บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 505 ความในใจของซือหม่าเจา แม้คนผ่านทางยังล่วงรู้

หลังจากที่ไท่ซ่างหวงเข้าไปร่วมการสอบสวนครั้งนี้ พระองค์ก็ตรงไปนั่งบนบัลลังก์ กระทั่งฮ่องเต้หมิงหยวนก็ยังทำได้เพียงยืนปรนนิบัติพัดวีอยู่ข้าง ๆ เท่านั้น
ไท่ซ่างหวงทอดพระเนตรมองอ๋องอานอย่างเย็นชา แล้วตรัสถามขึ้นว่า: “คนของเจ้าก่ออาชญากรรมร้ายแรง เจ้ามีอะไรจะพูดบ้าง?”
ในช่วงหลายปีมานี้ อ๋องอานไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กับไท่ซ่างหวงนัก เรื่องราวของไท่ซ่างหวงมักถูกเล่าโดยท่านตาของเขาตี๋เว่ยหมิง รู้เพียงว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พระองค์ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวในเรื่องราวสำคัญอะไรแล้ว ทั้งยังไม่ชอบเข้ามาวุ่นวายกับปัญหาใด ๆ ทั้งภายในและภายนอกอีกด้วย
ดังนั้น เขาจึงยังคงใช้คำที่เขาพูดก่อนหน้านี้ว่า: “เสด็จปู่ หลานขอท่านโปรดให้ความเป็นธรรมด้วยเถิด เรื่องนี้หลานถูกใส่ร้ายพ่ะย่ะค่ะ”
“ถูกใส่ร้ายอย่างไร?” ไท่ซ่างหวงตรัสถาม
อ๋องอานยกเหตุผลขึ้นมาโต้ “เสด็จปู่ เรื่องนี้หากคิดให้ลึกซึ้ง ท่านจะรู้ว่ามีบางอย่างแอบแฝงอยู่ เจ้าห้าจะยอมปล่อยให้ลูกชายตัวเองไปเสี่ยงอันตรายได้อย่างไร? อีกทั้งเจ้าพระยาจิ้งก็เป็นพ่อตา….”
ไท่ซ่างหวงขัดจังหวะเขาอย่างหยาบคาย “ไม่ต้องพูดเรื่องมีสิ่งแอบแฝงหรือไม่แอบแฝง ไม่ว่าใครจะถูกใส่ร้าย ใครจะถูกหักหลัง สุดท้ายย่อมมีคนสืบสาวราวเรื่องจนรู้ได้ เจ้าสนใจแค่เรื่องที่ว่า ตอนนี้ลูกน้องของเจ้าวางแผนร้าย คิดจะลักพาตัวพระราชนัดดาไป เจ้าที่เป็นนายมีอะไรจะพูดหรือไม่ ?”
ทันทีที่ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ยินประโยคนี้ ในใจก็รู้สึกชื่นชมอย่างยิ่ง เสด็จพ่อคงได้ยินสิ่งที่เจ้าสี่พูดเมื่อครู่ หรือไม่ก็คงเดาได้ว่าเจ้าสี่จะหาข้อแก้ตัวอย่างไร ดังนั้นจึงถามถึงความผิดดั้งเดิมโดยไม่ต้องฟังคำแก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น
พระองค์หงุดหงิดมาก เกือบจะตกหลุมพรางที่ลูกชายวางไว้ ได้แต่ถูกพูดชักจูงให้ไขว้เขวไปทางนู้นทางนี้อย่างไม่มีแก่นสาร หาประเด็นหลักอะไรไม่ได้อยู่ตลอดเวลา
อ๋องอานปากอ้าเผยอน้อย ๆ เริ่มมีสีหน้ากระวนกระวายขึ้นมาบ้างแล้ว “นี่….”
ไท่ซ่างหวงตบโต๊ะดังสนั่น ตรัสอย่างโกรธเคืองว่า: “เอาทัศนคติของเจ้าออกมาถกกันให้ชัด ลูกน้องของเจ้าก่ออาชญากรรมร้ายแรง เจ้าที่เป็นเจ้านายมีความผิดหรือไม่?”
ภายใต้สายพระเนตรอันดุดันที่จ้องมองมาของไท่ซ่างหวง สุดท้ายแววตาที่เคยมั่นอกมั่นใจของเขา ก็แตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไม่มีเหลือ “หลานชาย… มีความผิดพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่ซ่างหวงแค่นเสียงเย็นชาขึ้นมาเสียงหนึ่ง “ดี วันนี้ข้าจะถามแค่เรื่องที่เกี่ยวกับความผิดในการควบคุมลูกน้องได้ไม่ดีของเจ้าก่อน เรื่องราวเบื้องหลังในคดีนี้ ข้าจะสอบสวนมันด้วยตนเอง หากมีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้อง ข้าจะไม่ละเว้นเจ้าง่าย ๆ แน่”
อ๋องอานไม่สามารถคุกเข่าได้อีกต่อไป เอ่ยเถียงขึ้นว่า “เสด็จปู่ นี่ท่านไม่ไว้ใจหลานถึงเพียงนี้เลยเชียวรึ? ท่านคงไม่เคยสงสัยในตัวเจ้าห้าเลยใช่หรือไม่? เหตุใดท่านจึงได้ลำเอียงถึงเพียงนี้?
เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างมาก ว่าอาจเป็นผู้วางแผนใส่ร้ายหลาน เหตุใดท่านจึงไม่นำตัวเขามาไต่ถามก่อน? หรือเป็นเพราะหลานไม่เคยรู้วิธีเอาอกเอาใจท่าน ไม่เคยทำให้ท่านพอใจ ดังนั้นท่านจึงได้ลำเอียงเช่นนี้? ”
กับดักแนวนี้ หากนำมาใช้กับไท่ซ่างหวงก็นับได้ว่าไร้ประโยชน์อย่างยิ่ง ได้ยินเพียงเสียงที่ตรัสกลับมาอย่างเฉยเมยว่า: “ผู้สืบทอดราชบัลลังก์นับเป็นรากฐานของประเทศ ย่อมไม่มีความเห็นแก่ตัวเลือกที่รักมักที่ชัง หากเจ้าต้องการประณามว่านี่คือความลำเอียง รอให้หลังจากนี้มีงานเลี้ยงในราชวงศ์ เจ้าสามารถยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดในตอนนั้นก็ย่อมได้ ลูกน้องของเจ้าก่ออาชญากรรมร้ายแรง เจ้าเป็นนาย มีความผิดฐานปกครองคนได้ไม่มีประสิทธิภาพและหละหลวม ตอนนี้ข้าจะถามเจ้าในเรื่องความผิดนี้ข้อเดียวเท่านั้น เจ้าจะยอมรับความผิดหรือไม่?”
อ๋องอานเกิดความรู้สึกที่เหมือนกับว่า ตัวเองเงื้อหมัดต่อยออกไปโดนใส่ปุยฝ้ายนุ่มนิ่มอย่างไรอย่างนั้น ถึงกับไร้เรี่ยวแรงจะทำอะไรได้อีก พยายามอ้าปากแต่ก็พูดไม่ออก ทำได้เพียงก้มหน้าแล้วพูดว่า “หลานยอมรับผิดพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่ซ่างหวงตรัสอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อเจ้ายอมรับผิดแล้ว เช่นนั้นก็จัดการได้ง่าย เจ้าจะถูกปรับเบี้ยหวัดเป็นเวลาหนึ่งปี ไม่ต้องกลับไปที่กรมทหารอีก ให้ย้ายไปที่ กองทัพทางใต้รับผิดชอบเรื่องการฝึกทหาร พรุ่งนี้ให้ไปรายงานตัวที่กองทัพทางใต้ทันที”
อ๋องอานแทบจะเป็นลมให้ได้แล้ว เขาแทบจะระเบิดด้วยความโกรธและความเศร้า ทุกวันนี้แม่ทัพทั้งหมดของกองทัพทางใต้เป็นเซียวเหยากงทั้งสิ้น เมื่อเขาไปถึงที่นั่น ทุก ๆ คำพูด ทุก ๆ การกระทำ ทุก ๆ ความเคลื่อนไหว ล้วนต้องถูกจับตามองแบบทุกฝีก้าว
อีกทั้งเขาไม่สามารถไปทำอะไรที่ กองทัพทางใต้ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว ทำได้แค่ไปติดแหงกอยู่ที่นั่นจนตายก็เท่านั้น
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ไท่ซ่างหวงจะระแวงเขามากเช่นนี้ ถึงกับรีบกดหัวเขาลงไปอย่างไม่นึกถึงอะไรทั้งสิ้น หรือนี่จะเป็นการแผ้วถางเส้นทางให้กับเจ้าห้าอย่างนั้นหรือ?
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นจริง แต่การลงโทษนี้ก็ไม่ยุติธรรม ทั้งไม่เป็นที่น่าพอใจ กับแค่ความผิดฐานหย่อนยานการควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาที่ประพฤติไม่ดี เหตุใดโทษถึงได้รุนแรงมากขนาดนี้?
เป็นไปได้หรือไม่ว่าทางฝ่ายท่านตานั้น ก็ถูกไท่ซ่างหวงเรียกตรวจสอบจนรู้เรื่องหมดแล้ว?
ในใจของอ๋องอานว้าวุ่นสับสน ไม่ผิดแน่ หากเรื่องนี้ถูกองครักษ์ลับผีเข้ามาแทรกแซง เช่นนั้นทางท่านตาก็ไม่มีทางที่จะไม่รู้แน่ แต่เห็นได้ชัดว่าท่านตาไม่ได้สั่งให้ใครมาบอกกล่าวเขาก่อนเลย นี่หมายความว่าท่านตาไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ
ท่านตาเป็นแม่ทัพใหญ่ขององครักษ์ลับผี ดังนั้นความเคลื่อนไหวทั้งหมดขององครักษ์ลับผีก็ไม่น่าจะลอดหูลอดตาเขาไปได้ เว้นเสียแต่ ไท่ซ่างหวงจะมอบหมายภารกิจแบบเป็นการส่วนตัว
เขายังคิดอยากจะโต้แย้งอีกสักหน่อย แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าเคร่งขรึมเย็นชาของไท่ซ่างหวงแล้ว เขาก็กลืนความไม่ยินยอมพร้อมใจนั้นกลับลงไปในท้อง ยอมรับความผิดแล้วถอยไปแต่โดยดี
เขาเดินสะดุดขาพันกันออกไป เดิมทีนี่เป็นโอกาสที่ดีมากแท้ ๆ แต่คิดไม่ถึงว่าจะกลับตาลปัตรครั้งใหญ่แบบนี้เสียได้
หลังจากกลับไปถึงจวน เขาก็สั่งให้เรียกคนมาถามทันที หลังจากที่รู้ว่าแม่ทัพหลอที่เป็นองครักษ์ลับผีเข้ามาแทรกแซงจริง ๆ เขาก็รีบสั่งให้คนไปเชิญท่านตาของตนเอง ตี๋เว่ยหมิงมาทันที
เขาไม่เคยคิดป้องกันทางฝั่งองครักษ์ลับผีเลย เพราะความเคลื่อนไหวทั้งหมดขององครักษ์ลับผีนั้นท่านตาจะรู้มาโดยตลอด
เขาเคลื่อนไหวไปแล้วสองครั้ง ครั้งแรกที่คำนวณพลาดไป ก็คือหยวนชิงหลิง
ครั้งที่สองนี้ ก็คำนวณสถานการณ์รอบด้านไว้อย่างครบถ้วนแล้วแท้ ๆ กระทั่งความล้มเหลวก็ยังมีการคำนวณไว้ด้วยเสร็จสรรพ อย่างมากที่สุด ก็คือที่ปรึกษาหุ้ยรับความผิดไปแต่เพียงผู้เดียว ส่วนฝั่งเจ้าพระยาจิ้งนั้น ขอแค่กำจุดอ่อนไว้ในมือได้ เขาย่อมไม่กล้าพูดพล่ามอะไรมากมายแน่ คนคนนี้รักตัวกลัวตายเป็นที่สุด ทั้งโลภมากและเห็นแก่ตัว เขาไม่มีทางยอมขายผลประโยชน์ หรือแม้แต่ชีวิตของตัวเอง เพราะเห็นแก่ความรักใคร่ต่อคนในครอบครัวอย่างแน่นอน
แต่ครั้งนี้ ทุกอย่างถูกคำนวณไว้จนละเอียดถ้วนถี่ กลับคิดไม่ถึงว่าจะเกิดความผิดพลาดจากฝั่งองครักษ์ลับผีเสียได้
เมื่อตี๋เว่ยหมิงมาถึงจวนอ๋องอานแล้ว อ๋องอานกับอะหลูก็มาต้อนรับเขาที่ห้องหนังสือ
หลังจากรู้เรื่องนี้ ตี๋เว่ยหมิงก็ถึงกับมึนงงไม่มีสติรับรู้อยู่เป็นนาน เอ่ยถามด้วยความไม่เชื่อว่า: “องครักษ์ลับผีเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ ? เป็นไปไม่ได้ หากมีความเคลื่อนไหวอะไร ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรกัน? หรือว่าเจ้าได้ฟังข้อมูลมาไม่ถูกต้อง ? ”
อ๋องอานพูดด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง: “ไม่ เป็นองครักษ์ลับผีจริง ๆ เป็นแม่ทัพหลอนำคนไปด้วยตัวเอง”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้ หน้าที่ของแม่ทัพหลอคือปกป้องพระชายาองค์ชายรัชทายาท นี่เป็นรับสั่งที่ไท่ซ่างหวงตรัสออกมาเอง หน้าที่ในแต่ละวันของแม่ทัพหลอ ล้วนต้องถูกรายงานกลับมาที่ข้าทั้งหมด หากมีภารกิจอื่น ก็ต้องให้ข้าเป็นคนจัดการเอง ”
เมื่อเห็นว่าตี๋เว่ยหมิงยังคงไม่เชื่อ อ๋องอานจึงอดถอนหายใจยาว ๆ ออกมาไม่ได้: “ท่านตา เกรงว่าไท่ซ่างหวงจะทรงเคลือบแคลงสงสัยในตัวท่านมานานมากแล้ว”
ตี๋เว่ยหมิงตัวแข็งทื่อชะงักค้าง “อะไรนะ?”
นี่มันเป็นไปได้อย่างไร? เขาปกปิดได้ดีมาก กระทั่งเรื่องการลอบสังหารอ๋องฉีกับหยวนชิงหลิง เรื่องที่เขาขัดขวางแม่ทัพหลอ ล้วนเป็นการส่งคนนอกไปทั้งสิ้น ไม่ได้ใช้องครักษ์ลับผีเลยแม้แต่น้อย
อะหลูก็ยังกระซิบเบา ๆ ด้วยว่า ” ท่านแม่ทัพ ข้าเกรงว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ”
หัวใจของตี๋เว่ยหมิงสั่นสะท้าน “ถ้าพระองค์รู้ แล้วทำไม…”
ทำไมไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย? นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว
“ท่านตา ข้าเกรงว่าจะมีคนกำลังเฝ้าจับตาดูท่านอยู่ ท่านมาหาข้าที่นี่ ไท่ซ่างหวงก็คงจะรู้แล้วอย่างแน่นอน” จู่ ๆ อ๋องอานก็เกิดนึกถึงจุดนี้ขึ้นมาได้ ใบหน้าของเขาถึงกับซีดเผือด
ที่แล้วมาเขาไม่เคยนึกอยากเปิดเผยตัวตนอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เพราะมันสะดวกในการวางแผนทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างลับ ๆ อีกทั้งยังไม่เป็นที่สะดุดตาใคร
ก็เหมือนกับครั้งนี้ ถ้าเขาสามารถกำชีวิตเจ้าข้าวเหนียวน้อยมาไว้ในมือ แล้วส่งมอบไปให้กับคนที่เขาไว้ใจเพื่อนำไปใช้ข่มขู่เจ้าห้าได้ อย่างน้อยเขาก็สามารถสั่งให้เจ้าห้ายอมเชื่อฟัง หรือให้ทำเรื่องบางอย่างที่ทำลายชื่อเสียงขององค์ชายรัชทายาทลงได้บ้าง
ตี๋เว่ยหมิงค่อย ๆ ตั้งสติให้มั่น มองอ๋องอานแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักอึ้งว่า: “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีอะไรที่จะปิดบังได้อีกต่อไปแล้ว”
อ๋องอานมีท่าทีเศร้าโศกอยู่ครู่หนึ่ง “เพียงแต่ ตอนนี้ไท่ซ่างหวงสั่งย้ายข้าไปยังกองทัพทางใต้แล้ว มันยากที่ข้าจะลงมือทำอะไรได้อีก”
“อดทนไว้ก่อน” ถึงอย่างไรตี๋เว่ยหมิงก็เป็นแม่ทัพ เขาซุ่มซ่อนเขี้ยวเล็บมานาน ตอนนี้ได้เวลาค่อย ๆ อ้าปากเอาเขี้ยวเล็บเหล่านั้นออกมาแล้ว “ให้ผ่านช่วงเวลาวิกฤตินี้ไปก่อนค่อยว่ากัน ทางฝั่งที่ปรึกษาหุ้ย พวกเขาไม่มีทางเค้นเอาหลักฐานอะไรออกมาได้อยู่แล้ว คืนนี้ตาจะฆ่าเขาทิ้งเสีย จะได้พูดอะไรออกมาไม่ได้อีก ส่วนทางด้านเจ้าพระยาจิ้ง เพื่อความปลอดภัยไร้กังวลของพวกเรา หลังจากนี้ค่อยหาทางกำจัดทิ้งก็แล้วกัน”

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset