บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 312 ทำไมเขาถึงทำกับข้าเช่นนี้

แต่นางไม่พูดอะไร เพียงแค่ค่อยๆหลับตาลงแล้วร้องไห้ ร่างกายสั่นเทา
อ๋องฉีส่งสัญญาณมือ สั่งให้หมอหลวงเฉากับหยวนหย่งอี้ออกไป
คราวนี้หยวนหย่งอี้รู้ความดี ดึงหมอหลวงเฉากำลังจะออกไป หมอหลวงเฉาวางผงยาไว้ พร้อมบอกกับสาวใช้ว่า “นี่เป็นผงห้ามเลือด โรยบนบาดแผล พันแผลไว้ สักสองวันก็จะหายดี”
สาวใช้ตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมด รับยามาแล้วก็พูดขอบคุณ
เมื่ออ๋องฉีไล่ทุกคนออกไปหมดแล้ว ก็มานั่งด้านข้างฉู่หมิงชุ่ย พร้อมถามขึ้นว่า “ทำไม?”
ฉู่หมิงชุ่ยหันหน้าไป เช็ดน้ำตา ไม่พูดไม่จา
อ๋องฉีเห็นนางเป็นแบบนี้ ในใจก็รู้สึกไม่ดี
แต่ปกติสมองของเขาที่ไม่ค่อยได้เรื่อง คราวนี้กลับมีสติขึ้นมา
คำพูดที่หยวนหย่งอี้พูดนั้น ที่จริงเป็นการเตือนสติเขา
เพราะหากชุ่ยเอ๋อสนใจเขาจริงๆ ก็จะไม่บังคับให้เขาไปทำเรื่องที่เขาไม่ยินยอม เขาไม่ใช่คนยากจน เขาเป็นถึงอ๋องคนหนึ่ง เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปแย่งชิงอะไร ก็สามารถให้นางได้มีชีวิตอยู่อย่างสบายไปตลอดชีวิต
ไม่มีใครเห็นเขาเป็นคู่ต่อสู้ ไม่มีใครกระทำอะไรกับอ๋องที่ไม่เอาไหน นางฉลาดขนาดนั้น นางรู้ โดยเฉพาะเขายังเป็นหลานของโสวฝู่ฉู่ พระราชโอรสของฮองเฮา ต่อให้อนาคตพี่ใหญ่เป็นองค์รัชทายาทเป็นฮ่องเต้ ก็ไม่กล้าทำอะไรเขา ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นที่กล่าวขาน
แน่นอน พูดอย่าขี้ขลาดก็คือ พี่ใหญ่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาอยู่แล้ว
ดังนั้นนางไม่ได้สนใจเขาจริงๆ
เช่นนั้น สิ่งที่เขาทำลงไปทุกอย่างคุ้มค่าไหม?
ดังนั้นต่อให้ในใจเขาทุกข์ทรมาน แต่ก็ยังพูดต่อไปว่า “เราจบกันแบบนี้เถอะ ตั้งแต่วันที่แต่งงานกับเจ้า ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าในใจเจ้าไม่มีข้า ข้ารู้ตัวเองดีว่าเทียบกับพี่ห้าไม่ได้ ยังไงคนที่เจ้าชอบก็คือพี่ห้า แต่พี่ห้าทรยศเจ้า เจ้าจึงจำใจต้องแต่งงานกับข้า ข้าคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานเราก็จะสามารถดีกันได้ หนึ่งปีที่แต่งงานอยู่ด้วยกันมานี้ ถือว่าเราก็อยู่ด้วยกันได้เป็นอย่างดี ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ถือได้ว่ามีความรักต่อกัน แต่ใครจะไปรู้ว่าเจ้าเสแสร้งทำเป็นดีหรือเปล่า? ดังนั้นลบทุกอย่างทิ้งไป เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องจำใจ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องทำดี ต่างคนต่างแยกย้ายกันเถอะ”
ฉู่หมิงชุ่ยหันมามองนาง นางคิดไม่ถึงจริงๆ นางถึงขั้นกรีดข้อมือตัวเองแล้ว เขายังจะพูดเช่นนี้อีก
ความรักใคร่ของเขาล่ะ? ความเอาใจของเขาล่ะ?ความรักใคร่อย่างสุดซึ้งที่เขามีต่อนางที่ผ่านมา ที่แท้ล้วนเป็นความหลอกลวงหรือ?
นางนึกว่า ขอเพียงนางทำร้ายตนเอง เขาก็จะกระโจนเข้ามา รักใคร่นางอย่างทะนุถนอม
ความผิดหวังอย่างที่สุด ทำให้นางไม่สามารถยอมรับได้
นางยิ่งยอมรับไม่ได้ที่ตนเองตกต่ำถึงเพียงนี้ กลับแลกได้มาแค่เพียงความเย็นชาเยือกเย็น
ความเกลียดชังที่มีต่อทุกคน อนาคตที่ว่างเปล่า ความเจ็บปวดที่ท่านแม่ฆ่าตัวตาย ความเจ็บปวดที่รักหยู่เหวินเห้าแล้วผิดหวัง อารมณ์ความผิดหวังทุกอย่างเป็นเหมือนดังคลื่นน้ำซัดขึ้นมา
สีหน้าของนางเงียบสงบ
“การเลิกร้าง คือสิ่งที่เจ้าจะต้องทำให้ได้ใช่ไหม?”นางถามขึ้นด้วยเสียงเบา
อ๋องฉีพูดขึ้นด้วยแววตาเศร้าหมองว่า “นี่ก็คือสิ่งที่เจ้าคาดหวังไม่ใช่หรือ? ข้าจะกระทำให้เจ้าสมหวังเป็นครั้งสุดท้าย”
นางเงียบ
ปล่อยให้ความเกลียดชังภายในใจ หมักหมมและปั่นป่วนอยู่อย่างอิสระ
สุดท้าย นางยิ้ม พร้อมยื่นมือทั้งคู่ที่สั่นเทาออกมา พูดขึ้นด้วยร่างกายที่สั่นเทาว่า “กอดข้าเป็นครั้งสุดท้าย เรามาจากกันด้วยดี”
อ๋องฉีลังเลพักหนึ่ง แล้วส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ล่ะ เจ้ารักษาตัวให้ดี ข้าออกไปก่อน”
วินาทีที่เขาลุกขึ้น แววตาของนางฉายแววเยือกเย็น สีหน้าดุร้าย ชักปิ่นปักผมลงมาอย่างไว ใช้แรงทั้งหมดที่มี ปักปิ่นแทงลงไปบนหน้าอกของเขา
“งั้นเจ้าก็ไปตายเสีย เราไปตายด้วยกัน”
น้ำเสียงเหน็บหนาวเหมือนหลุดออกมาจากในนรก ในขณะที่เขายังไม่ได้สติกลับมา ปิ่นปักผมนั่นถูกนางดึงออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็แทงลงไปบนท้องของเขาอีกครั้ง
เลือดสาดกระเด็นออกมา
อ๋องฉีก้มหัวมองดูปิ่นปักผมนั่น ปิ่นปักผมอันนี้ เขามอบให้กับนางเมื่อแต่งงานกันได้สามวัน
บนปิ่นสลักอักษรสมความปรารถนาสี่คำว่า ทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่
เขาก้มหัวลง มองเห็นสี่คำที่สลักนั้นปรากฏอยู่ตรงหน้า
บนใบหน้าของเขาไม่แสดงอาการเจ็บปวดใดๆ และก็ไม่มีเสียงร้องสักนิด เขาดึงปิ่นออกมา เลือดก็พุ่งกระเด็นออกมา สีหน้าของเขาขาวซีด ใช้แขนเสื้อเช็ดรอยเลือดบนปิ่นปักผม วางตรงหน้าของนาง หัวเราะอย่างเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “ดูแลตัวเองให้ดี”
เขาลุกขึ้นมาอย่างโซเซ และเดินไปที่ประตู
ฉู่หมิงชุ่ยจ้องมองดู ด้วยสายตาที่กลวงและแห้ง น้ำตาไหลไม่ออก ทั้งร่างกายกำลังสั่นเทาอย่างห้ามไม่ได้
“หยู่เหวินชิง แล้วเจ้าจะเสียใจ”นางพูดขึ้นอย่างดุร้าย
“ไม่แน่นอน” เขาไม่หันกลับมา เปิดประตู เลือดไหลเต็มพื้น พร้อมพูดขึ้นว่า “วันนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตของข้า”
หยวนหย่งอี้กับหมอหลวงเฉาถึงแม้จะออกมาอยู่ข้างนอก แต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกล
เมื่อกี้นางมองเห็นภายในสายตาของอ๋องฉี ฉายแววความเด็ดเดี่ยว
การที่ฉู่หมิงชุ่ยฆ่าตัวตาย จะช่วยชีวิตกลับมา คนหนึ่งช่วยกลับมา คนหนึ่งตัดสินใจ งั้นพูดต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
แต่นางคิดว่าฉู่หมิงชุ่ยจะฆ่าตัวตายอีกครั้ง ดังนั้น นางพาหมอหลวงเฉาเฝ้าอยู่ด้านนอก
แต่เมื่อประตูเปิดออก กลับมองเห็นอ๋องฉีที่เดินออกพร้อมร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดอย่างโซซัดโซเซ
นางตกตะลึง รีบเข้าไปประคองเขาไว้ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด มือไปถูกโดนแผลที่อกของเขา มีเลือดอุ่นๆไหลออกมา นางร้องขึ้นว่า “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ หมอหลวง”
นางหันตะโกนร้องพูดขึ้น
อ๋องฉีใช้มือข้างหนึ่งจับไหล่หยวนหย่งอี้ไว้ พร้อมพูดอย่างหมดแรงว่า “เราไปกันเถอะ”
หยวนหย่งอี้มองดูข้างใน เห็นฉู่หมิงชุ่ยยืนเปลือยเท้าอยู่บนพื้น สีหน้าบูดบึ้งและเย็นชา แววตาเยือกเย็น
หยวนหย่งอี้โกรธจัด กำลังจะวิ่งเข้าไป อ๋องฉีจับข้อมือของนางไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าทำให้ตัวเองบาดเจ็บเอง ไม่เกี่ยวกับคนอื่น ไปเถอะ”
หยวนหย่งอี้เห็นอาการบาดเจ็บของเขาค่อนข้างหนัก หมอหลวงกับมหาดเล็กก็เดินเข้ามา นางจึงไม่ทันได้สนใจฉู่หมิงชุ่ย ประคองอ๋องฉีแล้วก็จากไป
อาการบาดเจ็บของอ๋องฉีไม่ค่อยสาหัส ต่อให้ฉู่หมิงชุ่ยใช้แรงของตนทั้งหมดที่มี ก็ไม่สามารถทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส บาดแผลตรงหน้าอกไม่ได้ลึกมาก แต่ตรงท้องค่อนข้างหนักหน่อย
แต่โดยรวมแล้วก็ไม่เป็นอะไรมาก
ในขณะที่อ๋องฉีกำลังรักษาบาดแผล ฉู่หมิงชุ่ยได้สั่งคนเตรียมรถม้า เพื่อไปยังสำนักนางชีเยว่เหมย
เข้าไปถึงสำนักนางชีเยว่เหมย นางตรงเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าฮูหยินย่า บอกว่าอ๋องฉีหลงใหลชายารองมากกว่าชายาเอก จนขอเลิกร้างกับนาง ด้วยความโกรธ นางจึงทำร้ายอ๋องฉีจนได้รับบาดเจ็บ
ฮูหยินย่ารีบพานางเข้าวังไปเพื่อรับโทษ
เรื่องนี้จึงรู้ไปถึงฮ่องเต้หมิงหยวน
ฮ่องเต้กับฮองเฮาถามความด้วยตนเอง ฉู่หมิงชุ่ยร้องห่มร้องไห้ พร้อมพูดว่าตั้งแต่อ๋องฉีพาหยวนหย่งอี้มา ก็หลงใหลแต่หยวนหย่งอี้ หยวนหย่งอี้หาว่านางแอบลักลอบคบหาอ๋องฉู่ บีบบังคับให้นางพิสูจน์ตนเอง จนต้องฆ่าตัวตาย
แต่อ๋องฉีก็ไม่ยอมหยุด ยังคงต้องการที่จะเลิกร้างกับนาง นางเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างมาก จึงลงมือทำร้ายอ๋องฉี
ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนี้ ก็โกรธอย่างมาก
ฮองเฮาพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “เจ้าบอกว่าชายารองหยวน หาว่าเจ้าคบชู้กับอ๋องฉู่ นางมีหลักฐานอะไรไหม? หากไม่มีหลักฐาน เท่ากับเป็นการใส่ร้าย ข้าไม่ปล่อยนางไว้แน่”
ตอนนี้ฮองเฮาคิดแต่จะช่วยให้ลูกชายตัวเองพ้นผิด เอาความผิดทุกอย่างโยนให้กับหยวนหย่งอี้ ไม่ใช่เป็นการเข้าข้างฉู่หมิงชุ่ย
ฉู่หมิงชุ่ยร้องไห้อย่างเจ็บปวด พร้อมพูดว่า “ลูกสะใภ้กับอ๋องฉู่ต่างบริสุทธิ์ใจ จะคบชู้กันได้อย่างไร? เรื่องนี้ เสด็จพ่อเสด็จแม่ สามารถตามอ๋องฉู่มาถามความได้”
นางร้องไห้ พร้อมคลานไปตรงหน้าฮองเฮา ยื่นมือจับปลายกระโปรงของนางไว้ บาดแผลบนข้อมือเผยให้เห็นอย่างชัดเจน นางร้องไห้จนตาบวม น่าสงสารอย่างที่สุด น้ำตาไหลอาบแก้ม พร้อมถามขึ้นอย่างหมดหวังว่า “ท่านน้า ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? เมื่อก่อนเขาดีกับข้ามาก ทำไมจึงกลายเป็นแบบนี้? ทำไมเขาถึงทำกับข้าเช่นนี้? ฆ่าข้าเสียยังดีกว่า”

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset