บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 46 ยาจิ่วจ่วน

บทที่ 46 ยาจิ่วจ่วน
ฮ่องเต้หมิงหยวนและอ๋องชินลุ่ยเดินขึ้นมาดู หนึ่งในนั้น มียาเม็ดหนึ่งตรงใจกลางนั้นเป็นสีแดง แต่อีกเม็ดหนึ่งกลับเป็นสีเหลืองปนดำอ่อนๆ
“ทำไมยาถึงไม่เหมือนกัน?นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” อ๋องชินลุ่ยหันไปถามหมอหลวง
หมอหลวงทำหน้างง “มันเป็นไปไม่ได้ ยาอันนี้ใช้เตาเดียวกัน ทำไมสีถึงต่างกัน?”
“อย่างนั้นก็ต้องรบกวนหมอหลวงตรวจสอบดู ว่ายาเม็ดไหนมียาพิษ” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
หมอหลวงชี้เม็ดยาที่ตรงกลางเป็นสีแดง “เดิมทีไม่ใช่สีนี้ ทำไมตรงกลางถึงเป็นสีแดงชัดขนาดนี้?”
เขาหยิบมันมาใส่ในแก้ว แล้วเทน้ำลงไป จากนั้นก็ใช้เข็มเงินจุ่มลง ตลอดแท่งเข็มเป็นสีดำขึ้นมาทันที แสดงถึงว่าพิษนี้ร้ายแรงขนาดไหน
“ฝ่าบาท!” หมอหลวงคุกเข่าลงอย่างแรง ปากก็สั่นไม่หยุด “นี่เป็นไปไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ มีคนเปลี่ยนยา ยาที่โรงหมอหลวงให้มาไม่มีพิษ เพราะกระหม่อมทดสอบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมีแววตาดำขึ้น “ทหาร ปิดโรงหมอหลวง แล้วค้นหาอย่างละเอียด!”
ทหารได้ยินรับสั่งก็ออกไปทันที
อ๋องชินลุ่ยหันมามองหยวนชิงหลิง “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ายาไม่เหมือนกัน?”
หยวนชิงหลิงจึงอธิบาย “ยาหายไปหนึ่งเม็ด นี่ก็หมายความว่ามีคนขโมยไป แต่ทำไมถึงต้องขโมยด้วยล่ะ?นั่นก็แสดงว่ายาที่ขโมยไปนั้นต้องมีปัญหา แต่ฉางกงกงบอกว่าครั้งสุดท้ายที่เอายาให้นั้นได้ทำยาหล่นลงพื้น ดังนั้นจึงอาจจะทำให้แผนการเกิดข้อผิดพลาด ยาที่โดนขโมยไปนั้นเป็นยาที่ไม่มียาพิษ แต่ว่ายาที่ต้องการขโมยจริงๆ นั้น กลับยังอยู่ที่นี่”
“เจ้าวิเคราะห์ได้ถูกต้อง!” อ๋องชินลุ่ยเองก็มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวขึ้นมา “ไม่นึกว่าจะมีคนบังอาจวางยาไท่ซ่างหวง ช่างรนหาที่ตายจริงๆ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนส่งสายตาเกรี้ยวกราดไปที่หมอหลวง หยวนชิงหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้น “เสด็จพ่อ เกรงว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่ความผิดของโรงหมอหลวง”
ฮ่องเต้หมิงหยวนหันมามองเธอ “ทำไมพูดเยี่ยงนี้?”
หยวนชิงหลิงจึงพูดขึ้น “ยาจิ่วจ่วนมีทั้งหมดสามเม็ด ถ้าต้องการจะขโมยยาไปเม็ดหนึ่ง ก็ต้องหามาแทนหนึ่งเม็ด ถ้าแบบนี้ก็จะไม่มีใครสงสัย แต่ว่าคนร้ายไม่สามารถเอายาจิ่วจ่วนออกมาได้อีก เพราะยาจิ่วจ่วนหมอหลวงเป็นคนทำขึ้น ถ้าเป็นโรงหมอหลวงจริงก็สามารถเอาออกมาได้แน่นอน ซึ่งจะไม่มีทางทำให้ใครสงสัยเลย”
ฮ่องเต้หมิงหยวนพยักหน้า “มีเหตุผล”
หยวนชิงหลิงพูดต่อ “สถานที่ที่คนร้ายสามารถเอายาได้นั้น มีอยู่สามที่ ที่แรกคือสถานที่ของไทเฮา อีกที่หนึ่งคือสถานที่ของไท่ซ่างหวง และก็ที่โรงหมอหลวง ถ้าดูจากการวิเคราะห์เมื่อครู่แล้ว โรงหมอหลวงก็ตัดออกไปได้เลย เพราะถ้าคนร้ายเอาออกมาจากที่นั่นจริงก็ต้องสามารถเอาออกมาได้อีก และด้วยเหตุผลนี้ สถานที่ของไทเฮาก็สามารถตัดไปด้วยเช่นกัน คนร้ายเอายาไปแล้วก็ยัดพิษเข้าไปในยา เพราะว่ายามีจำนวนคงที่ พอหลังจากไท่ซ่างหวงโดนพิษแล้ว คนร้ายก็จำเป็นต้องนำยาที่มีพิษออกไป”
อ๋องชินลุ่ยไม่เข้าใจจึงถามขึ้น “แล้วทำไมคนร้ายถึงต้องใส่พิษลงไปหลายเม็ด?ถ้าฟังจากที่พูดแล้วแค่กินเม็ดเดียวก็ทำให้ไท่ซ่างหวงโดนพิษแล้ว”
หยวนชิงหลิงจึงพูดขึ้น “การเร่งรีบในการวางยา ทำให้ไม่สามารถกำหนดปริมาณได้พอดี ดังนั้น เม็ดที่สองคือเม็ดที่ถูกกิน กินเม็ดเดียวยังไม่เห็นผล วันต่อมาก็เลยเพิ่มอีกเม็ด จึงสามารถทำให้ไท่ซ่างหวงโดนพิษได้สำเร็จ”
“สมองน้อยๆ ของเจ้าทำไมถึงเปลี่ยนไปรวดเร็วขนาดนี้?” อ๋องชินลุ่ยพูดชมนาง
ตอนนี้หมอหลวงหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะคำพูดของพระชายาได้ทำให้หมอหลวงบริสุทธิ์แล้ว และหมดความน่าสงสัย
ฉางกงกงจึงพูดขึ้น “แต่ว่ายาจิ่วจ่วน คนที่สามารถเข้าใกล้ได้ก็มีแค่พวกกระหม่อมกับแม่นมสี่ คนอื่นนั้นไม่สามารถเข้าใกล้ได้”
แม่นมสี่ย่อตัวคำนับ “เป็นเช่นนั้นจริงเพคะ”
ฮ่องเต้หยวนหมิงเชื่อใจในความภักดีของฉางกงกงกับแม่นมสี่ พวกเขาต่างอยู่รับใช้ไท่ซ่างหวงมานานหลายปี ซื่อสัตย์อย่างมาก และไม่มีทางทำร้ายพระองค์แน่นอน
“คนที่เข้ามารับใช้ในตำหนักมีจำนวนกี่คน?” ฮ่องเต้หมิงหยวนถามฉางกงกง
“ทูลฝ่าบาท มีสามคนพ่ะย่ะค่ะ และเป็นคนที่ไท่ซ่างหวงเลือกเองทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปเรียกตัวมา ข้าต้องการจะคุยด้วย!” ฮ่องเต้หมิงหยวนมีสายตาดุดัน
“อภิเษกย่ะค่ะ!” ฉางกงกงพูดเสร็จก็ออกไปทันที
คนที่เข้ามารับใช้ในตำหนักมี เสี่ยวฉวนจื่อ ทำหน้าที่ดูแลสุนัข และคอยพาฝูเป่าออกไปเดินเล่นในและนอกตำหนัก
อีกคนหนึ่งคือ สี่เหมย คอยรับใช้ไท่ซ่างหวงในห้องอาบน้ำ
และอีกคน คือเสี่ยวโหลจื่อที่รับผิดชอบเรื่องความสะอาดภายในตำหนัก ตำหนักใหญ่ขนาดนี้ มีแค่เขาคนเดียวที่ทำความสะอาด ไท่ซ่างหวงไม่ชอบเสียงดัง และชอบอยู่ในห้องนอน ดังนั้นเสี่ยวโหลจื่อก็มีเวลาทำความสะอาดครึ่งค่อนวัน
ฉางกงกงพาเสี่ยวฉวนจื่อกับสี่เหมยเข้ามา แต่เสี่ยวโหลจื่อกลับไม่เห็นแม้แต่เงา
เสี่ยวฉวนจื่อกับสี่เหมยไม่ได้รู้เรื่องนี้เลย ตอนที่ถาม ก็ตอบอย่างฉะฉาน และก็ไม่รู้ด้วยว่ายาอยู่ที่ไหน
หยวนชิงหลิงจึงพูดขึ้น “คนสำคัญก็คือเสี่ยวโหลจื่อ ทั้งทำหน้าที่ทำความสะอาด ตอนปัดฝุ่นต้องเจอกล่องยาแน่นอน ถ้าเขาจะรู้ก็คงไม่แปลก ต้องรีบไปตามตัวมาให้ได้นะเพคะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนรับสั่งให้ค้นหาทั่วทั้งพระราชวัง ยังไงก็ต้องหาตัวมาให้ได้
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ก็หาตัวเสี่ยวโหลจื่อเจอ
แต่ว่า เขาได้กลายเป็นศพไปแล้ว ถูกคนนำตัวไปทิ้งในบ่อน้ำของตำหนักเย็น
คนที่พบศพคือทหารเฝ้าตำหนักเย็น เพราะว่าฮ่องเต้รับสั่งให้ตามหาเขาทุกตำหนัก ทหารของตำหนักเย็นจำได้ว่าวันนี้เห็นเสี่ยวโหลจื่อเข้ามาในตำหนักเย็น ดังนั้นเลยออกตามหา จนมาเจอกลายเป็นศพไปแล้ว
ทหารของตำหนักเย็นถูกเรียกตัวเข้าพบ เพื่อฮ่องเต้จะได้สอบสวนเอง
“นอกจากเสี่ยวโหลจื่อแล้ว ยังมีใครเข้าไปในตำหนักเย็นอีกหรือไม่?” ฮ่องเต้ถามขึ้น
ทหารจึงกราบทูล “ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันเห็นเพียงเสี่ยวโหลจื่อคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ ทหารที่เฝ้าตำหนักเย็นก็มีเพียงสี่คน แบ่งหน้าที่กันเฝ้าทั้งกลางวันกลางคืน ถ้ามีคนเข้ามาหลังจากนั้น หม่อมฉันก็ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”
ฉางกงกงเองก็ได้เข้าไปค้นที่นอนของเสี่ยวโหลจื่อเหมือนกัน และเจอแผ่นเงินจำนวนหนึ่งพันตำลึง
เงินนี้เป็นของโรงเงินติ่งเฟิง
หยวนชิงหลิงไม่ได้สนใจเงินนั่น แต่ว่าไปสะดุดเข้าตรงตราประทับของจวนอ๋องฉู่ นางเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้น “เสด็จพ่อ ไม่มีทางเป็นอ๋องฉู่เพคะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่ได้โง่ และรู้ดีว่าถ้าเป็นอ๋องฉู่จริง เขาไม่มีทางประทับตราลงไปแน่นอน
เรื่องทั้งหมดนี้ มีคนต้องการใส่ความลูกห้า
และอีกอย่าง แผนการก็ดูเร่งรีบ แสดงว่าพึ่งคิดขึ้นมา คนร้ายคนนี้คงนึกไม่ว่าอาการของไท่ซ่างหวงจะดีขึ้น
สามารถบอกได้ว่า แผนการเข้าไปก่อกวนของหยวนชิงหลิง ทำให้แผนของคนร้ายที่วางไว้ก่อนนั้นแพ้ราบคาบ และทำได้แค่คิดแผนใหม่อย่างเร่งด่วน ซึ่งแผนนี้กลับมีช่องโหว่ให้เห็น
แต่ว่าช่องโหว่นี้ ถ้าไม่ใช่คนใกล้ชิดไม่มีทางรู้แน่นอน เพราะว่าไท่ซ่างหวงกินยาจิ่วจ่วนแล้วอาการดีขึ้นหลายวันแล้ว และยาจิ่วจ่วนนี้ไทเฮาก็เป็นคนแนะนำเอง ดังนั้นไม่ว่าใครก็ไม่มีทางสงสัยแน่นอน
ฮ่องเต้หมิงหยวนครุ่นคิด แล้วหันไปมองหยวนชิงหลิงสองสามครั้ง ตอนที่ลูกห้าอภิเษกกับนาง ดูจะไม่ชอบใจ และไม่ค่อยพอใจชายาคนนี้เท่าไหร่ และยิ่งเกิดเรื่องไม่งามแบบนั้นขึ้นอีก จึงทำได้แค่ยอมก้มหน้ารับ เพราะพระราชวังก็ไม่สามารถจะโทษใครได้
พอวันนี้ดูแล้วกลับดูราบรื่น เพียงแค่เวลาเดินนั้นยังดูประหลาด ที่ดูเหมือนปู
เขาหันไปจ้องหมอหลวง “ยังไม่รีบไปดูอีกว่ามันคือพิษชนิดไหน?”
หมอหลวงรีบตอบทันที “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้”
อ๋องชินลุ่ยหันไปมองหยวนชิงหลิงแล้วถามขึ้น “เจ้ารู้หรือไหม?”
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “หม่อมฉันไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องพิษเพคะ”
หมอหลวงถอนหายใจอย่างโล่งอก ถ้าหากว่าพระชายารู้ทุกเรื่อง อย่างนั้นยังจะมีโรงหมอหลวงไปทำไมอีก?
ที่จริงแล้วหยวนชิงหลิงก็พอจะเดาได้ว่าเป็นพิษอะไร
น่าจะเป็นสารปรอท สารปรอททำเป็นยาได้ แต่ว่าถ้าหากใช้เยอะเกินไปนั้นก็สามารถเป็นพิษได้เหมือนกัน เดิมทียาจิ่วจ่วนก็ใส่สารปรอทลงไปอยู่แล้ว ไท่ซ่างหวงก็กินมานาน ทำให้ในตัวนั้นก็เริ่มมีอาการเล็กน้อย แต่ว่ามันยังไม่รุนแรงมาก แต่อยู่ดีๆ พอได้รับเข้าไปในจำนวนมาก จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้น

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset