่วยผมสู้กับอูโรโบรอสเลยสักนิดเดียวขึ้นมาพูด เธอก็พูดว่า “ชั้นไม่งี่เง่าพอที่จะเข้าไปยุ่งกับการต่อสู้ระหว่างยอดมนุษย์กับสัตว์ประหลาดหรอกนะ!” พร้อมกับรอยยิ้มที่สุดของสุดยอดงดงามเลยนะ

 

เมื่อผมกลับมาถึงที่พักของท่านเอิร์ล คุณหนูเองก็กลับมาถึงบ้านก่อนแล้ว เมื่อเธอเห็นสภาพของผม เธอก็รีบวิ่งเข้ามาหาอย่างเป็นห่วง ผมบอกเธอไปว่าผมทำพยายามเต็มที่แล้ว แต่ขอโทษที่ไม่สามารถปกป้องทุกๆคนได้ เมื่อเธอได้ยินแบบนั้น น้ำตาก็ไหลลงมาที่แก้มจากขอบตาของเธอไม่หยุดเลย—ถึงแม้เธอจะพยายามหยุดน้ำตาของเธอในตอนที่ต่อสู้กับคนกลางอย่างสุดกำลังก็ตาม แต่ตอนนี้เธอได้ตัดสินใจปล่อยพวกมันออกมาทั้งหมดแล้ว— และสัมผัสแก้มของผมด้วยมือของเธอ

 

「ชั้นนี้มันเจ้านายที่โง่เง่าจริงๆ」

 

มือของคุณหนูนั้นทั้งเนียนนุ่มและอบอุ่น

 

「ชั้นเกือบจะฆ่านายไปแล้วด้วยคำสั่งโง่ๆนั่น」

 

ผมอยากจะปฏิเสธมัน คุณหนูนั้นทั้งฉลาด, กล้าหาญ และดูดีมากๆสำหรับเด็กอายุ 12 ปีแล้ว นอกจากนี้ ผมคงจะปฏิเสธไปแล้วถ้าผมไม่เห็นด้วยกับเรื่องคำสั่งน่ะนะ และการทำงานให้กับคุณหนูเองก็สนุกมากด้วยเหมือนกัน แต่ว่าผมเหนื่อยมากแล้ว รวมถึงความอบอุ่นจากมือที่กุมแก้มของผม—ผมจึงผลอยหลับไปที่ตรงนั้นเลย พร้อมกับคิดว่าเนตรเวทมนตร์ของคุณหนูคงจะควบคุมได้แล้ว

 

…ผมหลับไปโดยที่ไม่รู้เลยว่ามันมีเรื่องใหญ่อีกเรื่องเกิดขึ้นภายในเขตศักดิ์สิทธิ์ที่ 1 และพระราชวังศักดิ์สิทธิ์

 

 

 

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit

Options

not work with dark mode
Reset