บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 333 รองพระชายาจี้

พระชายาซุนนั่งเงียบๆอยู่ข้างกายเขา ใช้ศีรษะอิงแอบไปที่ไหล่อันหนาของเขา หัวใจยังคงสั่นอย่างเป็นกังวล
อ๋องซุนยื่นมือไปกอดพระชายาเอาไว้ พูดเบาๆว่า “อย่ากลัว ล้วนผ่านไปแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรเจ้ายังมีข้า ”
แต่ไหนแต่ไรมา อ๋องซุนมักเป็นคนที่ถูกปลอบโยนคนนั้น
พระชายาซุนนั้นมีความรับผิดชอบมาก เรื่องน้อยใหญ่ในจวน นางคนเดียวสามารถจัดการได้เรียบร้อย
ตอนนี้นางรู้สึกกลัว เกิดอ่อนแอขึ้นมา เมื่อได้ฟังคำพูดของอ๋องซุน นางก็ขอบตาแดงรื้นขึ้น พูดด้วยเสียงขึ้นจมูกหนักๆว่า “อืม ”
“เจ้าห้าคงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ เรื่องนี้หากมีการไต่สวนขึ้นมา เจ้าก็แค่พูดตามความจริงเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงชื่อเสียงของจวนอ๋องซุน ”อ๋องซุนพูดเสียงเบา
“ข้ารู้แล้ว ”พระชายาจี้เองก็เจ็บปวดใจแทนบ่าวรับใช้ทั้งหลาย นางเกลียดฉู่หมิงชุ่ยเข้ากระดูกดำ
ในวังเองก็เกิดโกลาหลขึ้นเพราะเรื่องนี้เช่นกัน หลังจากฮ่องเต้หมิงหยวนได้ฟัง รู้สึกเป็นเรื่องเหลวไหล ฉู่หมิงชุ่ยคนเดียว เผาจวนอ๋องฉีไปทั้งจวน ทำให้คนของตระกูลหยวนบาดเจ็บสาหัสหนัก แล้วยังลักพาตัวพระชายาฉู่
ฟังแล้วเหมือนเรื่องขำขัน
แต่ว่าคนที่คุกเข่าเล่าเรื่องให้เขาฟังอยู่ข้างล่างบอกเขาว่า นี่ไม่ใช่ความฝันและไม่ใช่เรื่องตลก ตระกูลฉู่มีคนมีความสามารถ และหญิงที่มีความสามารถนี้ก็ทำได้จริงๆ
ฉะนั้น หลังจากที่ฮ่องเต้หมิงหยวนเบิกตากว้างตกใจอยู่ชั่วครู่ ก็สีหน้านิ่งขรึมเผยแววประชด “กำลังจะเลิกร้างกันอยู่แล้ว ยังมีเรื่องใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นอีก จะไม่ให้รู้สึกเลื่อมใสอย่างสุดซึ้งได้อย่างไร ”
พูดไปอย่างนั้นเอง แต่กลับมีบัญชาหนักเอาการ ก่อนอื่นคือลงโทษเรื่องที่กรมการพระนครลาดตระเวนไม่ทั่วถึง
หยวนชิงหลิงก็รู้ว่าหยู่เหวินเห้าถูกลงโทษ เรื่องนี้นางเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ
เพราะว่า ในเมืองหลวงมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นขนาดนี้ จวนอ๋องฉีถูกเผาวอด มีนักฆ่าเข้าจวนอ๋องซุน ตายและบาดเจ็บไปไม่น้อย อีกทั้งยังมีพระชายาอ๋องถูกลักพาตัวไปอีกคน หากเป็นยุคสมัยที่นางอยู่ คาดว่าคงมีผู้บังคับบัญชาไม่น้อยที่จะถูกลงโทษ
ในขณะที่สถานการณ์เลวร้ายปกคลุมไปทั่วเช่นนี้ ฉู่หมิงหยางก็ยังคงแต่งงานออกเรือนไปแล้ว
ขบวนเจ้าสาวอลังการนั้นไม่มีแล้ว แต่ลูกสาวของตระกูลฉู่ออกเรือนทั้งที ก็คงไม่ถึงกับข้นแค้น
สินสอดติดตัวเจ้าสาวถูกลำเลียงไปยังจวนอ๋องจี้หลายหีบ แขกเหรื่อยังคงทยอยกันมาต่อเนื่อง เพื่อร่วมแสดงความยินดีที่อ๋องจี้แต่งพระชายารอง
พระชายาจี้ถูกประคองออกมานั่งอยู่กลางโถง มองฉู่หมิงหยางที่คุกเข่ายกน้ำชาอยู่ตรงหน้า นางมิได้หาเรื่องอะไร ดื่มชาแล้ว พูดอวยพรไม่กี่คำ ก็บอกว่าตัวเองไม่ค่อยสบาย ขอตัวกลับห้องก่อน
อ๋องจี้นั้นอารมณ์ดีมาก ดื่มเหล้ากับแขกในงานเลี้ยงเต็มที่ มีความสุขที่สุด
เขาเห็นดีด้วยกับเรื่องแต่งงานครั้งนี้ อย่างน้อยตอนนี้ฉู่หมิงชุ่ยก็มีประโยชน์กว่าพระชายาจี้
เมื่อก่อนพระชายาจี้นั้นก็เหมือนต้นไม้ที่แข็งแรงดอกใบเต็มต้น แต่ตอนนี้เหลือเพียงกิ่งไม้ไร้ใบ ทั้งยังถูกแมลงกัดกิน เริ่มเน่าเปื่อย ไม่สามารถใช้การได้อย่างที่ควร
แต่ฉู่หมิงหยางนั้นเป็นพระชายาจี้ในแรกเริ่ม เต็มไปด้วยดอกใบ รากหยั่งลึก สามารถให้เขาเอาเปรียบได้ตามใจ
เขาเข้าห้องหอด้วยจิตใจเร่าร้อนฮึกเหิม
เทียนมังกรคู่หงส์ยังคงส่องแสง การแต่งพระชายารองเดิมไม่ควรจุดเทียนมังกรคู่หงส์ แต่ว่า เขารู้ว่าจะเอาใจหญิงสาวอย่างไร ฉู่หมิงหยางสนใจอะไร เขาก็จะให้อย่างนั้น
เขาอยากให้นางรู้สึกว่านางแต่งเข้ามาในฐานะพระชายาเอก ความรุ่งโรจน์และมั่งคั่งของเขาในภายหน้า ล้วนเป็นของนางด้วย
ทั้งชื่อเสียงและอำนาจเขาล้วนให้นางได้
เขาให้บ่าวรับใช้กับแม่นมที่ติดตามมาด้วยถอยออกไป สองมือไขว้หลังเดินเข้าไปข้างใน
เจ้าสาวนั่งอยู่บนเตียง ที่คลุมศีรษะห้อยลงมา พู่ห้อยหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว ดูออกเลยว่านางไม่ขยับตัวมานานแล้ว ยังคงรักษาท่าทีเช่นนั้นไว้ นั่งอย่างสงบมานานแล้ว
ได้ยินเสียงฝีเท้า เห็นได้ชัดว่าร่างนางชะงักไป
ไม้อันหนึ่งยื่นเข้ามา ค่อยๆเลิกมุมหนึ่งของผ้าคลุมศีรษะขึ้น ฉู่หมิงหยางยังคงก้มหน้า เห็นเพียงรองเท้าผ้าไหมที่ปักลายก้อนเมฆคู่หนึ่งที่อยู่บนพื้น ราวกับสัตว์ป่าที่สีสันสดใส
นางค่อยๆเหลือบตาขึ้น เห็นบุรุษตรงหน้าที่ดูสูงส่งเอาแต่ใจ
หัวใจนางบีบแน่น ดวงตานั้นช่างเหมือนกันเสียจริง
เสียดายที่ไม่ใช่เขา
มือใหญ่ผ่านหน้านางไป สัมผัสแผ่วเบา ก่อนจะผายมือตรงหน้านาง นิ้วทั้งห้าเรียวยาว เห็นข้อต่อชัดเจน “เจ้าเองก็คงหิวแล้ว ข้าจะกินเป็นเพื่อนเจ้าหน่อย”
นางลังเลอยู่ชั่วครู่ ยื่นมือเข้าไปในมือของเขา มือใหญ่กุมมือเล็ก ส่งแรงผ่านมือนั้น นางก็ถูกดึงให้ลุกขึ้นมา
เขานั้นดูอ่อนโยนมาก ไม่เหมือนที่พูดกันข้างนอกว่าดุร้ายและเอาแต่ใจ
ใจนางค่อยๆผ่อนคลายลง เดินไปนิ่งร่วมกัน
อ๋องจี้รินเหล้า ดวงตาค่อยๆหรี่ลง ยิ้มเรียบๆ “ดื่มเหล้าเป็นหรือไม่ ”
ฉู่หมิงหยางกำมุมเสื้อเอาไว้ แสงเทียนสีแดงส่องใบหน้านางจนแดงระเรื่อ หางตาก็ถูกย้อมไปด้วยสีแดง “ดื่มได้นิดหน่อย”
เขายังคงยิ้ม กุมมือของนางเอาไว้ ลูบไล้ที่หลังมือนางอยู่ชั่วครู่ เอ่ยอย่างนุ่มนวลว่า “เช่นนั้นเมื่อแลกแก้วสุรากันแล้ว ตั้งวันนี้เป็นต้นไป เจ้าก็คือภรรยาของข้า ”
ฉู่หมิงหยางกะพริบตา “ภรรยา”
อ๋องจี้ยิ้มบางๆ แววตาสดใส “ใช่แล้ว ในใจของข้า เจ้าก็คือภรรยาของข้า ”
ฉู่หมิงหยางเงยหน้าขึ้นมองเขา กะพริบตาปริบๆ แล้วก็หลุบตาลง หัวใจเต้นโครมคราม
เมื่อแลกแก้วสุราแล้วดื่มลงไป แววตาของอ๋องจี้ก็นิ่งขรึมลึกล้ำยิ่งขึ้น อุ้มนางด้วยมือเดียวแล้วก็พาไปที่เตียง
ศีรษะของฉู่หมิงหยางซุกอยู่ที่อกของเขา ม้วนแขนเสื้อของตัวเองไว้แน่น ไม่กล้าเคลื่อนไหว
นางถูกวางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง อ๋องจี้ลูบไล้ใบหน้าของนาง ราวกับกำลังเตะต้องของล้ำค่าก็ไม่ปาน สายตามีแววเอ็นดูรักใคร่
ฉู่หมิงหยางเคยเห็นแววตาเช่นนี้ มันปรากฏอยู่ในแววตาของหยู่เหวินเห้า ตอนนั้นเขากำลังมองหยวนชิงหลิงด้วยสายตาเช่นนี้
สายตานี้ทำให้นางมีความรู้สึกอิจฉาริษยาอย่างรุนแรงและอยู่ไม่เป็นสุข
ตอนนี้ได้เห็นมันในสายตาของอ๋องจี้ หัวใจนางก็สั่นไหว ร่างกายเหมือนปุยเมฆที่ล่องลอยไป
นางเริ่มค่อยๆลดการต่อต้านการสัมผัสของเขา ร่างกายจากแข็งทื่อก็เริ่มผ่อนคลายลง
ขณะที่ริมฝีปากของเขาประทับลงมา ฉู่หมิงหยางได้หลับตาลงแล้ว ยอมรับโดยปริยาย
เรื่องเหล่านี้ก่อนจะออกเรือน ได้มีคนมาสอนโดยเฉพาะ
นางรู้ว่าควรจะฝืนประจบเอาใจอย่างไร เพื่อเอาใจสามี
แสงเทียนสีแดงวูบไหว ส่องแสงรำไร บนเตียงมีลมหายใจแผ่วเบา การรุกรานเพื่อยึดอาณาเขต ยังคงดำเนินต่อไป
หอหรูอี
พระชายาจี้ได้สร้างห้องพระไว้ในหอหรูอี นางคุกเข่าอยู่บนฟูก จุดจันทน์หอมในกระถางธูปเคลือบสีทองบนแท่น กลิ่นหอมเป็นสายลอยออกมาจากช่องว่างของกระถาง กลิ่นหอมตลบอบอวล ทำให้รู้สึกสบายใจ
ในมือนางยังคือหมุนลูกประคำ ปากก็ท่องบทสวด ใบหน้าราวกับทุ่มเททั้งจิตใจใฝ่หาทางธรรม
เพียงชั่วครู่ สาวรับใช้ก็เข้ามา คุกเข่าลงด้านข้างและเอ่ยเสียงเบาว่า “พระชายา ท่านอ๋องไปพักผ่อนทางนั้นแล้วเพคะ”
พระชายาจี้ยังคงท่องบทสวด ราวกับไม่ได้ยิน
พอท่องบทสวดจนจบแล้วหนึ่งบท นางก็ยืนขึ้น ยื่นลูกประคำให้กับสาวรับใช้ สาวรับใช้วางมันไว้บนแท่นบูชา ประคองนางเดินออกไป
“ถ้าพรุ่งนี้รองพระชายามาน้อมทักทาย ก็บอกไปว่าข้าไม่สบาย ให้เว้นธรรมเนียมนี้ไปได้เลย ”พระชายาจี้เอ่ยเสียงเรียบๆ
สาวรับใช้นิ่งอึ้ง “พระชายา เพราะเหตุใด”
“ไม่เพียงพรุ่งนี้ วันต่อไปก็ให้เป็นเช่นนี้”พระชายาจี้นั่งลง ดื่มชาไปคำหนึ่ง ค่อยๆเหลือบตาขึ้น แล้วพูดว่า “พรุ่งนี้เจ้าให้คนตุ๋นอาหารส่งไปที่เรือนของรองพระชายาด้วย ”
สาวรับใช้ไม่ค่อยพอใจ “พระชายาทำไมต้องดีกับนางขนาดนี้ด้วย”
แม่เฒ่าสวมเสื้อคลุมเดินเข้ามา ตำหนิว่า “พระชายาสั่งเจ้า เจ้าไปทำตามก็พอ จะพูดมากทำไม”
สาวใช้เบ้ปากอย่างน้อยใจ “ข้าน้อยก็แค่รู้สึกไม่พอใจแทนพระชายา”
“ก็แค่แต่งรองพระชายาเท่านั้น ”พระชายาจี้พิงอยู่กับพนักเก้าอี้ “มีอะไรต้องไม่พอใจ ไม่ใช่ฉู่หมิงหยาง ก็ต้องเป็นคนอื่น ”
แม่เฒ่าให้สาวใช้ออกไป แล้วเอายาออกมาให้พระชายาจี้ พูดว่า “พรุ่งนี้คงจะไปจวนอ๋องฉู่ไม่ได้แล้ว จวนอ๋องฉู่ให้คนรายงานว่า พระชายาฉู่ร่างกายไม่สู้ดีนัก ลุกไม่ขึ้น”
พระชายาจี้กินยาแล้ว พูดว่า “ไม่เป็นไร นางคงให้คนส่งยามาเอง ”
นางรู้สึกเหนื่อยล้า ค่อยๆหลับตาลง ชั่วขณะหนึ่ง ก็ลืมตาขึ้น สายตามีแววคมกริบดุจมีดดาบ “ข้าต้องดีขึ้นให้เร็วที่สุด คนของตระกูลฉู่เข้ามาในจวนแล้ว จะประมาทไม่ได้ ”

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset