บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 512 พวกเขามีความหวังไหม

จากนั้น ภายใต้สายตายั่วยุที่จ้องมองของอ๋องฉี เฉินจิ้งถิงดื่มหมดไปถ้วยหนึ่งโดยไม่พูดพร่ำ สีหน้าไม่เปลี่ยน ราวกับว่าดื่มน้ำเปล่าถ้วยหนึ่ง
อ๋องฉีกัดฟัน คิดว่าเขาเสแสร้ง จึงเทอีกถ้วยหนึ่ง “ที่กล่าวกันว่าสามแก้วเพื่อเป็นการให้เกียรติ มาอีก!”
พูดจบ แหงนหน้าอึกอึกอึกดื่มอีกถ้วยหนึ่ง
เฉินจิ้งถิงมองดูเขาด้วยความชื่นชม “อ๋องฉีมีความสามารถในการดื่มเหล้าดีพ่ะย่ะค่ะ”
อ๋องฉีโซเซเล็กน้อย รีบร้อนดื่มเกินไป แผ่นฟ้าแผ่นดินหมุนเล็กน้อยแล้ว เขาชี้ในถ้วยเหล้า “ตาท่าน ท่านแม่ทัพใหญ่อย่าได้ไม่ให้เกียรติ”
“อ๋องฉีน้ำใจไมตรีเปี่ยมล้น ข้าน้อยจะกล้าขัดขืนได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?” เฉินจิ้งถิงดื่มลงไปอีกแก้ว สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งยิ้มอย่างอ่อนโยน
คราวนี้อ๋องฉีรู้แล้วว่าตัวเองบุ่มบ่าม ประเมินตัวเองสูงเกินไป นึกไม่ถึงว่าความสามารถในการดื่มเหล้าของคนอื่นจะดีเพียงนี้
แต่ว่า เมื่อครู่ได้ปฏิญาณไปแล้วว่าสามถ้วย นี่ยังเหลืออีกหนึ่งถ้วย หากว่าเขาดื่มถ้วยนี้ ก็เมาเป็นแน่แล้ว
เขากลอกลูกตา คนฉลาดจะหลบหลีกสถานการณ์ที่เสียเปรียบ มองดูหยู่เหวินเห้าแล้วกล่าว “ท่านพี่ห้า ยังมีอีกหนึ่งถ้วย ท่านมาดื่มให้แม่ทัพใหญ่สิพ่ะย่ะค่ะ”
ผลัดเปลี่ยนกันมาดื่มให้เขา ไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถยืนอยู่ได้โดยไม่เมา
หยู่เหวินเห้าจะไม่รู้ความคิดน้อยๆในใจของเขาได้อย่างไร? กล่าวอย่างช้าๆ “ดื่มเหล้าต้องค่อยๆดื่ม เจ้านี่คือกรอกเหล้า สิ้นเปลือง กินอาหารก่อน ประเดี๋ยวค่อยดื่ม”
อ๋องฉีกล่าวด้วยความรั้น “เช่นนั้นไม่ได้ พูดไว้แล้วคือสามถ้วย ถ้วยหนึ่งก็ขาดไม่ได้”
เฉินจิ้งถิงได้ยินดังนั้น เทเหล้าด้วยตัวเอง เหล้าใสๆเต็มถ้วย มีเพียงพอครึ่งกิโลกว่า เขายิ้มแล้วยกถ้วยขึ้น “ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของอ๋องฉี ข้าน้อยดื่มเป็นเกียรติให้อ๋องฉีถ้วยหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ!”
เขาพูดจบ ดื่มหมดในหนึ่งคำ คว่ำถ้วยลง อมยิ้มมองดูอ๋องฉี
อ๋องฉีปอดแหกในพริบตาแล้ว กล่าวด้วยใบหน้าเหยเก “นี่……นี่รีบร้อนดื่มเกินไปหน่อยแล้ว”
หยู่เหวินเห้ากวาดตามองเขาแวบหนึ่ง “นี่คือแม่ทัพใหญ่ดื่มให้เจ้า เจ้าดื่มให้เขาสองถ้วย เขาดื่มหมดแล้ว ตอนนี้ดื่มกลับให้เจ้าถ้วยหนึ่ง เจ้าไม่ให้เกียรติใช่หรือไหม?”
ดวงตาโตๆที่น้อยใจของอ๋องฉีปิดลง “ดื่มก็ดื่ม”
เขายกถ้วยขึ้น รู้สึกว่าในสมองวิงเวียนครู่หนึ่ง นี่ดื่มลงไปก็กลัวเพียงแค่จะล้มลงไปแล้ว
หยวนหย่งอี้เอามือแย่งมาทันที กล่าวอย่างวางอำนาจ “ข้าดื่มแทนท่าน”
หลังจากรับมา หยวนหย่งอี้ยืนขึ้นมา กล่าวต่อเฉินจิ้งถิง “แม่ทัพใหญ่ แก้วนี้ข้าดื่มแทน ต้อนรับท่านสองสามีภรรยามาถึงเป่ยถังด้วยความนอบน้อมและจริงใจ”
หยวนหย่งอี้พูดจบ ก็แหงนหน้าดื่มหมด เหล้ารสชาติเข้มข้น โดยมากเป็นความรู้สึกความสุขที่ยังไม่จบ
อ๋องฉีมองดูหยวนหย่งอี้ยืดตัวออกมาด้วยความอาจหาญอย่างตะลึง ความซาบซึ้งพรั่งพรูออกมาจากในใจ ผู้หญิงคนนี้ เวลาใดๆก็ยังคงปกป้องเขาที่สุด
เฉิงจิ้งถิงมองดูหยวนหย่งอี้ด้วยความชื่นชม “ผู้หญิงไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ชายจริงๆ!”
เรื่องวุ่นวายเล็กๆจบลงตรงนี้ อ๋องฉีสบายใจแล้ว จึงพิงไปทางข้างกายของหยวนหย่งอี้เรื่อยๆ
ดื่มเหล้าไปสามรอบ โดยพื้นฐานทั้งงานเลี้ยงต้อนรับการเดินทางมาจากแดนไกลก็คืองานชุมนุมรำลึกถึงอดีตของหยู่เหวินเห้าและเฉินจิ้งถิง
เรื่องเล็กๆนั่นในการพบปะของพวกเขา ถูกพูดวนไปมา หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง รายละเอียดมากมายในนั้นล้วนหยิบออกมาสนทนาวิเคราะห์แยกแยะอย่างละเอียด
ความสนใจของคนที่พูดยิ่งมากขึ้น แต่คนที่ฟังกลับฟังจนเหนื่อยหน่ายใบหูแล้ว
เฉินจิ่นหนิงจึงพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาว่า “ในเมื่อพวกท่านเริ่มจากไม่ต่อสู้ไม่รู้จักกันจนกระทั่งรู้จักรักใคร่กัน ไม่เช่นนั้น ก็ออกไปสู้กันสักรอบ และจะได้หวนคิดถึงความรู้สึกตอนนั้นให้ดีๆครู่หนึ่ง”
หยู่เหวินเห้าและเฉินจิ้งถิงฟังจบ ก็รู้สึกว่าเป็นข้อเสนอที่ดี จึงรีบเรียกคนให้ความสะอาดสถานที่ เอาดาบออกมาสองด้าม ต้องการประลองสักรอบ หวนคิดถึงความฝันเก่าๆ
ในลานแขวนตะเกียงกันลมไว้หลายอัน ส่องจนในลานดูสลัวงดงาม
หยู่เหวินเห้าสวมชุดสีขาว เฉินจิ้งถิงสวมชุดสีเขียว เห็นเพียงทั้งสองเหาะขึ้นมา ดาบยาวๆเปล่งเสียงไพเราะน่าฟังในอากาศ วิชาดาบงดงามดั่งดอกไม้ ไม่มีแรงสังหารแม้แต่น้อย มีเพียงความรู้สึกในจิตใจที่อธิบายออกมาไม่ได้
หยวนชิงหลิงพูดเบาๆประโยคหนึ่ง “พอแล้วจริงๆ!”
ประจวบเหมาะ เฉินจิ่นหนิงมองเข้ามา หยวนชิงหลิงมีความเคอะเขินเล็กน้อย แต่เฉินจิ่นหนิงกลับยิ้มด้วยความเข้าใจฝ่ายตรงข้าม “พอแล้วจริงๆ”
อะซี่และหยวนหย่งอี้มองดูพวกเขาระบำดาบอยู่ตลอด เดิมทีคิดว่าสามารถเห็นการประลองยุทธที่น่าตื่นตาตื่นใจมากๆฉากหนึ่ง นึกไม่ถึง กลับเหมือนเป็นการเต้นระบำว่ารูปร่างท่าทางใครงดงามกว่าใคร อดไม่ได้และหมดความสนใจแล้ว
สุดท้าย เฉินจิ่นหนิงทนไม่ได้แล้ว ตบโต๊ะแล้วลุกขึ้น หยิบดาบของอะซี่แล้วเหาะออกไป แยกคนทั้งสองออก กล่าวเสียงดัง “ข้ามาสอนพวกท่านว่าต่อสู้อย่างไร”
ดาบยาวของนางแทงไปทางหยู่เหวินเห้า จิ้งถิงรีบยื่นดาบออกไปแยกออก จิ่นหนิงกลับตัวแล้วหมุน แทงไปทางจิ้งถิง หยู่เหวินเห้ารีบขึ้นหน้าไปช่วย เกิดเรื่องนี้ขึ้น กลับเหมือนกับทั้งสองกำลังประลองกับจิ่นหนิง
เฉินจิ่นหนิงโกรธเป็นอย่างมาก และเกิดความแค้นใจ ไม่สนใจว่าตัวเองตั้งครรภ์ วิชาดาบชุดหนึ่งสามารถใช้ได้ถึงระดับสุดยอด เพราะทั้งสองล้วนหลบหลีกเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ เฉินจิ่นหนิงต่อพวกเขา ก็ได้เปรียบแล้ว
การประลองนี้ เกิดความน่าสนใจขึ้นมาแล้วจริงๆ ทั้งสองเริ่มต่อสู้ด้วยฝีมือที่แท้จริง วิชาดาบรวดเร็วและดุดัน กำลังภายในแรงสุดๆ ทุกที่ที่วิชาดาบไปถึง พัดกระพือใบไม้ให้ปลิวว่อนวุ่นวาย แสงเย็นของตัวดาบก็เหมือนดั่งสายฟ้าเช่นนั้น เกิดขึ้นฉับพลัน ตกลงฉับพลัน
เฉินจิ่นหนิงถอยกลับมา ขณะที่ลงถึงพื้น ลมหายใจไม่ปกติเล็กน้อย แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มองดูทั้งสองต่อสู้กันขึ้นมา เช่นนี้จึงเป็นการประลองยุทธที่คุ้มค่าต่อการชื่นชม
หยวนชิงหลิงมองดูจนหลงใหล ความเลื่อมใสในก้นบึ้งของจิตใจที่มีต่อตาห้าลอยขึ้นมา
ดูเสื้อคลุมสีขาวของเขาลอยพลิ้วในอากาศ ดูดาบยาวเหมือนสายรุ้งของเขา ดูกำลังภายในที่สง่างามของเขา แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับเฉินจิ้งถิงแม่ทัพที่ออกกระบวนท่ารวดเร็วปราดเปรียวเช่นนี้ เขาก็ไม่มีวี่แววจะพ่ายแพ้แม้แต่น้อย
หยวนชิงหลิงไม่เข้าใจวิทยายุทธ แต่ได้ยินหยวนหย่งอี้ชมเปาะอยู่ข้างกาย “โอ้พระเจ้า พวกเขาออกกระบวนท่าเร็วยิ่งนัก ข้าตาลายหมดแล้ว ล้วนมองไม่ชัดเจนแล้วว่าออกกระบวนท่าอย่างไรรับกระบวนท่าอย่างไร พวกเขาเข้ากันได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ สองชุดแยกได้ชัดว่าสกัดกั้นวิชาดาบของกันและกัน แต่กลับเจอกระบวนท่าไหนก็สามารถรับกระบวนท่านั้นได้ ยอดเยี่ยม นี่จะต้องเป็นความรู้ใจกันเช่นไรนี่?”
หยวนชิงหลิงและเฉินจิ่นหนิงถอนหายใจพร้อมกัน
ใครจะรู้ว่าพวกเขามีความรู้ใจกันอย่างไร?
งานเลี้ยงคืนนี้ กินไม่มาก ดื่มก็ไม่มาก แค่ฟังเยอะมาก และดูเยอะมาก โดยสรุป จนกระทั่งงานเลี้ยงตอนกลางคืนเลิกราแล้ว หยวนชิงหลิงกลับไปถึงห้องรออยู่เป็นเวลานานมาก ก็ไม่เห็นหยู่เหวินเห้ากลับมา
นางอดไม่ได้เรียกแม่นมสี่ไปถามที่หอหุยถิง ดูว่าหยู่เหวินเห้าอยู่ที่นั่นขัดขวางการพักผ่อนของผู้อื่นหรือไม่ แม่นมสี่ไปรอบหนึ่งกลับมารายงาน “รัชทายาทไม่ได้อยู่ที่หอหุยถิง แม่ทัพใหญ่เฉินก็ไม่อยู่เจ้าค่ะ ขณะที่ข้าไป จวิ้นจู่ยังถามถึงที่อยู่ของแม่ทัพใหญ่ด้วยล่ะเจ้าค่ะ”
หยวนชิงหลิงหัวเราะออกมาเสียงหนึ่ง “ข้ากับจวิ้นจู่เจอกับความรู้สึกเดียวกัน ได้ ไม่สนใจเขา ให้เขาอิ่มอกอิ่มใจระยะหนึ่งเถอะ รอหลังจากที่แม่ทัพใหญ่ไปแล้วข้าค่อยจัดการเขา”
“เช่นนั้นท่านเข้านอนเร็วๆนะเจ้าคะ อ๋องฉีและพระชายาหยวนล้วนไปหมดแล้วเจ้าค่ะ” แม่นมสี่กล่าว
“พวกเขาทั้งสอง…….” หยวนชิงหลิงนั่งลงมาแกะเครื่องประดับที่ศีรษะออก “ทำไมยังไม่ต้องตาต้องใจกันหรือ? คืนนี้ขณะที่ดื่มเหล้า คาดว่าทั้งสองคงทะเลาะกัน ไม่ใช่ว่าน้องเจ็ดยังวางฉู่หมิงชุ่ยไม่ลงหรอกนะ?”
แม่นมสี่ช่วยนางทำผม กล่าวว่า “อ๋องฉีพูดน้อย ขี้อาย เล่นแง่ มีความขัดแย้ง พระชายาหยวนใจกว้างแต่กลับความรู้สึกช้า หากว่าอ๋องฉีไม่เดินออกจากก้าวนี้ เกรงว่าคงไม่มีทางได้อยู่ด้วยกันเจ้าค่ะ”
“แม่นม ท่านคิดว่าพวกเขาทั้งสองถูกใจกันแล้วหรือไม่?” หยวนชิงหลิงถาม
แม่นมสี่คิดแล้วคิดอีก ยิ้มแล้วกล่าว “ถูกใจหรือไม่ถูกใจไม่รู้เจ้าค่ะ แต่ว่า ขณะที่ดื่มเหล้าวันนี้ พระชายาหยวนคือปกป้องอ๋องฉี ในส่วนของอ๋องฉี ดวงตามองดูพระชายาหยวนอยู่ตลอด ยังคีบอาหารให้พระชายาหยวนหลายครั้ง เขาคีบมา พระชายาหยวนก็กินแล้ว ราวกับว่ารู้ใจเช่นนั้นเจ้าค่ะ”

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset