บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 381 กลับไปหาพระชายาเว่ย

อ๋องเว่ยยกมือขึ้นมาตั้งนานแล้ว มองดูใบหน้าที่โกรธจนลุกไปด้วยไฟของหยวนชิงหลิง ก็ไม่กล้าที่จะตบมันลงมา
แต่ว่ามือก็ได้ถูกยกขึ้นมาแล้ว ไม่ตบสุดท้ายก็จะขายหน้า
แขนที่โค้งงอเหมือนคันธนูของเขาก็ได้หดลงมา เหลือไว้เพียงนิ้วหนึ่งนิ้วที่ยื่นออกไป ชี้ไปบนหน้าผากของหยวนชิงหลิง กล่าวอย่างเย็นชาและมืดมน “หากเจ้ายังกล้าพูดถึงกู้จือในทางที่ไม่ดีอีก คอยดูสิว่าข้าจะจัดการกับเจ้ายังไง?”
หยวนชิงหลิงที่ยืนท้องยื่นอยู่ก็เหนื่อยไม่น้อย แต่ว่าบัดนี้พลังอำนาจของนางก็อยู่ที่ท้อง ยังคงยืนยื่นท้องอยู่ กล่าวอย่างเย็นชา “นางไม่รู้จักยางอาย ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ เล่นละครเก่ง หน้าหลังไม่เหมือนกัน ในเมื่อจะเป็นคนตลบตะแลง แล้วยังจะมาแกล้งทำเป็นคนดี เป็นคนที่น่าขยะแขยงมากที่สุดที่ข้าเคยเห็นมา แบบนี้นับว่าด่าหรือเปล่า? หากไม่นับ ข้ายังมีคำด่าอีก”
หยวนชิงหลิงเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวอย่างบีบคั้น แววตาลุกเป็นไฟ บีบจนอ๋องเว่ยต้องเดินถอยหลัง นางมีเจตนาไม่ดี ใช้วิชาลวงตาในการทำร้ายคนอื่น ต้องการมาแทนที่พระชายาเว่ย เจ้าอ๋องเว่ย จิตใจโลเลไม่มั่นคงทนการยั่วยวนของนางไม่ไหว นอกใจพระชายาเว่ย ตอนนี้ยังมาทำตัวเป็นคนผิดฟ้องก่อน ยังกล้ามาสงสัยคนที่รักความยุติธรรมอย่างข้า? เจ้าไปเอาหน้ามาจากไหน?
อ๋องเว่ยสูดลมหายใจเย็นเข้า “เจ้า……….เจ้าแม้แต่เรื่องมนต์คาถาเจ้ายังกล้าพูด? ข้าไม่เชื่อว่าเสด็จปู่จะเชื่อคำพูดของเจ้าเพียงคนเดียว ข้าจะเข้าวังไปฟ้องเจ้า”
“ฟ้องข้าเรื่องอันใด? ฟ้องข้าที่เห็นเรื่องไม่เป็นธรรมแล้วเข้ามาช่วย? หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างเย็นชา พรุ่งนี้ พระชายาซุนจะเข้าไปพบไทเฮา แล้วจะรายงานไทเฮาในสิ่งที่เห็นสิ่งที่ได้ยินในวันนี้ กู้จือนางสามารถปฏิเสธได้ว่าไม่เคยพูดเช่นนั้น แต่พวกเรานั้นได้ยินกับหู เจ้าอ๋องเว่ยบีบบังคับนางทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ ถึงขั้นสงสัยว่าเจ้านั้นได้บีบนางให้มีลูกกับเจ้า หากข้าเป็นเจ้า ตอนนี้จะไม่มาสงสัยข้า แต่จะกลับไปถามกู้จือ ทำไมชายโฉดหญิงชั่วที่รักกันอย่างพวกเจ้าสองคน นางถึงต้องใส่ร้ายเจ้าเช่นนี้”
อ๋องเว่ยโกรธจนจะกระอักเลือด เขาชี้หน้าหยวนชิงหลิงไปครู่ใหญ่ ในที่สุดก็คำรามออกมา “เจ้าจะไปรู้อะไร? ไม่ใช่ข้าที่ทอดทิ้งนางก่อน เป็นนาง ที่ยังไม่หมดรักคนเก่า ไปมั่วสุมกับชายชู้ของนาง ตอนนั้นที่นางท้อง ลูกในท้องก็ไม่ใช่ของข้า เป็นของผู้ชายคนนั้น”
รูม่านตาของหยวนชิงหลิงหดลง “หลักฐาน!”
อ๋องเว่ยโกรธจนเหมือนเส้นเอ็นจะระเบิด เกือบจะบ้าคลั่ง “หากในมือข้ามีหลักฐาน ข้าก็สับชายโฉดหญิงชั่วคู่นี้อย่างละเอียดไปแล้ว”
เขาจ้องหยวนชิงหลิง แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เจ้าว่าข้ากับกู้จือเป็นชายโฉดหญิงชั่ว แล้วพวกเขาล่ะ? ตั้งแต่โบราณมาผู้ชายก็สามารถมีเมียน้อย เจ้าเคยเห็นผู้หญิงที่มีชู้แล้วได้รับการอภัยไหม? เจ้าช่วยนางมารังแกกู้จือ เจ้ารู้หรือเปล่าว่ากู้จือน่าสงสารแค่ไหน? เจ้ารู้อีกหรือเปล่าว่ากู้จือนั้นลำบากใจแค่ไหน? นางรังแกกู้จือทุกวันโดยอาศัยบารมีของครอบครัวและฐานะพระชายาของนาง เจ้าบีบบังคับให้กู้จือส่องกระจก บอกว่านางขี้เหร่ เจ้าสวยแล้วยังไง? จิตใจอสรพิษ!”
หยวนชิงหลิงมองท่าทางนี้ของเขา แล้วถาม “เจ้าว่าพระชายาเว่ยมีลูกกับชายชู้ กลับไม่มีหลักฐาน แสดงว่าเจ้านั้นไม่ได้เห็นกับตา แล้วทำไมเจ้าถึงพูดอย่างมั่นใจนัก? สำหรับเรื่องนี้ เจ้าเคยถามพระชายาเว่ยหรือเปล่า? เจ้าเคยฟังคำอธิบายของนางไหม?”
อ๋องเว่ยโกรธจนหัวเราะออกมา “ถามนาง? ถามนางแล้วนางจะพูดความจริงเหรอ? นางยังคงแสดงความอ่อนโยนและความสง่างามอย่างนั้นอยู่ไม่ใช่เหรอ? แต่ภายใต้ความสง่างาม กลับสกปรกมาก ถึงขนาดทำให้คนขยะแขยงสุดๆ”
หยวนชิงหลิงไม่เชื่อเลยแม้แต่นิดเดียวว่าพระชายาเว่ยจะมีชู้ อีกอย่างเขาเองก็ไม่ได้เห็นกับตา น่าจะมีคนบอกเขาหรือตัวเขาที่สงสัยเอง
อย่างไรก็ตาม มีจุดหนึ่ง หยวนชิงหลิงนั้นจับพิรุธได้ นางถาม “เจ้าว่าพระชายาเว่ยท้องกับชายชู้ การแท้งก่อนหน้านั้นของนาง เป็นฝีมือของเจ้าหรือ?”
อ๋องเว่ยยิ้มอย่างเย็นชา “ไม่เช่นนั้น ข้ายังต้องให้นางคลอดลูกออกมาเพื่อมาประณามข้าหรือ?”
“พระชายาเว่ยทราบเรื่องนี้หรือเปล่า?” หยวนชิงหลิงถาม
“ช้าหรือเร็วนางก็ต้องรู้ รอให้ข้าไล่นางออกจากจวนก่อน ก็จะบอกนางเอง” อ๋องเว่ยสะบัดแขนเสื้อ จ้องมองหยวนชิงหลิง กล่าวอย่างเย็นชา “หากพวกเจ้ายังกล้าไปดูหมิ่นกู้จืออีก ต่อให้ข้าต้องแลกด้วยชีวิต ก็จะสู้กับเจ้าถึงที่สุด”
พูดจบ เขาก็จากไปพร้อมกับความโกรธ
แม่นมสี่พยุงหลินชิงหยวนนั่งลง หมันเอ๋อยื่นน้ำให้นางด้วยความห่วงใย หยวนชิงไม่ได้รีบร้อนดื่มมัน สั่งการกับอะซี่ “เจ้ารีบไปที่จวนอ๋องเว่ย ไปให้ถึงก่อนที่อ๋องเว่ยจะถึง แล้วหลบอยู่บนหลังคา หากเขาลงมือ เจ้าก็ลงมือขวางเขา จำไว้ ห้ามให้เขาแตะต้องพระชายาเว่ยแม้แต่เส้นผมเส้นเดียว หากมีเรื่องอะไร ข้ารับผิดชอบเอง”
อะซี่ก็หันหลังออกไปทันที
แม่นมสี่กล่าวอย่างกังวล “พระชายา ท่านว่าอ๋องเว่ยจะทำร้ายพระชายาเว่ยไหม?”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจไปหนึ่งที “ข้าได้ควักความโกรธในใจเขาออกมาหมดแล้ว เขาต้องหาคนระบายอย่างแน่นอน ในเมื่อพูดออกมาแล้ว ไม่ว่ายังไงต่อหน้าพระชายาเว่ยเขาก็คงต้องเอ่ยถึง”
“พระชายา เมื่อกี้ท่านพูดว่ากู้จือคนนั้นใช้วิชาลวงตาทำร้ายคน อ๋องเว่ยนั้นถูกวิชาลวงตาด้วยหรือเปล่า?” หมันเอ๋อถาม นางสนใจเรื่องนี้มากกว่า
“หมันเอ๋อ” หยวนชิงหลิงมองนาง วันนี้ที่เจ้าไปจับมือของนาง เจ้าเห็นนางเหมือนคนที่มีวิชาลวงตาเหมือนเจ้าไหม?”
“มีเจ้าค่ะ!” หมันเอ๋อพยักหน้า “ข้าน้อยได้กลิ่นดอกลำโพงบนตัวนาง ยังมีสร้อยข้อมือของนาง”
“เจ้าบอกข้าซิ วิชาลวงตาแบบนี้ สามารถอยู่ได้นานแค่ไหน?” หยวนชิงหลิงถาม
“หากเป็นวิชาสะกดจิต ก็จะอยู่ได้ประมาณครึ่งชั่วยามถึงสองชั่วยาม แต่เมื่อใช้กลิ่นดอกลำโพง มัน………” หมันเอ๋อหน้าแดงเล็กน้อย อายที่จะพูด “อันนี้มันสามารถทำให้ผู้ชายหลงใหล แล้วใช้วิชาสะกดจิตร่วมด้วยเป็นครั้งคราว สามารถอยู่ได้ถึงสองสามปีก็มี”
“ตอนนั้นที่พวกเจ้าใช้กับไอ้แก่ห้า คือแบบไหน?” หยวนชิงหลิงถาม
หมันเอ๋อหน้าซีดขาว คุกเข่าลงไปด้วยความกลัว “พระชายา โปรดอภัยด้วย……..”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจ “เจ้าลุกขึ้น ข้าเพียงแค่ถามดู เจ้าพูดตามความจริงก็พอ”
หมันเอ๋อพูดอย่างตะกุกตะกัก “ตอนนั้น คุณหนูรองบอกว่าจะ………จะ ดังนั้นข้าน้อยเลยใช้กระดังงาไทยกับดอกลำโพง เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอันใดถึงใช้ไม่ได้ผลกับท่านอ๋อง เขาเพียงแค่มึนงงไปชั่วขณะ ก็ได้สติคืนมาแล้ว สำหรับดอกกระดังงาไทยกับดอกลำโพงไม่เกิดประโยชน์เลย เขาได้ผลักคุณหนูรองออกโดยตรง ตามหลักแล้ว ใช้มันแล้วก็ไม่น่าจะเป็นอย่างนี้”
หยวนชิงหลิงกล่าว “อ๋องเว่ยนั้นกลับไม่ได้สติเลย”
หมันเอ๋อเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน “ใช่ วันนั้นข้าน้อยได้กลิ่นหอม ค่อนข้างที่จะจางมาก ขอเพียงมีจิตใจที่ตั้งมั่ง ก็สามารถปฏิเสธมันได้แล้ว”
หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างเรียบเฉย “ใจเขาได้ถูกความโกรธครอบงำไปหมดแล้ว แต่ว่า ไม่ว่ายังไง เขานั้นเริ่มจากความไม่เชื่อใจ”
หยวนชิงหลิงเดาไม่ผิดเลย หลังจากที่อ๋องเว่ยกลับไปที่จวน ก็ไปหาพระชายาเว่ยที่ห้องโดยตรง
เขาได้ใช้เท้าถีบประตูออก เข้าไปเหมือนพายุหมุน ไปดึงผ้าห่มของพระชายาเว่ยออก ใช้มือกระชากเสื้อตรงหน้าอกของนางแล้วดึงตัวนางขึ้นมา กัดฟันกล่าว “นางชุย ใจคอเจ้ามันโหดเหี้ยมนัก ข้าอยากที่จะควักหัวใจของเจ้าออกมาจริงๆ ดูว่ามันเป็นสีดำหรือเปล่า หากในใจเจ้ามีความเกลียดชัง มีความแค้น เจ้าก็มาลงที่ข้า ข้าเป็นคนรักนางก่อน เอ็นดูนาง ไม่ได้เกี่ยวกับนางเลย เจ้านั้นกลับใช้ให้พวกพระชายาฉู่มาดูหมิ่นกู้จือ เจ้ามันเป็นผู้หญิงที่ชั่วร้ายและไร้ยางอาย ทำไมไม่ไปตายซะ?”
เขาที่กระชากเสื้อของพระชายาเว่ยอยู่อย่างนั้น บีบจนพระชายาเว่ยต้องสบตากับเขา
ยายแก่และสาวใช้ที่อยู่ในห้อง อยากที่จะเข้าไปช่วยอย่างกล้าๆกลัวๆ กลับถูกอ๋องเว่ยตะโกนใส่ “ใครกล้าเข้ามา ข้าจะบีบคอนางให้ตาย”
คำพูดนี้ ทำให้คนในห้องตกใจกลัวกันหมด ไม่มีใครกล้าเข้าไป ทำได้เพียงมองพระชายาอย่างเป็นห่วง

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset