บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 300 ควรที่จะเลิกร้างภรรยา

เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้น ในห้องโถงก็เงียบไปทันที แม้แต่เสียงขอร้องและร้องไห้ก็ถูกเก็บเข้าไปในลำคอ
ฮูหยินย่าโกรธจนลุกขึ้นมา กล่าวอย่างเคร่งขรึม “แล้วเจ้าจะไล่แม่ของเจ้าออกไปด้วยมั้ย? วันนี้หากเจ้ากล้าทำร้ายคนที่อยู่ในห้องนี้แม้แต่คนเดียว ข้าจะตายต่อหน้าเจ้าทันที ให้เจ้าแบกรับกับโทษที่อกตัญญู”
โสวฝู่ฉู่มองนาง กล่าวอย่างเย็นชา “เดิมข้าสามารถสั่งคนส่งท่านกลับไปที่สำนักนางชีเยว่เหมย แต่ว่า ท่านอยากจะอยู่ดูที่นี่ มองดูคนตระกูลฉู่ ของเรา ที่ถูกท่านตามใจจนอะไรก็ไม่รู้ มองดูคนที่อยู่ข้างล่างนี้ ยังมีคนที่มีประโยชน์มั้ย? ท่านตายแล้ว ข้าตายแล้ว คนพวกนี้ ก็จะถูกคนอื่นแร่เหมือนปลา เพียงแต่ เมื่อถึงตอนนั้นท่านก็มองไม่เห็น ข้าก็มองไม่เห็น”
ฮูหยินย่ากล่าวอย่างโกรธเคือง “ดังนั้นข้าถึงได้เตือนเจ้า อาศัยตอนที่เจ้ายังมีกำลัง สนับสนุนคนในตระกูลให้มีอำนาจ ขอเพียงตระกูลฉู่เติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ รากฝังลึกสู่ดิน ทอดยาวหลายพันลี้ ใครจะกล้าแตะต้องพวกเราอีก? วันนี้เรื่องยังไม่เกิด เจ้าก็จะเชือดคนในจวนเป็นตัวอย่าง ไม่เท่ากับอ่อนแอหรอกเหรอ? เจ้าที่เป็นวีรบุรุษ ก็ควรที่ต่อสู้เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตระกูล ไม่ใช่มากล้าๆกลัวๆแบบนี้”
โสวฝู่ฉู่หัวเราะอย่างเย็นชา “ท่านแม่คิดอยากจะก่อกบฏเหรอ? อายุปูนนี้ ยังไม่รู้จักยืดหยุ่นปล่อยวาง ช้าเร็วตระกูลฉู่ต้องเจอศึกหนัก หากท่านพ่อยังอยู่ ต่อให้ข้าต้องตาย ก็ต้องกล่อมให้เขาเลิกร้างกับท่าน เพื่อไม่ให้ท่านมาทำร้ายลูกหลานตระกูลฉู่ของเรา”
คำพูดนี้ ทำให้ทุกคนตกใจ คำพูดนี้ มันไม่ใช่แค่การก่อกบฏ? แต่มันคือการขัดต่อจริยธรรมของมนุษย์
ฮูหยินย่าตาเหลือกไปหนึ่งที เกือบจะล้มลงกลางห้องโถง
ในขณะนั้น โสวฝู่ฉู่ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้กับมู่หย่า แววตาไปหยุดอยู่บนเหล้าพิษ
มู่หย่าก้าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ยกเหล้าพิษขึ้นเดินเข้าไปหาฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่
ฮูหยินใหญ่กรีดร้อง ใช้แรงในการหลบ แววตานางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ส่ายหัวร้องไห้กล่าว “เจ้าออกไป เจ้าออกไป!”
รูปร่างสูงใหญ่ของมู่หย่าที่มีเงาดำขนาดใหญ่เหมือนยมทูตที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง
ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่ร่างกายอ่อนเหมือนหนอนตัวหนึ่ง คลานอยู่บนพื้น ขอร้องอย่างปากคอสั่น “ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะไปขอโทษแม่นมสี่ ข้าจะไปขอโทษคนในตระกูลฮู่กั๋วกง ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะไม่กล้าทำอีก ขอร้องท่านปล่อยข้าไปสักครั้ง ท่านพ่อ ชุ่ยเอ๋อ ชุ่ยเอ๋อ ช่วยแม่ด้วย”
คุณหนูคุณชายของเรือนหลังใหญ่ ฉู่หมิงหยาง ฉู่หมิงชุ่ยและคนอื่นรีบกรุเข้าไปข้างหน้า กลับถูกทหารขวางเอาไว้ ไม่ให้เข้าใกล้แม้แต่ก้าวเดียว
ฉู่หมิงหยางหน้าซีดขาวไปหมด ซีดจนน่ากลัว ร่างกายสั่นเหมือนตะแกรง ยืนไม่อยู่ ล้มลงบนพื้น แม้แต่ร้องไห้ยังไม่กล้าเลย มีเพียงเสียงสะอื้นที่เหมือนจะขาดใจออกมาทางปาก หวาดกลัวเหมือนงูพิษที่ฝังแน่นในใจ
ฉู่หมิงชุ่ยอยากจะบุกเข้าไป มีทหารขวางอยู่จนไม่สามารถทำอะไรได้ นางทำได้เพียงร้องไห้อย่างหนักขอร้องโสวฝู่ฉู่ “ท่านปู่ ท่านปล่อยท่านแม่เถอะ นางรู้ตัวว่าผิดแล้ว ท่านปล่อยนาง…….เถอะ ท่านปล่อยนาง หลานจะฟังท่านทุกอย่าง จะไม่กล้าขัดความต้องการของท่านอีกแล้ว…….ท่านปู่ อย่านะ!”
เสียงกรีดร้องครั้งสุดท้ายของนาง น่ากลัวเหมือนเสียงนกฮูกกลางคืน ทำให้นกที่อยู่บนหลังคาของจวนตระกูลฉู่ตกใจ
มู่เลิกร้างจับคางของฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่เอาไว้ บังคับให้นางอ้าปาก ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่ส่ายหัวอย่างหนัก แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและหวาดกลัวกับความตาย เหล้าพิษถูกเทเข้าไปในปากของนาง
หลังจากเทเข้าไปแล้ว เขายังคงไม่ปล่อยมือ แน่ใจว่าเหล้าพิษได้ถูกกลืนลงคอแล้ว เขาถึงได้โยนแก้วทิ้ง
ฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่นอนตัวอ่อนอยู่บนพื้น ใช้มือล้วงคออย่างเต็มกำลัง อยากที่จะอาเจียนเหล้าพิษออกมา
ก็อาเจียนออกมาเป็นบางส่วน นางกุมท้องเอาไว้ กึ่งคุกเข่ากึ่งหดตัว พยายามในการอาเจียน แต่ว่าเหล้าพิษที่เข้าไปแล้ว มันโดนกระพุ้งแก้มและลำคอ เข้าสู่กระเพาะ แผลไหม้รุนแรง สิ่งที่นางอาเจียนออกมา ครึ่งหนึ่งเป็นเลือด
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย……..” เสียงของนางเหมือนเสียงร้องของสัตว์ป่าที่บาดเจ็บ ลำคอสั่นอย่างต่อเนื่อง ตัวสั่น นอนลงบนพื้น “ช่วยด้วย ช่วยชีวิตข้าด้วย…….ช่วยข้าสิ………..”
นางทรมานไม่นานนัก สุดท้ายดิ้นไปไม่กี่ที ก็ไม่ขยับแล้ว ดวงตานั้นเบิกกว้าง เต็มไปด้วยความแค้นและความไม่พอใจ
คนของตระกูลฉู่ จ้องมองภาพที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกว่าหัวใจยังสั่น
ฉู่หมิงชุ่ยร้องไห้จนใจจะขาด ทหารได้ปล่อยนางในที่สุด นางวิ่งเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง คุกเข่าร้องไห้เสียงดัง
และฉู่หมิงหยางที่นอนหมดแรงอยู่บนพื้น ยังคงพยายามหายใจทางปาก ราวกับว่ามีคนมาอุดลำคอไว้ ตกใจอย่างสุดขีดเหมือนกับถูกผีหลอก
“โสวฝู่ฉู่ เจ้าอยากจะบีบให้แม่ของเจ้าตายรึ?” ฮูหยินย่าตะโกนอย่างเสียงดัง นางโกรธจนตัวสั่น แทบจะเป็นลมล้มพับ แต่นางพยายามกัดฟันฝืนทนเอาไว้
โสวฝู่ฉู่นั่งนิ่งๆ ไม่พูดไม่จา แววตามีความมีเจ็บปวดและความโกรธปนอยู่ด้วยกัน
กับคนตระกูลฉู่ แต่ไหนแต่ไรเขานั้นปกป้องทุกคน อย่างกรณีของเจ้าพระยาหุ้ยติ่ง เขาก็หวังอยากให้เจ้าพระยาหุ้ยติ่งรอด
แต่ว่าครั้งนั้น เมื่อรู้สิ่งที่เจ้าพระยาหุ้ยติ่งอะไรไปบ้าง เขานั้นก็ตกใจ
นี่ก็คือการกระทำของคนในตระกูลฉู่เหรอ?
ใครให้ความกล้ากับพวกเข้า? พวกเขาถึงกล้ากระทำความชั่วกันได้ขนาดนี้
สิ่งที่สำคัญคือ ครั้งสุดท้ายที่เจ้าพระยาหุ้ยติ่งลักพาตัวพระชายาฉู่ไปนั้น ตอนหลังเขาก็รู้ว่าคือพระชายาฉู่ แต่เขายังคงไม่มีความกลัวไม่สะทกสะท้าน
นั่นก็หมายความว่า พวกเขาไม่เห็นราชวงศ์อยู่ในสายตาแล้ว ในใจของพวกเขา ตระกูลฉู่นั้นใหญ่กว่าราชวงศ์
วันนี้ที่อยู่ในห้องโถง คำพูดที่พวกเขาพูด ก็ได้ยืนยันข้อนี้แล้ว พวกเขาไม่แม้กระทั่งจะสนใจว่าอ๋องฉีก็ในห้องโถงด้วย คำพูดกบฏเหล่านั้น ก็พูดออกมาโดยที่ไม่กลัวความผิด
ตระกูลฉู่ไม่เพียงแต่ยโสโอหัง ตระกูลฉู่คิดอยากจะแย่งชิงบัลลังก์
ในใจของทุกคนมีความมั่นใจนี้ เข้าใจว่าบัลลังก์ของฮ่องเต้ไม่ใช่ว่าจะเอามันมาได้ แต่อยู่ที่ว่าพวกเขานั้นอยากที่จะไปเอามันหรือเปล่า
ราชโองการของไท่ซ่างหวง บอกว่าจะลงโทษคนที่ปล่อยข่าวลืออย่างหนัก คนที่ฆ่านั้นคือคนในจวนของเขา แต่ว่าการกระทำของไท่ซ่างหวง ก็คือตักเตือนเขาอย่างจริงจัง
“เพื่อนางขี้ข้าชั้นต่ำคนหนึ่ง เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ!” ฮูหยินย่าโมโหจนปาแก้วออกไป ตะโกนด่าหยาบคาย ไม่เหลือคราบเชื้อพระวงศ์โดยแม้แต่นิดเดียว “นางตัวซวยคนนี้ ตอนนั้นข้าก็ควรที่จะฆ่านางแล้ว หากไม่ใช่เจ้าบอกว่าไม่ได้รักนางแล้ว มีหรือข้าจะเก็บนางเอาไว้? ผู้หญิงคนนี้มันตัวซวยจริงๆ กระทั่งแก่แล้ว ตายแล้ว ก็ยังจะมาทำลายคนในตระกูลฉู่”
โสวฝู่ฉู่ยิ้มที่มุมปากอย่างเย็นชา ตอนนั้นท่านสามารถเรียกลมได้ลมเรียกฝนได้ฝน จะฆ่านาง ก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ หากข้าไม่พูดเช่นนั้น เสี่ยวสี่คงตายไปนานแล้ว ข้ารอดูมาโดยตลอดต่อให้ท่านเกลียดคนผู้นั้นมากแค่ไหน กลับทำได้เพียงมองดูนางมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าท่าน ฮูหยิน กลับไปที่สำนักนางชีเยว่เหมยของท่านเถอะ ตรงนี้ไม่มีชีวิตที่ท่านต้องการแล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ตระกูลฉู่ต้องอยู่ภายใต้กฎที่เข้มงวด คนของตระกูลฉู่ ขอเพียงออกไปยโสโอหังข้างนอก ทำตัวเหิมเกริม ก็ต้องถูกทำโทษตามกฎทันที ไล่ออกจากจวน
ฮูหยินย่าได้ยินคำพูดนี้ ในที่สุดก็เป็นลมไปเลย
โสวฝู่ฉู่ก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว
ในห้องโถง โกลาหลอย่างมาก เสียงร้องไห้ดังสนั่นฟ้า ร้องไห้เสียงดังจนป้ายที่ติดไว้ด้วยตัวอักษร ยโสโอหัง หล่นลงมา หักเป็นสองท่อน
ทุกคนต่างก็ตัวสั่นและหวาดกลัว มึนงงโดยไม่รู้ว่าทำอะไรผิด
ในห้องโถงทหารยังไม่ได้ถอยออกไป ยังคงยืนนิ่งเหมือนท่อไม้
ศพของฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่ถูกยกออกไป ฮูหยินย่าถูกพยุงไปที่ห้องนอน คนทั้งหมด สองขาไร้เรี่ยวแรง ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี
มีเพียงคนใบ้อย่างฮูหยินโสวฝู่ฉู่ส่ายหัวเล็กน้อย แล้วเดินออกไปอย่างช้าๆ
แม้นางจะเป็นใบ้ แต่ในใจนางนั้นเข้าใจทุกอย่าง
นางรู้ว่าเขากำลังทำอะไร เขาพยายามรักษาชีวิตของคนในตระกูลฉู่ รักษารากฐานของตระกูลฉู่
ในใจนั้นไม่มีความเสียใจเลย ในทางกลับกัน กลับรู้สึกโล่งอก
ท่านแม่สามีพูดถูกแล้ว นางควรไปที่สำนักนางชีเยว่เหมย เพื่อสั่งสมบุญให้กับลูกหลาน
พลบค่ำ ราชโองการของไท่ซ่างหวงก็มาถึง สั่งประหารชีวิตของฮูหยินใหญ่ตระกูลฉู่ ความผิดของตระกูลฉู่ ต้องถูกว่ากล่าวตักเตือนในราชสำนักต่อหน้าขุนนางนับร้อยอีกด้วย
คนในตระกูลฉู่เพิ่งจะรู้ว่า ไท่ซ่างหวงนั้นโกรธแล้วจริงๆ
เรื่องนี้ ไท่ซ่างหวงไม่จำเป็นต้องมีราชโองการ เพียงแค่สั่งการอย่างลับๆก็ได้แล้ว ที่พระองค์ออกราชโองการ พระองค์ต้องการกำราบความโอหังเผด็จการของตระกูลฉู่

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset