บัลลังก์พญาหงส์ – ตอนที่ 586 สงสัย

ตอนที่ถาวจวินหลันและหลี่เย่คิดว่าเรื่องนี้จะสำเร็จไปได้ด้วยดี ผลที่ออกมากลับน่าแปลกใจอยู่เล็กน้อย  

 

 

 

 

 

สุดท้ายแล้วจะใช้คนใหม่เป็นใครยังไม่ทันได้เลือก ทางด้านตระกูลหวังก็เริ่มต่อต้านแล้ว  

 

 

 

 

 

ผู้บัญชาการหลายคนในตระกูลหวังต่างก็ป่วยหนักพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย อีกทั้งยังไม่อาจรักษาให้หายได้ง่ายๆ หากป่วยแค่คนเดียวก็แล้วไป แต่คนที่ทำการศึกได้ทั้งหมดในตระกูลมาป่วยพร้อมกันเช่นนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคิดอะไรอยู่กันแน่  

 

 

 

 

 

ตระกูลหวังไม่ยอมออกจากเมืองหลวง และยิ่งไม่ยอมส่งงานนี้ให้กับคนใหม่ไร้นาม อีกทั้งบางทีตระกูลหวังอาจจะคาดเดาความคิดของฮ่องเต้และหลี่เย่ได้แล้ว ดังนั้นถึงได้ต่อต้านเช่นนี้  

 

 

 

 

 

แม้ว่าหลี่เย่จะขาดคนเช่นไร แต่ก็ไม่อาจบีบบังคับคนป่วยให้ไปทำการศึกได้ เรื่องเช่นนี้แพร่กระจายออกไปก็คงกลายเป็นเรื่องตลกในหน้าประวัติศาสตร์เป็นแน่  

 

 

 

 

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องการออกทัพก็เท่ากับหยุดชะงักไป แม้จะบอกว่ายังไม่ได้เลือกคนใหม่ แต่หากตระกูลหวังไม่ยอมร่วมทัพ จะใช้คนใหม่หรือไม่ก็ไม่มีความหมาย  

 

 

 

 

 

แต่หลี่เย่โมโหมากที่เขาไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะเรียกใช้ผู้บัญชาการตระกูลหวังเลยแม้แต่น้อย แต่คนตระกูลหวังกลับชิงป่วยกันไปก่อนแล้ว  

 

 

 

 

 

ดังนั้นหลี่เย่จึงสงสัยว่ามีหนอนบ่อนไส้ เห็นได้ชัดว่า หากมีหนอนบ่อนไส้จริง ถ้าเช่นนั้นหนอนบ่อนไส้ตนนี้ถ้าไม่อยู่ข้างกายฮ่องเต้ ก็จะต้องอยู่ในจวนตวนชินอ๋อง เพราะว่ามีเพียงสองที่นี้เท่านั้นที่เคยพูดถึงเรื่องนี้ และมีเพียงแค่สองครั้งนี้ที่จะมีโอกาสเปิดเผยแผนการนี้ออกไป  

 

 

 

 

 

ถาวจวินหลันคิดว่าไม่น่าจะอยู่ที่จวนตวนชินอ๋อง นางยังเชื่อใจคนในเรือนเฉินเซียงอยู่บ้าง  

 

 

 

 

 

เช่นนั้นหนอนบ่อนไส้ก็จะต้องอยู่ข้างกายฮ่องเต้  

 

 

 

 

 

ถาวจวินหลันคิดหาวิธีติดต่อหยวนฉงหวาทันที จากนั้นก็ได้รู้ข่าวจากหยวนฉงหวาว่า หวังเหลียงตี้ไม่สบาย เชิญหมอหลวงให้เข้าไปตรวจมาทีหนึ่ง และหมอหลวงคนนั้นก็เพิ่งออกจากวังหลวงไป ไม่ทันไรก็ถูกเชิญให้ไปตรวจที่บ้านตระกูลหวัง จากนั้นก็ตรวจพบเรื่องที่ผู้บัญชาการตระกูลหวังป่วยหนัก  

 

 

 

 

 

พอเป็นเช่นนี้ก็เห็นได้ว่าเดาถูกแล้ว ข้างกายฮ่องเต้มีสายลับจริง และคนที่กระจายข่าวก็คือหวังเหลียงตี้  

 

 

 

 

 

มิน่าเล่าหลี่เย่ถึงได้สืบเบาะแสอะไรไม่ได้ เพราะหลี่เย่ไม่ได้คิดไปถึงหวังเหลียงตี้เลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน เขาทุ่มความสนใจไปที่ฮองเฮา   

 

 

 

 

 

แต่แม้ว่าฮองเฮาจะเป็นคนจัดการสายสือคนนั้น แต่ไม่จำเป็นที่ฮองเฮาจะต้องกระจายข่าวเอง พระชายาองค์รัชทายาทและหวังเหลียงตี้ล้วนเป็นคนตระกูลหวังไม่ใช่หรือ?  

 

 

 

 

 

ถาวจวินหลันเล่าเรื่องนี้ให้หลี่เย่ฟัง  

 

 

 

 

 

หลี่เย่เงียบไปนานถึงถอนหายใจ จากนั้นก็พูดว่า “เรื่องยุ่งไปกันใหญ่แล้ว”  

 

 

 

 

 

แน่นอนว่าต้องวุ่นวาย ฮ่องเต้มีวิธีดีก็จริง แต่หลังจากตระกูลหวังรู้ก็ไม่ดีแล้ว คนตระกูลหวัง ไม่มีทางนิ่งเฉยรอความตาย และยิ่งไม่ยอมปิดทองหลังพระ ดังนั้นตระกูลหวังจะต้องคัดค้านเป็นแน่  

 

 

 

 

 

ตระกูลหวังกำลังบีบบังคับหลี่เย่และฮ่องเต้ จะใช้คนตระกูลหวัง เช่นนั้นก็ต้องแสดงความจริงใจออกมา มิเช่นนั้นก็ไม่ต้องใช้ อย่างมากก็พังกันไปทั้งสองฝ่าย  

 

 

 

 

 

คนตระกูลหวังมีเบี้ยต่อรอง พวกเขาคำนวณความจำยอมของหลี่เย่และฮ่องเต้มาเป็นอย่างดี ทั้งยังจับจุดอ่อนของราชสำนักเอาไว้ได้  

 

 

 

 

 

และเรื่องนี้ก็อธิบายถึงความสามารถของตระกูลหวัง ที่บอกว่าแมลงร้อยขาตายไปแต่ไม่แข็ง อูฐที่แห้งตายตัวใหญ่กว่าม้า ก็คือเหตุผลนี้  

 

 

 

 

 

ต่อให้ตระกูลหวังถูกกดหัวเอาไว้ แต่พวกเขาก็ยังมีคุณสมบัติและความสามารถที่จะผงาดขึ้นมาใหม่ได้ ขอแค่ให้โอกาสพวกเขาสักครั้ง และการประท้วงครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่  

 

 

 

 

 

เช่นนั้นในตอนนี้จะใช้คนตระกูลหวังหรือไม่? เรื่องนี้ดูเหมือนจะย้อนกลับมาที่จุดเริ่มต้น  

 

 

 

 

 

ในขณะเดียวกัน เรื่องอันตรายอีกอย่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา แม้ว่าองค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อสวรรคตไปแล้ว แต่ฮองเฮาก็ยังไม่สิ้นหวัง ยังคงไม่ยอมวางมือและอยู่อย่างสงบ ดูจากท่าทีนี้แล้ว ฮองเฮาน่าจะสนับสนุนใครสักคน เพื่อมาแย่งชิงกับหลี่เย่อีกครั้ง  

 

 

 

 

 

ในหัวของถาวจวินหลันนึกถึงบรรดาท่านอ๋องและองค์ชายทั้งหมด สุดท้ายแล้วก็คิดว่าน่าจะเป็นจวงอ๋องหรือไม่ก็อู๋อ๋อง  

 

 

 

 

 

สองเรื่องนี้ยังมีความเกี่ยวข้องกันอีกหนึ่งอย่าง หากครั้งนี้ใช้คนตระกูลหวัง เปิดโอกาสให้คนตระกูลหวัง ก็ยิ่งเพิ่มเบี้ยต่อรองให้คนที่ฮองเฮาต้องการสนับสนุน  

 

 

 

 

 

นี่ไม่ใช่เรื่องดีกับหลี่เย่  

 

 

 

 

 

ถาวจวินหลันอดขมวดคิ้วไม่ได้ ทั้งสองคนนิ่งเงียบใส่กัน ไม่มีใครพูดอะไรอีก บรรยากาศก็ค่อยๆ อึมครึม  

 

 

 

 

 

สุดท้ายหลี่เย่ถึงพูดว่า “เรื่องนี้กลับไปข้าจะไปปรึกษากับพวกขุนนางดู”  

 

 

 

 

 

เรื่องเช่นนี้แต่เดิมควรเป็นหน้าที่ของขุนนาง ไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงอย่างถาวจวินหลันจะต้องคิดมาก พอเห็นถาวจวินหัลนขมวดคิ้วครุ่นคิด หลี่เย่นั้นก็รู้สึกไม่ดี  

 

 

 

 

 

เหมือนว่าตั้งแต่วันที่ถาวจวินหลันมาอยู่กับเขา นางก็ไม่เคยได้สบายใจเลย แม้ว่ามีแต่ก็สั้นนัก  

 

 

 

 

 

พอคิดเช่นนี้ เขาก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ ดังนั้นอารมณ์ของหลี่เย่ก็ยิ่งแย่มากกว่าเดิม  

 

 

 

 

 

และเรื่องที่ทำให้อารมณ์ของหลี่เย่แย่มากกว่าเดิมก็ปรากฏขึ้นอีก  

 

 

 

 

 

ภายในเมืองหลวงเริ่มมีข่าวลือเรื่ององค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อตายอย่างมีเงื่อนงำ และคนอยู่เบื้องหลังตั้งใจทำร้ายองค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อจนตาย  

 

 

 

 

 

ดังนั้นถึงยังไม่แน่ชัดว่าใครทำร้ายองค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อจนตาย แต่คิดดูแล้วทุกคนก็มีคนอยู่ในใจทั้งนั้น   

 

 

 

 

 

พอเพ่ยหยางโหวฮูหยินและองค์หญิงแปดมาบอกเรื่องนี้พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ถาวจวินหลันก็เข้าใจความรุนแรงของเรื่องนี้ในฉับพลัน  

 

 

 

 

 

ที่น่าตลกก็คือนางไม่เคยได้ยินข่าวลือนี้มาก่อน  

 

 

 

 

 

แน่นอนว่านางให้คนคอยฟังข่าวลือต่างๆ ที่กระจายอยู่ด้านนอก แม้จะบอกว่าข่าวลือนี้เกินจริง แต่ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุไปเสียหมด ส่วนใหญ่แล้วก็ยังพอได้สิ่งที่มีประโยชน์มาบ้าง อีกทั้งยังใช้โอกาสนี้จับความเคลื่อนไหวของประชาชนได้อีกด้วย  

 

 

 

 

 

แต่ครั้งนี้ นางกลับไม่ได้ข่าวนี้แม้แต่น้อย แม้กระทั่งได้ยินคนหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดก็ยังไม่เคย เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น มีความเป็นไปได้สองอย่างเท่านั้น หนึ่งคือคนของนางจงใจปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ อย่างที่สองคนที่กระจายข่าวลือนี้ออกไปไม่อยากให้นางรู้เรื่องนี้ และจงใจหลีกเลี่ยงพื้นที่บริเวณใกล้เคียงจวนตวนชินอ๋อง  

 

 

 

 

 

นางไม่ได้ส่งคนไปสืบเรื่องนี้เพียงคนเดียว ดังนั้นความเป็นไปได้แรกจึงเป็นไปไม่ได้ เช่นนั้นก็เหลือเพียงความเป็นไปได้อย่างที่สอง  

 

 

 

 

 

หากเป็นอย่างที่สอง…ถาวจวินหลันถอนหายใจ รู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัว หากเป็นเช่นนี้ ก็อธิบายได้แค่ว่าคนเบื้องหลังจะต้องรู้เรื่องภายในจวนตวนชินอ๋องอย่างแจ่มแจ้ง มิเช่นนั้นแล้วจะทำได้อย่างไร?  

 

 

 

 

 

พอคิดว่ามีคนคอยจับตาดูการกระทำของตนเองทุกฝีก้าว นางก็เสียวสันหลังวาบอย่างไม่อาจควบคุมได้  

 

 

 

 

 

พอเห็นนางเหม่อลอย เพ่ยหยางโหวฮูหยินก็อดถามไม่ได้ว่า “จวินหลัน เจ้าคิดอะไรอยู่?”  

 

 

 

 

 

เห็นได้ชัดว่าเพ่ยหยางโหวฮูหยินร้อนใจเช่นกัน ไม่เหมือนกับเพ่ยหยางโหวฮูหยินในยามปกติ แต่พอคิดดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลก อย่างไรจวนเพ่ยหยางโหวก็พนันทุกอย่างไว้กับหลี่เย่ ตอนนี้เกิดข่าวลือที่ส่งผลร้ายต่อหลี่เย่ นี่ย่อมทำให้คนร้อนใจ โดยเฉพาะคนที่ฝักใฝ่ข้างเดียวกับหลี่เย่  

 

 

 

 

 

ถาวจวินหลันขมวดคิ้วน้อยๆ แต่ก็คลายออกอย่างรวดเร็ว พูดยิ้มๆ ว่า “ทำไมท่านแม่ถึงเชื่อข่าวลือในตลาดไปด้วยเล่าเจ้าคะ? ท่านอ๋องเป็นคนอย่างไร คิดว่าพวกท่านควรรู้ดี”  

 

 

 

 

 

เพ่ยหยางโหวฮูหยินขยับปากเล็กน้อย สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา  

 

 

 

 

 

แต่ถาวจวินหลันพอเข้าใจความหมายของเพ่ยหยางโหวฮูหยิน สำหรับหลี่เย่แล้ว กำจัดองค์รัชทายาทไปก็ขึ้นครองตำแหน่งได้ทันที ยากที่จะรับประกันว่าจะไม่คล้อยตามและกระทำเรื่องนี้จริงๆ   

 

 

 

 

 

ไม่ว่าใครก็คงสงสัยเช่นนี้กระมัง?  

 

 

 

 

 

เพ่ยหยางโหวฮูหยินสงสัยก็ไม่น่าแปลก ถาวจวินหลันถอนหายใจเบาๆ  

 

 

 

 

 

แต่องค์หญิงแปดกลับส่ายหัว “ไม่สำคัญว่าพี่รองจะทำหรือไม่ ที่สำคัญต้องทำให้คนอื่นเชื่อว่าพี่รองไม่ได้ทำเรื่องนี้”  

 

 

 

 

 

องค์หญิงแปดพูดได้ถูกต้องอย่างมาก แต่ก็ดูเหมือนปิดความผิดไปเสียหน่อย  

 

 

 

 

 

แต่ถาวจวินหลันเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน อีกทั้งยังชื่นชอบแผนนี้เป็นอย่างมาก ใช่แล้ว ไม่สำคัญว่าหลี่เย่จะทำเรื่องนี้หรือไม่ ที่สำคัญก็ต้องทำอย่างไรให้คนเชื่อว่าหลี่เย่ไม่ได้ทำ  

 

 

 

 

 

ต่อให้หลี่เย่ทำจริง เรื่องที่ประกาศออกไปด้านนอกก็ทำได้แค่กัดฟันแน่นว่าไม่ได้ทำ เรื่องเช่นนี้จะยอมรับได้อย่างไร? ยอมรับไปแล้วสิ่งที่รออยู่ก็คือคำก่นด่า ดังนั้นต่อให้มีดาบมาพาดอยู่บนคอ ก็ไม่อาจหลุดปากไปได้  

 

 

 

 

 

เพ่ยหยางโหวฮูหยินหัวเราะขมขื่น “ด้านนอกพากันพูดคุยเรื่องนี้ไปทั่ว เกรงว่าคงให้คนเชื่อยากนัก”  

 

 

 

 

 

“คิดว่าข่าวลือนี้คงกระจายมาจากทางฮองเฮา” องค์หญิงแปดนิ่งคิดไปครู่ใหญ่ ก่อนพูดลองเชิงเพ่ยหยางโหวฮูหยิน “มิเช่นนั้นแล้ว หากฮองเฮาได้ยินข่าวลือเช่นนี้มาก่อน คงจะต้องมาหาเรื่องวุ่นวายนานแล้ว”  

 

 

 

 

 

ถาวจวินหลันพยักหน้าเห็นด้วย  

 

 

 

 

 

เพ่ยหยางโหวฮูหยินก็พยักหน้าเช่นกัน อีกทั้งยังพูดหนักแน่น “จะต้องกระจายมาจากทางฮองเฮาแน่นอน นางทำเช่นนี้ จุดประสงค์ก็เพื่อสร้างความอัปยศให้ตวนชินอ๋อง อย่างไรหากนางคิดจะสนับสนุนคนอื่นขึ้นครองตำแหน่ง ก็จะต้องคิดหาวิธีกดตวนชินอ๋องลงไป”  

 

 

 

 

 

แม้ว่าจะไม่ใช่ฮองเฮา นั่นก็ต้องเป็นคู่แข่งของหลี่เย่อยู่ดี แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว คิดว่าคนที่สามารถทำเช่นนี้ได้มีเพียงแค่ฮองเฮาเท่านั้น  

 

 

 

 

 

“บางทีฮองเฮาอาจจะสร้างเรื่องวุ่นวาย” ถาวจวินหลันถอนหายใจ “แต่ตอนนี้นางยังคิดว่าไม่ถึงเวลา ขนาดพวกท่านยังสงสัยท่านอ๋องว่าทำเรื่องเช่นนี้จริงหรือไม่ แล้วฮองเฮาที่รักลูกอย่างโง่งมเล่า?”  

 

 

 

 

 

บางทีฮองเฮาอาจคิดว่ารัชทายาทฮุ่ยเต๋อตายด้วยฝีมือของหลี่เย่จริงก็ได้  

 

 

 

 

 

“ที่จริงแล้วข้าคิดว่า เรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การถามราษฎรว่าเชื่อหรือไม่ แต่เป็นทางด้านฮ่องเต้” ถาวจวินหลันขมวดคิ้วมององค์หญิงแปดและเพ่ยหยางโหวฮูหยิน “พวกท่านลองคิดดู หากฮ่องเต้เชื่อเรื่องนี้จะกลายเป็นเช่นไร?”  

 

 

 

 

 

แม้ฮ่องเต้จะไม่ชอบองค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อ แต่ก็ไม่คาดหวังที่จะเห็นลูกชายของตนเองฆ่าแกงกันเอง อีกทั้งฮ่องเต้ก็จะสงสัยว่า ในเมื่อหลี่เย่ฆ่าองค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อได้ เช่นนั้นในอนาคตจะลงมือกับตนเองหรือไม่?  

 

 

 

 

 

หากฮ่องเต้มีความคิดเช่นนี้จริง หลี่เย่จะอันตรายเพียงใด?  

 

 

 

 

 

ข่าวลือของเช่นนี้ปกติแล้วก็เหมือนดาบสองคม มีคนจำนวนมากที่ไม่เชื่อ แต่ก็มีคนอีกมากมายที่เชื่อ ข่าวลือกระจายไปไกล ชื่อเสียงก็จะยิ่งเสียหาย  

 

 

 

 

 

ถาวจวินหลันสูดลมหายใจลึก ตัดสินใจอยู่เงียบๆ เรื่องนี้จะต้องยับยั้งโดยเร็วที่สุด  

บัลลังก์พญาหงส์

บัลลังก์พญาหงส์

ตัวนางเป็นลูกขุนนางนักโทษ ขายตัวเองและน้องสาวเข้ามาเป็นนางกำนัลต่ำต้อยในวัง เถาจวินหลันต้องยอมรับชะตากรรมเช่นนี้จริงๆ หรือ? จะต้องใช้ชีวิตอย่างน่าอัปยศอดสู แล้วตายไปอย่างเงียบๆ เช่นนั้นหรือ? นางจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นเด็ดขาด! นางมีทั้งความสามารถและหน้าตาอันงดงาม อำนาจ ครอบครัว ความรัก…นางต้องการมันทั้งหมด! ส่วนพวกปรปักษ์มันจะต้องโดนทำลายจนย่อยยับ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset