บุตรอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 221 ลบมลทิน

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 221 ลบมลทิน
 
“แฮกๆ” เสียงหอบหายใจของกงซีดังออกมาอย่างหนักหน่วงท่ามกลางสภาพสงครามที่ราวกับมีสองกองทัพเข้าห้ำหั่นกันไม่มีผิด หากตัดเรื่องที่กองทัพอีกฝ่ายมีกันแค่สองตนละก็
 
“เจ้านี่อึดดีจริงๆ”ราชส์เพลิงว่าพลางเดินไปทางกงซีทีละก้าวอย่างช้าๆ แต่ละก้าวที่มันก้าวออกไปต่างข้ามกองซากศพของทหารนับไม่ถ้วน
 
“อึก”กงซีปักดาบลงพื้นเพื่อใช้พยุงร่างของตนเองเอาไว้เพราะหมัดของราชสีห์เพลิงรุนแรงและหนักหน่วงมาก พอโดนมากๆเข้าขาของมันก็พลันอ่อนแรงแทบยืนไม่ไหวแล้ว
 
“แกมันปีศาจ”กงซีว่าพลางมองไปรอบๆ แม้พวกทหารธรรมดาจะไม่ได้เข้ามาร่วมต่อสู้ แต่เพราะพลังของอีกฝ่ายมันแผ่กระจายเป็นวงกว้าง พวกทหารที่ยังไม่ได้หนีไปเลยถูกลูกหลงตายไปจนหมด ยามนี้ค่ายทหารของพวกมันแทบไม่ต่างจากพื้นที่รกร้างเลย
 
“พูดเรื่องอะไรนะ เพื่อนของเจ้าก็บอกแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอว่าพวกข้าเป็นอสูร”ราชสีห์เพลิงว่าพลางกําหมัดของตนแน่น ก่อนจะง้างมันไปข้างหลังเพื่อจัดการกงซีที่หมดสภาพไม่มีเรียแรงแม้แต่จะหนี
 
ตูม! ทั้งดาบทั้งร่างของกงซีลอยหรือไปตามแรงราวกับว่าวสายปานขาดไม่มีผิด เมื่อเห็นร่างของกงซีฉีกกระชากตามแรงหมัดของมันแล้วราชสีห์เพลิงก็หันมามองทางด้านพยัคฆ์อัสนีแทน
 
ฟุบ… ฟุบ…กระบี่ของอิงสงยังคงสามารถตะหวัดแกว่งไปมาได้เพราะพยัคฆ์อัสนีแทบไม่ได้โจมตีมันเลย ยามนี้พยัคฆ์อัสนีกําลังหยอกล้ออยู่กับของเล่นของมันก็ว่าได้
 
“เอาแต่เล่นกับเหยื่อ เจ้านี่มันนิสัยแมวชัดๆ”ราชสีห์เพลิงว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ ยามนี้อิงสงเหนือยอ่อนมาก แม้จะสามารถควบคุมกระบีได้อยู่ แต่เห็นได้ชัดเลยว่าความมั่นใจของมันขาดสะบันไปหมดแล้ว แต่เดิมวิชาของมันคือกระบี่ดับแค้น เป็นวิชากระบีนิ่งสงบที่เน้นความแม่นยําเป็นหลัก ไม่ว่าศัตรูจะเร็วแค่ไหนมันก็สามารถตามและโจมตีได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่น่าเสียดายสายตาของมันไม่อาจใช้กับพยัคฆ์อัสนีได้
 
“พูดอะไร แกก็แมวเหมือนกันไม่ใช่หรือไง” พยัคฆ์อัสนีโวยออกมาทันทีเพราะไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกสายพันธุ์แมวเหมือนกันอย่างราชสีห์เพลิงจะกล้าใช้คํานี้กับตนเอง
 
“อย่าเอาราชสีห์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างข้าไปเทียบกับแมวเชียว” ราชสีห์เพลิงว่าพลางจุดไฟบนร่าง
 
“แกเองก็อย่าเอาเสือไปเทียบกับแมวสิ แต่จะว่าไปที่เขตภูเขาดําของเจ้ามีแมวที่จุดไฟบนร่างได้ไม่ใช่หรือไง หรือว่านั้นจะเป็นบรรพบุรุษของเจ้า” พยัคฆ์อัสนีหัวเราะออกมาพลางมองไฟบนร่างของราชสีห์เพลิง มันลุกไหม้อย่างรุนแรงแสดงถึงความโกรธของมัน
 
ฉึก… เพราะมัวตาคุยกันอยู่ ร่างของพยัคฆ์อัสนีเลยถูกกระบี่ของอิงสงแทงจนได้
 
เปรี้ยง! อยู่ๆร่างของพยัคฆ์อัสนีก็กลายเป็นสายฟ้าสลายหายไปต่อหน้าอิงสงที่พึ่งแทงศัตรูโดนเป็นครั้งแรกทันที หรือว่าที่มันไล่จับอยู่ตลอดเป็นร่างแยกของพยัคฆ์อัสนี
 
ตุบ! อยู่ๆเบื้องหน้าของมันก็ปรากฏร่างของหญิงงามนางหนึ่งร่อนลงมาราวกับเทพธิดาจากสวรรค์ไม่มีผิด ภาพเส้นผมสีขาวของนางทําเอาอิงสงถึงกับมองตาค้าง
 
อีก…พริบตานั้นภาพตรงหน้าอิงสงก็หาบวับไปเพราะยามนี้บนร่างของมันเต็มไปด้วยน้ำแข็งแล้วนั่นเอง
 
“พวกเจ้าจะเล่นกันอีกนานไหม จูเอ๋อจะออกนอกระยะตรวจจับของไอ้เจ้าไก่ฟ้าอยู่แล้วนะ” จึงจอกเหมันต์ว่าพลางเท้าเอวอย่างไม่พอใจ
 
“ข้าเปล่าเล่นสักหน่อย มีเจ้าพยัคฆ์อัสนีคนเดียวต่างหาก”ราชสีเพลิงว่าพลางกระโดดกลับขึ้นไปบนร่างของไก่ฟ้าหงอนทอง
 
“ก็นานๆที่จะได้เจอสัตรูแบบนี้นี่นา” พยัคฆ์อัสนียักไหล่พลางกระโดดกลับขึ้นไปเช่นกัน ทําให้เหลือเพียงจิ้งจอกเหมันต์ที่กําลังถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับสหายทั้งสอง นางหันไปมองอิงวงที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ก่อนจะเตะไปที่ก้อนน้ำแข็งอย่างจังจนก้อนน้ำแข็งแตกเป็นชิ้นๆ เจ้านี่หมดแรงจนไม่มีพลังพอจะทําลายน้ำแข็งเสียด้วยซ้ำ พยัคฆ์อัสนีเล่นมากเกินไปจริงๆ
 
“เห้ย ยัยจิ้งจอกรีบขึ้นมาเร็วๆสิ พวกเราไม่มีเวลารอเจ้านะ” พยัคฆ์อัสนีว่าพลางหัวเราะออกมา ตรงกันข้ามกับจิ้งจอกเหมันต์ที่แทบจะค้อนหน้าหงายทันที
 
“นี่มันอะไรกัน”ในเช้าวันต่อมา ทหารของฝั่งอาณาจักรอู๋ที่แอบเข้ามาสอดแนมว่าเกิดอะไรขึ้นก็ถึงกับตกตะลึงจนเผลอปล่อยอาวุธของตนหลุดมือในทันที จุดที่ตั้งค่ายของอาณาจักรฮัวนั้นโดนทําลายเสียย่อยยับ แถมร่องรอยยังเหมือนโดนทั้งฟ้าผ่าและอุกกาบาตอีกต่างหาก ในสภาพเช่นนี้พวกมันต่างทราบดีว่าเมืองอื่นๆไม่มีกําลังพอจะส่งมาช่วยเหลือแน่ๆ แถมในบรรดาศพที่กองเรียงรายอยู่บนพื้นยังมีศพของยอดฝีมือของอาณาจักรฮัวถึง 2 คนอีกต่างหาก ทําเอาเหล่าทหารของอาณาจักรอู๋งงเป็นไก่ตาแตก แต่หลังจากนั้นเหล่าทหารก็เอาไปลือว่าพวกกองทัพศัตรูถูกพระเจ้าลงโทษ จนพวกขุนนางเห็นโอกาสและเป่าประกาศออกไปว่า ด้วยบารมีแห่งจักรพรรดิองค์ใหม่อย่างอู๋หมิง ทําให้ผู้คิดร้ายกับอาณาจักรโดนสวรรค์ลงทัณฑ์ ทําให้ขวัญกําลังใจของเหล่าทหารดีขึ้นมากเพราะมันเหมือนกับบอกว่าพระเจ้ากําลังอยู่ข้างเดียวกับพวกมันนั่นเอง
 
ตูม! อีกด้านหนึ่ง หลังจากเดินทางมาด้วยความเร็วของมังกร อู๋หมิงและเหล่าองครักษ์จํานวนหนึ่งก็มาถึงวังของอาณาจักรชูเสียที แน่นอนว่าการต้อนรับของอาณาจักรชูนั้นไม่เป็นมิตรเท่าไหร่
 
“พวกแก กล้าดียังไงกลับมาที่นี่” ชูเจิน องค์ชายเพียงองค์เดียวของอาณาจักรชูถามพลางจ้องมองอู๋หมิงด้วยสายตาเคียดแค้น มันเอาแต่มองอู๋หมิงจนไม่เห็นว่าด้านข้างมีไป๋จูเหวินอยู่ด้วย
 
“องค์ชาย ระวังนะขอรับ” แม้องค์ชายจะไม่เห็นไป๋จูเหิวน แต่เหล่าองครักษ์ที่ทราบเรื่องเขตอสูรต่างมีท่าที่ระแวงเจ้าอสูรปักเป้าที่ตามไป๋จูเหวินมาอย่างมาก
 
“ข้ามาเพื่อขอเจรจา”อู๋หมิงว่าพลางประสานมืออย่างนอบน้อม มันไม่ได้มาที่นี่เพื่อมีเรื่องแต่อย่างไร
 
“เจรจา เจรจาอะไรอีก พวกแกฆ่าท่านพี่แล้วยังจะมาขอเจรจาอีกงั้นเหรอ” ชูเจินยังมีท่าทีโมโหอย่างมาก ท่าทางตอนนี้หากมีคนมาเสนอให้เปิดสงครามกับอาณาจักรอู๋ละก็ มันต้องยอมรับแน่ๆ เพียงแต่ตอนนี้อํานาจตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่มัน
 
“ชูเจิน องค์ชายอู๋เดินทางมาใกล ให้ท่านเข้ามาพักผ่อนก่อนเถอะ” บิดาของชูเจินหรือก็คือองค์จักรพรรดิองค์ปัจจุบันของอาณาจักรชูพูดพลางเดินออกมาด้านหน้าบุตรชาย ในเมื่อองค์จักรพรรดิของอาณาจักรอู๋เสด็จมาด้วยตนเอง มันจะให้ลูกชายรับหน้าแต่เพียงผู้เดียวได้อย่างไร
 
“ขอบพระคุณ แต่ข้าต้องการจะพูดคุยกับท่านให้เร็วที่สุด”อู๋หมิงว่าพลางเดินมาประจันหน้ากับองค์จักรพรรดิของอาณาจักรชู
 
“เชิญ” องค์จักรพรรดิผายมือไปทางท้องพระโรง ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องของมันเตรียมโต๊ะให้เรียบร้อย กว่าอู๋หมิงจะไปถึงโต๊ะก็ถูกจัดเอาไว้เรียบร้อยแล้วโดยกลางท้องพระโรงปรากฏเก้าอี้ 2 ตัวหันหน้าเข้าหากันห่างกันประมาน 100 เมตร เพื่อให้องค์จักรพรรดิทั้งสองได้นั่งเสมอกันนั่นเอง
 
“เอาล่ะ องค์จักรพรรดิคนใหม่ของอาณาจักร ท่านดั้นด้นเดินทางและเสียงชีวิตเข้ามาในวังของข้าเพื่ออะไร”องค์จักรพรรดิถามพลางมองดวงตาของอู๋หมิงนิ่ง เวลานับเดือนที่ผ่านมา อู๋หมิงทําผลงานได้ไม่เลวเลย ทําให้มันอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเด็กรุ่นใหม่คนนี้อยู่บ้าง
 
“ข้ามาเพื่อจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของอู๋ซูหลาน และยืนยันความเป็นมิตรของอาณาจักรเรา” อู๋หมิงว่าพลางนําขวดแก้วที่มีประสิทออกมา
 
“องค์หญิงไม่สิตอนนี้ต้องเป็นพระขนิษฐาสินะ นางแทงบุตรชายของข้าด้วยมือตนเองต่อหน้าต่อตาเหล่าผู้มาร่วมพิธี มีอะไรที่ต้องแก้ตัวงั้นหรือ” จักรพรรดิของอาณาจักรชูถาม เพราะมันเองก็โดนถามเช่นนี้อยู่ตลอด แม้จะเชื่อว่าซูหลานไม่มีทางทําเช่นนั้น และอาณาจักรไม่มีทางทําเรื่องเช่นนี้ให้ตัวเองเดือดร้อน แต่ก็ไม่อาจหาเหตุผลได้ว่าทําไมซูหลานถึงลงมือแทง
 
“ก่อนจะมาถึงที่นี่ ซูหลานโดนมือลอบสังหารของอาณาจักรฮัวลักพาตัวไป”อู๋หมิงเริ่มเล่าช้าๆพลางมองไปทางไป๋จูเหวินก่อนจะส่งขวดแก้วที่บรรจุปรสิตเอาไว้ไปให้ไป๋จูเหวิน
 
“ข้าได้ยินมาบ้างเช่นกัน แต่ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นคนของอาณาจักรฮัว” องค์จักรพรรดิถามเสียงเรียบเพราะมันไม่ได้อยู่ในสถาณการณ์
 
“พวกมันใช้วิชาเพลิงฟ้า และ หัวหน้าของพวกมันคือชิงจาง เรื่องนี้องครักษ์ของข้ายืนยันได้ พวกมันเห็นกันทั้งหมด” อู๋หมิงตอบด้วยท่าที่นิ่งเฉย มันรู้อยู่แล้วเพ ราะมันเองก็อยู่ในสถาณการณ์ด้วย แม้การเอาองครักษ์ตนเองมาอ้างจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือก็ตาม
 
“แล้วเช่นนั้นมันเกี่ยวอะไรกับการที่ซูหลานแทงบุตรชายของข้ากัน”องค์จักรพรรดิถามด้วยความสงสุย เรื่องการถูกลักพาตัวไปก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่มันเกี่ยวอะไรกัน?
 
“หัวหน้าของพวกมัน ชิงจาง ได้ฝังสิ่งนี้ลงไปในแขนของซูหลาน ก่อนที่พวกมันจะคืนตัวนางมา”อู๋หมิงว่าพลางผายมือไปทางไป๋จูเหวินที่ถือขวดบรรจุปรสิตอยู่
 
“อะไรกัน หนอน?”องค์จักรพรรดิของอาณาจักรชูขมวดคิ้ว พลางมองปรสิตในขวดแก้วอย่างประหลาดใจ
 
“สิ่งนี้คือปรสิตชักใย หากผู้ที่ฝึกมันได้นําปรสิตตัวนี้เข้าไปในร่าง มันจะบังคับร่างกายส่วนหนึ่งของผู้โดนฝังได้”อู๋หมิงอธิบายโดยมีไป๋จูเหวินยืนถือปรสิตอยู่ตรงกลางระหว่างเก้าอี้ทั้งสอง มันยีรมือไปข้างหน้าเพื่อให้องค์จักรพรรดิเห็นใกล้ๆ
 
“เจ้าจะบอกว่าไอ้หนอนตัวเล็กนิดเดียวนี่ควบคุมมือของแม่นั่นงั้นเหรอ” องครักษ์คนหนึ่งถามด้วยท่าที่ไม่พอใจ
 
“หากท่านไม่เชื่อก็สามารถทดสอบได้”อู๋หมิงว่าพลางชี้ไปที่องครักษ์ที่ยิงคําถามออกมา
 
“เหาะ” องค์รักษ์คนนั้นหัวเราะในลําคอ พลางเดินออกมาอย่างกล้าหาญ
 
“ท่านช่วยปลดพลังคุ้มกายด้วยขอรับไป๋จูเหวินว่าพลางเปิดฝาของอสูรปรสิตออกมา
 
“ย่อมได้”องครักษ์คนนั้นพูดจบก็ปลดพลังคุ้มกันของตนเองออก เพราะซูหลานถูกจับไปในสภาพหมดสติ และไม่ได้เป็นผู้มีพลังกล้าแข็งมาแต่แรก
 
จึก…ปรสิตที่ไป๋จูเหวินปล่อยออกมาแค่ตัวเดียวตรงเข้าไปเจาะแขนของชายคนนั้นทันที ซึ่งการเจาะเข้าไปในร่งมนุษย์ของมันสร้างความรู้สึกจักจี้อย่างมาก ทําเอาหน้าขององครักษ์เหยเกไปหมด นั่นคือเหตุผลที่ปรสิตพวกนี้ใช้งานยาก เพราะนอกจากต้องฝึกฝนพวกมันแล้ว พวกมันยังเจาะร่างของพวกระดับเทียนเซียนไม่เข้า และในการเจาะยังใช้เวลานาน หากไม่สลบหรือโดนบังคับคนที่ถูกมันเกาะก็สามารถเอามันออกได้อย่างง่ายดาย
 
ฟุบ…ในที่สุดปรสิตก็เจาะเข้าไปในแขนของชายคนนั้นจนหมด สภาพผิวหนังภายนอกแทบจะไม่มีบาดแผลอยู่เลย ยิ่งพอปล่อยพลังออกมารักษารูขนาดเล็กเหมือนบีบสิวก็หายไปทันที
 
“แล้วไงต่อองครักษ์ถามพลางมองแขนของตนเอง
 
“ชักดาบ”ไป๋จูเหวินพูดเสียงเรียบพลางมององครักษ์ที่เข้ามาเป็นหนูลองยาให้นิ่ง
 
“อะไร เจ้าจะบอกว่าพอเจ้าสั่งแล้วมือของข้าจะขยับไปเองหรือไง” พูดไม่ทันจบองครักษ์ก็พลันสังเกตเห็นมือของมันที่ถือดาบเอาไว้แล้ว นี่มันชักดาบออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
 
แทงข้า”ไป๋จูเหวินสั่งพลางยืนอยู่ตรงหน้าองครักษ์คนนั้น พริบตาที่คําสั่งถูกสั่งออกไป ดาบในมือของมันก็แทงวูบเข้าหาไป๋จูเหวินทันที
 
“หยุด”ไป๋จูเหวินพูดจบมือขององครักษ์ก็หยุดลงโดยที่ดาบแทบจะแทงโดนหน้าอกของไป๋จูเหวินอยู่แล้ว เนื่องเพราะอรสิตเหล่านี้เกาะกุมเส้นประสาทเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ทําให้ไม่สามารถผืนแขนข้างนั้นได้เลย
 

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล ไป๋จูเหวิน เด็กหนุ่มผู้ถูกเลี้ยงดูโดย อสูรแมงมุม ที่มีอายุมายาวนานนับหมื่นๆปี มันดูแลเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ที่ไม่ทราบมาจากที่ใดดั่งบุตรของตนเอง แต่เด็กมนุษย์เพียงคนเดียวไม่อาจอยู่ในแดนอสูรที่มีแต่อสูรได้ มันจึงเดินทางมายังแดนมนุษย์อีกครั้ง ระดับของอสูร -ทองแดง -เงิน -ทอง -หยก -หยกขาว -ตำนาน -มายา -บรรพกาล ระดับของมนุษย์ (มีเพิ่มภายหลัง) -มนุษย์ -ก่อกำเนิด -ผลึกวิญญาณ -หลอมรวมปฐพี -หลอมรวมนภา -หลอมรวมวิญญาณ -ชำระกล้ามเนื้อ -ชำระกระดูก -ชำระเส้นเอ็น -ชำระวิญญาณ -ก่อกำเนิดพลังเซียน -เหรินเซียน -ตี้เซียน -เสินเซียน -เทียนเซียน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset