บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 568 ใจเจ้าปรารถนาอะไร

อาซี่ขมวดคิ้วมุ่น “ใครไม่เข้าใจสวีอีบ้างล่ะ? คนอย่างนั้นเข้าใจได้ไม่ยากหรอก ก็แค่คนโง่เง่าคนหนึ่ง”
หยวนหย่งอี้ยิ้มแล้วพูดว่า “ดู ๆ ไปแล้ว เหมือนว่าเรื่องแต่งงานของเจ้าจะมีวี่แววแล้วล่ะ”
หยวนชิงหลิงมารู้ตัวทีหลัง หันไปมองอาซี่ด้วยความประหลาดใจ “เจ้ากับสวีอี?”
อาซี่เป็นเบื้อใบ้ไปครู่หนึ่ง หน้าแดงด้วยความเขินอาย กระทืบเท้าด้วยความโกรธ “พี่สาว! เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน? ข้ากับสวีอีจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร? เขาก็แค่คนโง่คนหนึ่ง ข้าไม่มีทางต้องตาคนโง่ได้หรอก”
“คนโง่สิดี ซื่อสัตย์ ใจแข็ง เปิดใจยอมรับคนเพียงคนเดียว ทั้งยังดีกับคนเพียงคนเดียว” หยวนหย่งอี้พูดอย่างจริงใจและตรงไปตรงมา
จากนั้นก็มองไปที่หยวนชิงหลิง “พี่หยวน เจ้าว่าจริงหรือไม่?”
หยวนชิงหลิงไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องของสวีอีกับอาซี่มาก่อนเลยจริง ๆ พอตอนนี้ได้ยินหยวนหย่งอี้พูด ก็ยิ้มหวานเต็มใบหน้า “นั่นสิ ถ้าแต่งให้สวีอีจริง ๆ ล่ะก็ ชีวิตนี้คงจะเรียบง่ายมากทีเดียว แต่ฮูหยินใหญ่จะยอมรับสวีอีได้รึ ? ภูมิหลังครอบครัวของสวีอี…..”
ตระกูลหยวน เป็นตระกูลทหารที่มีอำนาจและโดดเด่น แม้จะบอกว่าภูมิหลังทางครอบครัวของสวีอีจะไม่ได้แย่ แต่ในสายตาของผู้มีอำนาจบารมี มันก็ดูยาจกไปหน่อยจริง ๆ
อีกทั้งคอยติดตามอยู่ข้างกายเจ้าห้า แม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นมือขวา แต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้แสดงความโดดเด่นให้เห็นมากนัก
หยวนหย่งอี้ยิ้มพลางพูดว่า “ท่านย่าไม่สนใจภูมิหลังของครอบครัวหรอก ขอแค่เป็นคนดีก็พอแล้ว”
หยวนชิงหลิงอดชื่นชมในใจไม่ได้ “ฮูหยินใหญ่ช่างเป็นคนใจกว้างและโปร่งใสยิ่งนัก”
อาซี่ได้ยินที่พวกนางพูด เหมือนจะเริ่มหลุดประเด็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็โกรธจนใบหน้าแดงก่ำ กระทืบเท้าอย่างไม่พอใจแล้วหันหลังจากไป
หยวนหย่งอี้กับหยวนชิงหลิงต่างก็หัวเราะขึ้นมา ตระกูลหยวนมีเด็กสาวที่กำลังเติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวแล้วสิ!
เนื่องจากอาการบาดเจ็บของหยวนหย่งอี้ เดิมทีแผนการที่ว่าจะไปพายเรือที่ทะเลสาบกับหยู่เหวินเห้าจึงต้องมีอันล่าช้าออกไป แต่ในเมื่อมาถึงซีโจวแล้ว หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าเขาควรไปภูเขาหมื่นพุทธเสียหน่อย
ภูเขาหมื่นพุทธเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในซีโจว ภูเขาไม่ใหญ่แต่มีข้อดีที่สูง ดูแปลกตาและงดงามโดดเด่น มีพระพุทธรูปให้กราบไหว้บูชาจนเต็มภูเขา
ทุกปีที่นี่จะดึงดูดนักอ่านวรรณกรรม รวมถึงผู้แสวงบุญจากทั่วทุกมุมของเป่ยถัง คนที่ท้อแท้ คนที่สมหวัง ล้วนต้องมาที่นี่เพื่อกราบไหว้บูชาสักครั้ง
จากตีนเขาถึงยอดเขาหมื่นพุทธ จะมีพระพุทธรูปตลอดเส้นทาง คนที่มากราบไหว้บูชาสามารถกราบไหว้ได้ตลอดเส้นทางที่เดินขึ้นไป คนที่ศรัทธาอย่างแรงกล้ามาก ๆ ก็จะคุกเข่ากราบไหว้ขึ้นเขาไปก็มี
ได้ยินมาว่า ภูเขาหมื่นพุทธแห่งนี้ตอบสนองต่อทุกคำขอ ไม่ว่าจะเป็นคำขอเรื่องอนาคต ขอเพื่อวงศ์ตระกูล ขอเพื่อให้ได้เจอเนื้อคู่ ไปจนถึงขอให้มีลูก คนที่เชื่อถือศรัทธาหลายคนได้รับสิ่งที่ปรารถนาหลังจากมาอธิษฐานขอพร ดังนั้นผู้ที่มาทำบุญจุดธูปขอพรที่นี่จึงมีมากมาย สถานที่ก็ยิ่งเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อย ๆ
หยู่เหวินเห้าไม่เคยเชื่อในเรื่องพระเรื่องเจ้า ดังนั้น ในตอนที่รถม้ามาถึงตีนเขาหมื่นพุทธ หยวนชิงหลิงก็อดถามไม่ได้ว่า “พายเรือกับไหว้พระ เจ้าเลือกไหว้พระจริงๆหรือนี่ ? เจ้าเริ่มจะทำให้คนคาดเดาไม่ได้ไปทุกที ๆ แล้ว”
หยู่เหวินเห้าลืมตาขึ้น นัยน์ตาเป็นประกายวาบวับราวกับแสงดาว “จะให้ทำอย่างไรได้ล่ะ? ในบ้านมีศพยืมร่างคืนชีพอยู่ อย่างไรก็ต้องมาอธิษฐานขอให้ทุกสิ่งคุ้มครองแบบรอบด้านนั่นล่ะ”
คำตอบนี้เป็นอะไรที่เหนือคาดมาก หยวนชิงหลิงจับมือเขาลงจากรถม้าแล้วพูดว่า “อาศัยความช่วยเหลือจากทุกสิ่งรอบด้าน? จะช่วยคุ้มครองอะไรข้าได้ล่ะ?”
“ไม่สำคัญว่าจะคุ้มครองหรือไม่ ข้าก็ภาวนาแค่ ขออย่าให้วิญญาณของเจ้าของร่างเดิมกลับมาพัวพันจนไล่ให้เจ้ากลับไปก็พอ” หยู่เหวินเห้าพูด
หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าจะกลับมายึดคืน ก็ให้เขายึดคืนไปเถอะ เดิมทีข้าก็เป็นแค่ผู้ที่บุกรุกมาครอบครองบ้านของผู้อื่นอยู่แล้ว ถ้าเจ้าของกลับมา พวกเจ้าก็ถือว่ามีชะตาได้กลับมาเป็นสามีภรรยากันจริงๆแล้ว”
หยู่เหวินเห้าเหยียดมือใหญ่ออกไป รัดรอบเอวของนางหมับ พูดอย่างดุดันว่า “ถ้าเจ้าพูดประโยคนี้ให้ข้าได้ยินอีกเป็นครั้งที่สองล่ะก็ ข้าจะผลักเจ้าลงไปจากยอดภูเขาหมื่นพุทธเลยคอยดู!”
หยวนชิงหลิงแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ “แบร่! ดุอะไรขนาดนี้น่ะ? ทำข้าตกใจแทบตายแล้ว”
หยู่เหวินเห้าพ่นลมหายใจ พูดอย่างไม่พอใจว่า “เจ้าต่างหากที่ทำให้ข้าตกใจแทบตายแล้ว หยวนชิงหลิงคนเดิมนิสัยน่ารังเกียจ น่าขยะแขยงถึงขนาดนั้น เจ้าอยากให้นางกลับมาจริง ๆ น่ะรึ?”
ทั้งคู่เดินไปข้างหน้า หมันเอ๋อกับสวีอีเดินตามอยู่ข้างหลัง เดินทิ้งระยะห่างจากกันช่วงหนึ่ง จึงได้ยินไม่ค่อยชัดนักว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน
จู่ ๆ หยู่เหวินเห้าก็ถามขึ้นว่า “ จริงสิ เดิมทีหน้าตาของเจ้าเป็นอย่างไรรึ?”
หยวนชิงหลิงยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเอง แล้วพูดว่า “ก็พอ ๆ กันนะ แต่สูงกว่านางนิดหน่อย แก่กว่าหน่อย แต่ก็มีสมองมีสติปัญญากว่าหน่อย”
“สติปัญญามันคืออะไร?” หยู่เหวินเห้าจับมือนาง ลมภูเขาพัดโชยเอื่อย แฝงมาด้วยความเย็นสบายของช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจเป็นพิเศษ
“ก็คือคนที่ดูแล้วมีวัฒนธรรม มีความรู้มากมาย ” หยวนชิงหลิงตอบ
“อ๋อ คนที่เหมือนเจ้าหวาง” เขาขมวดคิ้ว “แต่เจ้าหวางดูแล้วหน้าตาไม่น่ามองอย่างเห็นได้ชัด นี่เห็นได้ว่าคำว่ามีสติปัญญา ไม่ใช่คำที่มีความหมายเชิงบวก”
หยวนชิงหลิงร้องหาขึ้นมาเสียงหนึ่ง “เจ้าหวางยังนับว่าหน้าตาไม่น่ามองหรือ ? อย่างน้อยเขาก็ดูดีกว่าแม่ทัพหลู่หม่างอยู่มากนะ”
แต่เมื่อพูดถึงคนเหล่านั้น รูปโฉมของพี่ซูหลงนั้นถือว่าโดดเด่นที่สุด แต่งกายด้วยชุดสีขาว โดดเด่นเป็นสง่าสะดุดตา
หยู่เหวินเห้าเชิดหัวชูคอราวพ่อไก่พันธ์ พูดอย่างลำพองใจว่า “ถ้าพูดกันในแง่ของรูปโฉมล่ะก็ ย่อมไม่มีทางเทียบข้าได้แน่นอนอยู่แล้ว”
หยวนชิงหลิงว่านอนสอนง่ายมากในวันนี้ ไม่งัดข้อเลยแม้แต่น้อย “นั่นสินะ รัชทายาทของข้ามีรูปโฉมสง่างามโดดเด่น ไม่มีใครเทียบได้ในใต้หล้าจริง ๆ”
พูดพลาง นางก็เอียงหน้าไปมองเขา การแต่งกายของเขาในวันนี้ช่างสง่าน่ามองมากจริง ๆ
ชุดผ้าจินต่วนทอลายริ้วเมฆสีเขียวเข้ม ดวงตาเปล่งประกายดุจดั่งดวงดาวจรัสแสงเจิดจ้า มุมปากมีรอยยิ้มจาง ๆ ราวกับพระจันทร์โค้ง กว้านสีทองทำให้เขาดูหล่อเหลางามสง่าหรูหรา เป็นการแสดงรูปแบบชนชั้นราชวงศ์อันสูงศักดิ์ทุกกระเบียดนิ้ว
เป็นคนที่เหมาะสมกับคำว่าสามีในอุดมคติจริง ๆ
หยวนชิงหลิงมองเพลิน จิตใจเบิกบานสบายตาสบายใจ ดวงตาปรากฏแววชื่นชมโดยไม่รู้ตัว หยู่เหวินเห้ามองนัยน์ตาส่วนลึกของนาง ยิ่งรู้สึกภาคภูมิใจมากขึ้นไปอีก ไม่ได้สนใจเลยว่ามีผู้คนมากมายรอบตัวเขากำลังเดินขึ้นเดินลงภูเขากันขวักไขว่ โฉบจูบลงบนแก้มอันแดงปลั่งของนางอย่างรวดเร็ว
“อี๋!” สวีอีมองเห็นจากระยะไกล ก็อดส่งเสียงร้องอุทานด้วยความรังเกียจออกมาไม่ได้
“อยากตายรึ!” หยู่เหวินเห้าหันหน้าไปจิกสายตามองเขาอย่างดุดัน
สวีอียกมือขึ้นปิดตาอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้าที่ถูกต่อยเมื่อคืนยังคงเป็นสีดำไปแถบหนึ่ง เป็นสีเขียวไปแถบหนึ่ง เขารู้สึกว่าตัวเองในช่วงนี้สมควรจะรู้จักสงบปากสงบคำเสียหน่อย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกต่อยอีก
ทั้งสี่คนเริ่มขึ้นไปบนเขา หยวนชิงหลิงร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง แม้ว่าทางขึ้นเขาจะไม่นับว่าสูงชันอะไร แต่หลังจากเดินไปได้ราว ๆ หนึ่งก้านธูป นางก็เริ่มหอบแล้ว
โชคดีที่วันนี้มีเวลาทั้งวัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รีบร้อน ชมทิวทัศน์บนภูเขาไปตลอดทาง ค่อนข้างตามอำเภอใจไม่น้อย
แม้ว่าหยู่เหวินเห้าจะบอกว่ามาไหว้พระ แต่ตลอดเส้นทางที่เดินผ่าน มีผู้คนมากมายตามสองข้างทางที่พากันกราบไหว้พระอย่างแข็งขัน แต่เขากลับเดินยาวไปตลอดทาง ไม่ได้หยุดเพื่อเข้าไปจุดธูปไหว้พระที่จุดไหนเลย
หยวนชิงหลิงถามเขาว่า ” เจ้าไม่ไปไหว้พระหน่อยหรือ ? ทำไมข้าไม่เห็นเจ้าไหว้พระองค์ไหนเลยล่ะ?”
หยู่เหวินเห้าตอบว่า “ไม่ต้องรีบร้อน พวกเราไปถึงยอดเขาก่อนค่อยไหว้ บนยอดเขามีหยวนสื่อเทียนจุนประดิษฐานอยู่ ถ้าจะไหว้ต้องไหว้องค์ที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดสิ”
หยวนชิงหลิงนึกสงสัยขึ้นมาทันที “เมื่อครู่นี้ข้าเฝ้าดูมาตลอดทาง ทั้งหมดนี้เป็นเทพเจ้าของลัทธิเต๋า รวมทั้งหยวนสื่อเทียนจุนเองก็เป็นเทพเจ้าของลัทธิเต๋าด้วย ไม่เห็นมีพระของศาสนาพุทธเลย ทำไมที่นี่ถึงเรียกว่าภูเขาหมื่นพุทธ แทนที่จะเป็นภูเขาหมื่นเทพล่ะ?”
หยู่เหวินเห้าอธิบายว่า “เจ้าลองเงยหน้ามองขึ้นไปบนภูเขาลูกนี้สิ ดูเหมือนพระภิกษุผู้นั่งสมาธิอยู่หรือไม่ ? แล้วลองดูภูเขาที่อยู่รอบตัวเจ้าสิ เหมือนพระหลาย ๆ รูปกำลังนั่งรวมกันเพื่อฟังพระไตรปิฎกอยู่หรือไม่?”
หยวนชิงหลิงเงยหน้ามองขึ้นไป เห็นแค่ยอดภูเขาที่มีลักษณะกลม ๆ แต่ดูโล้น ๆ เมื่อพิจารณาดูอย่างละเอียด ก็ดูเหมือนศีรษะของพระภิกษุจริง ๆ เมื่อมองดูส่วนที่ยื่นออกมาของเชิงเขา ก็มีลักษณะเหมือนนิ้วมือของพระที่พนมนิ้วทั้งสิบเข้าไว้ด้วยกัน มองไปรอบ ๆ ทุกด้านก็เหมือนกับที่เขาพูดจริง ๆ มีบรรดาพระภิกษุสามเณรน้อยนั่งอยู่บนพื้น ฟังการสวดมนต์ของพระพุทธเจ้า เมื่อตระหนักได้จึงร้องอุทานขึ้นว่า “ที่แท้ชื่อนี้ได้มาเพราะรูปร่างลักษณะของภูเขานี่เอง ข้ายังนึกไปว่าบนเขาลูกนี้จะเป็นพระพุทธรูปทั้งหมดเสียอีก”
หยู่เหวินเห้าบีบมืออันอ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูกของนางแล้วพูดว่า “ไม่ว่าจะเป็นเทพเจ้าก็ดี หรือพระพุทธเจ้าก็ดี ขอแค่สามารถคุ้มครองเจ้าได้ สามารถให้เจ้ายังอยู่เคียงข้างข้าได้ ข้าล้วนกราบไหว้ทั้งนั้น เจ้ามีความปรารถนาอะไรหรือไม่? ได้ยินมาว่าที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มากจริงๆ”
หยวนชิงหลิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เช่นนั้น ข้าหวังว่าจะสามารถแก้ปัญหาของเขาโรคเรื้อนได้โดยเร็วที่สุด แล้วก็หวังว่าโรงเรียนแพทย์ของข้า จะสามารถเปิดได้โดยเร็วที่สุดด้วย ขอให้สามารถหาหมอที่เก่งกาจมาสอนได้โดยเร็ว”
แต่นางกลับทอดถอนใจอย่างเงียบ ๆ สิ่งที่นางหวังยิ่งไปกว่านั้น ก็คือการได้พบกับครอบครัวของนางสักครั้งต่างหาก

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset