บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 861 ลำบากใจทั้งสองด้านจริงๆ

พระชายาซุนได้ยินแล้วค่อนข้างโมโห สามีของตัวเองตัวเองกระจ่าง นิสัยอ่อนปวกเปียก หากไม่ใช่เพราะถูกยั่วโมโห จะไม่โกรธเคืองขนาดนี้ นางคิดแล้วคิดอีก รู้สึกไม่สบายใจ ก่อนหน้านี้จวนอ๋องฉู่เกิดเรื่องซ้ำๆมากมาย ตัวเองตามช่วยเหลือข้างกายไม่ห่าง ไม่เคยมีใจนึกเห็นแก่ตัว น้องห้าเป็นรัชทายาทมาตั้งนานแล้ว ไม่เคยสนับสนุนท่านพี่รองเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นก็แล้วไป โอกาสที่หาได้ยากเช่นนี้ เขาไม่ได้ออกแรงอะไรแต่กลับพูดคำเหน็บแนมเหล่านี้ เกินไปจริงๆ
นางคิดแล้วคิดอีกในจิตใจก็ไม่สามารถกล้ำกลืนความอัดอั้นนี้ลงไปได้ จึงเรียกให้คนเตรียมรถม้า ไปพูดกับหยวนชิงหลิงด้วยเหตุผลที่พระที่นั่ง
หยวนชิงหลิงก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น โดยส่วนใหญ่ช่วงนี้นางดูแลไท่ซ่างหวงอยู่ในพระที่นั่ง ทันทีที่โรคถุงลมโป่งพองและโรคหอบหืดกำเริบขึ้นมา มักจะหายใจไม่ออกกลางดึกเสมอ ดังนั้นไม่สามารถห่างจากข้างกายของไท่ซ่างหวงได้ อย่างน้อย ต้องรอจนสภาพอากาศกลับมาอบอุ่น อาการป่วยถึงจะดีมากขึ้น
นางได้ยินว่าพระชายาซุนมาแล้ว ยังคิดว่าพระชายาซุนมาน้อมทักทายต่อฮ่องเต้แล้วถือโอกาสมาหานางเพื่อสนทนาคลายความกลัดกลุ้มใจ เพียงแต่ตอนนี้ไท่ซ่างหวงเพิ่งจะบรรทมไป นางจึงไปพบนางในเรือนหลัก
“ท่านมาแค่ผู้เดียวหรือ? หรงเยว่และฮูหยินเหยาไม่ได้มาด้วยหรือเพคะ?” หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วเอ่ยถาม ตอนนี้หรงเยว่และฮูหยินเหยาค่อนข้างสนิทสนมกับพระชายาซุน มักจะออกจากบ้านมาทำกิจกรรมด้วยกันบ่อยๆ
พระชายาซุนกล่าวอย่างเรียบๆ: “พวกนางไม่ได้มา ข้าไม่ได้เรียกพวกนาง”
หยวนชิงหลิงเข้าประตู เห็นสีหน้าของนางผิดปกติ จึงเอ่ยถาม: “ทำไมหรือ? ไม่สบายใจรึเพคะ? ผู้ใดยั่วโมโหท่าน?”
พระชายาซุนมองดูนาง แววตาไม่พอใจเล็กน้อย “พระชายารัชทายาท ข้าถามเจ้าสักคำ เจ้าแค่ตอบตามความจริงเท่านั้น”
“ร้ายแรงขนาดนี้เชียว?” หยวนชิงหลิงเช็ดมือ เมื่อครู่แยกยาอยู่ด้านใน ยังไม่ทันได้ล้างมือ นางนั่งลงแล้วกล่าว: “ท่านถาม ข้าจะตอบตามความจริงเป็นแน่”
พระชายาซุนหันมามองนาง “ท่านว่า ในสองสามปีนี้ ข้าปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
หยวนชิงหลิงมองดูสีหน้าที่อมความโกรธของนาง ทั้งยังถามด้วยคำพูดที่เดือดดาลเพียงนี้ ค่อนข้างงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น “ท่านพี่สะใภ้รองดีต่อข้าเป็นอย่างมาก โชคดีที่ในสองสามปีมานี้มีท่านพี่สะใภ้รองมาช่วยเหลือทั้งเรื่องภายนอกภายใน ข้าซาบซึ้งใจมาก”
“ดี เจ้าเองก็ยอมรับว่าข้าไม่ได้ปฏิบัติต่อพวกท่านอย่างไม่ยุติธรรม และไม่ได้ทำเรื่องผิดต่อพวกเจ้า เช่นนั้นทำไมครั้งนี้ท่านพี่รองของเจ้าจะได้ไปปฏิบัติภารกิจต่างเมืองด้วยความลำบาก น้องห้าจึงต้องดูถูกเขาเช่นนี้ด้วยล่ะ?” พระชายาซุนกล่าวด้วยความโกรธ
“มีเรื่องนี้? ข้าไม่รู้เลยเพคะ!” หยวนชิงหลิงหันกลับไปมองหมันเอ๋อแวบหนึ่ง หมันเอ๋อก็งงงันเล็กน้อย วันนี้ที่จวนไม่ได้สั่งให้มารายงานเรื่องราวนี่
พระชายาซุนความโกรธเต็มท้อง แต่ก็รู้ว่าไม่ควรพาลใส่หยวนชิงหลิง แต่มีบางคำพูดในใจไม่ระบายออกมาก็ไม่สบายใจ “เจ้ารู้ว่าท่านพี่รองคนนี้ของเจ้า นิสัยละมุนละม่อม ไม่วิพากษ์วิจารณ์ข้อบกพร่องของผู้คน หลายปีมานี้ เพราะนิสัยเช่นนี้ของเขาเสด็จพ่อจึงไม่ได้มอบหมายหน้าที่สำคัญแก่เขา แต่พูดอย่างเปิดอก ใครจะยอมเป็นคนไร้ประโยชน์ไปตลอดล่ะ?
เขาก็หวังว่าจะสามารถทำเรื่องจริงได้สักหน่อยเพื่อแบ่งเบาภาระของเสด็จพ่อได้ ออกแรงเพื่อราชสำนัก ผู้ใดเคยให้โอกาสเขาบ้างล่ะ? ก่อนหน้านี้น้องห้าไม่ลงรอยกับพี่ใหญ่ ไม่ลงรอยกับน้องสี่ ท่านพี่รองของเจ้าไม่พูดมากความก็ยืนอยู่ฝั่งน้องห้าทางนี้แล้ว แม้ว่าครั้งนี้น้องห้าจะถูกกักบริเวณ ท่านพี่รองของเจ้าก็ไปพูดจาดีๆเบื้องหน้าเสด็จพ่อไม่น้อย เพียงแค่เขาไม่ได้ทำเรื่องที่เป็นเรื่องจริงอะไรออกมา เสด็จพ่อก็ไม่ค่อยเห็นความสำคัญของเขา ช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้ นี่ก็โทษที่เขาไร้ความสามารถ นี่ก็ไม่ง่าย เจ้าว่าเขาได้รับโอกาสครั้งหนึ่งเช่นนี้ สามารถไปเปิดหูเปิดตาที่ประเทศซู่ได้ ก็มีโอกาสได้ทำความดีความชอบ
น้องห้าไม่ได้ดีใจเพื่อเขา ยังจะพูดจาอย่างเมินเฉยออกมาทิ่มแทงเขาอีก เรื่องนี้เป็นความไม่ถูกต้องของน้องห้าจริงๆ ข้าไม่ได้จะกล่าวโทษพวกเจ้า เพียงแค่ท่านพี่รองของเจ้าให้ความสำคัญต่อพวกเจ้าสามีภรรยามาตลอด เขาหวังด้วยใจจริงว่าพวกเจ้าจะดีใจกับเขา แม้ว่าในใจจะไม่ดีใจ บนใบหน้าก็ไม่ควรแสดงออกมา เจ้าว่า เหตุผลเช่นนี้ถูกหรือไม่?”
หยวนชิงหลิงฟังความทุกข์ใจมากมายของนางนี้เหมือนดั่งสายน้ำไหล นึกย้อนกลับไปในสองสามปีนี้ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นพวกเขาสามีภรรยาล้วนยืนข้างพวกเขาโดยไม่สนใจใดๆ เรื่องนี้ไม่ต้องไถ่ถามว่าใครถูกหรือผิดก่อน ความสัมพันธ์นี้ไม่สามารถทำลายได้ นางรีบปลอบโยนและขออภัย “ท่านพี่สะใภ้รองท่านพูดถูก เรื่องนี้เจ้าห้าทำไม่ถูกต้อง ประเดี๋ยวข้าจะตำหนิเขา เขาผู้นี้นะ ท่านรู้ว่าเขาไม่ได้มีจิตใจชั่วร้าย และเคารพท่านพี่รอง พูดคำเหล่านั้นอาจจะเพราะเป็นห่วงท่านพี่รองที่ไม่เคยออกจากบ้านไปไกล บวกกับความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างประเทศซู่และเป่ยถังของพวกเรา เป็นห่วงไม่รู้ว่าประเทศซู่จะทำเรื่องอะไรขึ้นมาบ้าง ทำให้ท่านพี่รองเสียเปรียบ ทั้งหมดล้วนเป็นเจตนาดี ก็แค่พูดจาไม่น่าฟัง ท่านอย่าได้ถือสาเขา ท่านยังไม่รู้จักเขาอีกหรือ?
คนผู้นี้พูดจาแข็งกระด้างไม่มีทางจะพูดดีๆได้ ในวันปกติกำชับข้าก็ไม่มีคำพูดดีๆสักนิด กับเสด็จพ่อก็ไม่รู้ว่าเคยต่อปากไปกี่ครั้งแล้ว ก็คือปากไม่ดี แต่จิตใจนี้ดี อย่าได้ถือสาคนเช่นเขาเลยเพคะ”
พระชายาซุนได้ยินคำพูดรอบนี้ สีหน้าจึงดีขึ้นบ้างแล้ว “ข้าก็แค่มาบอกเจ้า เจ้าก็อย่าได้ตำหนิเขาเลย ผู้ชายต้องการหน้าตานี่ เจ้าเอาคำพูดประโยคหนึ่งไปก็ได้แล้ว บอกว่าท่านพี่รองของเขาเฝ้าหวังให้เขามีความสุข เขาก็ควรดีใจแทนท่านพี่รองของเขา แม้ว่าจะมอบคำพูดอวยพรคำเตือนสักประโยค ก็ดีกว่าการถกเถียงแผนการชั่วร้ายเช่นนั้น”
“ได้ ท่านวางใจ ประเดี๋ยวข้าจะบอกให้คนนำคำพูดกลับไป” หยวนชิงหลิงกล่าวปลอบโยน
พระชายาซุนเห็นท่าทางที่รีบร้อนของนาง ถอนใจ “ข้ารู้ว่าที่ข้าตั้งใจมาบอกสิ่งเหล่านี้ในครั้งนี้ค่อนข้างเกินไป นี่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตเท่าใดนัก แต่ท่านพี่รองของเจ้า……พูดอย่างไรล่ะ? ในใจของเขามีความน้อยใจ ท่านพี่ใหญ่เกิดเรื่อง ต่อหน้าเสด็จพ่อ ก็เขาก็เป็นคนโตที่สุดแล้ว เขาหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของเสด็จพ่อได้ นี่เดิมทีก็ขัดกับนิสัยของเขา ก็เป็นการฝืนทำให้เขาลำบากใจแล้ว
แต่หน้าที่ก็ต้องรับผิดชอบให้จงได้ เป็นตัวอย่างที่ดีให้พวกน้องชาย เพียงแค่มักจะทำเป็นอวดฉลาดสุดท้ายก็ทำเรื่องโง่ๆ ในใจของเขาก็มีความรู้สึกล้มเหลวน่ะสิ วันเวลาเหล่านี้ อันที่จริงเขาไม่ได้มีความสุขสักน้อย ยังดีไม่เท่าเมื่อก่อนด้วยนะ”
หยวนชิงหลิงนึกถึงช่วงเวลาแรกเริ่มที่รู้จักกับอ๋องซุน ที่ในใจของเขาโหยหา ปากบ่นพึมพำ ล้วนเป็นเรื่องการกินดื่มเที่ยวเล่น เพื่อกินของดีๆสักมื้อ สามารถปั้นเรื่องวันเกิดของตัวเอง เพื่อมากินขนมของพ่อครัวในจวนอ๋องฉู่โดยไม่จ่ายเงิน มารอคอยทุกวันโดยไม่เหน็ดเหนื่อย ได้กินของอร่อย เขาก็สามารถหัวเราะได้ทั้งวัน มีความสุขยิ้มกริ่มทั้งวัน
บางที เจตนาเดิมของเจ้าห้าคือต้องการปกป้องเขา ให้เขาเป็นตัวเอง
แต่เหมือนดั่งที่พระชายาซุนกล่าว ในใจของท่านพี่รองก็มีความรู้สึกอัปยศ เขาไม่ยอมเป็นคนไร้ประโยชน์ แม้ว่าแต่ไหนแต่ไรตัวเองจะไม่เคยตัดสินตัวเองว่าการเอ้อระเหยลอยชายคือการไร้ประโยชน์ แต่คนภายนอกก็พูดเช่นนี้ บอกว่าจะไม่แยแสคำซุบซิบนินทาของคนภายนอกแม้สักน้อยได้อย่างไรล่ะ?
ระหว่างพี่น้อง ยังไม่สามารถทำลายความสนิทสนมกลมเกลียวได้เพราะการเข้าใจผิดบางอย่าง
ดังนั้น รอจนพระชายาซุนจากไปแล้ว หยวนชิงหลิงกลับไปบอกต่อกับฉางกงกงคำหนึ่ง บอกว่านางกลับจวนอ๋องฉู่รอบหนึ่งก่อน จัดการเรื่องราวบางอย่าง
ที่สำคัญที่สุดคือ นางกังวลว่าหากเกิดความแตกแยกระหว่างพี่น้องขึ้นจากตรงนี้ ท่านพี่รองจะโน้มเอียงไปทางท่านพี่สี่จริงๆ ท่านพี่สี่ทางนั้นสามารถเข้าใกล้ได้ตามอำเภอใจหรือ?
จะต้องเสียเปรียบอย่างมาก!
กลับถึงจวน หยู่เหวินเห้าเพิ่งจะส่งเสี้ยวหงเฉิงจากไป เห็นนางกลับมากะทันหัน ไม่รู้สึกเหนือความคาดหมายสักนิด ผู้หญิงกับผู้หญิงสามารถซ่อนความลับได้มากเพียงไร แต่ยกเว้นท่านพี่สะใภ้รอง
“ท่านพี่สะใภ้รองไปหาเจ้าแล้วสินะ?” หยู่เหวินเห้ากล่าว
“โอดครวญยกใหญ่ บอกว่าท่านไม่ควรพูดคำเหล่านั้นกับท่านพี่รอง ทำให้เขาอึดอัดใจแล้ว” หยวนชิงหลิงคล้องแขนของเขาเข้าไป “เมื่อครู่เห็นเสี้ยวหงเฉิงที่ประตูแล้ว มีข่าวคราวอะไรหรือ?”

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset