บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 545 โสวฝู่ทะเลาะเบาะแว้ง

มันโหดร้าย แต่เกิดแก่เจ็บตาย ความจริงเป็นเรื่องปกติในโลก ไม่ว่าโหดร้ายเพียงใด สุดท้ายมีเพียงวิธีเดียว นั่นคือยอมรับและปล่อยวาง
โม่ยี่คิดว่า จดหมายและของขวัญที่ตนนำกลับมา สามารถปลอบโยนคนตระกูลหยวนได้มากน้อยเพียงใด
ตอนโม่ยี่ขอตัวกลับ ศาสตราจารย์หยวนมอบเงินให้เธอส่วนหนึ่ง โม่ยี่รับเพียงเงินค่าตั๋วเครื่องบิน สถานะทางการเงินของเธอน่ากังวลจริง หลังน้องสาวออกจากโรงพยาบาล ต้องทำการฟื้นฟูร่างกายซึ่งใช้เงินไม่น้อยทีเดียว
ศาสตราจารย์หยวน บันทึกเบอร์โทรศัพท์ของเธอเอาไว้ พร้อมขอร้องเธอว่าหากมีโอกาสไปทางนั้น รบกวนบอกกล่าวกันด้วย
โม่ยี่รับปาก แต่เธอรู้ว่าโอกาสแบบนี้ต่อไปไม่มีอีกแล้ว โอกาสที่หาได้ยากในชีวิต อาจจะมีเพียงครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น
ศาสตราจารย์หยวนปลอบโยนภรรยาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะไปที่โรงพยาบาล
ซูยู่อี้ มารดาของศาสตราจารย์หยวน เป็นศาสตราจารย์อาวุโสแผนกเนื้องอกในโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเมืองก่วง หลังเกษียณอายุกลับมาทำงานเช่นเดิม หลังเกิดเรื่องของหยวนชิงหลิง นางตรอมใจจนป่วย จึงลาออกจากงาน เพราะเจ็บป่วยบ่อยครั้ง ดังนั้นตอนนี้จึงรักษาตัวอยู่แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟูในโรงพยาบาล ที่สำคัญนางไม่อยากอยู่ในบ้าน เพราะคนในบ้านต่างมักพากันร้องไห้
ความเจ็บปวดที่คนผมขาวส่งคนผมดำ ยากที่จะเปลี่ยนแปลงและสูญหายไปตามกาลเวลา บางครั้งนึกถึง ในใจเจ็บปวดรวดร้าว ศาสตราจารย์ซูอายุมากแล้ว จะอดทนได้อย่างไร?
เรื่องลูกสะใภ้โดดตึกฆ่าตัวตาย คล้ายถูกถ่ายทอดสดออกไปในอินเทอร์เน็ต วีแชทของผู้คนในเมืองก่วงต่างพากันโพสต์ นางไม่รับรู้ แต่หมอและพยาบาลในโรงพยาบาลรู้ จึงแอบบอกเรื่องนี้กับนาง
ศาสตราจารย์ซูเห็นคนมากมายใช้แววตาสงสารมองนาง ในใจเกิดความสงสัย จึงสอบถามพยาบาลคนหนึ่ง พยาบาลจึงนำวิดีโอในวีแชทให้นางดู ศาสตราจารย์ซูเห็นวิดีโอนี้ จู่ ๆ หัวใจวายทันที
ขณะศาสตราจารย์หยวนไปถึง ศาสตราจารย์ซูกำลังถูกช่วยชีวิตอยู่
แคว้นเป่ยถัง จวนอ๋องฉู่
ทังหยางและกู้ซือทั้งสองร่วมมือกันตรวจสอบรอบหนึ่ง พบว่าในวังหลวงไม่มีผู้ป่วยโรคเรื้อนผ่านเข้ามาเลย โรงหมอหุ้ยหมิงทางนั้นส่งรายชื่อเข้ามา และยืนยันว่าไม่เคยเข้ามาในวังหลวง
หรือพูดได้ว่า มีโอกาสสูงที่แม่นมสี่ไม่ได้ติดเชื้อจากในวังหลวง และทำให้หยวนชิงหลิงและหยู่เหวินเห้าวางใจ
อารมณ์ของแม่นมสี่ค่อย ๆ สงบลง ไม่ดึงดันที่จะไปแล้ว แต่ยืนยันว่าจะไม่พบผู้ใด อาหารการกิน ล้วนเรียกให้คนวางไว้หน้าประตู นางจะออกไปหยิบด้วยตนเอง กระทั่งหยวนชิงหลิงเอ่ยว่าจะตรวจอาการเพื่อวินิจฉัยโรคให้นาง นางล้วนไม่อนุญาตให้เข้าไป
ไม่เพียงหยวนชิงหลิงเข้าไปไม่ได้ กระทั่งโสวฝู่มาพบนาง นางไม่ยินยอมพบ และแม่นมสี่ยังกำชับหยวนชิงหลิง ห้ามบอกโสวฝู่ว่านางป่วยเป็นโรคใด ให้บอกเพียงนางไม่ยินยอมพบผู้ใด
นี่สร้างความลำบากให้กับหยวนชิงหลิง
การมาทุกครั้งของโสวฝู่ แม่นมสี่ล้วนลงมือชงชาทำขนมต้อนรับเขา และพูดคุยกับเขา ฟังเสียงสายลม มองท้องฟ้า เล่าเรื่องในอดีต สิ่งที่หวังในวันหน้า แต่จู่ ๆ บอกไม่ต้องการพบเขา โสวฝู่ฉู่จะไม่ร้อนใจเช่นไร?
แต่เมื่อถามคนในจวนอ๋องฉู่ ผู้ใดล้วนไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เขาจึงทำได้เพียงไปพบหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงจนใจอย่างมาก จึงเอ่ยว่า “ไม่รู้เช่นกันว่าจู่ ๆ เกิดอันใดกับแม่นมสี่ ไม่เพียงไม่พบท่าน กระทั่งข้า นางไม่ยอมพบหน้า”
โสวฝู่มองนาง “นางกระทั่งข้าไม่ยอมพบ และจะอยากพบเจ้าได้เช่นไร ในใจนาง เจ้าสำคัญกว่าข้าหรือ?”
ช่วงสับสนวุ่นวายนี้ โสวฝู่ฉู่ยืนกรานลำดับตำแหน่งจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ นี่คือปัญหาด้านศีลธรรม
หยวนชิงหลิงจึงเอ่ยว่า “ถูกต้อง ข้าพูดผิดไปแล้ว เพียงนางตอนนี้ผู้ใดล้วนไม่พบ ฝืนบังคับไม่ได้ โสวฝู่กลับไปก่อนเถิด เดาว่าแม่นมสี่คงอารมณ์ไม่ดีเพียงไม่กี่วัน สักระยะคงดีขึ้น”
โสวฝู่ฉู่จ้องนาง “คนคนหนึ่งไม่โมโหอย่างไร้สาเหตุได้หรอก ต้องมีคนล่วงเกินนาง”
กลิ่นอายการกล่าวโทษนี้รุนแรงยิ่งนัก
หยวนชิงหลิงขมวดคิ้วขบคิดชั่วครู่ “ตามหลักน่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะช่วงนี้โสวฝู่ไม่ได้ยั่วโมโหนาง นางไม่โมโหท่านแน่”
“หมายถึงคนในจวนอ๋องฉู่ของพวกเจ้า ไม่รู้ผู้ใดยั่วโมโหนาง” โสวฝู่ฉู่เอ่ยอย่างเคร่งเครียด
หยวนชิงยิ้มออกมา “นั่นยิ่งเป็นไม่ได้ ภายในจวนกระทั่งข้ายังต้องฟังนาง ผู้ใดกล้าล่วงเกินนาง?”
โสวฝู่ฉู่ได้ยินคำนี้ รู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่จะโมโหค่อนข้างน้อย เขาจึงครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างสงสัย “หรือว่าป่วย ครั้งก่อนนางต้องลมเย็น หายดีแล้วหรือไม่?”
หยวนชิงหลิงตอบว่า “หายดีแล้วเจ้าคะ หลังหายดียังไปที่จวนกั๋วกงเป็นเพื่อนข้า”
“จวนกั๋วกง?” โสวฝู่ฉู่ขบคิด แต่ไม่พูดอันใดอีก ก่อนเดินมือไพล่หลังจากไป
เขาไปที่จวนกั๋วกงรอบหนึ่ง และพูดจาอ้อมค้อมกับจูกั๋วกงพักใหญ่ จากนั้นจึงตรงเข้าประเด็น เอ่ยถามว่าวันที่พระชายารัชทายาทพาแม่นมสี่นั้น เกิดเรื่องใดขึ้นหรือไม่?
จูกั๋วกงรับรู้ถึงความหวังดีของโสวฝู่ฉู่มาตลอด เพราะเข้าประตูมาเขาเอ่ยถามอาการป่วยของฮูหยิน นี่จึงทำให้จูกั๋วกงประทับใจอย่างมาก ดังนั้นเมื่อได้ยินโสวฝู่ฉู่เอ่ยถามเช่นนี้ กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ครั้งแรกที่พระชายารัชทายาทมา ได้ส่งมอบยาระงับการปวดให้แก่ภรรยาข้า แต่ตอนนั้นฮูหยินและคนในครอบครัวไม่เชื่อนาง จึงเชิญกลับไป”
โสวฝู่ฉู่เอ่ยเสียงเรียบว่า “เชิญกลับไปหรือ ส่งตัวกลับไปหรือขับไล่ไป เกิดความไม่พอใจใดหรือไม่?”
จูกั๋วกงกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ย่อมมีไม่พอใจบางส่วน”
โสวฝู่ฉู่สีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน ก่อนตบฉาดลงบนโต๊ะอย่างโมโห พลางกัดฟันกรอดกล่าวว่า “ถือว่าพบเหตุผลแล้ว ที่แท้เป็นเจ้าตาเฒ่าเหลี่ยมจัด!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของจูกั๋วกงแข็งค้าง จากนั้นเริ่มแตกสลาย “ท่านเรียกข้าว่าตาเฒ่าเหลี่ยมจัด?”
โสวฝู่ฉู่โมโหจนใบหน้าบิดเบี้ยว “เรียกเจ้านั่นแหละ ตาเฒ่าไม่รู้จักดีชอบเช่นเจ้า ข้าจะปล่อยเจ้าไปได้เช่นไร?”
ตอนเย็นโสวฝู่ฉู่มาที่จวนอ๋องฉู่อีกครั้ง หยวนชิงหลิงเห็นเขาโมโหเกรี้ยวกราด รอบดวงตาสองข้างฟกซ้ำ ราวกับถูกต่อยมาสองหมัด
ยามเดิน เท้ากะเผลกไปมา คล้ายกับหยู่เหวินเห้าตอนที่ทะเลาะกับกู้ซือ
ใบหน้าเขาเขียวซ้ำ จนแทบต้องกัดฟัน หยวนชิงหลิงไม่รู้เขาประสบสิ่งใดมา และไม่กล้าไถ่ถาม เมื่อหยู่เหวินเห้าอยู่ในจวน นางจึงเรียกหยู่เหวินเห้ามาถามไถ่
หยู่เหวินเห้าอยู่ที่อยู่ตรงประตูห้องโถงมองโสวฝู่ฉู่แวบหนึ่ง เห็นเขาเดินไปด้านหลังจวนอย่างโมโหเดือดดาล ดั่งเสือที่บาดเจ็บ ไอสังหารแผ่ออกมาทั่วกาย เขาสั่นไหวในใจครู่หนึ่ง ก่อนสะบัดมือกล่าวว่า “ช่างเถิด เรื่องส่วนตัวของโสวฝู่ ข้าไม่กล้าเอ่ยถาม เขาน่าจะไปหาแม่นมสี่ วางใจเถอะ ต่อหน้าแม่นมสี่ เขาไม่หยาบคายหรอก”
หยวนชิงหลิงกลอกตามองเขา “รัชทายาท ช่างไร้ความสามารถเสียจริง”
หยู่เหวินเห้ามีท่าทีลำบากใจ “เรื่องส่วนตัวไม่สะดวกที่จะเอ่ยถามจริง ๆ เจ้าชอบเอ่ยถึงช่องว่างมิใช่หรือ เช่นนั้นต้องให้ช่องว่างกับโสวฝู่เสียบ้าง เป็นเรื่องส่วนตัว”
นางกลัวจะเกิดเรื่องขึ้น จึงเรียกให้อะซี่ไปดูพร้อมกับนาง หยู่เหวินเห้าเห็นนางไปแล้ว ไม่ว่าไม่ต้องการยุ่งเรื่อง “ส่วนตัว” ของผู้อื่นเพียงใด ทำได้เพียงไล่ตามไป
โสวฝู่ฉู่ให้เกียรติแม่นมสี่ แต่ไม่ให้เกียรตินาง
โสวฝู่มาถึงด้านนอกเรือน ร้องเรียกน้องสี่อยู่หลายคำ แต่คนด้านในไม่ตอบรับ เขาจึงเอ่ยคำพูดของตนออกมา “เจ้าวางใจ ข้าไปแก้แค้นให้เจ้าแล้ว ตาเฒ่าจูเหลี่ยมจัดนั้นเสียมารยาทกับพวกเจ้า ข้าจึงชกเขาอย่างหนักมายกหนึ่ง อย่างน้อยครึ่งเดือนนี้เขาลุกจากเตียงไม่ได้แน่”
หยวนชิงหลิงและหยู่เหวินเห้าที่ตามเข้ามาจึงรับรู้ที่มาของอาการบาดเจ็บบนกายนี้ของเขา
หยู่เหวินเห้าสบโอกาส จึงรีบร้อนเอ่ยขึ้น “โสวฝู่ ท่านบาดเจ็บเพราะทะเลาะกับจูกั๋วกงมาหรือ บาดเจ็บเช่นนี้ รีบไปเรียกหมอหลวงมาทำแผลให้ท่านเถิด สวรรค์ เลือดล้วนไหลลงมาแล้ว”
โสวฝู่ฉู่หันกลับไปมองหยู่เหวินเห้า ภายในดวงตาแข็งกร้าวค่อย ๆ กลายเป็นชื่นชม รัชทายาทช่างเปี่ยมความสามารถเสียจริง

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset