บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 199 เทวะปราบมาร

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 199 เทวะปราบมาร
 
“เป็นมารที่ควบคุมหินดินทรายได้สินะ”มารที่สวมชุดสีดําสนิทพูดพลางมองร่างของหยงเวยด้วยความสนใจ เกราะที่สร้างขึ้นเองเช่นนี้ไม่ใช่ว่าใครๆก็ทําได้ แถมหยงเวยเองยังทําได้หลังจากฝึกวิชามารมาแล้วอีกต่างหาก เรียกได้ว่ามันคือคุณลักษณ์พิเศษของเคล็ดวิชามารมรกตเลยก็ว่าได้
 
“แต่ที่สามารถเอามาสร้างเกราะได้นี่พึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเลย” มารชุดดําพูดด้วยท่าทีสนใจ มันเห็นว่าหยงเวยพลังอ่อนกว่าเลยไม่ได้รีบร้อนจัดการนัก 
 
“หมายความว่าเคยเจอมารตนอื่นงั้นเหรอ” หยงเวยถามพลางขมวดคิ้ว ตัวมันฝึกวิชามารมาได้พักใหญ่แล้ว แต่พึ่งจะเคยเจอมารตนอื่นก็คราวนี้นี่เอง
 
“แน่นอน ในโลกนี้มีตํารามาร 108 เล่ม ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องมีคนฝึกมันอยู่ดีไม่ใช่หรือยังไง”มารชุดดําว่าพลางหัวเราะออกมา
 
“แต่ที่เจ้าไม่เคยเจอคนอื่นเลยก็คงเพราะข้าเองนี่ละ” พูดจบมารชุดดําก็เอาตํารา 6 เล่มออกมาจากมิติของมันเอง 
 
“มารในอาณาจักรอู๋ทั้งหมดโดนข้ากลืนกินไปหมดแล้วยังไงล่ะ” แม้คนอื่นจะไม่เข้าใจ แต่ผู้ฝึกวิชามารนั้นสามารถดูดกลืนพลังมารของอีกคนได้ หรือก็คือเป็นการรับจิตมารของคนอื่นเข้ามาเพิ่มนั่นเอง ทําให้ชายตรงหน้าของหยงเวยนั้นมีจิตมารทั้งสิ้น 6 ดวงนั่นเอง
 
“ไม่สิ ยังเหลืออีกตนนี่นา”มารชุดดําว่าพลางยกขาเตะเข้าที่ร่างของหยงเวยอย่างจัง
 
ศึก! ขาของมารชุดดําหยุดอยู่ที่เกราะของหยงเวยโดยไม่สามารถดันร่างของหยงเวยไปได้เลยแม้แต่น้อย นั้นเพราะหยงเวยตรึงร่างมันกับพื้นเอาไว้แล้วนั่นเอง ด้วยเกราะมรกตของหยงเวยหากไม่ใช่ฟันของหลินหลินก็แทบไม่มีสิ่งใดทําลายได้เลย แม้แต่กระบี่ของอู๋หมิงยังไม่สามารถทําลายเกราะของมันได้อย่างสิ้นเชิง
 
ตูม! หยงเวยไม่พูดพร่ำทําเพลงต่อยหมัดขวาที่เป็นแขนมรกตไส่ร่างของมารตรงหน้าทันที
 
“อัก” มารชัดดําเบิกตากว้างเพราะไม่คิดว่าหยงเวยจะมีพลังโจมตีที่รุนแรงขนาดนี้ ทั้งๆที่หยงเวยมีพลังน้อยกว่ามาก หากเทียบกับพลังวิญญาณละก็ ตอนนี้หยงเวยอยู่เพียงระดับตี้เซียน ขั้นที่ 5 เท่านั้น ไม่เหมือนตัวมันที่เทียบได้กับคนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 5
 
“พูดมากน่ารําคาน” หยงเวยว่าพลางเตะเข้าที่ร่างของมารชุดดําอย่างจัง
 
ปีง! ร่างของมารชุดดําลอยหรือไปอีกทาง แต่ไม่ใช่เพราะแรงเตะของหยงเวยแต่อย่างไร มันถีบตัวกับพื้นเพื่อพุ่งออกไปเองต่างหาก
 
เปรี้ยง!! สายลมสายหนึ่งพุ่งเข้าโจมตีหยงเวยตอนที่มารชุดดํากําลังถอยออกไป ท่าทางจะเป็นมารธาตุลมกระมัง
 
“เกราะหนาๆนั้นน่ารําคาญจริงๆ”มารชุดดํากัดฟันแน่นพลางส่งสายลมกระแทงโจมตีอย่างต่อเนื่อง ท่าทางมันจะดูถูกกําลังของหยงเวยไม่ได้มันจึงรักษาระยะห่างเอาไว้
 
ฟุบ! มารชุดดําใจหายวาบเมื่ออยู่ๆดาบเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามาโจมตีตนเอง เมื่อหันไปมองก็พบว่าคนที่เข้ามาโจมตีมันนั้นไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นรูปปั้นมรกตต่างหาก
 
“จะหนีไปได้สักกี่ น้ำ ” หยงเวยว่าพลางสร้างรูปปั้นมรกตจํานวนมากออกมา ทําเอาลานหน้าวัดมีสภาพเหมือนกองทัพหุ่นมรกตไม่มีผิด
 
ตูม! มารชุดดําใช้มือโจมตีใส่รูปปั้นมรกตเพื่อทดสอบความแข็ง ทําให้มันทราบว่ารูปปั้นมรกตเหล่านี้ไม่ได้แข็งอย่างเกราะของหยงเวย ทําให้มันสามารถโจมตีจนแตกได้ แต่ถึงอย่างนั้นการจัดการรูปปั้นพวกนี้ก็คงทําให้มันสิ้นเปลืองแรงไม่น้อย
 
วูบ! ร่างของมารชุดดาทะยานเข้ามาใส่ร่างของหยงเวยอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวมันก็ฝ่ากองทัพรูปปั้นมรกตเข้ามาหาหยงเวยได้
 
ตูม! หยงเวยรอจังหวะที่มันจะเข้ามาหาอยู่แล้วจัดการต่อยใส่มารชุดดําอย่างจัง ส่งผลให้ร่างของมันลอยไปตกอยู่ท่ามกลางร๔ปในมรกตที่ถืออาวุธเตรียมพร้อมเอาไว้อยู่แล้ว
 
โครมๆๆ ทั้งดาบมรกต กระบองมรกตของรูปปั้นพากันซ้ำ มารชุดดําในทันทีที่เจ้านายของพวกมันส่งมาให้
 
ตูม! แต่ดูเหมือนรูปปั้นมรกตจะไม่สามารถจัดการมารชุดดําได้ ไม่นานมันก็โจมตีใส่รูปปั้นมรกตรอบๆจนแตกไม่มีชิ้นดี ก่อนจะลุกยืนด้วยสภาพเต็มไปด้วยฝุ่น
 
วูบ..พลังมารในร่างของมารชุดดําไหลออกมาอย่างรุนแรงราวกับจะบอกว่ามันเอาจริงแล้ว พริบตานั้นร่างของมันก็ลอยขึ้นเหนือพื้นราวกับมีสายลมคอยอุ้มร่างมันเอาไว้ 
 
ฟุบๆๆๆ ราวกับมีธนอากาศพุ่งเข้ามาใส่ร่างของหยงเวยอย่างต่อเนื่อง พริบตานั้นร่างของเหล่ารูปปั้นมรกตต่างแตกออกอย่างรวดเร็วจนกระทั่งลูกธนูอากาศพุ่งมาถึงหยงเวย
 
เคร๊งๆๆๆ เกราะของหยงเวยนั้นแข็งแกร่งกว่าของรูปปั้นมาก ทําให้ธนูอากาศไม่มีผลกับเกราะของมัน แต่ถึงอย่างนั้นรูปปั้นมรกตก็พังไปไม่น้อยเลย
 
วูมมม!! สายลมรอบๆตัวมารชุดดําพัดแรงขึ้นเรื่อยๆจนรอบๆตัวมันราวกับมีพายุก่อตัวขึ้นมา สายลมนั้นทําเอาท้องฟ้ารอบๆดมืดไปหมด
 
“แกมันบ้า”หยงเวยว่าพลางตั้งท่าป้องกัน ตั้งแต่เริ่มต่อสู้มามันยังไม่ได้ใช้ดาบมรกตเลยเพราะมันไม่อยากละเลงเลือด ในวัดนั้นเอง แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ดูท่าจะไม่ยั้งมือเลย
 
ตูม! ร่างของหยงเวยสะท้านไปทั้งร่างเมื่อรับท่าโจมตีของมารชุดดํา มันพุ่งตัวด้วยแรงส่งของพายุทําให้มันสะสมกําลังโจมตีจากท้องฟ้าลงมากระแทกใส่ร่างของหยงเวยอย่างจัง
 
แกรักตุบ… เกราะบนร่างของหยงเวยหลุดร่วงลงพื้นจากการโจมตีของมารชุดดํา ด้วยกําลังโจมตีขนาดนั้นหยงเวยสมควรตายไปแล้ว แต่เพราะมันมีเกราะมรกตคุ้มกายอยู่ทําให้ผลออกมาแค่เกราะแตกเท่านั้น
 
“เท่านี้ก็ไม่มีอะไรป้องกันแกแล้ว”มารชุดดําว่าพลางง้างหมัดไปด้านหลัง พริบตานั้นสายลมสีม่วงก็เข้ามาหมุนรอบหมัดของมัน…
 
เคร๊ง! หยงเวยกัดฟันแน่นเตรียมรับมือการโจมตี แต่ร่างกายของมันกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลย
 
“เจ็บ…” หลินหลินครวนครางออกมาพลางจับแก้มของตนเองที่โดนต่อยเข้าอย่างจัง ที่แก้มของหลินหลินนั้นปรากฏรอยแดงราวกับโดนตบ ทําเอาหยงเวยที่โดนปกป้องเอาไว้ถึงกับใจหายวาบ
 
“อัก”มารชุดดําร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ตรงกันข้ามกับแก้มของหลินหลิน หมัดที่มันใช้ต่อยนั้นอาบไปด้วยเลือดและกระดูกที่แทงเนื้อออกมาย่างรวดเร็ว
 
“คนชั่วห้ามมาทําร้ายพี่เวยนะ” หลินหลินว่าพลางลูบแก้มตนเองต่อทั้ง น้ำ ตา นอกจากท่านน้าไก่ฟ้าแล้วหลินหลินฟังเคยโดนโจมตีแรงๆแบบนี้เป็นครั้งแรกเลย
 
“คนชั่วพี่เวยของเจ้ามันก็มารเหมือนกับข้านั่นละ”มารชุดดําว่าพลางใช้มืออีกข้างต่อยใส่หลินหลิน
 
ปึก! คราวนี้เป็นฝายหยงเวยที่ออกมารับหมัดแทน เพราะหลินหลินรับหมัดเมื่อครู่ให้ทําให้มันสามารถสร้างเกราะใหม่ขึ้นมาเสร็จแล้ว ทําให้หมัดที่ 2 ของมารชุดดําหยุดอยู่ที่แขนของหยงเวยเท่านั้น
 
“แก่นี่มันโง่จริงๆ” หยงเวยว่าพลางใช้มืออีกข้างจับแขนของมารชุดดําเอาไว้
 
“แกคิดว่าที่นี่จะไม่มีคนคอยคุ้มกันตําราหรือยังไง” หยงเวยพูดพลางยิ้มกว้าง เพราะมารชุดดําทําท้องฟ้ามืดไปหมด ผู้คุ้มกันเลยรู้ตัวแล้วนั่นเอง
 
ตูม! ร่างของเจ้าอาวาสพุ่งตรงเข้ามาใส่ร่างของมารชุดดําอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ท่านจะใช้ไม้เท้าหวดใส่ร่างของมารชุดดําจนล้มลงไปนอน ก่อนที่ท่านจะใช้ปลายไม้เท้าแทงลงไปกดร่างของมารที่หน้าอกพอดี
 
วูม! แสงสีขาวส่องสว่างออกมาจากร่างของเจ้าอาวาส ก่อนที่มันจะไหลเข้าไปในไม้เท้าอย่างรวดเร็ว
 
“อากกกกก” ทั้งๆที่ไม่ได้โจมตีซ้ำแต่อย่างไร มารชุดดํากลับมีท่าที่ทรมานอย่างมาก นั่นคือวิชาเทวะที่เจ้าอาวาสฝึกฝนจนแตกฉาน นอกจากจะทรงพลังแล้วยังมีผลรุนแรงกับมารอีกต่างหาก
 
“อามิตตาพุทธ”เจ้าอาวาสยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาพนมมือก่อนจะยกไม้เท้าออกจากร่างของมารชุดดํา
 
เปรี้ยง! กระบองของเจ้าอาวาสแทงซ้ำลงมาใส่ร่างของมารชุดดําอย่างจัง ทําเอาร่างของมันบิดงอไปมาด้วยความทรมาน
 
“แก” มารชุดดําร้องออกมาด้วยเสียง 6 เสียงที่ไม่เหมือนกัน ก่อนที่ร่างของมันจะแน่นิ่งไป
 
วูบ! ทันที่ที่มารตาย เงาสีม่วง 6 สายก็ลอยออกมาจากร่าง ก่อนจะก่อตัวเป็นตํารา 6 เล่มตกลงมาบนพื้น นี่คือเหตุผลว่าทําไมวิชามารถึงไม่หายไปจากโลกเสียที เพราะนอ จากจะทําลายไม่ได้แล้ว ต่อให้อยู่ในมิติตอนที่เจ้าของตายจากไป มันก็ยังสามารถกลับมาได้อีก
 
“ต้องทําบาปจนได้” เจ้าอาวาสพูดพลางถอนหายใจออกมา
 
“ไม่หรอกขอรับ ท่านเจ้าอาวาสปราบมารช่วยเหลือเหล่ามนุษย์ ไม่ถือว่าบาปแต่อย่างไร” หยงเวยว่าพลางประสานมือคารวะเจ้าอาวาสอย่างนอบน้อม 
 
“พี่เวยๆ” หลินหลินที่เริ่มหายเจ็บแล้วอยู่ๆก็เรียกหยงเวยโดยการกระตุกชายเสื้อของหยงเวยเบาๆ
 
“มีอะไร” หยงเวยถามพลางมองหลินหลินอย่างสงสัย
 
“ข้ากินพวกนั้นได้ไหม” หลินหลินถามพลางชี้ไปที่รูปปั้นมรกตที่หยงเวยเรียกออกมา
 
“…ได้”หยงเวยตอบด้วยท่าที่เหนื่อยใจ ยัยหนูนี้เห็นแก่กินจริงๆ จะว่าไปไป๋จูเหวินเลี้ยงหลินหลินไหวได้ยังไงกัน หรือไป๋จูเหวินเองก็สร้างหยกกับมรกตได้เหมือนตัวมัน?
 

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล ไป๋จูเหวิน เด็กหนุ่มผู้ถูกเลี้ยงดูโดย อสูรแมงมุม ที่มีอายุมายาวนานนับหมื่นๆปี มันดูแลเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ที่ไม่ทราบมาจากที่ใดดั่งบุตรของตนเอง แต่เด็กมนุษย์เพียงคนเดียวไม่อาจอยู่ในแดนอสูรที่มีแต่อสูรได้ มันจึงเดินทางมายังแดนมนุษย์อีกครั้ง ระดับของอสูร -ทองแดง -เงิน -ทอง -หยก -หยกขาว -ตำนาน -มายา -บรรพกาล ระดับของมนุษย์ (มีเพิ่มภายหลัง) -มนุษย์ -ก่อกำเนิด -ผลึกวิญญาณ -หลอมรวมปฐพี -หลอมรวมนภา -หลอมรวมวิญญาณ -ชำระกล้ามเนื้อ -ชำระกระดูก -ชำระเส้นเอ็น -ชำระวิญญาณ -ก่อกำเนิดพลังเซียน -เหรินเซียน -ตี้เซียน -เสินเซียน -เทียนเซียน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset