บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 525 ให้หยวนชิงหลิงไปรักษาโรค

โสวฝู่ฉู่มองเขาอยู่ชั่วครู่ ตัดสินใจว่าจะไม่พูดกับคนโง่อีก วางแก้วน้ำชาลงแล้วไปหาแม่นมสี่
หยู่เหวินเห้ามองจิ้งถิงอย่างอึ้งตะลึง “ข้าพูดผิดไปหรือ”
แม่ทัพใหญ่มีประสบการณ์และความรู้กว้างขวาง เพราะว่าต้าโจวก็มีคนแปลกๆและเรื่องประหลาดๆมากมาย ฉะนั้น เขาไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ “แม่ทัพน้อยของชาวหมาป่า น่าจะเป็นคน”
“เป็นคนทำไมจึงสามารถสั่งการฝูงหมาป่าได้”หยู่เหวินเห้าไม่เชื่อ
แม่ทัพใหญ่พูดว่า “ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ข้ายังเคยได้ยินมาว่ามีบางสถานที่ที่คนรู้วิชาควบคุมนก”
“วิชาควบคุมนก มันคืออะไร”หยู่เหวินเห้ามองไปยังกางเกงของตนเองอย่างเก้อเขิน เริ่มรู้สึกว่าตนเองเป็นกบในกะลาแล้ว
แม่ทัพใหญ่พูดยิ้มๆว่า “ไม่ใช่อย่างที่ท่านคิด วิชาควบคุมนกที่ว่านี้ ก็คือมีคนคนหนึ่งสามารถควบคุมนกทุกชนิดได้ เหล่านกต่างๆเป็นทหารรับใช้ของเขา คิดว่าก็คงจะเป็นเหมือนกันกับแม่ทัพน้อยแห่งชาวหมาป่าคนนี้ แม่ทัพน้อยแห่งชาวหมาป่าควบคุมฝูงหมาป่า หมาป่าถือได้ว่าเป็นทหารของเขา แต่พวกเขาเป็นคนประเภทเดียวกัน ปกติแล้วถ้าไม่มีใครมาทำร้ายก่อนก็จะไม่ทำร้ายใคร ขอเพียงไม่ไปหาเรื่องพวกเขา แม้พวกเขาจะมีความสามารถเลิศล้ำ ก็ไม่สามารถคุกคามเราได้ ”
หยู่เหวินเห้าตกตะลึง “เช่นนั้นถ้าหากทั้งสองประเทศมีข้อพิพาทกัน พวกเขาใช้ฝูงหมาป่ามาต่อกรกับกองทัพของพวกเรา หรือว่าใช้ฝูงนกเหล่านั้น หรือแม้กระทั่งพวกที่มีความสามารถสูงส่งเหล่านั้นเข้าร่วมการทำงานของประเทศและการสู้รบ จะไม่ต้องล้มระเนระนาดกันไปหมดหรือ”
แม่ทัพใหญ่โบกมือ “ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้แน่นอน มีความสามารถล้ำเลิศ ก็ยิ่งมีขีดจำกัดมาก ”
“เช่นนั้นข้าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ ”หยู่เหวินเห้ารู้สึกสนใจขึ้นมา “เจ้ารู้จักคนที่มีความสามารถสูงส่งเหล่านี้ใช่หรือไม่ ภายหน้าถ้ามีโอกาส ก็แนะนำให้ข้าได้รู้จักบ้าง ”
“รู้จักแค่คนสองคน ถ้ามีโอกาสจะแนะนำให้ท่านรู้จักทั้งหมด ”แม่ทัพใหญ่พูด
“ตกลงคำไหนคำนั้น”หยู่เหวินเห้าพูดอย่างอารมณ์ดี
หยู่เหวินเห้าไปหาหมอหลวงเฉา เพื่อสอบถามว่าฮูหยินจูกั๋วกงนั่นป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่
หมอหลวงเฉาพูดว่า “เป็นหัวหน้าหมอหลวงที่ไปทำการรักษาด้วยตนเอง ไม่ได้พูดเจาะจงว่าเป็นอะไร แต่ว่า ข้าน้อยสามารถลองถามแทนท่านได้”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “เช่นนั้นก็รบกวนท่านหมอหลวงแล้ว”
หมอหลวงเฉาถอนหายใจพูดว่า “ถ้าหากพระชายารัชทายาทสามารถรักษาฮูหยินจูกั๋วกงให้หายได้ ก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่านั้นแล้ว ฮูหยินจูกั๋วกงเป็นคนดีมาก นางทำเรื่องดีๆมากมาย หวังว่าคนดีจะมีสิ่งตอบแทนดีๆกลับคืนมาบ้าง”
หยู่เหวินเห้าก็เคยได้ยินเรื่องของฮูหยินจูกั๋วกงมาบ้าง นางสร้างคุณงามความดีมาตลอดชีวิต รับเลี้ยงเด็กกำพร้าและคนวัยชรา บริจาคเพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับคนอดอยากและผู้ลี้ภัย ใช้สมบัติในบ้านทั้งหมดที่มี ทำเรื่องดีๆเหล่านี้มาตลอดชีวิต
หลายปีมานี้ป่วยเป็นโรคร้าย จึงได้หยุดทำเรื่องดีๆเหล่านี้
หมอหลวงเฉาไปหาข่าวเรื่องอาการป่วยของฮูหยินจูกั๋วกง หยู่เหวินเห้ากลับเรือนแล้วก็ปรึกษาเรื่องนี้กับหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงนั่นย่อมยินดีจะไปช่วยรักษา แม้ว่าจะไม่ใช่เพราะทำเพื่อเจ้าห้า แค่ได้ยินว่าฮูหยินจูกั๋วกงเคยทำเรื่องดีๆเอาไว้มากมาย นางก็ยินดีจะช่วยแล้ว
หมอหลวงเฉาหาข่าวกลับมาแล้ว บอกว่าฮูหยินจูกั๋วกงนั้นปวดท้องปวดเอวจนยากจะทนรับได้ อีกทั้งเวลาปวดขึ้นมาก็แทบจะเอาชีวิต เคยลองเอาหัวชนฝาหวังฆ่าตัวตายก็หลายครั้ง
หยวนชิงหลิงถามว่า “นอกจากเจ็บที่ท้องแล้วยังมีอาการอื่นๆร่วมด้วยหรือไม่ ”
หมอหลวงเฉาพูดว่า “ถามแล้ว บอกว่าปัสสาวะไม่ออก เวลาปัสสาวะจะปวดมาก ร่วมกับอาการหนาวสั่นเป็นไข้ คลื่นไส้อาเจียน อาการของโรคกำเริบบ่อยมาก บางครั้งก็เดือนละสองสามครั้ง ปวดทีหนึ่งก็หลายวันมาก ทำเอาเจ็บปวดทรมานจนแทบกลายเป็นเนื้อตากแห้งแล้ว”
“แล้วหัวหน้าหมอหลวงวินิจฉัยว่าอย่างไร ”หยวนชิงหลิงถาม
หมอหลวงเฉาบอกว่า “วินิจฉัยว่าน่าจะเป็นโรคขัดเบา หัวหน้าหมอหลวงเคยให้ยาคลายลมปราณปรับสมดุลเลือด ให้ยากระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและสลายการอุดตัน ตอนแรกนั้นก็พอจะเห็นผลอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ต้องอาศัยแต่การให้ยาระงับปวดเพื่อรักษาเท่านั้นแล้ว และฮูหยินจูกั๋วกงมีภาวะของไตที่บกพร่องถดถอยรุนแรงมาก และก็ไม่สามารถจะใช้ยาระงับปวดได้ตลอด จะทำให้ภาวะของหัวใจและเลือดเสียหายไปด้วย เกิดไฟในกระเพาะ ยิ่งไม่ดีเข้าไปใหญ่ สำคัญคือโรคขัดเบานั้นเป็นโรคร้ายใหญ่หลวงจริงๆ มีคนจำนวนมากต้องตายไปจากความเจ็บปวดของโรคนี้ ได้ยินหัวหน้าหมอหลวงพูดว่า ตอนนี้ฮูหยินล้มป่วยอีกแล้ว เริ่มปวดตั้งแต่เช้าของวันนี้ ตอนนี้ก็ยังไม่บรรเทาลงบ้างเลย”
หยวนชิงหลิงพยักหน้าเบาๆ โรคขัดเบา ก็คือการเกิดนิ่วในไต เมื่อปวดขึ้นมาแทบจะเอาชีวิตเลยทีเดียว
แต่ว่า ในการรักษาแบบแพทย์แผนจีน ก็มีหลายวิธีที่จะรักษาโรคนิ่วในไตได้ คนสมัยใหม่บางส่วนก็อาศัยกินยาแผนจีนโบราณในการสลายนิ่ว ทำไมยาที่หัวหน้าหมอหลวงให้จึงไม่ได้ผล
“ในเมื่อวินิจฉัยว่าเป็นโรคขัดเบา แล้ววิธีการรักษาโดยการสลายนิ่วได้ลองทำหรือยัง”หยวนชิงหลิงถาม
หมอหลวงเฉาพูดว่า “ทำไมจะไม่ทำ เคยทำแล้ว แต่ว่าวิธีการสลายนิ่วนั้นต้องให้คนไข้กระโดดไปมาจึงจะทำให้นิ่วตกลงมาได้ ฮูหยินอายุมากแล้วไหนเลยจะมีแรงกระโดด ถ้ากินยาตำรับนี้ เน้นการระบายเป็นหลัก จะทำให้นางสูญเสียพลังงานหยางไปมาก ยิ่งทำให้อ่อนแอลง ได้ยินว่าเมื่อวานปัสสาวะเป็นเลือด แต่วันนี้ปัสสาวะไม่ออก หมอหลวงไปตรวจรักษาเพิ่งกลับมาตอนเช้า บอกว่าน่าจะถึงเวลาแล้ว”
“ก็แค่โรคขัดเบาเท่านั้น ร้ายแรงขนาดนี้เชียวหรือ”หยวนชิงหลิงประหลาดใจ
หมอหลวงเฉาได้ยินคำพูดนี้ของหยวนชิงหลิง ก็เบิกตากว้าง “โรคขัดเบาเท่านั้น พระชายารัชทายาท ท่านรู้หรือไม่ว่าโรคขัดเบานั้นเป็นโรคร้ายแรงนัก คนที่เป็นโรคนี้ มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อครู่ที่ข้าบอกว่าเจ็บปวดจนตายเหล่านั้น ล้วนเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหว เอาหัวชนกำแพงฆ่าตัวตายทั้งสิ้น”
หยวนชิงหลิงรู้สึกตกใจอยู่บ้าง ตามหลักแล้วยาแผนจีนในการรักษานิ่วในไต ผลการรักษาค่อนข้างดีทีเดียว
ย่าของนางเป็นอาจารย์ในโรงพยาบาลแพทย์แผนจีน ทำงานเป็นหมออยู่ในโรงพยาบาลของเครือมหาวิทยาลัยแพทย์กวางโจวมาตลอดชีวิต นางมีตำรับยาอยู่หลายขนานสามารถใช้ได้
จำได้ว่าแม่ของผู้บริหารของบริษัทที่นางทำงานอยู่ เพราะเป็นโรคนิ่วในไต ยืนยันจะใช้วิธีการรักษาตามแพทย์แผนจีน ย่ายังเคยให้ตำรับยาให้นางเอาไปให้ผู้บริหารคนนั้น
หลังจากที่แม่ของผู้บริหารคนนั้นกินยาได้สองเดือน ไปอัลตร้าซาวน์ ก็พบว่านิ่วได้ถูกสลายไปหมดแล้ว
หยู่เหวินเห้าได้ยินหมอหลวงเฉาบอกว่าเป็นโรคขัดเบา และถึงระยะเวลาที่รุนแรงมากขนาดนี้แล้ว คิดว่าหยวนชิงหลิงเองก็คงไม่มีความมั่นใจอะไร จึงพูดว่า
“ไม่สู้พวกเราก็ไม่ต้องไปแล้ว”
หยวนชิงหลิงไม่สนใจเจ้าห้า ถามหมอหลงเฉาว่า “แล้วตอนนี้ฮูหยินยังเจ็บปวดรุนแรงหรือไม่ ”
“ก็เพราะยังเจ็บปวดอย่างรุนแรงมิใช่หรือ หัวหน้าหมอหลวงบอกว่านางปวดจนแทบจะไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว นางบอกเองว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว”หมอหลวงเฉาพูด
หยวนชิงหลิงจึงมองไปทางเจ้าห้า “เช่นนั้นพวกเราไปเยี่ยมดูสักครั้ง อาจจะช่วยเหลืออะไรไม่ได้ แต่ข้ามียาขับปัสสาวะกับยาระงับปวด ให้ฮูหยินท่านได้ระงับปวดก่อน ถ้าหากทำอะไรไม่ได้แล้วจริงๆละก็ ก็ให้นางได้มีช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตที่รู้สึกดีหน่อย”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “เช่นนั้นก็ดี ในเมื่อก็ไม่ได้ทำเพื่อสิ่งอื่นใด ฮูหยินจูกั๋วกงนั้นควรค่าแก่การเคารพจริงๆ นางสร้างคุณงามความดีให้กับเป่ยถังไม่น้อย”
หยวนชิงหลิงเปลี่ยนชุด เห็นหยู่เหวินเห้าก็อยู่ในชุดที่พร้อมออกเดินทาง ก็ยิ้มและพูดว่า “ท่านไม่ต้องไป ข้าไปกับหมอหลวงก็พอแล้ว”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “เช่นนั้นไม่ได้ พวกเราไปด้วยกัน นิสัยของจูกั๋วกงขี้โมโหมาก บางทีอาจคิดว่าเจ้ามีใจคิดเป็นอย่างอื่น ทำสีหน้าไม่ดีกับเจ้า”
หยวนชิงหลิงจับแขนของเขาเดินออกไป พูดว่า “ก็เพราะเขาขี้โมโห ท่านจึงไม่สามารถไปได้ ถ้าหากท่านตามไปด้วย น้ำใจของข้าก็จะถูกเขาเข้าใจผิดไปด้วย ข้าก็แค่อยากจะไปเยี่ยมดูอาการของฮูหยินเท่านั้น รวดให้ยาระงับปวด เรื่องอื่น ข้าจะไม่พูดถึง”
ทังหยางก็พูดขึ้นว่า “พระชายารัชทายาทพูดมีเหตุผล ตอนนี้จูกั๋วกงเห็นท่านไปมาหาสู่กับเซียวเหยากงบ่อยมาก ถ้าหากท่านปรากฏตัวขึ้น เขาคงตัดสินว่าท่านต้องมาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขาเห็นด้วยกับเรื่องพันธมิตร เกรงว่าพอจูกั๋วกงอารมณ์เสียขึ้นมา จะไม่ใช้พระชายารัชทายาทเข้าเยี่ยมอาการฮูหยินกั๋วกง เช่นนั้นก็น่าเสียดายนัก”
หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่ามีเหตุผล ก็เรียกให้แม่นมสี่ไปเป็นเพื่อน เป็นแม่นมที่รับใช้ข้างกายไท่ซ่างหวงมานาน จูกั๋วกงคงไม่กล้าทำอะไรเกินกว่าเหตุ

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset