บัลลังก์พญาหงส์ – ตอนที่ 384

บทที่ 384 ดึงดูดสายตา

ซินพานได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ก็จะต้องนำทหารกลับมาที่เมืองหลวง แน่นอนว่า การได้รับรางวัลใหญ่และได้เลื่อนขั้นนั้นก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างแน่นอน สำหรับคนที่แนะนำซินพานและเคยอยู่ชายแดนด้วยกันอย่างหลี่เย่แล้ว ก็พลอยได้รับความดีความชอบไปด้วย

อย่างน้อย ฮ่องเต้ก็รู้สึกว่าลูกชายคนรองของตัวเองมีความสามารถมากขึ้นไม่น้อย บวกกับโดยปกติแล้วหลี่เย่ไม่ได้มีความสามารถในการเรียนและการต่อสู้มากนัก ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าหลี่เย่เติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น สำหรับคนเป็นพ่อแล้ว แน่นอนว่าก็ต้องรู้สึกภูมิใจ แล้วในฐานะฮ่องเต้ย่อมต้องรู้สึกพึงพอใจกับลูกชายที่มีความสามารถเช่นนี้

ส่วนจะไม่สบายใจหรือกังวลใจบ้างหรือไม่ กลับไม่มีใครรู้ได้แล้ว

แต่ถาวจวินหลันคิดว่าต่อให้ฮ่องเต้รู้สึกเช่นนี้จริงๆ ก็คงไม่ได้รู้สึกมากนัก ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้หลี่เย่ก็มีท่าทีอ่อนโยนนอบน้อมและไม่มีความคิดกระหายอำนาจมาโดยตลอด เพียงแต่มีนิสัยเย็นชาไปบ้าง แต่เช่นนี้ ก็ไม่เหมือนกับคนที่กระหายในอำนาจและฐานะฮ่องเต้ ดังนั้นคิดว่าอย่างน้อยหลายคนก็น่าจะถูกท่าทีที่หลี่เย่แสดงออกมาโดยตลอดหลอกให้หลงเชื่อไปได้บ้าง

เดาว่าหลี่เย่ก็ไม่มีทางให้ใครสัมผัสถึงความคิดขึ้นเป็นใหญ่ในใจของเขาได้กระมัง? อย่างน้อยก็ก่อนที่เขาจะพร้อมอย่างเต็มที่

ส่วนความคิดของฮ่องเต้นั้น กลับแสดงออกมาได้เป็นอย่างดีจากของรางวัลที่ประทานให้ จวนอ๋องไม่ขาดแคลนเงินทองของมีค่าต่างๆ เลยแม้แต่น้อย แต่ก็เป็นการแสดงถึงเกียรติและศักดิ์ศรีมิใช่หรือ?

ที่สำคัญที่สุดก็คือ ครั้งนี้ ฮ่องเต้ทรงประทานบ้านพักที่มีบ่อน้ำพุร้อนให้หลี่เย่ บ้านพักแห่งนี้อยู่ใกล้กับพระราชวังฤดูร้อนมากที่สุด แต่นี่ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ผู้อื่นสนใจนัก เพียงแต่บ้านพักแห่งนี้ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทรงประทานให้กับฮ่องเต้ในตอนที่พระองค์ยังทรงเป็นองค์รัชทายาท

เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้คนอดคิดกันไปต่างๆ ไม่ได้ ฮ่องเต้ในตอนนั้นทรงเป็นองค์รัชทายาท จะมีสิทธิพิเศษเช่นนี้ก็ถือเป็นเรื่องปกติ แต่หลี่เย่…ฮ่องเต้ทรงหมายความว่าอย่างไรกันแน่?

วันรุ่งขึ้นหลังจากทรงประทานให้ ฮ่องเต้ก็ทรงพระกาสะ คังอ๋องรีบเข้าวังไปถวายการดูแล คนไม่น้อยเห็นสีหน้าของคังอ๋องดูไม่ดีนัก ดูร้อนใจและไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

พริบตาเดียว คนไม่น้อยก็เอ่ยปากชมว่าคังอ๋องเป็นคนกตัญญู

ข่าวนี้แพร่มาถึงหูของถาวจวินหลัน ก็ทำให้นางอดหัวเราะออกมาไม่ได้ทันที…ใครจะรู้ว่าที่ดูร้อนใจและไม่สบายใจนั้น สรุปแล้วเป็นเพราะฮ่องเต้หรือว่าเป็นเพราะหลี่เย่ได้รับบ้านพักที่มีน้ำพุร้อนนั่นกันแน่?

จริงๆ แล้วไม่เพียงแค่คนอื่นเท่านั้นที่คิดมาก ถาวจวินหลันเองก็คิดมากเช่นกัน รู้สึกกังวลใจเล็กน้อย แล้วก็อดแอบถามหลี่เย่ไม่ได้ “ฮ่องเต้ทรงทำเช่นนี้จะดึงดูดสายตาผู้อื่นมากเกินไปหรือไม่”

หลี่เย่กลับไม่กังวลใจ เพียงแต่ยิ้มบางๆ อย่างเป็นธรรมชาติ “กลัวอะไรรึ? ก็เพียงแค่บ้านพักหลวงหลังหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ตำแหน่งองค์รัชทายาทเสียหน่อย หากว่ามีคนร้อนใจจะเป็นจะตายด้วยเรื่องนี้ เจ้าก็รอดูเรื่องสนุกได้เลย ความคิดของเสด็จพ่อ…ข้าพอจะเดาออกบ้าง อย่าได้กังวลไป”

อีกทั้ง เอาแต่ถ่อมตนอดทนก็จะถูกคนทำร้ายได้ ไม่สู้แสดงท่าทีออกมาเสียบ้าง ถ้าเป็นเช่นนี้ นางก็ไม่จำเป็นจะต้องลำบากเช่นนี้

ในเมื่อหลี่เย่พูดเช่นนี้ ถาวจวินหลันจึงไม่ถามต่ออีก พยักหน้ายิ้มแล้วพูดถึงเรื่องงานแต่งของถาวซินหลันแทน “จวนเพ่ยหยางโหวทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าจะเสียเปรียบเลยแม้แต้น้อย แต่ว่า หลังจากผ่านเรื่องนั้นมา ข้าเห็นว่าท่าทีของพวกเขาดูระแวดระวังมากยิ่งขึ้น ราวกับเกรงว่าพวกเราจะสงสัยพวกเขาอย่างนั้น”

“ถึงอย่างไรพวกเขากับฮองเฮาและเหิงกั๋วกงก็มีความสัมพันธ์กัน แน่นอนว่าต้องกลัวว่าพวกเราจะไม่เชื่อ” หลี่เย่ยิ้มบางๆ มองไปทางถาวจวินหลัน “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าทำให้เพ่ยหยางโหวฮูหยินมั่นใจก็พอ แล้วก็ควรเตือนพวกเขา ให้แบ่งแยกฝ่ายชัดเจน”

ถาวจวินหลันพยักหน้า “ต่อไปข้าจะไปมาหาสู่ให้บ่อยขึ้น พูดไปแล้ว จริงๆ จวนเพ่ยหยางโหวยังมีลูกสาวที่เกิดจากอนุอีกสองคน กู่ลิ่งจือคนนั้น…” หากว่ามีความสามารถเสียหน่อย คิดว่าจวนเพ่ยหยางโหวจะไม่มีทางไม่ยินดีอย่างแน่นอน

หลี่เย่ไม่ค่อยสนใจเรื่องภายในบ้านนัก จึงได้แต่ยิ้มแล้วพูดว่า “เจ้าจัดการเอาเถิด”

พริบตาเดียวก็มาถึงวันมงคลของถาวซินหลัน ก่อนหน้าหนึ่งวันถาวจวินหลันก็ได้ไปดูให้เรียบร้อย แล้วยังกำชับอีก ทั้งยังให้หมัวหมัวที่สอนองค์หญิงเก้าเรื่องบนเตียงระหว่างสามีภรรยามาสอนถาวซินหลัน พอรู้สึกว่าที่ควรเตรียมก็เตรียมจนครบแล้ว นางถึงได้กลับจวนตวนอ๋อง

เพียงแต่คืนนั้นนางพลิกตัวไปมานอนไม่หลับ…จริงๆ แล้วพูดได้ว่านางเป็นคนเลี้ยงดูถาวซินหลันจนโตมาเองกับมือ ตอนนี้ถาวซินหลันจะแต่งงานแล้ว นางรู้สึกใจหาย ทั้งยังรู้สึกเศร้าเล็กน้อย

พอนางฟังเสียงลมหายใจของหลี่เย่ เสียงลมพัดจากข้างนอก ความรู้สึกเศร้าใจนี้ก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น ดูเหมือนกับความทรงจำของนางจะเริ่มผุดออกมาทีละน้อย

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด หลังจากตื่นขึ้นมาแล้วนางกลับพบว่าดวงตาของตัวเองมีน้ำตาคลอ เรื่องที่ถาวซินหลันจะแต่งงานนั้น นอกจากความรู้สึกใจหายที่เด็กสาวตัวน้อยๆ ในวันนั้นโตเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ก็ยังมีความรู้สึกกังวลใจ กลัวว่าถาวซินหลันกับเฉินฟู่จะไม่สมานฉันท์กัน กลัวว่านิสัยแข็งกร้าวของถาวซินหลันจะทำให้บรรดาพี่สะใภ้ไม่พอใจ แล้วยังกลัวว่าถาวซินหลันจะทำอะไรให้เฉินฮูหยินไม่พอใจ

ทั้งยังมีอีกเรื่องก็คือ หลังจากแต่งงานไปแล้ว ต่อไปโอกาสที่พวกนางทั้งสองคนจะได้เจอกันก็ยิ่งน้อยลง ถึงอย่างไรนางกับถาวซินหลันก็ไม่เหมือนกัน แต่งงานไปแล้วไม่เพียงแต่ต้องดูแลสามี ทั้งยังต้องดูแลพ่อแม่สามีอีกด้วย ออกจากเรือนไปไหนทีก็ดูไม่ง่าย ไม่เหมือนนางที่อิสระเช่นนี้

แต่ว่าพอคิดเช่นนี้แล้ว นางก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดี…พ่อแม่สามีไม่ได้อยู่ด้วย ไม่จำเป็นต้องคอยดูแลทุกวันดังเช่นบ้านของคนธรรมดาทั่วไป ทั้งยังจะต้องถูกควบคุมอยู่ตลอด ยิ่งไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ถูกกับบรรดาพี่สะใภ้น้องสะใภ้ ต้องเจอกันทุกวันต่างก็ไม่สบายใจ อย่างน้อยเทียบกับผู้หญิงทั่วไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่านางได้รับอิสระมากกว่าตั้งเท่าไร

ในขณะที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ฉับพลันนั้นหลี่เย่ก็ขยับตัว แล้วโอบนางเข้าไปไว้ในอ้อมอก “เหตุใดยังไม่นอนอีก? พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ามิใช่หรือ?”

ถาวจวินหลันตกใจ กล่าวด้วยท่าทีรู้สึกผิด “ทำให้ท่านตื่นแล้วหรือ?”

“นอนเถืด หากพรุ่งนี้ไม่มีแรงจะไม่ดีเอาได้” น้ำเสียงของหลี่เย่ฟังดูง่วงงุนและคลุมเครือ เหมือนกับว่าสติยังไม่ตื่นเต็มที่นัก “แม้จะแต่งงานออกไปแล้ว ก็ยังเป็นน้องสาวเจ้ามิใช่หรือ? นางได้ดี เจ้าก็ควรดีใจซี”

คำพูดนี้ทำให้ถาวจวินหลันรู้สึกสงบใจ คิดแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองกังวลมากเกินไป อยู่ดีๆ จะรู้สึกเศร้าทำไมกัน จึงได้แต่รับคำ แล้วซบลงไปในอ้อมอกของเขา “อืม นอนเถิด”

หลังจากนั้น นางก็หลับไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ฝันอะไรเลยทั้งคืน วันรุ่งขึ้นถึงแม้จะนอนไม่พอนัก แต่ก็ถือว่าสดชื่นและมีเรี่ยวมีแรง

กลับเป็นหลี่เย่ที่ดูสีหน้าไม่ดีนัก เหมือนกับไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง

ถาวจวินหลันยังคิดว่าเป็นเพราะเมื่อคืนทำให้เขาตื่น จึงรู้สึกผิดอย่างมาก แต่คิดไม่ถึงว่าหลี่เย่จะพูดว่า “อย่าลืมซี ตอนนี้ข้ายังบาดเจ็บอยู่ จะแสดงท่าทีสดชื่นเกินไปไม่ได้” อย่าลืมว่า วันนั้นเขาได้รับบาดเจ็บที่แผลแม  หากเขาแสดงท่าทีสบายดีเกินไป คนอื่นจะไม่สงสัยหรือ?

นี่ก็เพื่อถาวจวินหลัน…หากว่านางลงือฆ่าบ่าวไพร่ทั้งที่เขาไม่ได้เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ชื่อเสียงของนางก็คงฉาวโฉ่ หากว่าเขาโดนทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก คนอื่นย่อมคิดว่าเป็นเรื่องเหมาะสม

อีกทั้งตอนนี้ข้างนอกกำลังมีข่าวลือเกี่ยวกับเขา ว่ามีคนคิดอยากจะกำจัดเขามิใช่หรือ? อย่างนั้นเขาก็จะให้ความร่วมมือเสียหน่อย แสดงท่าทีว่าตัวเองดูน่าสงสารเหลือเกิน นี่ไม่ทำให้คนอื่นนิ่งรู้สึกว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริงหรอกหรือ?

ถาวจวินหลันชะงักกึก แล้วก็เข้าใจความหมายของเขา จากนั้นก็อดหัวเราะเสียงดังไม่ได้ แล้วพูดอย่างตำหนิว่า “เกรงว่าท่านทำเช่นนี้ ว่าคังอ๋องคงถูกคนเอาไปวิพากษ์วิจารณ์อีกเป็นแน่”

หลี่เย่เลิกคิ้วเล็กน้อย แสดงท่าทีเห็นด้วย

ทั้งสองคนแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็ขึ้นรถเดินทางไปบ้านตระกูลถาว ตอนนี้ข้างกายหลี่เย่นอกจากหวังหรูแล้วยังมี ทหารองครักษ์อีกคน หนึ่งในนั้นคือเจียงฟู่ หวังหรูรับผิดชอบเข็นเก้าอี้ไม้ของหลี่เย่ ส่วนอีกสองคนคอยอยู่ข้างๆ ซ้ายขวาเพื่อปกป้องหลี่เย่ไม่ห่างกายเลยแม้แต่วินาทีเดียว

อย่างเช่นตอนนี้ที่อยู่บนรถ หวังหรูเป็นคนคุมรถ ส่วนเจียงฟู่และทหารองครักษ์อีกคนก็ขี่ม้าประกบอยู่ข้างซ้ายขวา

ด้วยด้านหลังยังมีกองทหารองครักษ์อีก ถาวจวินหลันจึงสบายใจขึ้นไม่น้อย…

ตลอดทางมาจนถึงบ้านตระกูลถาว แน่นอนว่าหลี่เย่ถูกพาไปอยู่กับถาวจิ้งผิง ตอนนี้บาดแผลของถาวจิ้งผิงดูดีขึ้นมาบ้างแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่อย่างเดียว

องค์หญิงเก้ายืนอยู่ข้างๆ เม้มปากแล้วยิ้ม “พี่รองกับจิ้งผิงก็ถือว่าได้เป็นพี่น้องที่ร่วมความลำบากด้วยกันมาแล้ว ต่างก็ได้รับบาดเจ็บกันไม่น้อยเลยทีเดียว” ถึงแม้ว่าใบหน้าจะมีรอยยิ้ม แต่น้ำเสียงฟังดูขุ่นเคืองและสงสาร

ถาวจวินหลันยิ้มแล้วถอนใจ “มิใช่เช่นนั้นรึ? ปีนี้ก็ถือว่าเป็นปีที่ไม่ดีเท่าไร เดี๋ยวพวกเราไปไหว้พระที่วัดเสียหน่อย แล้วก็ทำพิธีปัดเป่าเสียด้วย”

องค์หญิงเก้าเห็นด้วยอย่างมาก ยิ้มแล้วพูดว่า “เช่นนั้นพวกเราก็ไปหลังช่วงงานแต่งของซินหลันกันเถิด ถือว่าเป็นการขอพรให้ปกปักษ์รักษาหมิงจูกับซวนเอ๋อร์ด้วย”

ถาวจวินหลันยิ้มรับคำ ทั้งสองคนพูดคุยกันไประหว่างทางเดินไปหาถาวซินหลันที่ห้องด้านใน

ถาวซินหลันแต่งหน้าแต่งตัวจนเกือบเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว เสื้อผ้าเปลี่ยนเรียบร้อย ผมเผ้าก็จัดแต่งดีแล้ว หน้าก็แต่งแล้ว เหลือเพียงแค่มงกุฎหงส์ที่ยังไม่ได้ใส่เพราะว่าค่อนข้างหนัก

เนื่องจากเฉินฟู่สอบจองหงวนได้ ดังนั้นพระราชวังจึงประทานมงกุฎหงส์ให้ถาวซินหลันเป็นพิเศษ ก็ถือว่าเป็นเกียรติที่คนทั่วไปไม่อาจเอื้อม บวกกับผ้าคลุมหน้าที่ไทเฮาทรงประทานให้ ก็ถือว่าเป็นเกียรติอย่างมาก

ถาวจวินหลันมองอย่างพึงพอใจ แล้วก็พูดหยอกถาวซินหลันไปว่า “เจ้าลิงน้อยคนนี้ อย่าได้ยุกยิกไปมาเชียว มิเช่นนั้นหากมงกุฎหงส์หล่นขึ้นมาคงจะไม่น่าดูนัก”

วันนี้ถาวซินหลันดูเขินอายกว่าปกติ ถลึงตาใส่ถาวจวินหลันอย่างตำหนิ แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา

ถาวจวินหลันจึงหัวเราะออกมาทันที “เจ้าเองก็มีวันนี้จนได้”

องค์หญิงเก้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มแล้วช่วยพูด “พี่หญิงอย่าล้อซินหลันอีกเลย”

ถาวจวินหลันทำเสียงจิ๊ๆ “มีพี่สะใภ้ก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เจ้าดูสิว่านางปกป้องเจ้สเพียงใด”

ในตอนนี้ แม้แต่องค์หญิงเก้าเองก็หน้าแดงด้วยความเขินอาย

ถาวจวินหลันยอมรามือ แล้วกำชับถาวซินหลันอีกว่า “หลังจากนี้ต่อไป เจ้าจะต้องดูแลสามีและพ่อแม่สามีให้ดี และรักษาความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้น้องสะใภ้ให้ดี เจ้าจำได้หรือไม่? แต่งงานแล้ว จะทำนิสัยเอาแต่ใจเหมือนเด็กๆ ไม่ได้อีก เจออะไรก็ต้องอดทนอดกลั้น”

ถาวซินหลันรับคำแต่โดยดี แต่อยู่ๆ ก็อ้ำอึ้งขึ้นมา พอนางเป็นเช่นนี้ ก็ไปสะกิดความคิดของถาวจวินหลันขึ้นมา สองพี่น้องต่างจับมือกันดวงตาแดงก่ำ

องค์หญิงเก้าซับน้ำตาเบาๆ ยิ้มแล้วพูดว่า “อย่าร้องไห้เชียวนะ ไม่เพียงแต่แต่งหน้าไปแล้วจะดูไม่งามเท่านั้น คนอื่นมาเห็นเขาจะคิดว่าพวกเราอาลัยอาวรณ์ซินหลันได้”

ถาวจวินหลันรีบเช็ดน้ำตา แล้วก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอกว่าขบวนของเจ้าบ่าวมาถึงแล้ว จึงพูดว่า “มา ข้าจะสวมมงกุฎหงส์ให้เจ้าเอง”

แม่สื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงยืนมงกุฎหงส์มาให้ถาวจวินหลัน ถาวจวินหลันรับมาแล้ว ก็ค่อยๆ สวมให้ถาวซินหลันอย่างเบามือ แล้วก็ใช้ปิ่นทองกลัดลงไปให้แน่น ก่อนยิ้มแล้วพูดว่า “เสร็จแล้ว พี่สาวหวังว่าต่อไปเจ้าจะมีวันเวลาที่งดงามรออยู่ ทั้งสามีภรรยาจับมือเคียงคู่กันไปจนแก่เถ้า”

บัลลังก์พญาหงส์

บัลลังก์พญาหงส์

ตัวนางเป็นลูกขุนนางนักโทษ ขายตัวเองและน้องสาวเข้ามาเป็นนางกำนัลต่ำต้อยในวัง เถาจวินหลันต้องยอมรับชะตากรรมเช่นนี้จริงๆ หรือ? จะต้องใช้ชีวิตอย่างน่าอัปยศอดสู แล้วตายไปอย่างเงียบๆ เช่นนั้นหรือ? นางจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นเด็ดขาด! นางมีทั้งความสามารถและหน้าตาอันงดงาม อำนาจ ครอบครัว ความรัก…นางต้องการมันทั้งหมด! ส่วนพวกปรปักษ์มันจะต้องโดนทำลายจนย่อยยับ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset