บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 38 ยังมีบาดแผลอีกแห่ง

บทที่ 38 ยังมีบาดแผลอีกแห่ง
  หยวนชิงหลิงมองเขาอย่างประหลาดใจ “หมายความว่าไง”
หยู่เหวินเห้าไม่ตอบกลับถามว่า “ทำไมเจ้าจึงคิดว่าเป็นฝีมืออ๋องจี้”
หยวนชิงหลิงครุ่นคิดอยู่สักพัก เอ่ยว่า “สัญชาตญาณกระมัง”
นางย่อมไม่ใช่คนที่พึ่งพาสัญชาตญาณอะไรเทือกนั้น เพียงแต่ใช้สมองในการไปเข้าใจสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้านี้ หลังจากวิเคราะห์แล้วก็คิดว่าเป็นอ๋องจี้
หยู่เหวินเห้ามองแวบเดียวก็ดูออก “ข้าไม่เชื่อคำพูดนี้ เจ้าก็พูดไปอย่างนั้นเอง”
หยวนชิงหลิงเอ่ยขึ้นเรียบๆ “เป็นสัญชาตญาณจริงๆ”
นางรู้สึกปวดหัวกับความพูดมากเมื่อครู่ของตัวเอง นางไม่อยากหาเรื่องอีก เรื่องนี้หากแจกแจงไป ก็ไม่ได้มีผลดีอะไรต่อนางเลยสักนิด แต่กลับจะทำให้เขาคิดว่าที่นางเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ได้ก็เพราะเข้าไปอยู่ที่จวนเจ้าพระยาจิ้ง
คนที่อ่านตำราประวัติศาสตร์ จะมีสัมผัสที่ละเอียดอ่อนต่อเหตุการณ์บ้านเมืองขณะนั้น อ๋องจี้เป็นบุตรคนโต และยังมีความดีความชอบในการทำสงคราม ฮ่องเต้เองก็ชื่นชม และได้รวบรวมเหล่าขุนนางได้กลุ่มหนึ่ง คงหนีไม่พ้นตำแหน่งรัชทายาทแน่นอน
ส่วนท่านอ๋องคนอื่นๆ ย่อมต้องมีจิตใจแก่งแย่งชิงดี แม้แต่อำนาจของอ๋องจี้ตอนนี้ ยังไม่สามารถช่วยเขากำจัดหยู่เหวินเห้าได้
เพราะถ้าเหลือหยู่เหวินเห้าเอาไว้ ก็ราวกับหลงเหลืออุปสรรคที่จะก้าวขึ้นเป็นรัชทายาทของอ๋องจี้ ไม่ใช่ว่าอ๋องคนอื่นจะมองว่าหยู่เหวินเห้านั้นเจริญหูเจริญตา เพียงแต่การแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทนั้น ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นนั้น
หยู่เหวินเห้าไม่ถามอีก เพียงแต่รู้สึกตะลึงในใจ หยวนชิงหลิงหญิงผู้โง่เขลาคนนี้ กลับรู้ว่าเป็นอ๋องจี้
เห็นที ที่จวนเจ้าพระยาจิ้งคงมีการพูดคุยเรื่องการเมืองอยู่ไม่น้อย
ความรู้สึกของเขาที่มีต่อจวนเจ้าพระยาจิ้ง ยิ่งทวีความรังเกียจขึ้นหลายส่วน
หยวนชิงหลิงหมอบอยู่กับเบาะ ค่อยๆหลับตาลง
ช่วงนี้เหนื่อยมากจริงๆ พอตัวติดเตียงเป็นต้องหลับ
แต่ว่า ในสมองยังมีหลายเรื่องราวเวียนวน ทำให้นางแม้จะเหนื่อยล้าหนังตาแทบลืมไม่ขึ้นแต่ก็ยังหลับไม่ลง
“หญิงอัปลักษณ์”บนเตียงมีเสียงของเขาส่งผ่านลงมา
หยวนชิงหลิงหันหน้าออกไปด้านนอก ไม่อยากสนใจคนไม่มีมารยาท
มีหมอนใบหนึ่งโยนลงมา ตกลงมาที่หัวของหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงใช้สองแขนค้ำยัน ยืดตัวมองเขาด้วยสายตาที่ไม่มีชีวิตชีวา“ทำไมกัน”
“ข้าจะทำธุระส่วนตัว”
หยวนชิงหลิงลุกขึ้น เดินไปมุมหนึ่งในด้านหลังฉากกั้นหยิบเอากระโถนออกมา
“เรียกทังหยางเข้ามา”แววตาเขานึ่งขรึม บางครั้งก็ดูฉลาด แต่มักจะโง่ในเวลาสำคัญ บอกว่าจะทำธุระส่วนตัวคือให้นางเรียกทังหยางมารับใช้ ใครใช้ให้นางไปเอากระโถนมา
หยวนชิงหลิงวางกระโถนลง หมุนตัวออกไปเรียกทังหยาง
ทังหยางเข้าไปสักพักก็ถือกระโถนออกมา พูดกับหยวนชิงหลิงว่า “พระชายาเข้าไปได้แล้ว”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า กำลังจะก้าวเข้าไป ทังหยางก็เอ่ยขึ้นอย่างกะทันหัน “พระชายาหยุดก่อน”
หยวนชิงหลิงมองเขา “มีเรื่องอะไร”
ทังหยางเดินไปที่ลานบ้าน จากนั้นก็กวักมือเรียกหยวนชิงหลิง สีหน้าดูมีลับลมคมในมาก
หยวนชิงหลิงเดินลงไปอย่างสงสัย “มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ”
ทังหยางกดเสียงต่ำลง “ท่านอ๋องยังมีบาดแผลอีกจุด ไม่ให้ผู้ใดทำแผลให้ เมื่อครู่ เมื่อครู่ข้าน้อยดูแล้ว เหมือนจะมีอาการบวมแดงเป็นหนองแล้ว”
“ยังมีบาดแผล ทำไมไม่ให้จัดการเล่า”หยวนชิงหลิงถามอย่างประหลาดใจ
ยังมีบาดแผลที่ไหนอีก เห็นได้ชัดว่านางจัดการหมดแล้ว ยังตรวจซ้ำอีกครั้งแล้วด้วย
นอกจาก
แววตาของนางลึกล้ำขึ้น มองไปยังทังหยาง “ที่เจ้าพูดคงไม่ได้หมายถึงระบบสืบพันธุ์ ของสิ่งนั้นของบุรุษกระมัง”
ที่นี่คงพูดเช่นนี้สินะ
ปีนี้ทังหยางอายุสามสิบห้าแล้ว เคยเป็นมือเก๋าในหอนางโลม ยิ่งกว่านั้นคือเคยร่วมเป็นร่วมตายในสนามรบกับหยู่เหวินเห้ามาก่อน นับว่าเป็นคนที่เคยผ่านลมฝนมาไม่น้อย
แต่ว่า บุรุษที่แข็งแกร่งคนนี้ ตอนนี้สีหน้าแดงเถือกขึ้นมา ได้แต่ถอนหายใจในใจ
พระชายาจะพูดอ้อมค้อมหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร
อะไรคือของสิ่งนั้นของบุรุษ บอกว่าเป็นหอบรรพบุรุษของลูกหลานท่านอ๋องได้หรือไม่ รากเหง้าของลูกหลานก็ยังดี
“ใช่หรือไม่เล่า”หยวนชิงหลิงมองเขาที่จ้องเขม็งแต่ไม่พูดจา อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นอีก
“ทังหยาง นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้า ”ข้างใน มีเสียงคำรามอย่างโมโหจนปะทุส่งออกมา เสียงดังระเบิดขึ้น ราวกับจะทำให้หลังคาพังครืนลงมา แน่นอนว่าคงไม่ใช่พลังกายของเขาที่จะทำได้
ทังหยางถือกระโถนวิ่งหนีไป
หยวนชิงหลิงเก็บสายตายืนนิ่ง ค่อยๆเดินกลับไป
สีหน้าของหยู่เหวินเห้าทั้งเขียวทั้งแดง ราวกับจานผสมสี แต่จมูกกลับเป็นสีขาว
ในดวงตา มีไฟโมโหลุกโชน จ้องหยวนชิงหลิงตาเขม็ง ยังมีแววจะกินนางทั้งเป็นยังไงยังงั้น
“คือว่า……”หยวนชิงหลิงไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องโมโหขนาดนี้ด้วย “ทังหยางบอกว่าท่านยังมีบาดแผล”
“เขาพูดเหลวไหล ”หยู่เหวินเห้ากัดฟันพูด
หยวนชิงหลิงดูแล้วรู้สึกว่าทังหยางไม่ได้พูดเหลวไหล เป็นเขาต่างหากที่ไม่ยอมรับ
หยวนชิงหลิงรู้ว่าคนพวกนี้ต้องห้ามหมอหลวงเอาไว้ จึงได้เอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “สำหรับหมอแล้ว ท่านไม่ควรปิดบังอาการบาดเจ็บ ไม่เช่นนั้น หากทำให้เกิดการติดเชื้อจากบาดแผลที่ไม่ได้รับการดูแล มีไข้สูง อาจถึงแก่ชีวิตได้”
“เกี่ยวอะไรกับเจ้า”หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างดุดัน
หยวนชิงหลิงขมวดคิ้ว “พูดเช่นนี้ แสดงว่าท่อนล่างของท่านได้รับบาดเจ็บจริง ทำไมถึงบาดเจ็บได้ นี่ท่านถูกแทงขณะที่นอนอยู่หรือ”
“ข้าจะฆ่าเจ้า”หยู่เหวินเห้าคำรามขึ้นอีกครั้ง อยากจะลุกขึ้นมาทำร้ายหยวนชิงหลิงจริงๆ
ทั้งใบหน้า แดงเถือกไปจนถึงหลังหู
“จะฆ่าก็ต้องรอให้ท่านหายดีก่อน ตอนนี้ให้ข้าดูก่อน ว่าแผลสาหัสมากหรือไม่ ”
“ดูหัวเจ้าน่ะสิ”
“หัวข้าท่านอยากจะดูเมื่อไหร่ก็ได้ ทังหยางบอกว่าอักเสบจนเป็นหนองแล้ว หากติดเชื้อขึ้นมา ท่านจะตายเอาได้นะ”
“ไสหัวไป”
“ดูแล้วก็จะไป”
หยู่เหวินเห้ากัดฟันพูด “ให้ข้าตายก็ไม่ให้เจ้าดู”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบาๆ หลุบตาลง “เห็นที ข้าคงต้องเข้าวังเพื่อขอคำแนะนำจากไท่ซ่างหวงเสียแล้ว”
ให้ดูน้องชายของเขาตามคำบัญชา
หยู่เหวินเห้าดวงตาดุดัน “เจ้ายังรู้จักคำว่ายางอายหรือไม่”
หยวนชิงหลิงไม่พูดจา จ้องมองเขา
“ไม่ต้องจ้อง ข้าเคยพูดแล้ว ให้ตายก็ไม่ให้เจ้าดู”
น้ำยาฆ่าเชื้อ สำลี แหนบ มีดโกนได้เตรียมพร้อมแล้ว
หยวนชิงหลิงมองเขา “ข้าจะเปิดออกแล้ว ท่านอย่ารู้สึกอายเลย มองข้าเป็นหมอหลวงก็พอ”
“หมอหลวง เจ้าคิดได้ดี ”หยู่เหวินเห้ารู้สึกเสียวฟัน ถึงกับกล้าข่มขู่จะฉีดยาชาอะไรนั่น รอให้เขาสลบไปแล้วค่อยดูแผล
เขาไม่ยินยอมจะสลบ ใครจะรู้ว่าว่านางจะทำอะไรกับเขาบ้าง
กัดฟันจนแตก ก็คงได้แต่ยอมให้นางดูเท่านั้น
เขาหันหน้าไปด้านในของเตียง อับอายมากที่ถูกนางเปิดผ้าชิ้นสุดท้ายที่ใช้ปิดบังส่วนสงวน
“แยกขาออกหน่อย มองไม่ถนัด”
เขากลืนน้ำลาย กลืนกินความโกรธเข้าไปด้วย แยกขาออกตามคำสั่ง
อากาศเย็นมาก ไอเย็นปะทะผิว ขนทั้งร่างกายลุกชัน
“เจ้า ……”เขารู้สึกถูกมือนางสัมผัสไปทีหนึ่ง ก็โมโหขึ้นมาทันที “มือเจ้าอย่าจับมั่วซั่ว”
“หากข้าไม่เอาออกไป จะดูแผลอย่างไร ให้ตายเถอะ แผลนี้เห็นถึงกระดูก ถ้าเข้าไปอีกนิ้วหนึ่ง แท่งบรรพบุรุษของลูกหลานท่านคงรักษาไว้ไม่ได้แล้ว อีกอย่าง หากท่านไม่ทำแผล ถึงแม้จะรักษาจนหายแล้ว ก็คงจะกระทบคุณสมบัติความเป็นชายของท่าน ”
นี่มันอะไรกัน “ไหนเจ้าบอกจะดูนิดเดียว”
“ถ้าบาดแผลไม่สาหัส ข้าจะไม่จัดการให้ก็ได้ แต่ว่า นี่มันเหมือนที่ทังหยางพูดไว้เลย บาดแผลของท่านอักเสบแล้ว ต้องจัดการเดี๋ยวนี้”หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างจริงจัง
“เจ้า……”
“หุบปาก อีกหน่อยหากท่านมีสัมพันธ์กับภรรยา ท่านต้องขอบคุณข้าแน่”
สายตาของหยู่เหวินเห้ามีไอสังหารพวยพุ่งขึ้น ได้สาบานกับตัวเองในใจ รอให้เขาหายดีแล้ว ต้องทำให้หยวนชิงหลิงตายอย่างอนาถ

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset