บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 370 ได้ยินเสียงหัวใจเต้นกี่ดวง

หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆว่า “ท่านอ๋องพูดเหลวไหล เจ้าก็เชื่อหรือ”
นางไม่คาดหวังว่าจะมีลูกฝาแฝด ออกมาทีเดียวพร้อมกันสองคน เหนื่อยตายกันพอดี
นี่ก็ไม่ง่ายเลยที่จะทำใจยอมรับว่าตนเองเป็นแม่คนแล้ว คงทำใจยอมรับเรื่องลูกอีกสองคนไม่ไหว
หยวนหย่งอี้มองที่ท้องของนาง ถามอย่างระมัดระวังว่า “พี่หยวน ข้าลองจับดูได้หรือไม่”
อะซี่เอ่ยอย่างอิจฉาว่า “ข้าก็อยากจะลองจับดูเหมือนกัน”
สวีอีที่ก่อเตาถ่านเสร็จแล้วเดินเข้ามา รีบพูดขึ้นทันทีว่า “ข้าน้อยก็อยากจะลองจับดู จับของดีอะไรกัน”
พอได้รับสายตาขุ่นเคืองจากท่านอ๋อง หางเสียงของสวีอีก็ถูกกลืนกลับเข้าไปในท้อง พร้อมกล้ำกลืนน้ำลายลงไปด้วยอึกหนึ่ง พูดผิดอีกแล้วหรือนี่
หยวนชิงหลิงยิ้มขม รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนกับสิ่งของที่แสดงในนิทรรศการ แต่ว่า นางก็ใจกว้างมาก พูดกับหยวนหย่งอี้กับอะซี่ว่า “ได้ พวกเจ้าเข้ามาสิ”
หยวนหย่งอี้กับอะซี่รีบเดินเข้าไป ย่อตัวนั่งลงข้างกายนาง ยื่นมือออกไปอย่างระมัดระวัง ค่อยๆวางมือไว้บนหน้าท้องของนาง ราวกับกำลังสัมผัสของล้ำค่าที่ง่ายต่อการแตกหัก
“ซื่อจื่อ ให้น้าจับหน่อยนะ”อะซี่พูดอย่างจริงใจ เป่าลมออกเฮือกหนึ่ง ดวงตาเบิกกว้าง ดูแล้วน่าตลกยิ่งนัก
“พี่ใหญ่”ทันใดนั้นนางก็มองไปทางหยวนหย่งอี้ ดวงตารู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันที “ขยับแล้ว ข้างในนี้มีคนอยู่หนึ่งคน ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ ในร่างกายของคนหนึ่งมีคนอีกคนหนึ่งอาศัยอยู่”
หยวนหย่งอี้เดิมก็รู้สึกอยากรู้และซาบซึ้งใจ แต่พอได้ยินคำพูดของอะซี่ นางก็หัวเราะขึ้นมา “ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าเห็นคนตั้งครรภ์เสียหน่อย อีกอย่างเจ้าก็อยู่เป็นเพื่อนพี่หยวนมาตั้งนานแล้ว ถึงกับต้องตื่นเต้นขนาดนี้เชียวหรือ”
อะซี่รู้สึกตื้นตันมาก “เมื่อก่อนข้าไม่เคยได้จับ ข้ารู้ว่าข้างในมีเด็กอยู่ แต่ว่าตอนนี้ข้าได้จับแล้ว เขากำลังขยับ ข้ารับรู้ได้ว่านี่คือความจริง”
รู้ว่าข้างในมีเด็กอาศัยอยู่ กับการจับแล้วรู้สึกได้ว่ามีเด็กอยู่ ให้ความรู้สึกต่างกัน พี่ใหญ่ไม่เข้าใจ
หยู่เหวินเห้าเข้าใจความรู้สึกของอะซี่
ครั้งแรกที่เขาสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวในครรภ์ เขาเองก็ใจสั่นไหวอย่างแรง วางมือไว้บนหน้าท้อง เจ้าสามารถรู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์ที่มองไม่เห็นระหว่างเจ้ากับเขา ซึ่งนั่นก็เกี่ยวพันกับการเชื่อมโยงของจิตใจและเลือดเนื้อ
อะซี่ขอบตาร้อนผ่าวน้ำตารื้นขึ้นมา “ข้าสามารถจะเป็นแม่บุญธรรมของซื่อจื่อได้หรือไม่”
“ได้”หยวนชิงหลิงมองอะซี่ด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน สาวน้อยคนนี้ช่างซื่อจริงๆ ชีวิตเช่นนี้ดีงามที่สุดแล้ว สามารถซาบซึ้งได้กับการค้นพบบางสิ่ง
“จริงหรือ”อะซี่ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจสว่างไสว ทันใดนั้น ก็หันไปมองหยู่เหวินเห้า “ท่านอ๋อง ข้าเป็นแม่บุญธรรมของลูก แล้วท่านเป็นอะไรกับข้า”
“สวรรค์ เจ้าคงไม่คิดอยากจะเป็นรองพระชายาหรอกนะ”สวีอีพูดขึ้นข้างๆ
อะซี่กระโดดขึ้นมาชกไปที่เขาหนึ่งหมัด “เจ้าไปเลยนะ”
ตอนนี้นางรู้สึกรังเกียจคำว่าพระชายารองมาก
สวีอีก็แค่คันปาก แต่กลับถูกตีอย่างไร้สาเหตุ จึงรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
หยวนชิงหลิงรู้สึกจากใจจริงว่า ถ้าหากวันหนึ่งสวีอีต้องตาย นั่นคงมีสาเหตุมาจากการที่เขาปากพล่อยจนถูกคนอื่นตีตาย
หมอหลวงเฉากับหมันเอ๋อรีบร้อนเดินเข้ามา พลางเดินพลางคำนับ “ข้าน้อยคำนับท่านอ๋อง คำนับพระชายา คำนับพระชายาหยวน”
“พอแล้ว ไม่ต้องมากพิธี เจ้าเข้ามาดูพระชายาเถอะ”หยู่เหวินเห้าพูด
“ทำไมหรือ ”หมอหลวงเฉาวางกล่องยาลง ถามขึ้น “รู้สึกไม่สบายตรงไหนใช่หรือไม่”
หยู่เหวินเห้ายกเก้าอี้มาให้ด้วยตนเอง เรียกให้หมอหลวงนั่งลง
หมอหลวงนิ่งอึ้ง “คือว่า ข้าน้อยยืนก็ได้ ไม่กล้านั่ง”
“นั่ง นั่ง ”หยู่เหวินเห้าดึงตัวเขาให้นั่งลงอย่างเป็นกันเอง จากนั้นก็ผลักเก้าอี้ไปข้างกายของหยวนชิงหลิง “ลำบากหมอหลวงแล้ว”
หมอหลวงตกใจจนขนลุกตั้งชันไปทั้งร่าง เอ่ยอย่างตะกุกตะกักว่า “ท่านอ๋อง ข้าน้อยเคยบอกกับทหารรักษาพระองค์แล้ว ว่าอาการของพระชายาไม่สู้ดีนัก……”
“ชู่”หยู่เหวินเห้าพูดเสียงเบาๆ“เจ้ารีบตรวจชีพจรให้พระชายาก่อน ดูสิว่าในท้องมีคนอยู่สองคนใช่หรือไม่ ”
หมอหลวงสีหน้าจริงจังขึ้นมา เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้ทำการตรวจชีพจรให้กับพระชายา รู้สึกได้ตลอดว่ามีความผิดปกติ เขาเองก็เคยรู้สึกไม่เข้าใจอยู่ช่วงหนึ่ง แต่พอเห็นว่าพระชายาไม่ได้มีอาการใดๆ และจังหวะชีพจรก็นิ่งดี และคิดว่าคงเป็นเพราะได้กินยาเม็ดอู๋โยว
ตอนนี้พอได้ยินหยู่เหวินเห้าพูดขึ้นมา เขาก็เพิ่งจะรู้สึกตกตะลึง เป็นไปได้อย่างสูง
การตรวจชีพจรในครั้งนี้ เขาตั้งใจและระมัดระวังเป็นอย่างมาก ทำซ้ำอยู่หลายครั้ง
ทุกคนต่างก็รอเขาอย่างใจจดใจจ่อ
หมอหลวงเฉารู้สึกลำบากใจมาก ปล่อยมือออก เอ่ยอย่างจนใจว่า “ท่านอ๋อง ชีพจรนั้นผิดปกติอยู่บ้าง แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นฝาแฝดหรือไม่ ”
“ทำไมจึงยืนยันไม่ได้”หยู่เหวินเห้าร้อนใจขึ้นมา “นี่เจ้าเป็นหมอหลวงมาได้อย่างไรกัน”
หมอหลวงเฉาปาดเหงื่อที่หน้าผาก มองไปที่เตาไฟ เปลวไฟช่างแรงกล้าเหลือเกิน “ท่านอ๋อง เรื่องนี้หลักๆคือพระชายากินยาไปเยอะมาก ทั้งยาจื่อจิน ยาเม็ดอู๋โยว ฤทธิ์ของยาเหล่านี้ยังคงอยู่ในร่างกายไม่สลายหายไป ทำให้ ทำให้ข้าน้อยวินิจฉัยได้ไม่แม่นยำ ดูจากชีพจรแล้ว มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นฝาแฝดจริง แต่ว่า ไม่กล้ายืนยัน ”
“เช่นนั้นต้องทำเช่นไรจึงจะยืนยันได้ ถ้าหากเป็นฝาแฝด เรื่องที่ควรระวังก็มากขึ้นด้วย”หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้ว ตอนนี้เขาไม่ได้คาดหวังกับการมีลูกหนึ่งคนหรือสองคน แต่นี่เป็นเรื่องที่อันตรายมาก
“ให้ผ่านไปอีกเดือนสองเดือนเถอะ บางทีอาจจะสามารถยืนยันได้”หมอหลวงพูด
หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆว่า “ไม่เป็นไร ท่านหมอหลวง ท่านกลับไปก่อนเถอะ รออีกเดือนสองเดือนค่อยวินิจฉัยกันอีกที”
หมอหลวงยืนขึ้นพูดว่า “พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยขอตัวลาก่อน”
หมันเอ๋อส่งหมอหลวงออกไป
เห็นได้ชัดว่าหยู่เหวินเห้าร้อนใจมาก “ยังต้องรออีกเดือนสองเดือน ถึงตอนนั้นก็หกเดือนกว่าแล้ว ถ้าหากเป็นฝาแฝดจริง จะทำอย่างไร ตอนคลอดอาจจะอันตรายก็ได้”
“ท่านอ๋องอย่าพูดเหลวไหล ”แม่นมสี่เดินเข้ามา ได้ยินประโยคนี้เข้า ก็รีบตำหนิหนึ่งเสียง “แม้จะเป็นฝาแฝด พระชายามีวาสนามากพอ จะให้กำเนิดอย่างปลอดภัย ปลอดภัยทั้งแม่และลูก”
หยู่เหวินเห้าตบปากตัวเองหนึ่งที “ใช่ ใช่ ข้าพูดผิดไปแล้ว”
เขามองไปที่หยวนชิงหลิง แววตาซับซ้อนวุ่นวาย ทั้งรักทั้งกังวล
เขาถอนหายใจ มือค่อยๆลูบที่ท้องของนาง “คนเดียวก็พอแล้ว ถ้าหากจะให้กำเนิดคนที่สอง ค่อยตั้งครรภ์อีกครั้ง”
เมื่อครู่เพราะคิดว่าเป็นฝาแฝดจึงรู้สึกตื่นเต้นไปชั่วครู่ ตอนนี้จิตใจสงบลงแล้ว เขาไม่รู้สึกยินดีเลยสักนิด ได้แต่หวังว่าจะไม่ใช่ เรื่องการให้กำเนิดลูกฝาแฝดอย่างยากลำบากในชาวบ้านทั่วไป เขาได้ยินมาไม่น้อย ราชวงศ์เองก็เคยมีการให้กำเนิดฝาแฝด นั่นก็คือราชสมัยของไท่ซ่างหวง มีสนมคนหนึ่งตั้งครรภ์ฝาแฝด ปรากฏว่าตอนให้กำเนิด ต้องสูญเสียทั้งสามชีวิตไป
นึกถึงตรงนี้ แววตาของเขาเหมือนจะแตกสลายไปแล้ว
หยวนชิงหลิงเห็นแววตาของเขาที่ค่อยๆกลายเป็นความหวาดกลัว ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดเรื่อยเปื่อยถึงเรื่องอะไร จึงลุกขึ้น เดินไปยังหลังฉากกั้นเอากล่องยาออกมา หยิบเอาเครื่องฟังเสียงเดินกลับมา
หยู่เหวินเห้าเห็นนางเอาสิ่งนี้ออกมา ก็ถามว่า“เจ้ายืนยันได้ใช่หรือไม่ ”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “ได้”
นางค่อยๆนั่งลงเป็นเก้าอี้กุ้ยเฟย แขวนหูฟังเครื่องฟังเสียงหัวใจ ใช้ที่ฟังเสียงเคลื่อนขึ้นลงซ้ายขวาอยู่บนหน้าท้อง
ฟังอยู่ชั่วครู่ นางก็มองไปทางหยู่เหวินเห้า ถามว่า “ฝาแฝดไม่เป็นมงคลหรือ”
หยู่เหวินเห้ายังไม่ทันได้ตอบ อะซี่ก็พูดว่า “ทำไมจะไม่เป็นมงคล ฝาแฝดนั้นมงคลอย่างยิ่ง นั่นเท่ากับเป็นโชคสองชั้นที่ฟ้าประทานมาให้ ถ้าหากมีคนให้กำเนิดฝาแฝด จะมีคนไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ที่จะไปร่วมยินดีเพื่อเสริมสิริมงคลให้ตัวเอง ทางราชการยังมีรางวัลให้ด้วย”
หยวนชิงหลิงเอาเครื่องฟังลงมา ให้หยู่เหวินเห้าสวมเอาไว้ “ท่านฟังสิ”
หยู่เหวินเห้ามองนางอย่างอึ้งๆ จากนั้นก็ก้มหน้าลงมองมือนางที่กำลังขยับไปมา
“ได้ยินเสียวหัวใจเต้นกี่ดวง ”หยวนชิงหลิงถามขึ้น

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset