บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 454 รู้สึกปวดท้องแล้ว

ไทเฮาที่ทรงประชวรอยู่ได้ฟังคำแนะนำของเสียนเฟย ก็พยายามฝืนตัวเองสั่งให้คนไปทูลเชิญฮ่องเต้หมิงหยวน เสนอเรื่องจัดพิธีบูชาสวรรค์
ฮ่องเต้หมิงหยวนในยามนี้ จะไปมีแก่ใจจัดพิธีบูชาสวรรค์เสียที่ไหนกันล่ะ? แต่เพราะเสด็จย่าทรงคิดว่าเป็นเพราะปีที่แล้ว ไม่ได้จัดงานพิธีให้ใหญ่โตสมฐานะ จึงส่งผลให้เกิดภัยพิบัติจากสรวงสวรรค์
ฮ่องเต้หมิงหยวนเกรงว่า ความคิดอันฟุ้งซ่านจะทำร้ายร่างกายของนางให้ยิ่งอ่อนแอ ดังนั้นจึงต้องตกลง
เพียงแต่พิธีบูชาสวรรค์นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อย่างการแค่ออกไปร้องตะโกนแซ่ซ้องสองสามประโยค ก็จะสามารถทำได้สำเร็จเสร็จสิ้น
ฮองเฮาทรงมีพระราชเสาวนีย์เชิญให้ท่านเจ้าอาวาสเข้าวัง เพื่อมาหารือกับกรมพิธีการเกี่ยวกับพิธีบูชาสวรรค์
ก่อนที่เจ้าอาวาสจะเข้าวัง เขาได้ย้ำกับหยู่เหวินเห้าหลายต่อหลายครั้งว่า หากพระชายาแสดงสัญญาณว่าจะคลอด ต้องรีบแจ้งเขาทันที
ก่อนหน้านี้หยวนชิงหลิงพูดกับหยู๋เหวินเห้าไว้ว่า ขอให้รั้งตัวท่านเจ้าอาวาสให้ท่านสวดมนต์ แต่เพราะหยู่เหวินเห้าได้ยินว่าจะจัดพิธีบูชาสวรรค์ จึงไม่ได้ขัดขวาง ระหว่างให้ท่านมาสวดมนต์ขอพรในจวน กับให้ท่านไปสวดบูชาสวรรค์ อย่างหลังดูจะมีอานิสงที่ยิ่งใหญ่กว่า บางทีมันอาจส่งผลที่ดีกว่าหน่อยก็เป็นได้
เขาบอกกับหยวนชิงหลิงแค่ว่า จะมีการจัดพิธีสวดภาวนาบูชาสวรรค์เพื่อขอพรให้นาง แต่ไม่ได้บอกเรื่องที่ท่านเจ้าอาวาสจะต้องออกไป
ผู้คนในเมืองหลวง ต่างก็ให้การสนับสนุนพิธีบูชาสวรรค์นี้เช่นกัน ความวุ่นวายกาหลที่เกิดในเมืองหลวงทุกวันนี้ เป็นเรื่องที่สร้างความรำคาญใจให้กับผู้คนมากเหลือเกินแล้วจริง ๆ การสวดอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนท้องฟ้า เพื่อขอให้ความสงบสุขของเป่ยถังฟื้นฟูกลับมาเหมือนแต่ก่อน จึงเป็นความคิดที่ดีมาก
พิธีจะจัดขึ้นในวันที่แปดเมษายน แปดเมษายน เป็นวันประสูติของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นวันประสูติของพระอมิตาภพุทธะ
เมื่อสองสามวันก่อนมีฝนตกต่อเนื่องไม่หยุด แต่มาถึงวันนี้ จู่ ๆ ท้องฟ้าก็สว่างขึ้นและดวงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิก็ส่องแสง ขจัดความหนาวเย็นและไอความชื้น ทำให้ผู้คนรู้สึกกระชุ่มกระชวย
ในเช้าวันที่แปดเมษายน หยวนชิงหลิงรู้สึกปวดท้องเล็กน้อย อีกทั้งอาการปวดหลังก็แย่ลงอย่างเห็นได้ชัด
นางคิดว่าบางที อาจจะเป็นวันนี้แล้ว
แม้ว่าหลังจากพักฟื้นหลายวัน ร่างกายของนางจะดีขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่รากฐานของนางยังคงอ่อนแอเกินไป หมอหลวงเฉาเคยพูดไว้ว่า เขากลัวว่าเมื่อถึงตอนคลอดจริง ๆ นางจะไม่มีแรงมากพอ
“เจ้าห้า!” หยวนชิงหลิงพยุงเอวแล้วค่อยๆ หันกลับมามองหยู่เหวินเห้า “ข้ารู้สึกปวดท้องนิดๆ บางทีวันนี้อาจจะคลอดแล้วก็เป็นได้”
ใบหน้าของหยู่เหวินเห้าซีดขาว มือสั่นระริกไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงออกแรงจับมือนางไว้จนแน่น “จะคลอดแล้ว? สวรรค์ จะคลอดแล้ว จริง ๆ น่ะหรือ? เจ้าแน่ใจนะ?”
หยวนชิงหลิงพยักหน้าตอบรับเบา ๆ หายใจเข้าออกเพื่อสัมผัสถึงการเคลื่อนไหวในท้อง
หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นมาทันที “แล้วตอนนี้ พวกเราต้องทำอะไรบ้างล่ะ?”
แม้ว่าจะจำลองเหตุการณ์เอาไว้ในหัวหลายครั้งแล้ว แต่ชั่วเวลานี้ พอได้ยินหยวนชิงหลิงพูดว่าจะคลอด เขาก็ยังคงตื่นตระหนกจนมือเท้าอ่อนแรงอยู่ดี
“ไปทำความสะอาดห้องผ่าตัดให้ข้าอีกครั้ง ข้าจะรอให้มีการหดตัวที่ชัดเจนแล้ว ค่อยย้ายไปคลอดที่นั่น” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
อันที่จริงนางยังคงอยากลองคลอดธรรมชาติ  หากยืนยันได้ว่าไม่สามารถคลอดธรรมชาติได้แน่แล้ว ค่อยให้รุ่นน้องทำการผ่าตัดคลอด
หยู่เหวินเห้าเรียกให้ทังหยางไปทันที เขามือเท้าสับสนอยู่ข้าง ๆ หยวนชิงหลิง แต่กลับไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง เขาทำได้แค่ผลักหมอหลวงสุ่ม ๆ แล้วถามว่า “ข้าควรทำอย่างไรดี ? ข้าควรทำอย่างไรดี?”
หมอหลวงเฉาพยายามพูดปลอบใจเขาว่า: “ท่านอ๋องโปรดวางใจ นางผดุงครรภ์กับพวกข้าจะอยู่ข้างกายพระชายาตลอดเวลา ตอนนี้เพิ่งจะรู้สึกปวดท้องเล็กน้อย ยังไม่ถึงเวลา ครรภ์แรก หากสามารถคลอดได้ในคืนนี้ก็นับว่าดีมากแล้ว”
แม้ว่าหมอหลวงเฉาจะพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจของเขากลับเครียดกังวลจนแทบจะทนไม่ไหว นี่เป็นการทดสอบครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว
ผู้คนในจวนได้ยินว่าพระชายาเริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้ว ต่างก็ตกประหม่าเคร่งเครียดกันหมด มีคนรีบไปทูลรายงานต่อฮ่องเต้และคนในวังทันที
หมอหลวงเตรียมการรอไว้อย่างเต็มที่ นางผดุงครรภ์คอยดูแลแบบทุกย่างก้าว แม่นมสี่ก็นับยาที่ต้องใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งผ้าพันแผลรวมถึงสิ่งของที่ก่อนหน้านี้ พระชายาได้จัดเตรียมไว้สำหรับตัวเองจนเรียบร้อย นางก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร เป็นของชิ้นใหญ่ ๆ ที่ด้านในล้วนเป็นฝ้าย ก็ไม่รู้ว่านางไปซื้อมันมาจากที่ไหน
ทุกคนต่างกลืนความวิตกกังวลลงท้อง ไม่กล้าแสดงออกมา เพราะกลัวจะทำให้พระชายาหวาดกลัวไปด้วย
ฮูหยินเจ้าพระยาเจียงหนิงนำผงอู๋โยวมาให้หยวนชิงหลิงใช้ แล้วพูดว่า “อย่ากังวล พยายามปรับการหายใจของเจ้าลงช้า ๆ พักผ่อนสักครู่ กินอะไรสักหน่อย”
หยวนชิงหลิงสูดลมหายใจช้า ๆ นางไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นที่เรียกได้ว่า นางมีความรู้สึกปลอดโปร่งผ่อนคลายเลยทีเดียว
นางสั่งการอย่างใจเย็น อาบน้ำสระผม เปลี่ยนเสื้อผ้าหลวม ๆ ที่แช่ในน้ำยาฆ่าเชื้อแล้ว อาศัยช่วงที่การหดตัวยังไม่ชัดเจน ขยับตัวออกกำลังกายเสียหน่อย
ความสงบนิ่งของนาง เป็นแรงสนับสนุนและสร้างความเชื่อมั่นให้กับหยู่เหวินเห้าอย่างมาก เขาพยุงหยวนชิงหลิงเดิน แต่คำพูดยังคงติดขัดไม่คล่องแคล่วนัก เอาแต่พูดว่า: “เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะอยู่ด้วยตลอด จะอยู่จนพาเจ้าเข้าห้องคลอดเลย”
หยวนชิงหลิงยิ้มน้อย ๆ “ได้”
อย่าตกใจกลัวจนเป็นลมไปก็พอ
“จริงสิ ท่านเจ้าอาวาสล่ะ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม ช่วงสองวันมานี้ เหมือนว่าจะไม่เห็นเขาเลย
หยู่เหวินเห้าตอบว่า “ไปเป็นประธานในพิธีบูชาสวรรค์น่ะ”
หยวนชิงหลิงถึงกับตกใจจนผงะ คว้าข้อมือของเขา “ไปพิธีบูชาสวรรค์แล้ว ? เมื่อไรถึงจะกลับมา?”
“เสร็จพิธีก็น่าจะกลับเลยกระมัง? อาจจะประมาณคืนนี้” หยู่เหวินเห้าพยายามทำท่าทีให้ดูผ่อนคลายที่สุด ยิ้มพลางปลอบโยน “เจ้าวางใจเถอะ ตอนที่เจ้าอาวาสจะไปก็พูดไว้ว่า หากเจ้าจะคลอด ให้รีบบอกเขาทันที แต่ข้าคิดว่าเขาสวดอธิษฐานในพิธีบูชาสวรรค์ ก็สามารถอธิษฐานขอพรให้เจ้าได้เหมือนกัน”
สีหน้าสงบผ่อนคลายของหยวนชิงหลิงพลันสลายหายไป นางรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาทันที “พอจะขอให้เขาออกมาก่อนได้หรือไม่?”
สีหน้าของหยู่เหวินเห้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดว่า “เป็นอะไรไป? เช่นนั้นไม่ได้หรอกนะ ทั้งเสด็จพ่อ ทั้งขุนนางบุ๋นบู๊นับร้อย ทั้งยังมีทหารและประชาชนทั่วทั้งเมือง คงมุ่งหน้าไปที่นั่นกันหมดแล้วล่ะ ในฐานะประธานผู้ประกอบพิธี เป็นธรรมดาที่เขาย่อมไม่อาจออกมาก่อนได้”
ชั่วขณะนั้น หัวใจของหยวนชิงหลิงพลันว้าวุ่นสับสน “พยุงข้ากลับไป”
“เป็นอะไรไป? เดินไม่ไหวแล้วหรือ?” หยู่เหวินเห้าคิดจะอุ้มนางกลับไป แต่หยวนชิงหลิงกลับหมุนตัวไปเรียบร้อยแล้ว “เจ้าไปเรียกอาซี่ให้มาที่นี่หน่อย”
หยวนชิงหลิงกลับไปที่ห้อง ทั้งหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อจนเปียกชุ่ม
นางเหลือเพียงหยู่เหวินเห้า อาซี่ ฮูหยินเจ้าพระยาเจียงหนิง รวมถึงแม่นมสี่เอาไว้ข้างใน
หยู่เหวินเห้ารู้สึกวิตกอย่างมาก ไม่รู้ว่านางต้องการจะพูดอะไร
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ในจวนมีคนอยู่เยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นคนที่ถูกส่งมาจากในวัง แต่เจ้าห้า เจ้าก็รู้ว่ากองทหารรักษาพระองค์เหล่านั้น ล้วนจงรักภักดีต่อเสด็จพ่อหรือไม่ ? ไม่มีคนที่ถูกซื้อตัวไปแล้ว ? เรื่องเช่นนี้ พวกเราต่างก็ไม่อาจยืนยันได้…”
นางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เริ่มรู้สึกปวดท้องขึ้นมานิด ๆ แล้ว
หยู่เหวินเห้าพยุงนางเอาไว้ ไล้ไปตามแผ่นหลังเบา ๆ “ทุกสิ่งที่เจ้าพูด ข้าล้วนระแวดระวังและใส่ใจกับมันทั้งสิ้น เจ้าวางใจเถอะ สามารถไว้ใจได้อย่างแน่นอนว่าไม่มีทางเข้าใกล้เจ้าได้”
“ไม่ เจ้าฟังข้านะ” หยวนชิงหลิงดึงมือเขาขึ้นมา แล้วพูดอย่างเคร่งเครียดจริงจังว่า: “ข้าต้องบอกเจ้าตรง ๆ เช่นนี้ว่า ด้วยความแข็งแกร่งทางร่างกายของข้าตอนนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะคลอดเองตามธรรมชาติ”
หัวใจของหยู่เหวินเห้า คล้ายมีสัญญาณสภาวะหัวใจหยุดเต้นขึ้นมากะทันหัน การหายใจหยุดชะงักไปเฮือกหนึ่ง “ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? มันต้องได้แน่!”
หยวนชิงหลิงมองเขาแล้วพูดว่า “ไม่ได้ ข้ารู้ตัวเองดี ดังนั้นข้าจึงมีแผนสำรองที่เตรียมไว้อีกทางหนึ่ง ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้บอกเจ้าไว้ก่อน เพราะกลัวว่าจะทำให้เจ้าตกใจกลัว ที่ข้าให้หาเจ้าอาวาส ไม่ใช่เพื่อให้เขามาสวดมนต์อธิษฐานขอพร แต่เพื่อขอให้เขามาช่วยผ่าตัดคลอดให้ข้าต่างหาก”
“การผ่าตัดคลอด?” หยู่เหวินเห้าร่างกายสั่นเทิ้ม “หมายความว่าอย่างไร?”
หยวนชิงหลิงดึงมือของเขาขึ้นมาพลางอธิบายว่า: “มันคือการใช้มีดผ่าเปิดผิวที่ท้องของข้าออก แล้วนำเด็กออกมา เช่นนี้ข้าก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการ ….. ”
หยู่เหวินเห้าตกใจจนหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำไปแล้ว ถึงกับดีดตัวลุกขึ้นทันควัน “ไม่ ไม่ได้ อย่างไรก็ไม่ให้ผ่าเปิดออกเด็ดขาด ทำเช่นนั้นมันจะเจ็บมากขนาดไหน ? มันถึงตายได้เชียวนะ เจ้ารู้หรือไม่? ไม่ ข้าไม่เห็นด้วย!”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจเฮือก มองเขาที่วิตกกังวลจนคุมสติไม่อยู่ ดู ๆ ไปแล้วตอนฉีดยาชาระหว่างการผ่าตัดคลอด คงต้องฉีดให้เขาด้วยซักเข็มน่าจะดี
“อ๊ะ! ข้าเจ็บจะตายแล้ว ” หยวนชิงหลิงไม่สามารถพูดเรียกสติให้เขาหยุดได้ จึงทำได้เพียงเอามือกุมท้อง แสร้งทำเป็นว่าเกิดอาการเจ็บหนักขึ้นมา
เมื่อเห็นเขานั่งลงด้วยท่าทีห่วงใย ทั้งยังวิตกกังวล นางจึงพูดขึ้นว่า: “เจ้าฟังข้าก่อน ตอนแรกข้าวางแผนไว้ว่าจะให้เจ้าอาวาสรับผิดชอบเป็นหมอผ่า ให้ฮูหยินเจ้าพระชายาเจียงหนิงเป็นผู้ช่วย เพราะฮูหยินเจ้าพระชายาเจียงหนิงเคยติดตามไทเฮาหลงมานานหลายปี นางมีความเชี่ยวชาญในการฝังเข็ม รวมถึงทักษะทางการแพทย์ในแบบที่ข้ารู้ แต่ตอนนี้เจ้าอาวาสไม่อยู่ มีแต่ต้องให้นางเป็นหมอผ่า ให้อาซี่เป็นผู้ช่วย อย่าตื่นตระหนกอีกเลย นี่เป็นเพียงวิธีการเดียวเท่านั้นแล้ว ข้าไม่เจ็บหรอก ข้าจะฉีดยาชาก่อน ข้าจะตื่นอยู่ตลอดทั้งกระบวนการผ่าตัด แต่จะไม่รู้สึกเจ็บอะไร การผ่าตัดลักษณะนี้มีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย เจ้าวางใจเถอะ”
หยู่เหวินเห้าเชื่อเสียที่ไหน? เขาไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน
ฮูหยินเจ้าพระยาเจียงหนิงก็พูดขึ้นด้วยว่า “ท่านอ๋อง วางใจเถอะ ข้าเคยได้ยินไทเฮาหลงตรัสว่า มีพื้นที่แห่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่คลอดโดยการผ่าตัดคลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีท้องแฝดหลาย ๆ คน”
หยู่เหวินเห้ายืดคอ พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ ว่า“ฮูหยินทำเป็นใช่หรือไม่? ท่านเคยช่วยผ่าตัดคลอดให้กับคนท้องมาหลายครั้งแล้วใช่หรือไม่?”
“ครั้งเดียว!” ฮูหยินเจ้าพระยาเจียงหนิงตอบ “แต่ทั้งแม่ทั้งลูกล้วนไม่รอด”
หยู่เหวินเห้าถึงกับสะอึกออกมาเสียงหนึ่ง แทบจะเป็นลมหมดสติไป

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset