บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 431 อาการบาดเจ็บสาหัส

ในใจหยวนชิงหลิงกระสับกระส่ายอย่างแน่นอน ใช้ชีวิตมาอย่างสงบสุขหนึ่งเดือน จนเกลียดค้านไปทั้งตัว นึกว่าห่างไกลจากความอันตรายแล้ว ช่างสงบสุขแล้วจริงๆ
ในหัวสมองของนางกำลังคิดถึงอาวุธ เริ่มค้นหาในกล่องยา แล้วก็หาเจอที่ฉีดพ่นป้องกันหมาป่าขวดหนึ่ง นางกำไว้ในมือ ดีกว่าไม่มีอะไร
ถึงแม้จะรู้ว่าด้านนอกอันตราย แต่นางก็ยังแอบฉีกม่านมองดูด้านนอก ภายนอกมีเพียงโคมไฟที่แขวนไว้หน้ารถม้าเพื่อส่องสว่างเท่านั้น แต่แสงนี้อยู่ภายใต้ค่ำคืนที่มืดมิดดั่งหมึก มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย
นางมองเห็นแต่เพียงลูกธนูที่ร่วงหล่นลงเต็มพื้น ยังมีกองทหารรักษาพระองค์ถือดาบป้องกันอยู่
ทันใดนั้น ความอาฆาตเข้ามาปกคลุม ชายชุดดำหลายคนถือดาบอยู่ในมือ โดดลงมาจากในอากาศ
“ปกป้องพระชายา” มีกองทหารรักษาพระองค์พูดขึ้นด้วยเสียงเข้ม แล้วก็เห็นพวกเขารุมล้อมเข้ามา เหลือเพียงสองคนเฝ้ารถม้าอยู่กับหมันเอ๋อ
คนชุดดำโหดเหี้ยมอย่างมาก ลงมือถึงขั้นปลิดชีวิต หยวนชิงหลิงเห็นเพียงเลือดกระฉูด ไม่รู้ว่าใครทำร้ายใคร
มีคนชุดดำโจมตีมาถึงตรงหน้ารถม้า หมันเอ๋อแทงออกไปด้วยดาบ แล้วก็โปรยผง ที่ไม่รู้ว่าเป็นผงอะไร บีบบังคับให้คนชุดดำถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง แต่ลมแรงมาก ผงถูกพัดปลิวกระจายไปในทันใด
คนชุดดำสองคนกลับมาอีกครั้ง
กองทหารรักษาพระองค์สองคนที่คอยปกป้องหยวนชิงหลิงจำต้องเข้าไปช่วย หากหมันเอ๋อไม่สามารถรับมือกับสองคนนี้ได้ พระชายาก็จะต้องตกอยู่ในอันตราย ไม่สามารถที่จะปกป้องไว้ได้
คนชุดดำยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ ธนูก็ยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ ลูกธนูแหลมคมอันหนึ่ง แทงทะลุม่านเข้ามา แล้วก็แทงทะลุออกไปจากรถม้า
แม่นมสี่พูดว่าอมิตตาพุทธ ตกใจหวาดกลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ทำได้เพียงเอาทั้งร่างกายไปคุ้มกันหยวนชิงหลิงไว้
หยวนชิงหลิงอยากผลักนางหนี แต่แม่นมสี่ไม่ยอมขยับ ปากพูดอยู่ตลอดว่าอมิตตาพุทธกับพระชายาไม่ต้องกลัว
หมันเอ๋อได้รับบาดเจ็บ กลิ้งตกรถม้า
คนชุดดำเปิดม่านเข้ามา ตอเป่าที่เตรียมความพร้อมไว้อยู่แล้ว กัดคอของคนชุดดำ เลือดกระฉูด คนชุดดำตายในทันที
“พระชายา รีบลงจากรถม้า กระโดด” กองทหารรักษาพระองค์ตะโกนพูดขึ้น รถม้าต้านทานไว้ไม่ได้แล้ว จะกลายเป็นตะแกรงแล้ว
แม่นมสี่รีบประคองหยวนชิงหลิงลงไป หยวนชิงหลิงถือกล่องยาไว้ ยังไม่ทันได้จับเอววิ่ง ธนูลอยผ่านข้ามหัวไป อันตรายอย่างมาก
คนชุดดำยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ กองทหารรักษาพระองค์สองคนก็ล้มลงแล้ว
คนชุดดำประชิดเข้ามาใกล้ แสงดาบนั่นส่องแสงในคืนที่มืดมิด
หยวนชิงหลิงถูกไล่ตามไปถึงข้างกำแพง แม่นมสี่คุ้มกันไว้ พร้อมพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “พวกเจ้าไม่ต้องเข้ามา”
ตอเป่าวิ่งกลับมา กระโจนงับคอหนึ่งในคนชุดดำคนหนึ่งจากด้านหลังไม่ยอมปล่อย แต่หยวนชิงหลิงก็ไม่มีทางหนี เพราะมีหลายคนได้โอบล้อมเข้ามาแล้ว
หยวนชิงหลิงยกขวดสเปรย์ขึ้นมา ซึ่งไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย เพราะอยู่ห่างไกลกันระยะหนึ่งบวกกับลมแรงมาก การกระทำเช่นนี้มีแต่จะทำให้คนชุดดำโกรธ
ดาบสามเล่มชูขึ้น….
ในเวลานี้ ท่านใดนั้น เงาคนชุดเขียวหลายคนโดดลงมาจากอากาศ ลงมายืนอยู่ตรงหน้าหยวนชิงหลิง
หนึ่งในนั้น หันมาพูดกับหยวนชิงหลิงด้วยเสียงเข้มว่า “พระชายารีบหนีไป”
หยวนชิงหลิงมองดูเขา แล้วค่อยโล่งอก เมื่อคืนตอนที่ออกมาจากพระตำหนักฉินคุน ก็เห็นเขาแล้ว
เขาคือพ่อของหลอกุ้ยผินแม่ทัพหลอ ตอนนี้ได้กลับไปเป็นองครักษ์ลับผี เมื่อวานได้บอกกับนางว่า ต่อไปจะเอารับผิดชอบค่อยแอบปกป้องนาง
แต่วันนี้เขามาค่อนข้างช้า ถึงแม้หยวนชิงหลิงจะอยู่ในอาการตกใจหวาดกลัว แต่ก็สามารถมองออกว่าพวกเขาผ่านการสู้รบอย่างเอาเป็นเอาตายมาก่อน เพราะแขนของแม่ทัพหลอเปื้อนเลือด
แม่นมสี่เห็นว่ามีคนมาช่วยแล้ว จึงรีบประคองหยวนชิงหลิงไว้ แล้วก็หนีถอยไปด้านหลัง
แต่หยวนชิงหลิงเดินไม่ไหวแล้ว ปวดท้องอย่างมาก แม่นมสี่ประคองนาง พร้อมพูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “พระชายา เป็นอะไรมากไหม? เราต้องรีบไป จะอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้ อันตรายเกินไป”
หยวนชิงหลิงสูดลมหายใจ ยื่นมือกุมตรงท้องไว้ สีหน้าแสดงอาการทุกข์ทรมาน พร้อมพูดขึ้นว่า “แม่นม ข้าปวดท้องมาก”
แม่นมตกใจอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นว่า “โอ้สวรรค์ เป็นอะไร? ท้องเป็นอะไร?”
“ไม่ต้องกลัว….” หยวนชิงหลิงพิงกำแพงไว้ ค่อยๆสูดลมหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ไหว…เจ็บปวดมาก ข้าเดินไม่ไหวแล้ว แม่นม เจ้าไปเถอะ”
เสียงดาบกระทบฆ่าฟันกัน ดังขึ้นอย่างไม่หยุด กลิ่นคาวเลือดสด ถูกลมพัด จนกลิ่นแทบปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองหลวง
สีหน้าแม่นมสี่ขาวซีด ก้มลงหวังจะแบกนาง แต่ท้องหยวนชิงหลิงใหญ่ขนาดนั้น ต่อให้นางแบกไว้ แต่ก็อันตรายมาก
หมันเอ๋อวิ่งมาอย่างบาดเจ็บสาหัส บนร่างกายของนางเต็มไปด้วยเลือด กลับยังกัดฟันทนไว้ นางกับแม่นมทั้งสองคนประคองหยวนชิงหลิงถอยหนีไป
และในตอนนั้น ก็ได้ยินเสียงเกือกม้าดังขึ้น
สามคนกับหมาหนึ่งตัว ไม่รู้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรู ตอเป่ารอคอยอย่างเตรียมพร้อม หมันเอ๋อถือดาบขวางไว้
ทหารม้าวิ่งมากว่าสิบคน มือถือคบเพลิงควบขี่ม้ามาหยุดลง
ทั้งสามคนมองดู เห็นเพียงคนที่เป็นผู้นำคนนั้น คลุมไว้ด้วยเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าขาวซีดซูบผอม ในมือทั้งคู่ถือบางเหียน ค่อยๆหยุดลง คือพระชายาจี้นั่นเอง
ด้านหลังของนางมีคนมาด้วยสิบกว่าคน ล้วนขี่ม้ามา ด้านหลังมีดาบยาว ไม่ได้ปิดหน้าไว้ แววตาสว่างไสว
พระชายาจี้ลงมาจากม้า รีบเดินมาช่วยประคองหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “ส่งไปขึ้นเกี้ยวก่อน”
แม่นมสี่หันไปมองทางด้านหลัง แล้วก็เห็นมีคนหามเกี้ยวมาทางด้านหลัง
ที่นี่ไม่ใช่สถานที่คุยถามไถ่กัน และไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม รีบประคองหยวนชิงหลิงขึ้นไปบนเกี้ยว มีพระชายาจี้พาคนคุ้มกันพากลับไปยังลานอ๋องจี้ด้วยตนเอง
เข้าไปถึงลาน ฮ่องเต้หมิงหยวนได้รู้ว่าหยวนชิงหลิงก็ถูกลอบทำร้าย จึงโกรธอย่างมาก รีบสั่งคนรวบรวมกองทหารรักษาพระองค์ ปิดล้อมตามจับทั่วทั้งเมือง
หยวนชิงหลิงฉีดยารักษาครรภ์ให้กับตนเอง จากนั้นก็ฟังเสียงเต้นของหัวใจ รอจนอาการปวดท้องค่อยๆบรรเทาลง ค่อยลืมตามองดูทุกคนที่คอยเป็นห่วง
“อ๋องฉีเป็นอย่างไรบ้าง?” หยวนชิงหลิงถามขึ้นอย่างอ่อนแรง ผ่านประสบการณ์หนีตายมาได้ในครั้งนี้ นางเหนื่อยอ่อนแรง จนร่างกายแทบทรุด
“ไม่ดีเลย” แววตาฮ่องเต้หมิงหยวนหนักใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “หากเจ้ายังทนไหว ไปช่วยดูเขาหน่อย”
นางค่อยๆลุกขึ้นยืน เวียนหัวอย่างมาก ตอนที่แม่นมประคองนาง เท้ายังคงอ่อนแรง
“เจ้าพักอีกสักพักไหม เขาทานยาเม็ดจื่อจินไปแล้ว สามารถช่วยยื้อได้สักพัก” ฮ่องเต้หมิงหยวนเห็นนางเช่นนี้ จึงพูดขึ้น
หยวนชิงหลิงโบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “ให้ไปดูก่อน”
พูดเสร็จ แล้วก็เรียกแม่นมสี่ประคองนางเข้าไป ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูนางด้วยแววตาซับซ้อน แล้วก็ตามเข้าไป
หยวนหย่งอี้กับฮองเฮาเฝ้าอยู่ด้านใน เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงมา หยวนหย่งอี้ร้องไห้ขึ้นมาทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่หยวน เจ้าต้องช่วยเขานะ ต้องช่วยเขานะ”
ฮองเฮากำลังร้องไห้อยู่อย่างหนัก เห็นหยวนชิงหลิงมาถึง ก็ไม่ทันได้คิดถึงความบาดหมางในก่อนหน้านี้ คว้าจับมือของนางดึงไป พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาฉู่ เจ้ารีบมา รีบมาดูเขา เขาแทบจะไม่หายใจแล้ว ลูกของข้า……”
หยวนชิงหลิงถูกเขาดึงจนเซ แม่นมสี่พูดขึ้นด้วยเสียงดุว่า “ฮองเฮา พระชายาเพิ่งถูกลอบทำร้ายมา ร่างกายไม่สบาย ท่านปล่อยมือ”
ฮองเฮารีบปล่อยนาง พร้อมพูดว่า “ลอบทำร้าย? เกิดอะไรขึ้น? โอ้สวรรค์ พวกเขาจะฆ่าลูกของข้าหรือ พวกเขาจะกำจัดให้สิ้นซากหรือ จะฆ่าลูกของข้าให้ตาย….”
ฮ่องเต้หมิงหยวนกำลังโกรธโมโหอย่างที่สุด จึงตะคอกพูดขึ้นว่า “เจ้าหุบปาก”
ฮองเฮาก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าส่งเสียงร้องไห้อีก
หยวนชิงหลิงเดินไป วางกล่องยาไว้ด้านข้างเตียง
ก่อนหน้านี้หมอหลวงได้ช่วยจัดการบาดแผลภายนอกแล้ว ดังนั้นตอนนี้เสื้อผ้าจึงถูกถอดหมดแล้ว เผยให้เห็นบาดแผลสีแดงน่ากลัว ตรงหน้าอกที่จริงมีสองแผล แผลแรกเป็นแผลถูกแทง ส่วนอีกแผล เป็นแผลถูกพัน บาดแผลยาวมาก จากลักษณะบาดแผลนี้ น่าจะเป็นการพันจากคอ เพราะบาดแผลที่ถูกแทงนั้น อาจเป็นเพราะอาวุธที่ใช้ ทำให้บาดแผลไม่ลึก นักฆ่าน่าจะลงมือฆ่าเขาซ้ำอย่างรีบร้อน เพราะความรีบร้อน หรือตอนนั้นอ๋องฉีขยับ ดาบจึงพันถูกตรงหน้าอก ปกคลุมแผลแรกที่แทงก่อนแล้ว ดูผิวเผินเหมือนเป็นการพันด้วยดาบเพียงครั้งเดียว

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset