บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 249 พระชายาจี้มาขอยา

คนในจวนอ๋องจี้ มาที่จวนอ๋องฉู่อีกครั้ง
เพียงแต่ครั้งนี้คนที่มาไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นตัวพระชายานี้เอง
หลังจากที่นางลงจากเกี้ยว ก็นั่งเก้าอี้แบกเข้ามาอีกที
นางก็ไม่ได้มาคนเดียว ได้ให้องค์หญิงพระองค์ใหญ่เจิ่นกั๋วมาเป็นเพื่อนด้วย
องค์หญิงพระองค์ใหญ่เจิ่นกั๋วเป็นท่านป้าของฮ่องเต้หมิงหยวน และเป็นพี่สาวของไท่ซ่างหวง อายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว
หากพระชายาจี้มาคนเดียว หยวนชิงหลิงยังสามารถปฏิเสธไม่พบ
แต่ว่ามีองค์หญิงพระองค์ใหญ่เจิ่นกั๋วมาเป็นเพื่อน ก็ต้องไว้หน้าท่าน ตอนนั้นข่าวที่นางท้องได้แพร่สะพัดออกไป องค์หญิงพระองค์ใหญ่เจิ่นกั๋วก็ได้ให้คนส่งของขวัญมายินดีทันที
หยวนชิงหลิงสวมหน้ากากออกมา บัดนี้นางตั้งครรภ์อยู่ จะสะเพร่าไม่ได้
องค์หญิงพระองค์ใหญ่เจิ่นกั๋วสวนชุดผ้าแพรสีดำลายดอกไม้ บนคอใส่ลูกประคำเอาไว้หนึ่งเส้น เม็ดกลมวาววับ ใบหน้าดูเมตตาและอ่อนโยน
หยวนชิงหลิงคำนับนางก่อน องค์หญิงพระองค์ใหญ่เข้าไปจับมือนางเอาไว้ ยิ้มแล้วมองสำรวจนาง “ไม่ต้องมากพิธี เจ้ากำลังมีครรภ์”
หยวนชิงหลิงขอบพระทัยแล้วมองไปทางพระชายาจี้
นานแล้วที่ไม่เห็นพระชายาจี้ ครั้งนี้เมื่อเห็นนาง หยวนชิงหลิงค่อนข้างตกใจ
นางแก่ตัวลงไปมาก โรยราไปอย่างมาก หยวนชิงหลิงจำได้ว่านางอายุเพิ่งครบสามสิบเอง บัดนี้ขมับเริ่มมีผมหงอกแล้ว
สีหน้าของหน้าซีดเหลืองมาก เบ้าตาลึก อีกทั้งยังผอมลงไปมาก
นางก็ได้สวมหน้ากากที่ทำเอง ปิดปากและจมูกเอาไว้ เพียงแต่ บางที่อาจจะเป็นเพราะหน้ากาก ทำให้นางมองไปแล้วหางตากับสันจมูกมีริ้วรอยเล็กค่อนข้างเยอะ ใต้ตาก็มีฝ้าบ้างแล้ว
หยวนชิงหลิงมองออก นางได้ทาแป้งบางไว้หนึ่งชั้นแล้ว
นางสวมชุดที่ค่อนข้างหลวม บางทีอาจเพราะผอม ก็เลยทำให้เสื้อผ้าดูหลวม ด้านนอกคลุมด้วยผ้าคลุมสีดำ ในมือยังถือไว้ด้วยกาให้ความอุ่น ร่างกายกำลังสั่นเทา
นางมองหยวนชิงหลิง พยายามฝืนยิ้ม “การจะพบพระชายาฉู่นั้นยากนัก”
หยวนชิงหลิงแปลกใจเล็กน้อย “ยาก? ทำไมถึง? พวกเราเหล่าสะใภ้ก็เจอกันเป็นประจำ”
พระชายาจี้มองนาง “วันก่อนข้าให้คนมาเชิญเจ้า ได้ยินมาว่าเจ้าไม่ยอมออกมาพบ”
ในน้ำเสียง มีความต่อว่าเล็กน้อย ทำให้องค์หญิงพระองค์ใหญ่เจิ่นกั๋วถอนหายใจไปหนึ่งที “เป็นสะใภ้เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้”
หยวนชิงหลิงกล่าว “สองสามวันก่อนข้าอยู่แต่ในวัง เหนื่อยมาหลายวันกระทบถึงครรภ์ หลังจากออกจากวัง ท่านอ๋องไม่ให้ข้าออกมา ให้ข้านอนพักอยู่บนเตียง ละเลยข้ารับใช้ของพระชายาจี้ ต้องขออภัยจริงๆ”
หยวนชิงหลิงหัวเราะในใจ ไม่เคยเห็นจริงๆคนที่มาขอร้องคนอื่นยังจะมาวางมาดที่สูงส่งขนาดนี้ เจ้าให้คนมา ข้าก็ต้องออกมาพบเหรอ?
องค์หญิงพระองค์ใหญ่เจิ่นกั๋วฟังคำพูดของหยวนชิงหลิง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “กระทบต่อครรภ์? แบบนี้ไม่ได้นะ ต้องดูแลดีๆ”
นางมองพระชายาจี้ “เรื่องนี้ คนของเจ้าไม่ได้กลับไปรายงานรึ? เจ้าน่าจะบอกข้า เช่นนั้นแล้วตอนที่ข้ามาจะได้เอายาบำรุงมาด้วย อย่างอื่นข้าไม่รู้ แต่ยาบำรุงครรภ์นั้นข้ามี”
น้ำเสียง แฝงด้วยความตำหนิเล็กน้อย
ท้องนี้ของพระชายาฉู่ ทั้งราชวงศ์ต่างก็ตื่นเต้นกันทั้งนั้น โดยเฉพาะองค์หญิงพระองค์ใหญ่เจิ่นกั๋ว เป็นกังวลมาโดยตลอด
พระชายาจี้กล่าวขอโทษ “ข้ารับใช้ที่มาทำงานไม่ได้เรื่องจริงๆ กลับไปกลับไม่รายงาน ทำให้วันนี้ข้าก็ไม่ได้เอาอะไรมาเลย”
หยวนชิงหลิงกล่าว “ไม่เป็นไร ก่อนหน้านั้นพระชายาจี้ได้เคยสั่งให้มามอบเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรให้ข้าองค์หนึ่ง เป็นของล้ำค่า ข้าชอบมาก”
แม่นมสี่ยิ้มกล่าว “ใช่เจ้าค่ะ หากเจ้าแม่กวนอิมไม่มีรอยร้าว ต้องเป็นของล้ำค่าอย่างแน่นอน”
องค์หญิงพระองค์ใหญ่เจิ่นกั๋วได้ฟังคำพูดนี้ “ก็ตกตะลึงเล็กน้อย กวนอิมประทานบุตร กวนอิมประทานบุตรทำไมถึงมีรอยร้าว? ข้ารับใช้ทำตกเหรอ?”
“เป็นเพราะเหล่าข้ารับใช้ในจวนมือไม้ไม่ระวัง ได้ทำโทษไปแล้ว” พระชายาจี้กล่าวอย่างเรียบเฉย
องค์หญิงพระองค์ใหญ่เจิ่นกั๋วกล่าวอย่างโกรธเคือง ทำโทษ? ถ้าเป็นข้าต้องตีให้ตายไปเลย ก่อนมอบของขวัญ ต้องตรวจสอบก่อน ก่อนที่จะส่งมอบ ก็ต้องตรวจสอบอีกครั้ง แน่ใจว่าไม่มีปัญหาจึงค่อยมอบมันออกไป นี่ไม่ใช่ของขวัญธรรมดา แต่เป็นเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตร ให้กับคนที่กำลังตั้งครรภ์อย่างพระชายาของอ๋อง มีอย่างนี้ที่ไหนกัน
องค์หญิงพระองค์ใหญ่เจิ่นกั๋วเป็นพุทธศาสนิกชน นิสัยที่บำเพ็ญมาหลายปีเกือบจะสูญสิ้นหมดแล้ว วันนี้ที่โกรธขนาดนี้ หนึ่งเจ้าแม่กวนอิมที่มีรอยร้าวมันจะเสียความศักดิ์สิทธิ์ ข้อสอง นางใส่ใจเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ มีข่าวว่าตั้งครรภ์ แล้วส่งเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรที่มีรอยร้าว ช่างเหลวไหลสิ้นดี
พระชายาจี้รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ต้องโทษที่ข้ามัวแต่ดูแลน้องหก เลยไม่ได้ระวัง ทำให้ติดโรคนี้ ในจวนก็ไม่มีคนที่มีความสามารถที่พอจะพึ่งได้ ก็ต้องเกิดความผิดพลาดเป็นธรรมดา ดังนั้นที่มาในวันนี้ ข้าเพียงต้องการขอโทษน้องสะใภ้ห้า ข้อที่สอง จึงมาเพื่อโรคนี้”
องค์หญิงพระองค์ใหญ่เจิ่นกั๋วเป็นคนที่มีเมตตา ได้ยินคำพูดนี้ “เจ้าไปดูแลหลานหก ก็เพราะไปในฐานะของพี่สะใภ้ใหญ่ที่มีเมตตา เจ้าติดโรคก่อน หลังจากนั้นชายารองในจวนเจ้าก็เกิดเรื่อง เรื่องราวมันก็วุ่นวายไปหมด เจ้าก็อย่าคิดมากเลย รอให้เจ้าหายดี ทุกอย่างก็จะดีขึ้น”
พระชายาจี้ก้มหน้า น่าสงสารมาก
องค์หญิงพระองค์ใหญ่เจิ่นกั๋วมองหยวนชิงหลิงกล่าว “หลานสะใภ้ห้า วันนี้ข้ามาเป็นเพื่อนหลานสะใภ้ใหญ่ เพื่อเรื่องการรักษาโรค วันนี้เจ้าตั้งครรภ์ จะรักษานาง ข้านั้นคัดค้านเป็นคนแรกเลย แต่ว่า ข้าได้ยินหลู่เฟยบอกว่าเจ้ามียาที่รักษาโรคนี้ สามารถจะให้ข้าหน่อยมั้ย?”
หลู่เฟย? ทำไมเรื่องเยอะเช่นนี้?
หยวนชิงหลิงกล่าว “องค์หญิงพระองค์ใหญ่ ยานี้ข้ามีอยู่จริง แต่ว่า มันเหลือไม่มากแล้ว ทางน้องหกยังต้องการยานี้อย่างต่อเนื่อง ในครึ่งปีนี้ จะขาดยานี้ไม่ได้ และวันนี้ข้าก็มีครรภ์แล้ว ไม่สามารถที่จะสกัดยาอีก หากพระชายานี้ต้องการ ข้าทำได้เพียงแบ่งจากน้องหกส่วนหนึ่ง แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่ารักษาไม่หายแม้แต่คนเดียว”
องค์หญิงพระองค์ใหญ่ตกใจ “หลานหกยังไม่หายดีเหรอ? หลู่เฟยบอกว่าเขาหายดีแล้ว”
หยวนชิงหลิงส่ายหัว อธิบาย “บัดนี้ไม่แพร่เชื้อให้คนอื่นแล้ว แต่ว่า ยังไม่หายดี ทุกสองสามวัน ข้าก็ต้องสั่งคนส่งยาไปให้อ๋องหวย ยานี้จะขาดไม่ได้ หากขาดยา อาการจะยิ่งแย่กว่าแต่ก่อน”
พระชายาจี้ยังคงไม่ขยับสายตา เพียงแต่ยิ้มอย่างเรียบเฉย “คำพูดของพระชายาฉู่นี้ เหมือนกำลังพูดให้กับคนที่ไม่เข้าใจเรื่องยาฟังเลย โรคได้ถูกรักษาหายไปกว่าครึ่ง หากขาดยาของเจ้า ก็รับยาของหมอหลวงค่อยๆปรับสมดุลไป ก็หายได้เหมือนกัน ทำไมถึงจะหนักกว่าแต่ก่อนละ? มันช่างไม่สมเหตุผลนัก”
องค์หญิงพระองค์ใหญ่พยักหน้า “ใช่น่ะสิ อาการคงที่แล้ว แล้วค่อยๆรักษาไป น่าจะหายได้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าจำเป็นต้องอธิบายอย่างคร่าวๆ นางกล่าว “โรคนี้มันร้ายแรงมาก เชื้อโรคยังสามารถแพร่เชื้อได้มาก ข้อดีของการใช้ยา สามารถกดทับหรือฆ่าเชื้อโรคให้หมด หากกินยาครึ่งปี เชื้อโรคจะถูกฆ่าตายทั้งหมด คนก็จะหายดี แต่ในขณะที่เชื้อโรคยังถูกกำจัดไม่หมดแล้วหยุดยา เชื้อโรคก็ยังสามารถแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเดียวกันที่ไม่มียาไปต้าน ถ้ากำเริบแล้วจะควบคุมไม่ได้ การทานยาของอ๋องหวย เพิ่งจะมาถึงช่วงเวลาที่สำคัญ ดังนั้นตอนนี้ยังงดยาไม่ได้ สำหรับเขาแล้วมันอันตรายถึงชีวิตเลย”
องค์หญิงพระองค์ใหญ่เหมือนจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ฟังมาถึงประโยคสุดท้าย ว่าอ๋องหวยยังมีอันตรายถึงชีวิต ก็ต้องวางมือ “งั้นไม่ได้ งั้นก็ไม่ได้แล้ว”
พระชายาจี้แม้จะเป็นคนของราชวงศ์ แต่ว่าหลานหกเป็นหลานชายแท้ๆของนาง สถานะไม่เหมือนกัน

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset