บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 268 เจ้าชอบข้าใช่หรือไม่

เจ้าห้าไม่ได้ไปที่จวนตระกูลฉู่โดยตรง แต่ไปที่กรมปกครองก่อน ไปตามหาคนเฝ้าประตูกับเจ้าหน้าที่อีกสองสามคนมาช่วยทำหน้าที่เป็นพยาน
จากนั้นก็ไปพบอ๋องชินลุ่ยและเซียวเหยากง ให้พวกเขาช่วยเป็นพยาน ว่าใครกันแน่ที่รังแกจนมากเกินไป
วันนี้โสวฝู่ฉู่ไม่ได้ไปรายงานราชการยามเช้า แต่วันนี้เขาอารมณ์ไม่ดีอย่างหนัก
เมื่อคืนฉู่หมิงหยางมาคุกเข่าอยู่ด้านนอกเรือนทั้งคืน บอกแต่ว่า จะขอยกเลิกการแต่งงานกับอ๋องจี้ เพราะนางกับหยู่เหวินเห้าได้ตกลงปลงใจต่อกันแล้ว ทั้งยังเอาของแทนสัญญาของอ๋องฉู่มายืนยันอีกด้วย
เขาย่อมไม่เชื่อเป็นธรรมดา หลานสาวคนนี้ของเขาคิดเช่นไร มีหรือที่เขาจะมองไม่ออก? เขาไม่สนใจนาง แค่บอกให้นางคุกเข่าอยู่ข้างนอกอย่างนั้นไปเรื่อย ๆ คุกเข่าให้ตายไปเลย
เช้าวันนี้ ฮูหยินใหญ่ฉู่ที่เป็นกังวลใจอย่างสุดแสน จึงให้คนไปเชิญฉู่หมิงชุ่ยกลับมา เพื่อจะให้นางมาช่วยกันกล่อมฉู่หมิงหยางอีกแรง
ดังนั้น ฉู่หมิงหยางจึงกลับบ้านแม่มาอีกคน เมื่อได้ยินว่าฉู่หมิงหยางพูดว่าให้ตายก็จะต้องแต่งกับหยู่เหวินเห้าให้ได้ นางก็รู้สึกตกใจไม่น้อย
เมื่อนางมาถึงลานนอกเรือนของท่านปู่ ก็เห็นฉู่หมิงหยางที่คุกเข่าง่อนแง่นโงนเงนไปมา ดูสูญเสียความสดใส และความกระตือรือร้นที่เคยมีแต่เดิมไปจนหมด เหมือนกับดอกไม้จีนที่โดนน้ำค้างหยดใส่ ดูสูญเสียพลังงานเหี่ยวเฉาอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ดวงตาของนางกลับดูดื้อรั้น แข็งกระด้างอย่างยิ่ง
“น้องสาว ทำไมเจ้าถึงต้องทรมานตัวเองเช่นนี้ด้วยล่ะ? แต่งกับอ๋องจี้ไม่ดีหรอกรึ?” ฉู่หมิงชุ่ยพูดเกลี้ยกล่อม
ฉู่หมิงหยางกวาดตาที่คมกริบดั่งมีดมองมา แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าจะแต่งกับใคร มันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย ? เจ้าย่อมไม่อยากให้ข้าแต่งกับอ๋องฉู่อยู่แล้วสิ ชีวิตเจ้าไม่มีความสุข เลยอยากให้คนอื่นไม่มีความสุขเหมือนกันล่ะสิ”
ฉู่หมิงชุ่ยเริ่มโกรธขึ้นมาแล้ว “ทำไมเจ้าถึงต้องพูดจาก้าวร้าวขนาดนี้ด้วย ? ข้าไม่ได้ทำอะไรให้เจ้าเสียหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็อย่ามายั่วโมโหข้า น้ำบ่ออย่ามายุ่งกับน้ำคลอง” ฉู่หมิงหยางพูดใส่อย่างเย็นชา
ฉู่หมิงชุ่ยโกรธจริงๆแล้ว “นี่กับใครเจ้าก็ก้าวร้าวอย่างนี้รึ ? ข้าอุตส่าห์หวังดีมาเกลี้ยกล่อมเจ้า แต่งให้หยู่เหวินเห้ามีอะไรดีล่ะ? ถ้าหยวนชิงหลิงยังไม่ตายหนึ่งวัน เจ้าก็ยังต้องเป็นชายารองไปอีกหนึ่งวัน ทางอ๋องจี้โน่นต่างหากที่ยังพอมีหวังเสียกว่า”
ฉู่หมิงหยางพูดอย่างชั่วร้าย: “เช่นนั้นก็บอกให้นางไปตายซะ!”
“เจ้า…” ฉู่หมิงชุ่ยพูดอย่างโกรธเคือง “เจ้านี่มันช่างไร้เหตุผลสิ้นดี”
ฉู่หมิงหยางคุกเข่ามาแล้วทั้งคืน ก็ยังไม่อาจเปลี่ยนความตั้งใจของปู่นางได้ นางหงุดหงิดแทบจะระเบิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มาตอนนี้ฉู่หมิงชุ่ยกลับเสนอหน้าเข้ามาพอดี แน่นอนว่านางย่อมเอาโทสะที่อัดแน่นอยู่ในท้องทั้งหมด สาดระบายออกไปเป็นธรรมดา “เสแสร้งแกล้งทำอะไรไม่ทราบ? ฆ่าคนมันยากนักหรือไร? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นดอกบัวขาวพิสุทธิ์รึ? เจ้าไม่เคยทำเรื่องชั่วร้ายเพื่อแย่งชิงความโปรดปรานเลยรึ ? เรื่องตลกที่เจ้าไปก่อไว้ มันแพร่กระจายออกไปจนใครต่อใครเขารู้กันทั่วแล้ว เจ้ายังมาที่นี่เพื่อมาเอาหน้าจากท่านปู่อีก มาเกลี้ยกล่อมข้านี่ก็เพราะอยากให้ใคร ๆ เห็นว่าเจ้ามีคุณธรรมมากล่ะสิท่า ? ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะเจ้าน่ะ!”
ฉู่หมิงชุ่ยพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา: “ได้ เรื่องของเจ้าข้าจะไม่ยุ่งแล้ว แต่มีประโยคหนึ่งที่ข้าต้องบอกเจ้า หยู่เหวินเห้าจะไม่แต่งเจ้าเป็นชายารองแน่ จนถึงวันนี้เจ้ายังไม่เข้าใจอีกรึ? ไม่ใช่เพราะหยวนชิงหลิงห้ามไม่ให้เขารับพระชายา แต่เป็นเพราะเขาเองไม่ต้องการแต่งชายาเพิ่มอีกแล้วต่างหาก ”
ฉู่หมิงหยางพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องยุ่ง เลิกแสดงเจตนาดีอันแสนจอมปลอมของเจ้าเสียที ตอนนี้ตำแหน่งของเจ้าในจวนอ๋องฉี ก็ไม่ได้ดีเท่าเมื่อก่อนแล้วนี่ เจ้ามันก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้านักหรอก ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ เลิกแสร้งแกล้งทำเป็นพี่สาวผู้แสนดีมีเมตตาต่อหน้าข้าสักทีเถอะ”
ฉู่หมิงชุ่ยชังน้ำหน้านางจนถึงกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เดิมทีตั้งใจว่าจะหันหลังจากไปอยู่แล้ว แต่เมื่อครู่ นางได้ยินท่านแม่พูดว่า ทั้งสองคนมีการตกลงปลงใจกันเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว ทั้งยังมีของแทนใจเป็นเครื่องพิสูจน์ด้วย นางอยากเห็นเจ้าของแทนใจที่ว่านั้นเสียหน่อย
ดังนั้น แม้ว่าคำพูดคำจาของฉู่หมิงหยางจะย่ำแย่สิ้นดี แต่นางก็ยังอดทนแล้วถามออกไปว่า: “ท่านแม่บอกว่า เจ้ากับอ๋องฉู่ตกลงปลงใจต่อกัน จนถึงขั้นแลกเปลี่ยนของแทนใจแล้วด้วย เป็นความจริงรึ?”
ฉู่หมิงหยางหยิบหยกพกในมือออกมา ยกขึ้นส่ายไปมาตรงหน้านาง “ หยกพกชิ้นนี้ เป็นสิ่งที่ไท่ซ่างหวงประทานให้เขาในสมัยก่อน หากเขาไม่มีใจให้ข้าจริง เขาจะส่งต่อมันมาให้ข้าเป็นของแทนใจได้อย่างไรกันล่ะ? ”
ฉู่หมิงชุ่ยเห็นหยกพกได้อย่างชัดเจน พลันเกิดความรู้สึกทั้งเศร้าโศกและขุ่นเคืองในที ดวงตาของนางส่ายไหวไปมา คล้ายหาจุดรวมสายตาไม่เจอ ไท่ซ่างหวงทรงพระราชทานหยกพกชิ้นนี้ให้เขาในตอนนั้น นางยังเคยแอบคิดว่าอยากได้หยกพกชิ้นนี้เป็นของแทนใจ ทั้งยังเคยเอ่ยขอเป็นนัย ๆ กับเขาด้วย แต่นั่นเป็นครั้งเดียวที่เขาปฏิเสธนาง เขายังบอกด้วยว่าสิ่งนี้ได้รับมาจากไท่ซ่างหวง เขาชอบมันมาก ไม่อาจส่งมอบมันออกไปให้ใครได้ทั้งสิ้น
แต่มาตอนนี้ มันกลับถูกส่งต่อไปให้หมิงหยางแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความรู้สึกที่เขามีให้นางตั้งแต่เริ่มแรกนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นของปลอมทั้งหมด
วูบหนึ่ง ความเกลียดชังปรากฏขึ้นในหัวใจของนาง พลันยื่นมือข้างหนึ่งออกไปคว้าหยกพกจากฉู่หมิงหยาง แล้วโยนมันลงบนพื้น หยกพกชิ้นนั้นแตกออกเป็นสามเสี่ยง นางพูดอย่างเย็นชาว่า “ขอให้พวกเจ้าตกล่องปล่องชิ้นกันด้วยดี”
ฉู่หมิงหยางโกรธมาก ผุดตัวกระโดดลุกขึ้นพลางใช้มือข้างหนึ่งดึงแส้ออกมา ตวัดไปทางฉู่หมิงชุ่ยโดยเล็งที่ตำแหน่งหัวกับใบหน้าตรง ๆ
รอยแส้พาดขยายจากใบหน้าด้านซ้ายของฉู่หมิงชุ่ย ดูราวกับรอยตะขาบปีนอย่างไรอย่างนั้น ฉู่หมิงชุ่ยเจ็บจนแทบจะเป็นลม
คนรับใช้รีบเข้ามาแยกทั้งคู่ ฉู่หมิงชุ่ยตัวสั่นด้วยความโกรธเคืองสุดขีด น้ำตาคลอเต็มสองตา นางคุกเข่าลงกับพื้น พลางร้องเรียกเสียงดัง “ท่านปู่ หลานขอร้องให้ท่านออกมาให้ความเป็นธรรมกับข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
คนเฝ้าประตูสาวเท้าเข้ามาเคาะประตู ” นายท่านขอรับ อ๋องฉู่ อ๋องชินลุ่ย ทั้งยังมีเซียวเหยากง ต่างมารออยู่ด้านนอกจวน แจ้งว่าต้องการจะพบท่านขอรับ”
โสวฝู่ฉู่เดินเอามือไพล่หลังออกมา ปรายตามองทั้งคู่ด้วยสีหน้ามืดมนสุดขีด ตวาดอย่างโกรธเคืองว่า: “เอาพวกนางออกไปให้หมด ช่างไร้ระเบียบวินัยอะไรอย่างนี้?”
ฉู่หมิงหยางคุกเข่าลง พูดอย่างดื้อรั้นว่า : “ท่านปู่ หลานไม่แต่งกับอ๋องฉู่ไม่ได้นะเจ้าคะ”
ฉู่หมิงชุ่ยรีบฟ้องว่า “ท่านปู่ น้องรองทำร้ายคนโดยไม่มีเหตุผล ท่านดูนี่…”
โสวฝู่ฉู่ไม่หันกลับมาฟังอะไรทั้งนั้น สะบัดหน้าเดินออกไปทันที
ฉู่หมิงหยางรีบไล่ตามออกไป ส่วนฉู่หมิงชุ่ยยังคุกเข่าอยู่กับพื้น งุนงงสับสนไปครู่หนึ่ง ทั้งอับอายทั้งชิงชัง แต่ก็ไม่มีหนทางจะทำอะไรได้
โสวฝู่ฉู่ออกมายังห้องโถงใหญ่ จึงได้เห็นฝูงชนที่แออัดเต็มโถงต้อนรับ เขาขมวดคิ้ว สีหน้าอ๋องฉู่ดูโกรธเคืองเต็มแก่ อ๋องชินลุ่ยกับเซียวเหยากงก็นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยท่าทางคล้ายยากจะฝืนทน เขาจึงถามออกไปว่า “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เซียวเหยากงชี้ไปที่หยู่เหวินเห้า “อ๋องฉู่บอกเพียงว่า เขาต้องการให้ข้ากับอ๋องชินลุ่ยมาทำหน้าที่เป็นพยาน แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นพยานอะไร”
หยู่เหวินเห้ายืนขึ้น ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็เห็นฉู่หมิงหยางที่ไล่ตามออกมาพอดี ไฟโทสะในใจพลันพุ่งทะยานขึ้นมาโดยพลัน พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมและเฉียบขาดว่า: “โสวฝู่ ข้ามาที่นี่ในวันนี้ มีเรื่องหนึ่งที่อยากจะขอคำชี้แนะสักหน่อย ข้าอยากถามว่าการสอนสั่งของตระกูลฉู่นั้นเป็นแบบไหนกัน? ลูกสาวหลานสาวที่ยังไม่ออกเรือน กลางวันแสกๆ ยังกล้าบุกไปกรมปกครอง ไปล่วงล้ำเกินเลยต่อข้า การอบรมของตระกูลฉู่ ตกต่ำย่ำแย่จนถึงขนาดนี้แล้วอย่างนั้นรึ?”
คำพูดเหล่านี้ ทำเอาเซียวเหยากงกับอ๋องชินลุ่ยถึงกับสูดอากาศเย็น ๆ เข้าปอดเฮือกใหญ่
แม้ว่าตอนที่มา พวกเขาจะพอรู้เรื่องราวคร่าว ๆ บ้างแล้ว แต่ในเมื่อเขามาประจันหน้ากับ โสวฝู่ฉู่เช่นนี้ กลับพูดวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องการอบรมสั่งสอนของจวนตระกูลฉู่ตรง ๆ ดูแล้วไม่รู้สึกว่ามันจะเกินไปหน่อยหรอกรึ?
ยิ่งกว่านั้นเขาถึงกับใช้คำว่าล่วงล้ำเกินเลย …แม้ว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่หน้าตา ศักดิ์ศรีตัวเองนี่คือไม่คิดจะเหลือเก็บไว้หน่อยเลยอย่างนั้นรึ ? เรื่องนี้มันเป็นที่อะไรที่พูดออกมาได้ตรง ๆ ขนาดนี้เลย?
โสวฝู่ฉู่ไม่เคยรู้เรื่องนี้แม้แต่น้อย หลังจากฟังคำพูดของหยู่เหวินเห้า เขาก็หันไปปรายสายตามองฉู่หมิงหยางอย่างเย็นชาวูบหนึ่ง “สิ่งที่ท่านอ๋องพูดมาเป็นความจริงหรือไม่?”
ฉู่หมิงหยางเหลือบมองหยู่เหวินเห้าแวบหนึ่ง จากนั้นจึงมองไปที่โสวฝู่ฉู่ ไม่มีวี่แววการหลบซ่อนใดๆให้เห็นในดวงตา พูดอย่างหนักแน่นว่า: “ไม่เป็นความจริงเจ้าค่ะ เขาสั่งให้คนส่งจดหมายมาให้ข้า บอกให้ไปหาเขาที่กรมการพระนคร พอเข้าไปในห้องข้าง เขาก็คว้าตัวข้าเข้าไปกอดทันที ยังบอกด้วยว่าอยากแต่งกับข้า ทั้งยังมอบของแทนใจให้ข้ากลับมารอเขาเดินทางมาสู่ขอ ทั้งกำชับกำชาข้าไม่หยุดว่าให้ข้าไปขอร้องท่านปู่ ให้ช่วยไปเจรจายกเลิกงานแต่งระหว่างข้ากับอ๋องจี้ไปเสีย ดังนั้น หลานจึงไปคุกเข่าที่หน้าประตูเรือนของท่าน ขอร้องให้ท่านไปที่จวนอ๋องจี้เพื่อยกเลิกงานแต่ง หลานไม่คิดเลยเจ้าค่ะว่า แค่ผ่านไปวันเดียว มาวันนี้ก็กลับคำปฏิเสธข้า ทั้งยังพูดจาว่าร้ายข้าแบบนี้อีก”
นางก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง พลางจ้องหน้าหยู่เหวินเห้า ดวงตาเป็นประกาย “วันนั้นที่ในห้องข้าง เจ้าบอกว่าอยากแต่งกับข้าใช่หรือไม่ ? เจ้ากอดข้าทั้งยังบอกว่าชอบข้ามานานแล้วไม่ใช่รึ? เจ้าบอกเองว่าเป็นเพราะพระชายาฉู่ จึงได้ปฏิเสธเรื่องการแต่งงานสองครั้งก่อนหน้านี้ไป ตอนนั้นหมันเอ๋อก็อยู่ที่นั่นด้วย นางได้ยินทุกคำที่เจ้าพูด เจ้าอย่าได้คิดจะปฏิเสธความรับผิดชอบ ในเมื่อข้าทั้งถูกเจ้ากอดถูกเจ้าหอม เจ้าจะต้องแต่งกับข้า ไม่อย่างนั้น ข้าจะไปแขวนคอตายที่หน้าประตูจวนของเจ้าให้ดู จะทำให้เจ้าถูกผู้คนก่นด่านินทาไปชั่วลูกชั่วหลาน!”
เขาลืมเหตุการณ์ในวันนั้นไปจนหมดสิ้นแล้ว ย่อมไม่มีทางหักล้างเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน ตอนแรกที่หยวนชิงหลิงวางแผนดักเขา สุดท้ายทั้งสองคนก็ไปกันได้ดีมากไม่ใช่รึ เวลานี้นางไม่กลัวหรอกว่าเขาจะเกลียดนาง ลองถ้าได้แต่งเข้าไป นางก็จะต้องเปลี่ยนมุมมองของเขาจากตอนแรกเริ่มได้เหมือนกันแน่

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset