บัลลังก์พญาหงส์ – ตอนที่ 635 แลกเปลี่ยน

ถาวจวินหลันได้ยินคำพูดของฮองเฮาก็ชะงักฝีเท้า แม้จะบอกว่าไม่อยากพูดกับฮองเฮาอีก แต่เอาเข้าจริงแล้ว นางสนใจคำว่า ‘แลกเปลี่ยน’ ของฮองเฮาเป็นยิ่ง ในเมื่อฮองเฮาเสนอแลกเปลี่ยนเอง เห็นชัดว่าการแลกเปลี่ยนนี้สำคัญกับฮองเฮามาก หากเดาไม่ผิดนี่คงเป็นจุดประสงค์แท้จริงที่ฮองเฮาเรียกนางมาในวันนี้  

 

 

ถาวจวินหลันแย้มยิ้ม หันกลับไปมองฮองเฮา “เพคะ? แลกเปลี่ยนหรือเพคะ? ไม่ทราบว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงอยากแลกเปลี่ยนอะไรกับหม่อมฉันหรือ?”  

 

 

“ข้าจะให้หลี่เย่เป็นฮ่องเต้ เจ้าบอกข้ามาว่าเจ้ารู้เรื่องอาอู่ได้อย่างไร รวมทั้งบอกรายชื่อคนที่รู้เรื่องนี้ทั้งหมดกับข้า เป็นอย่างไร?” เสียงของฮองเฮาสงบนิ่งเหมือนปกติ แต่ในคำพูดแฝงไว้ด้วยความวู่วาม  

 

 

ถาวจวินหลันนิ่งอึ้งไป จากนั้นก็อดใจเต้นไม่ได้ ข้อเสนอของฮองเฮาช่างเย้ายวนเสียเหลือเกิน ไม่ว่าเป็นใครก็คงอดคล้ายตามไม่ได้  

 

 

แต่ถาวจวินหลันก็เรียกสติกลับมาได้โดยพลัน เดาได้ว่าฮองเฮาต้องการรายชื่อไปทำอะไร ง่ายมาก ฮองเฮาคิดจะถอนรากถอนโคน กำจัดต้นเหตุที่อาจจะตามมาภายหลัง เพื่อไม่ให้นางใช้เป็นเบี้ยต่อรองได้อีก  

 

 

พอเป็นเช่นนี้นางก็ไม่อาจใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ฮองเฮาได้แล้ว นี่ถือว่าคุ้มค่ากับฮองเฮาเสียยิ่งกว่าอะไร  

 

 

ส่วนถอนรากถอนโคนอย่างไร ย่อมมีเพียงวิธีเดียว นั่นคือฆ่าคนที่รู้เรื่องนี้ทั้งหมด  

 

 

ตอนนี้คนใกล้ตัวที่เคยรับใช้อี๋เฟยมาก่อนล้วนโดนฝังไปด้วยแล้ว แม้ว่าไม่สนิทแต่อาจจะรู้เรื่องนี้ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไร หากคิดจะลงโทษนางกำนัลที่ตอนนี้ไม่มีนายแล้วก็ง่ายดายไม่ใช่หรือ?  

 

 

บางทีอี๋เฟยอาจจะโดนนางบีบจนตาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนางกำนัล  

 

 

แน่นอนว่าเพียงแค่ดูจากความคุ้มค่า ข้อเสนอของฮองเฮาก็ยากจะปฏิเสธได้จริงๆ ถือว่าคุ้มค่าอย่างมาก หากนางตอบตกลงจริงๆ ก็ไม่ถือว่าขาดทุน  

 

 

“ฮ่องเต้ไม่โปรดหลี่เย่” ฮองเฮาหัวเราะเบาๆ พูดเตือนถาวจวินหลันด้วยความยินดีกับความทุกข์ของคนอื่น “เจ้าดูสิ ช่วงนี้ฮ่องเต้ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับหลี่เย่อยู่ตลอด ชีวิตของหลี่เย่ลำบากกว่าพี่ใหญ่ของเขานัก ตอนนี้น่าเสียดายที่ไทเฮาไม่อาจถือหางหรือตัดสินใจอะไรให้เขาได้แล้ว หากเขาไม่คิดหาวิธี อีกไม่นานก็อาจจะถูกปลด”  

 

 

“ฮองเฮาเหนียงเหนียงทรงล้อเล่นอะไรเพคะ?” ถาวจวินหลันเลิกคิ้ว มองฮองเฮานิ่งสงบ “ปลดองค์รัชทายาทเป็นเรื่องง่ายเช่นนั้นเชียวหรือเพคะ อีกอย่างไม่มีเหตุผลที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม แล้วจะปลดองค์รัชทายาทได้อย่างไรเพคะ”  

 

 

“หากทำให้หลี่เย่เป็นเหมือนพี่ใหญ่ของเขาเล่า?” ฮองเฮายิ้มอยู่เงียบๆ แฝงความนัยเอาไว้  

 

 

ถาวจวินหลันตัวสั่นสะท้านไปโดยพลัน ตื่นตะลึงพูดไม่ออกอยู่ด้านหน้าฮงเฮา ผ่านไปครู่ใหญ่นางถึงได้สติกลับคืนมา แต่พอเปิดปากก็เผลอถามลอยๆ โดยไม่ทันไตร่ตรอง “หรือว่าการตายขององค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อเกี่ยวข้องกับฮ่องเต้หรือเพคะ”  

 

 

ฮองเฮายังคงรักษาท่าทีเก็บงำเอาไว้ “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”  

 

 

ถาวจวินหลันตกใจ ฮองเฮาพูดเช่นนี้ถือเป็นการตอบรับแล้ว การตายขององค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อเกี่ยวข้องกับฮ่องเต้อย่างนั้นหรือ? หรือจะบอกว่าฮ่องเต้ลงมือกับลูกชายแท้ๆ…  

 

 

“แม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงมือโดยตรง แต่ก็เป็นการลงมือทางอ้อม” ฮองเฮาถอนหายใจเบาๆ เข่นเคี้ยวเขี้ยวฟันพูดต่อ “ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ลูกชายของข้าจะถูกกดดันได้อย่างไร เขายกหลี่เย่มาเพื่อรักษาสมดุลกับลูกชายของข้า แล้วยังจงใจส่งลูกชายข้าไปที่แห่งนั้น ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่ามีคนจ้องทำร้ายลูกข้า เขากลับทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน เขายินดีเห็นลูกของข้าตาย เจ้าว่าบิดาอย่างเขาใจเ**้ยมโหดหรือไม่เล่า?”  

 

 

ถาวจวินหลันไม่รู้ว่าต้องรับคำอย่างไร นางตะลึงอึ้งไปแล้ว พอได้ยินคำพูดของฮองเฮา นางก็รู้สึกเหมือนว่าก่อนองค์รัชทายาฮุ่ยเต๋อตาย ฮ่องเต้รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว  

 

 

“แต่เรื่องเช่นนี้ฮ่องเต้จะรู้ได้อย่างไรเพคะ?” ถาวจวินหลันส่ายหน้า “ฮองเฮาเหนียงเหนียงทรงคิดมากไปแล้วเพคะ”  

 

 

ฮองเฮามองถาวจวินหลันทีหนึ่ง พูดเนิบช้า “เจ้าคิดว่าฮ่องเต้โง่ขลาเบาปัญญาเช่นนั้นจริงหรือ? เขามีดวงตาหลากหลายคู่ สอดส่องไปทั่วทุกที่ ไม่ว่าข้างตัวผู้ใดก็มีดวงตาของเขาคอยจับจ้องอยู่ทั้งนั้น ตอนที่ฮ่องเต้นั่งอยู่บนบัลลังก์ ก็มีองค์รักษ์เงาที่ถูกถ่ายทอดลงไปลับๆ ด้วยเช่นกัน พวกเขาเป็นดวงตาของฮ่องเต้ เป็นดาบของฮ่องเต้ เป็นกระบี่ของฮ่องเต้! หากเขาอยากฆ่าคน ไม่ต้องหาข้ออ้างด้วยซ้ำไป เพียงแค่เอ่ยปากพูดให้องค์รักษ์เงาไปจัดการก็สิ้นเรื่อง”  

 

 

ฮองเฮาพูดไปก็มองท่าที่ตื่นตะลึงของถาวจวินหลันไปพลาง ทันใดนั้นก็แค่นหัวเราะออกมา “ทำไม ไม่เชื่ออย่างนั้นหรือ? ตอนแรกข้าก็ไม่อยากเชื่อ เขาเป็นบิดาแท้ๆ ของลูกข้า! ต่อให้บิดาไม่ชอบลูกชายอย่างไร ก็คงไม่ถึงขั้นลงมือกับลูกชายเช่นนี้!”  

 

 

“แต่ผลลัพธ์กลับเป็นเช่นนี้” ฮองเฮาพูดเสียงเสียดแทงและเยียบเย็น “ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ! มิเช่นนั้นเจ้าลองคิดดูว่าทำไมทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้มีลับลมคมใน แต่เขากลับไม่ได้ให้คนไปสืบอย่างเปิดเผย? แม้ว่าจวงอ๋องเป็นคนทำ ข้าก็ไม่อาจเอาชีวิตจวงอ๋องได้! อย่างไรตอนนี้ข้าก็เป็นเพียงสตรีในส่วนลึกของวังหลวง ยังทำอะไรได้อีก? แต่ทำไมเขาไม่สืบ? ทำไมถึงไมเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย!”  

 

 

ได้ยินฮองเฮาพูดเช่นนี้ ถาวจวินหลันก็เริ่มคิดว่าเป็นไปได้บ้างแล้ว  

 

 

แต่นางยังอดตื่นตะลึงไม่ได้ และยังไม่เชื่อในทันที  

 

 

“ไม่เชื่ออย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นเจ้าลองไปถามหลี่เย่ดูเถิด” ฮองเฮาพูดเนิบช้า “แต่ต่อให้ยังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แล้วเจ้าไม่อยากให้หลี่เย่ขึ้นเป็นฮ่องเต้เร็วๆ หรืออย่างไร?”  

 

 

นางคิดเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่เรื่องเช่นนี้…ถาวจวินหลันถามลองเชิง “หม่อมฉันขอรู้แผนของฮองเฮาเหนียงเหนียงได้หรือไม่เพคะ”  

 

 

“สังหารฮ่องเต้” ฮองเฮาแค่นหัวเราะ คล้ายได้ยินเรื่องตลก  

 

 

ฮองเฮาพูดอย่างมั่นอกมั่นใจและเชื่อมั่น คิดว่าฮองเฮาทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่นอน แม้จะบอกว่าเป็นเรื่องเนรคุณ อกตัญญู แต่ฮองเฮากลับพูดได้เต็มปากเต็มคำ เหมือนฆ่าไก่ปาดคอแพะก็มิปาน  

 

 

ถาวจวินหลันหลังเย็นเฉียบ ฤดูร้อนที่ร้อนเช่นนี้แต่กลับสัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบไปทั้งตัว ฮองเฮาทำได้จริงหรือ นั่นเป็นสามีของนาง นั่นเป็นสามีร่วมเรียงเคียงหมอนกันมานานกว่าสิบปี! แม้นไม่ผูกพันกัน แต่อย่างไรแล้ว เป็นสามีภรรยากันเพียงหนึ่งวันก็นับว่ามีบุญคุณต่อกันไปร้อยวัน  

 

 

แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาง นางเพียงแค่ตะลึงกับความเลือดเย็นไร้หัวใจของฮองเฮาเท่านั้น นางอดถามออกมาไม่ได้ว่า “พระองค์ไม่คิดว่าทรงเลือดเย็นเกินไปหรือเพคะ”  

 

 

ฮองเฮาอึ้งไป จากนั้นก็หัวเราะเสียงเย็น “เลือดเย็นอย่างนั้นหรือ? ข้าเลือดเย็นหรือ? ข้ายังเทียบคนที่เลือดเย็นที่สุดไม่ได้ด้วยซ้ำ!”  

 

 

คนคนนั้นย่อมหมายถึงฮ่องเต้  

 

 

ถาวจวินหลันรู้ดีแก่ใจ และยิ่งไม่มีอะไรจะพูด ฮ่องเต้ไม่เคยใครรักจริงนอกจากอำนาจ อย่างน้อยฮองเฮาก็ยังรักลูกชายตนเองสุดหัวใจ  

 

 

คิดดูแล้วเป็นฮ่องเต้ที่เลือดเย็นมากกว่าจริงๆ   

 

 

แต่นางไม่คิดตอบรับเรื่องนี้โดยง่าย หรือจะบอกว่าไม่อาจรับปากได้ เรื่องนี้ลากคนเข้ามาเกี่ยวมากเกินไป หลังจากนางรับปากแล้ว นางจะปล่อยให้คนข้างกายตนเองตายไปจริงๆ หรือนข้างกายตนเองวกนาง็มีคนจำนวนไม่บ?  

 

 

แล้วยังมีหยวนฉงหวา หยวนฉงหวาแม้จะไม่ดี แต่อย่างไรก็เคยช่วยนางมาก่อน ไม่ว่าด้วยผลประโยชน์ก็ดี หรืออย่างอื่นก็ดี อย่างไรก็ถือว่าเคยช่วยเหลือกันมาก่อน นางไม่อาจตัดเยื่อใย สลัดไมตรีเช่นนี้ได้  

 

 

“ให้เรื่องนี้ผ่านไปเถิดเพคะ” หลังจากครุ่นคิดแล้ว ถาวจวินหลันก็ส่ายหน้าปฏิเสธ “พวกเราไม่อาจทำเรื่องผิดได้ ไม่ว่าอย่างไรก็แค่รอเวลา แต่เวลาที่ว่าก็คงอีกไม่นานแล้วเพคะ”  

 

 

ฮองเฮาตะลึงไป จากนั้นใบหน้าก็ปรากฏท่าทีเหลือเชื่อ นางย่อมไม่เชื่อว่าถาวจวินหลันจะปฏิเสธนางง่ายดายเช่นนี้  

 

 

“หากไม่มีเรื่องอื่น หม่อมฉันขอทูลลา ฮองเฮาเหนียงเหนียงสวดมนต์ต่อไปเถิดเพคะ” ถาวจวินหลันเดินออกไปข้างนอก ไม่ได้มีท่าทีใจหายเลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่ว่านางไม่สนใจข้อเสนอของฮองเฮา แต่ในเมื่อเป็นมนุษย์ก็ควรมีสิ่งที่ตนเองยึดถือปฏิบัติ นางเคยไม่เลือกวิธีมาก่อน แต่อย่างน้อยนางก็ยังมีคุณธรรมไม่เคยฆ่าใคร ยังคงยึดหลักมีเส้นตายมาตลอด  

 

 

แต่เห็นชัดว่าฮองเฮาพร้อมกำจัดไม่มีข้อแม้ นางไม่อยากกลายเป็นคนอย่างฮองเฮา ก่อนหน้านี้ไม่อยาก ตอนนี้ก็ไม่อยาก ในอนาคตยิ่งไม่อยาก หากเลือกได้ นางอยากเป็นอย่างไทเฮาเสียมากกว่า  

 

 

ตอนที่ถาวจวินหลันก้าวเท้าออกจากห้องไป ภายในห้องก็มีเสียงเย็นๆ ของฮองเอาดังขึ้นมา “เจ้าจะต้องกลับมาหาข้า เจ้าจะต้องรับปาก”  

 

 

ถาวจวินหลันนิ่งเงียบไม่ได้ปฏิเสธ ยกชายกระโปรงขึ้นมา พลางก้าวออกไปช้าๆ  

 

 

ด้วยเพราะตอนนี้ใกล้เวลาอาหารค่ำแล้ว พระอาทิตย์จึงคล้อยต่ำลง แสงยามพลบค่ำสาดส่องไปทั่วท้องฟ้า สีแดงทองสวยสด ถาวจวินหลันมองท้องฟ้าสีอมส้มตลอดทางกลับไปยังวังตวนเปิ่น  

 

 

ต้องขอบคุณฮองเฮา นางจิตใจฟุ้งซ่านไปไม่น้อย ความกังวลที่มีต่อองค์หญิงเก้าก็ลดลงไปมาก  

 

 

ถาวจวินหลันกำลังคิดเรื่องหนึ่ง เพราะอะไรฮองเฮาถึงกล้าพูดอย่างมั่นใจเช่นนี้ เหมือนแค่นางเอ่ยปากพูด ฮ่องเต้ก็ต้องตายแน่นอน?  

 

 

ฮองเฮาย่อมไม่อาจพูดเปะปะได้ เห็นชัดว่านางทำได้จริง เช่นนั้นนางจะกล้าพูดได้อย่างไร? ถาวจวินหลันไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างละเอียด คิดไปคิดมาสุดท้ายนางก็นึกถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา นั่นคือฮองเฮาจัดการแทรกคนไว้ข้างกายฮ่องเต้ พร้อมวางยาฮ่องเต้ได้ตลอดเวลา หรือจะบอกว่าฮ่องเต้ถูกวางยานานแล้ว ขอแค่มีตัวนำก็ทำให้พิษออกฤทธิ์จนตายเฉียบพลัน…  

 

 

หากเป็นเช่นนั้นจริง ฮ่องเต้ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว  

 

 

ถาวจวินหลันอดคิดถึงอีกเรื่องไม่ได้ นางจำต้องเตือนฮ่องเต้หรือหลี่เย่หรือไม่? หากฮ่องเต้สวรรคตไป หลี่เย่ก็จะครองบัลลังก์ได้ พอเป็นเช่นนี้ ความหวังของหลี่เย่ตลอดหลายปีมานี้ก็จะเป็นจริง จากนี้เขาไม่จำเป็นต้องไว้หน้าใคร หรือถูกใครมาขีดเส้นอีก  

 

 

สำหรับวังตวนเปิ่นแล้ว นี่นับเป็นเรื่องดี แต่อย่างไรเขาก็เป็นบิดาของหลี่เย่ ลูกชายของไทเฮา เพียงแค่คิดถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนกับฮ่องเต้ นางคิดว่าตนเองไม่มีทางนั่งนิ่งดูดายได้  

 

 

หากนั่งนิ่งไม่สนใจ จนไทเฮากับหลี่เย่รู้เรื่องนี้เอง พวกเขาจะผิดหวังในตัวนางมากเพียงใด  

 

 

ก่อนหน้านี้นางพูดว่าฮองเฮาเลือดเย็นไร้หัวใจ หรือว่านางก็อยากเป็นคนเลือดเย็นไร้หัวใจเช่นเดียวกัน? ฮ่องเต้มองดูองค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อตายไปกับตา นางรู้สึกหนาวเหน็บใจ เช่นนั้นหรือนางอยากจะเดินตามรอยเท้าฮ่องเต้?  

 

 

ย่อมไม่อาจทำได้  

 

 

ดังนั้นนางต้องบอกเรื่องนี้กับหลี่เย่ แต่หลี่เย่ในตอนนี้กำลังยุ่งเรื่ององค์หญิงเก้า จึงทำได้แค่เพียงรอเท่านั้น  

 

 

ไม่ว่าอย่างไรฮองเฮาก็ยังคิดจะแลกเปลี่ยนกับนาง ย่อมไม่อาจลงมือกับฮ่องเต้ง่ายดายเป็นแน่ ดังนั้นฮ่องเต้ยังปลอดภัยไปได้ชั่วขณะ  

บัลลังก์พญาหงส์

บัลลังก์พญาหงส์

ตัวนางเป็นลูกขุนนางนักโทษ ขายตัวเองและน้องสาวเข้ามาเป็นนางกำนัลต่ำต้อยในวัง เถาจวินหลันต้องยอมรับชะตากรรมเช่นนี้จริงๆ หรือ? จะต้องใช้ชีวิตอย่างน่าอัปยศอดสู แล้วตายไปอย่างเงียบๆ เช่นนั้นหรือ? นางจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นเด็ดขาด! นางมีทั้งความสามารถและหน้าตาอันงดงาม อำนาจ ครอบครัว ความรัก…นางต้องการมันทั้งหมด! ส่วนพวกปรปักษ์มันจะต้องโดนทำลายจนย่อยยับ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset