บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 339 บุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ตอนที่ 339

บุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“ไก่กับนก?”จิ้งจอกเหมันต์ถามพลางเลิกคิ้วสงสัย นั่นคือสาเหตุที่นางปฏิเสธไก่ฟ้าหงอนทองงั้นเหรอ

“ก็…ใช่ นางบอกว่าแบบนั้น”ไก่ฟ้าหงอนทองถอนหายใจพลางนั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทีหดหู่ ความจริงมันก็อยากเก็บตัวอยู่แต่ในวังทองคำอยู่หรอก แต่เพราะยังมีงานส่วนของตัวเองอยู่นี่สิ

“พวกเราเป็นอสูรนะไม่ใช่สัตว์ป่าเสียหน่อย”พยัคฆ์อัสนีขมวดคิ้วด้วยความสงสัย หากจะห่วงเรื่องไก่กับนก มังกรพันธุ์มีปีกกับมังกรดินอย่างมังกรธรณีก็ไม่ต่างกันไม่ใช่หรือไง

“บางทีนางอาจจะแค่ไม่ชอบข้าก็ได้”ไก่ฟ้าหงอนทองถอนหายใจพลางอ่านรายงานที่พวกขุนนางอสูรส่งมาให้ หน้าที่หลักของไก่ฟ้าหงอนทองคือสำรวจทรัพยากรภายในอาณาจักรไป๋ ยิ่งตอนนี้อาณาจักรไป๋กลายเป็นค่ายกลอสูรแล้ว อีกไม่นานผืนดินก็จะดูดซับพลังอสูรและเกิดสายแร่ใหม่ขึ้นมาแน่ๆ

“ก็ไหนเจ้าบอกว่าเสน่ห์ของเผ่าปักษาอยู่ที่รังไง เจ้าสร้างเสียอลังการแบบนั้นนางยังไม่สนอีกเหรอ”ราชสีห์เพลิงถามออกมาอีกตน ไม่ว่าใครต่างก็แปลกใจกับการที่ไก่ฟ้าหงอนทองโดนปฏิเสธกันทั้งนั้น

“นั่นสินะ ข้าตั้งใจสร้างมากทีเดียว”ไก่ฟ้าหงอนทองตอบด้วยท่าทีหงอยๆ ยามนี้ก็คงมีแต่สวรรค์เท่านั้นที่ตอบได้ว่าจริงๆแล้วทำไมจื่อหนิงถึงปฏิเสธไก่ฟ้าหงอนทองกันแน่

.

.

“ท่านขุนพล”ขณะกองทัพของจื่อหนิงกำลังซ้อมบินกันที่ด้านนอกเมือง อยู่ๆทหารคนหนึ่งก็เรียกหาจื่อหนิงออกมาทั้งๆที่ยังอยู่บนอากาศ ตอนนี้พวกนางไม่ได้ใช้ร่างอสูรแต่อย่างไรแต่กลับใช้ร่างมนุษย์ที่งอกปีกออกมาเพื่อบินเท่านั้น

“มีอะไร”จื่อหนิงถามพางมองไปทางอสูรที่เรียกตนเอง

“จริงหรือที่ท่านไก่ฟ้าเรียกท่านไปที่วังทองคำ”หญิงสาวคนนั้นถามพลางยิ้มออกมา แต่พอได้ยินคำถามจื่อหนิงก็บินเป๋ไปเล็กน้อย

“จริงงั้นหรือท่านขุนพล”เหล่าสาวๆในกองทัพของจื่อหนิงพากันถามด้วยท่าทีสนใจ ทำเอาจื่อหนิงไม่ทราบจะโกหกว่าอย่างไรดี

“ก็ได้ ท่านชวนข้าไปจริง….แต่ข้าปฏิเสธท่านไปแล้ว”จื่อหนิงตอบพลางถอนหายใจออกมา เมื่อวานนางได้รับจดหมายเรียกตัวจริงๆและก็มีรองขุนพลและพลทหารหลายคนทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ตอนแรกนางไม่ทราบว่าท่านเรียกนางไปด้วยเรื่องอะไรเท่านั้น

“เอ๊ะ! ทำไมท่านปฏิเสธไปล่ะ”ทหารของนางถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น แน่นอนว่าการบินฝีกซ้อมรอบนี้ช้าลงกว่าปกติมากทีเดียว

“ก็…ท่านเป็นไก่”จื่อหนิงใช้ข้ออ้างเดิม แต่เหล่าสาวๆพากันส่งเสียงโห่ออกมาทันที

“ท่านเป็นสัตว์ป่าหรือไง อสูรอย่างเราต้องสนเผ่าพันธุ์ขนาดนั้นเลยหรือ อีกอย่างไก่กับนกก็มีปีกเหมือนกันนั่นล่ะ”ลูกน้องของนางว่าพลางแสดงสีหน้าเหนื่อยใจออกมา

“เจ้าก็รู้นี่ ท่านเป็นอสูรระดับบรรพกาล แถมเป็นน้าขององค์จักรพรรดิ”จื่อหนิงยังคงใช้ข้ออ้างที่นางตอบไก่ฟ้าหงอนทองไป

“นั่นควรจะเป็นข้อดีไม่ใช่หรือไง ตัวผู้เก่งๆหายากจะตาย ยิ่งเป็นระดับบรรพกาลด้วย”พวกสาวๆพากันบ่นออกมายกใหญ่ที่จื่อหนิงปฏิเสธไก่ฟ้าหงอนทองไป สำหรับพวกนางแล้วไก่ฟ้าหงอนทองเป็นอสูรที่สมบูรณ์แบบมาก ในเหล่าอสูรธาตุลมในอาณาจักรไป๋ ไก่ฟ้าหงอนทองนับว่าเก่งกาจที่สุด แน่นอนว่าผลโพยนี้ไม่นับอสูรปักเป้าด้วยเหตุผลบางอย่าง

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ รีบฝึกซ้อมต่อได้แล้ว”จื่อหนิงเถียงไม่ออก นางเลยเปลี่ยนเรื่องแทนเสียอย่างนั้น ถึงจะเป็นเผ่าปักษาก็เถอะ แต่ลูกน้องของนางนี่เจื้อยแจ้วเกินไปแล้ว

.

.

“องค์จักรพรรดิ”ในวันเดียวกันนั้นเอง อสูรปักษาตนหนึ่งที่ทำหน้าที่ส่งสารก็บินเข้ามาในท้องพระโรงพลางร่อนลงบนไหล่ของไป๋จูเหวินอย่างรวดเร็ว

“มีอะไรงั้นหรือ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองเจ้านกตัวน้อยที่หอบแฮกๆอยู่บนไหล่ อสูรระดับต่ำที่มีขนาดเล็กเช่นนี้มีไม่กี่คนที่สามารถพัฒนาไปถึงระดับทองได้ ไป๋จูเหวินจึงให้พวกนกตัวเล็กๆเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นคนส่งสารจากชายแดน นอกจากจะเร็วแล้วยังฉลาดอีกด้วย

“ข้าศึกบุกขอรับ อาณาจักรเฉินโจมตีทางตะวันตกเฉียงเหนือขอรับ”ได้ยินเช่นนั้นไป๋จูเหวินก็มีท่าทีงุนงงทันที ไม่ใช่ว่าอาณาจักรรอบๆได้มีการเจรจากันไว้แล้วหรือยังไง แล้ยังมีอาณาจักรไหนกล้าบุกเข้ามาอีก

“ตอนนี้สถาณการณ์เป็นยังไง”ไป๋จูเหวินถามพลางเปิดแผนที่ออก อาณาจักรเฉินอยู่เยื้องไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ อยู่เลยขึ้นไปจากอาณาจักรอินที่อยู่ทางตะวันตกไม่มาก แต่เดิมเป็นเพื่อบ้านของทั้งอาณาจักรหลิวและโฮ ยามนี้จึงเป็นเพื่อนบ้านของอาณาจักรไป๋ด้วย

“กำลังของข้าศึกมีไม่มากขอรับ อสูรเฝ้าเมืองยังยันเอาไว้ได้”เป็นเพราะอาณาจักรหลิวมีเจ้าเมืองและชาวเมืองอยู่แล้ว อสูรที่ส่งไปประจำการตามเมืองจึงน้อยกว่าอาณาจักรโฮมาก ทำให้ในเมืองชายแดนมีอสูรป้องกันอยู่ไม่มาก แม้จะมีมนุษย์คอยช่วยสู้ แต่ทหารของเมืองๆเดียวจะไปสู้กองกำลังของทั้งอาณาจักรได้ยังไง

“จูเอ๋อ…..”มังกรธรณีพูดพลางยิ้มออกมา

“ท่าทางจะถึงเวลาให้เหล่าขุนพลได้แสดงฝีมือแล้ว”มังกรธรณีเสนอด้วยท่าทีมั่นใจ

“นั่นสินะขอรับ ถ้างั้นเรียกตัวขุนพลจื่อหนิงกับขุนพลทู่เยว่เข้ามา”ไป๋จูเหวินตัดสินใจเลือกขุนพลสองตนออกมาจากทั้ง 8 ตน หากถามว่าทำไมถึงเลือก 2 ตนนี้ก็เพราะกองทัพของทั้ง 2 ตนเป็นกองทัพที่ไวที่สุดนั่นเอง

“ถวายบังคมฝ่าบาท”ไม่นานร่างของหญิงงามทั้งสองก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าไป๋จูเหวิน หนึ่งคือจื่อหนิงอสูรปักษาผู้คุมกองทัพปักษาของอาณาจักรไป๋ กองทัพของนางเต็มไปด้วยอสูรบิน ไม่ว่าจะเป็นเผ่าปักษาหรือมังกรและแม้กระทั่งแมลง กองทัพของนางนั้นเป็นกองทัพที่เคลื่อนพลได้เร็วที่สุดก็ว่าได้

ส่วนหญิงสาวอีกคนที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าไป๋จูเหวินคือ ทู่เยว่ อสูรกระต่ายที่เคยเตะอสูรหมียักษ์เสียสลบคาเท้ามาแล้ว กองทัพของนางเป็นกองทัพที่เน้นอสูรที่เคลื่อนไหวเร็ว เป็นกองทัพที่เน้นการบุกทะลวงได้อย่างดีเยี่ยม หากเปรียบเทียบกองทัพของนางกับเหล่ามนุษย์ละก็ กองทัพของนางคือเหล่าทหารม้าที่น่ากลัวทีเดียว

“ที่ชายแดนระหว่างอาณาจักรเฉินและไป๋มีกองทัพของเฉินบุกเข้ามา พวกเจ้ารีบไปจัดการให้เรียบร้อย”ไป๋จูเหวินสั่งพลางบอกให้พวกนางเดินทางทันทีที่ทำได้ แน่นอนว่าเหล่าอสูรระดับสูงย่อมมีช่องมิติของตนเองกันทั้งนั้น พวกนางไม่จำเป็นต้องเก็บของเพียงแปลงกายเป็นอสูรแล้วทะยานออกไปได้ในทันทีเลย

“องค์จักรพรรดิ เกิดเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ”หลิวเมิ่งที่กำลังยุ่งกับเรื่องของพี่ชายพี่สาวยังไม่ทันได้ทราบข่าว พวกจื่อหนิงกับทู่เยว่ก็เดินทางไปแล้ว ทำเอานางที่เห็นกองทัพอสูร 2 กองเดินทางออกไปด้วยความรีบร้อนต้องรีบเข้ามาถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

“ดูเหมือนอาณาจักรเฉินจะบุกโจมตีพวกเรา”ไป๋จูเหวินตอบพลางถอนหายใจออกมา หวังว่าการบุกโจมตีคราวนี้จะไม่ทำให้ตนเองต้องไปยึดอาณาจักรเฉินหรอกนะ เท่านี้งานก็ล้นมือแล้ว

“เป็นไปไม่ได้ อาณาจักรเฉินตกลงค้าขายกับพวกเราต่อแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมอยู่ๆพวกมันถึงบุกมาล่ะ”หลิวเมิ่งถามด้วยท่าทีตกใจ นางไม่คิดเลยว่าจะมีอาณาจักรไหนกล้าโจมตีอาณาจักรไป๋อีก

“เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่ทราบ แต่เราก็ต้องปกป้องประชาชนของเราก่อนจริงหรือไม่”ไป๋จูเหวินตอบพลางถอนหายใจออกมา พองานเริ่มเบาแล้วก็มีเรื่องใหม่เข้ามาอีก ทำเอาไป๋จูเหวินปวดหัวขึ้นมาเลย

“อาณาจักรเฉินไม่น่ามีความแค้นอะไรกับเรานี่นา ก่อนหน้านี้องค์ชายใหญ่เฉินคุณยังหมั้นหมายอยู่กับพี่หญิงเสียด้วยซ้ำ…..”พูดมาถึงตอนนี้อยู่ๆหลิวเมิ่งก็เหมือนนึกอะไรออก

“เอ่อ…..องค์จักรพรรดิ”หลิวเมิ่งว่าพลางกระแอมกระไอเล็กๆ

“ข้าพอจะทราบแล้วเจ้าค่ะว่าทำไมอาณาจักรเฉินถึงโจมตีพวกเรา”หลิวเมิ่งตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ท่าทางกองทัพที่ว่าคงนำโดยเฉินคุณแน่ๆ

“เจ้าจะบอกว่า องค์ชายเฉินคุณตั้งใจจะบุกมาชิงตัวพี่สาวของเจ้างั้นหรือ”ไป๋จูเหวินได้ยินที่หลิวเมิ่งรำพึงออกมาก็พอจะจับใจความได้แล้ว องค์ชายของอาณาจักรเฉินตัดสินใจทำตัวเป็นพระเอกบุกมาช่วยคนรักที่ตกเป็นเชลยนั่นเอง

“เจ้าค่ะ ข้าว่าไม่ผิดแน่”หลิวเมิ่งตอบด้วยท่าทีลำบากใจ อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ที่นี่ คงกำลังคิดว่าพี่หญิงของนางโดนกักขังทรมานแน่ๆ

“แบบนั้นก็เป็นการเข้าใจผิดสินะ”ไป๋จูเหวินเหงื่อตก มันพึ่งสั่งให้ขุนพลออกไปจัดการเมื่อครู่เอง แถมพวกนางยังเป็นกองทัพที่เร็วที่สุดของอาณาจักรไป๋อีกต่างหาก จะหาคนไปห้ามเอาไว้เกรงว่าจะไม่ทัน

“แบบนี้คงต้องไปหยุดขุนพลทั้งสองเสียแล้ว”กองทัพของอาณาจักรเฉินไม่ได้แข็งแกร่งมาก แถมเป็นกองทัพที่องค์ชายดึงออกมาคงมีจำนวนไม่มาก บางทีอาจจะมากกว่ากองทัพของหลิวอิงไม่เท่าไหร่ ขืนกองทัพของจื่อหนิงกับทู่เยว่ไปถึงมีหวังได้จัดการเสร็จในพริบตาแน่ๆ

“ข้าจะไปหยุดกองทัพของทู่เยว่เอง”พยัคฆ์อัสนีพูดพลางลุกขึ้นยืน หากจะมีใครตามความเร็วของกองทัพของทู่เยว่ทันก็คงมีแต่พยัคฆ์อัสนีเท่านั้นเอง

“งั้น อีกคนก็ต้องเป็นข้าสินะ”ไก่ฟ้าหงอนทองตอบพลางเดินออกมายืนข้างๆไป๋จูเหวิน กองทัพบินที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงอยู่เหนือชั้นเมฆ ก็คงต้องเป็นมันเท่านั้นที่สามารถไปหยุดเอาไว้ได้

“ท่านน้า…”ก่อนหน้านี้ที่จื่อหนิงเข้ามารับคำสั่ง ไก่ฟ้าหงอนทองยังตัวแข็งสนิทไม่กล้าแม้แต่จะสบตาอยู่เลย

“นี่เป็นงานจูเอ๋อ”ไก่ฟ้าหงอนทองตอบพลางเดินออกไปจากท้องพระโรงพร้อมพยัคฆ์อัสนี ทำให้ไป๋จูเหวินได้แต่ถอนหายใจพลางเดินตามไก่ฟ้าหงอนทองไปอีกคน

“ท่าทางกองทัพของอีกฝ่ายจะเป็นองค์ชายเฉินคุณนำทัพมาเอง ข้าจะไปแก่ไขเรื่องเข้าใจผิด”ไป๋จูเหวินตอบพลางกระโดดขึ้นหลังน้าไก่ฟ้าไป

วูม!! ร่างมหึมาของไก่ฟ้าหงอนทองทะยานขึ้นสู่ชั้นเมฆในพริบตา ความเร็วของมันเร็วมากก็จริง แต่เหมือนจะช้ากว่าปกตินิดหน่อย ท่าทางมันเองก็ยังสลัดความลำบากใจไม่ออก

วูม…สมกับเป็นท่านน้าไก่ฟ้า เพียงไม่กี่อึดใจก็บินตามกองทหารของจื่อหนิงได้ทัน แถมยังบินสูงยิ่งกว่าเสียอีก

“เอ๊ะ!”เหล่าทหารของจื่อหนิงตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเงาขนาดใหญ่ทาบทับผ่านตัวพวกนาง

พรึบ!! ไก่ฟ้าหงอนทองบินตัดหน้าพวกนางก่อนจะกางปีกสีทองออกเพื่อขวางพวกนางเอาไว้

“หยุดก่อน”ไป๋จูเหวินตะโกนออกไปทำให้เหล่ากองทัพของจื่อหนิงพากันบินอยู่กับที่ทันที

“เรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด ขุนพลจื่อหนิงรบกวนท่านกลับไปยังเมืองหลวงก่อน”ไป๋จูเหวินสั่งพลางยืนบนหลังของไก่ฟ้าหงอนทองด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย

“เจ้าค่ะ”จื่อหนิงตอบรับพลางกางปีกสีม่วงอ่อนของตนเพื่อบินกลับไปยังเมืองหลวง ส่วนไก่ฟ้าหงอนทองนั้นพาไป๋จูเหวินไปยังเมืองชายแดนเพื่อเจรจากับองค์ชายเฉินคุณ

“ท่านขุนพลๆ นั่นคือร่างอสูรของท่านไก่ฟ้าล่ะ”แทนที่จะประหลาดใจกับการยกเลิกการบุก เหล่าอสูรปักษาต่างพากันบินเข้ามาล้อมจื่อหลานเอาไว้พลางส่งเสียงวี๊ดว้ายกันอย่างสนุกสนาน แม้ร่างมนุษย์ของไก่ฟ้าหงอนทองจะดูเป็นเจ้าอ้วนท่าทางไร้พิษภัย แต่ร่างอสูรของมันคือไก่ฟ้าหงอนทองที่มีขนสีทองอร่ามไปทั้งตัว ตอนที่มันสยายปีกเมื่อครู่ทำเอาเหล่าอสูรปักษาเพศเมียใจละลายกันเป็นแถบๆ

“ในเมื่อท่านปฏิเสธท่านไก่ฟ้า งั้นท่านคงไม่ว่านะถ้าข้าจะลงมือบ้าง”รองขุนพลว่าพลางยิ้มออกมา

“ลงมือ?”จื่อหนิงสะดุ้งโหยง บอกตามตรงว่าร่างนั้นของไก่ฟ้าหงอนทองก็ทำเอานางตะลึงไปอยู่หรอก เรียกได้ว่าทำเอานางลืมคำว่าไก่ไปเลย แต่นางก็ปฏิเสธอีกฝ่ายมาแล้วจริงๆนี่นา

“ท่านอย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ”เหล่าลูกน้องของจื่อหนิงว่าพลางพากันหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน

“ระ เรื่องนั้นก็ไม่เกี่ยวกับข้านี่”จื่อหนิงว่าพลางกระพือปีกบินนำกองทหารของตนไปอย่างรวดเร็ว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset