บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 274 เป้าหมายของหยงเว่ย

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 274 เป้าหมายของหยงเว่ย

 

เป้าหมายของหยงเว่ย

“โอ้เอ้ย ถ้าไม่ใช่เพราะนังนั่นข้าคงไม่มาแพ้เจ้าหรอก” เสียงบ่นของริษยายังคงดังอยู่ในหัวของหยงเว่ย ต่างกับโทสะ แม้จะคอยบอกให้มันโมโหอยู่ตลอด แต่โทสะไม่ใช่พวกที่พูดคุยอะไรไร้สาระ ทําให้การควบคุมโทสะกับริษยานั้นต่างกันมาก โดยเฉพาะความน่ารําคาญ

 

“เจ้าเอาร่างมาให้ข้าใช้ซะ ข้าจะไปฉีกนางนั่นให้เป็นชิ้นๆ”ริษยาพูดแบบนี้มาทั้งวัน ทําเอาหยงเว่ยได้แต่ถอนหายใจออกมา

 

“หยวกหูโว้ย เสียงนกเสียงกาที่ไหนมาร้องอยู่ได้ทั้งวัน ในที่สุด ความอดทนก็หมดลง แต่คนที่ระเบิดออกมานั้นไม่ใช่หยงเว่ย แต่เป็นจิตมารของโทสะต่างหาก

 

“อย่างเจ้าคงไปหาเรื่องคนอื่นเพราะความอิจฉาอีกล่ะสิ จะกี่พันปีเจ้าก็ยังเหมือนเดิม”โทสะว่าพลางพูดด้วยน้ําเสียงไม่พอใจ มันอยู่กับหยงเวียมานาน พยายามยุยงหยงเวียมาตลอดนับปี แต่หยงเว่ยไม่เคยหลุดเลย ทําเอาจิตมารแห่งโทสะเลิกคิดจะครองร่างของหยงเว่นและเลือกจะนอนเฉยๆในจิตของหยงเวยแทน จนกระทั่งยัยอิจฉาโดนดูดเข้ามานี่ล่ะ

 

“ก็นังนั่นมันสวยเกินหน้าเกินตาข้านี่นา แถมยังเป็นลูกสาวของหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรอีกต่างหาก”ริษยาบ่นพลางถอนหายใจออกมา ในสภาพจิตมารพวกนางทําร้ายกันไม่ได้ ต่อให้โทสะระเบิดอารมณ์รุนแรงแค่ไหนก็ทําอะไรนางไม่ได้อยู่ดี หรือก็คือมันไม่สามารถสั่งให้นางหุบปากได้นั่นเอง

 

“เจ้าว่าอะไรนะ” หยงเว่ยสะดุดกับคําพูดของริษยานิดหน่อย ตรงที่บอกว่าเป็นลูกสาวของหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูร

“นังนั่นมันสวยเกินหน้าข้าไง”ริษยาตอบด้วยท่าที่ไม่สบอารมณ์

 

“ไม่ใช่ หลังจากนั้น” หยงเว่ยถามซ้ําด้วยท่าที่สนใจ

 

“ยัยนั่นเป็นลูกสาวของหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรน่ะสิ”ได้ยินเช่นนั้นหยงเว่ยก็ถอนหายใจเฮือกออกมา มันหรืออุตส่าห์ปิดเรื่องนี้เป็นความลับไม่อยากให้ไป๋จูเหวินที่พึ่งแต่งงานเข้ามายุ่ง แต่เจ้ารา ยาดันบุกเข้ากลางเมืองร้อยแปดอสูร แบบนี้คงเงียบไม่ได้แล้ว

“คงต้องไปที่เมืองร้อยแปดอสูรเสียแล้ว” หยงเว่ยเดินออกมาจากถ้ํา พลางออกเดินทางไปยังเมืองร้อยแปดอสูรอย่างช่วยไม่ได้ ในเมื่อพวกมารเข้ามาโจมตีกลุ่มนักล่าอสูร หยงเว่ยควรไปให้ข้อมูลมากกว่าปล่อยให้กลุ่มนักล่าอสูรโดนโจมตีเฉยๆโดยไม่ทราบอะไร

 

“ข้าว่าแล้วเจ้าต้องมา”อู๋หมิงพูดพลางมองร่างของไป๋จูเหวินที่เดินทางมาพบมันที่วังหลวง

 

“งั้นเจ้าก็ทราบแล้วเรื่องมารที่บุกโจมตีเมืองร้อยแปดอสูร”ไป๋จูเหวินพูดเสียงเรียบพลางเดินมายืนตรงหน้าบัลลังก์ของจักรพรรดิ ตัวมันเดินทางกลับยังเมืองร้อยแปดอสูรแล้ว และได้ทราบข่าวทันที เรื่องที่เหม่ยหลินโดนมารริษยาเล่นงาน และทราบทันทีว่าคนที่แทงไหล่ของมันคือเหม่ยหลินเอง

“มีคนของเจ้ามารายงานแล้ว”อู๋หมิงตอบพลางสั่งให้คนใช้น้ําชา มาให้ไป๋จูเหวินพร้อมยกโต๊ะมาให้ไป๋จูเหวินนั่ง

“ดูเหมือนเจ้าจะรู้เรื่องอยู่แล้ว เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่”ไป๋จูเหวินถามออกมา เพราะคราวนี้มันไม่ทราบข่าวอะไรเลย

 

“ความจริงก่อนหน้านี้หยงเว่ยได้มาบอกข้าแล้ว”อู๋หมิงว่าพลางถอนหายใจออกมา เรื่องมันมาถึงเมืองร้อยแปดอสูรแล้ว ปิดไปก็เท่านั้น อู๋หมิงจึงเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ไป๋จูเหวินฟังอย่างช้าๆ

“เจ้าจะบอกว่า มารทั้ง 7 ฟื้นคืนชีพแล้วงั้นหรือ”ไป๋จูเหวินถามด้วยท่าทีประหลาดใจ มารทั้ง 7 นั้นไป๋จูเหวินรู้จักเพียงหยงเว่ยเท่านั้น แต่มันยังจําตอนที่หยงเว่ยโดนจิตมารครอบงําได้ดี มันก็ถึงกับโจมตีหลินหลินที่มักจะไปเล่นกับมันได้ลง แม้หยงเว่ยจะสามารถควบคุมจิตมารได้แล้ว แต่คนอื่นๆที่โดนจิตมารครอบงําคงมีสภาพไม่ต่างจากหยงเวยบนยอดผาหยกแน่ๆ

“ข้าจะช่วยตามหาพวกมัน”ไป๋จูเหวินเสนอตัวทันที เพราะคนที่สามารถแยกเหล่ามารออกจากคนธรรมดาได้นั้นก็คงมีแต่ไป๋จูเหวิน และหยงเว่ยเท่านั้น

“ไม่ได้”อู๋หมิงส่ายหน้าพลางมองไป๋จูเหวินด้วยสายตาเป็นห่วง

“ภรรยาเจ้าพึ่งตั้งครรภ์ เจ้าจะทิ้งนางไปงั้นเหรอ”ได้ยินสิ่งที่อู๋หมิงพูด ไป๋จูเหวินก็เงียบไปทันที ตอนนี้เหม่ยหลินพึ่งตั้งครรภ์ได้ไม่กี่วัน แม้จะยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแต่พออายุครรภ์มากขึ้น เหม่ยหลินคงจะเริ่มลําบาก ในฐานะสามีของนางแล้ว มันไม่ควรออกไปในตอนนี้

 

“ไม่ต้องห่วง ขาส่งจดหมายให้อาจารย์แล้ว ท่านสามารถแยกแยะจิตมารได้ รับรองว่าท่านต้องทําได้ไม่แพ้เจ้าแน่ๆ”อู๋หมิงลุกขึ้นมาจากบัลลังก์ พลางเดินมาจับบ่าของไป๋จูเหวินเอาไว้ หากเป็นท่านอาวุโสเทียนหมิงย่อมสามารถทําได้แน่ๆ เป็นแบบนี้ไป๋จูเหวินก็วางใจได้

 

“ข้ายังไม่ได้ไปยินดีกับเหม่ยหลินเลย เรากลับไปเมืองร้อยแปดอสูรกันดีกว่า”อู๋หมิงว่าพลางยิ้มออกมา หากเหม่ยหลินท้องจริงๆ ลูกที่เกิดออกมาก็เป็นหลานของอู๋หมิงเช่นกัน ไม่แปลกที่มันเองก็อยากจะไปแสดงความยินดีเสียด้วย

“รู้ไปหมดเลยนะ สมแล้วที่เป็นจักรพรรดิ”ไป๋จูเหวินว่าพลางถอนหายใจออกมา จนแล้วจนรอดไป๋จูเหวินก็พาอู๋หมิงกลับมาที่เมืองร้อยแปดอสูรจนได้ เพียงแต่

“พลังมาร?”ไป๋จูเหวินขมวดคิ้วทันทีที่กลับมาถึงวังมังกร ทําไมพลังมารถึงอยู่ในวังมังกรได้ แถมพลังวิญญาณและพลังอสูรที่อยู่รอบๆยังไม่มีท่าทีแตกตื่นอีกด้วย

 

“หยงเว่ยงั้นเหรอ” อู๋หมิงถามพลางมองไปรอบๆ ทหารและคนในวังมังกรไม่มีใครมีท่าทีแตกตื่นเลย หากมีพลังมารอยู่ในวังคงจะเป็นหยงเว่ยเท่านั้น

 

“ไม่ นี่ไม่ใช่พลังมารของหยงเว่ย”ไป๋จูเหวินขมวดคิ้วพลางเปิดประตูเข้าไปในห้องประชุม แต่เมื่อประตูถูกเปิดออกมาแล้วคนตรงหน้ากลับเป็นหยงเว่ยจริงๆ ไม่ใช่คนอื่นแต่อย่างไร ทําเอาไป๋จูเหวินงุนงงไปครู่หนึ่ง

 

“หยงเว่ย?”ไป๋จูเหวินขมวดคิ้วทันที เพราะพลังมารที่มันสัมผัสได้จากตัวหยงเว่ยเปลี่ยนไปมาก แถมยังสูงขึ้นมาก นี่มันพอๆกับคนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 9 เลยนะ

“ไป๋จูเหวิน อู๋หมิง” หยงเว่ยทักทายพลางลุกขึ้นต้อนรับการมาถึงของคนทั้งสอง

“ท่านพี่” เหม่ยหลินเดินเข้ามาหาไป๋จูเหวินพลางพามันไปนั่งบนบัลลังก์เพราะหยงเว่ยมาขอพบไป๋จูเหวินด้วยท่าที่เป็นทางการมาก ท่าทางจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย

 

“ไป๋จูเหวิน ข้ามีเรื่องที่ต้องบอกให้เจ้าทราบ” หยงเว่ยว่าพลางนํามีดของริษยาออกมา

 

“นั่นมันมีดของมารที่บุกมาคราวก่อน” เหม่ยหลินพูดพลางมองมีดในมือของหยงเว่ย นางสู้กับริษยานานมากทําให้จํามีดในมือของหยงเว่ยได้ทันที

 

“ข้าสังหารนางแล้วดึงจิตมารของนางเข้ามาในร่าง ทําให้ตอนนี้ตัวข้ามีมาร 2 ตนอยู่ในร่าง” หยงเว่ยพูดพลางเก็บมีดไป

 

“2 ตน เจ้า….ไม่เป็นไรงั้นหรือ”ไป๋จูเหวินพูดออกมาด้วยท่าที่เป็นห่วง ปกติมีมารแค่ตนเดียวก็ลําบากมากพอแล้ว นี่หยงเว่ยเก็บเอาไว้ถึง 2 ตนเลยงั้นหรือ

 

“ไม่เป็นไร” หยงเว่ยว่าพลางปล่อยพลังมารออกมา เห็นได้ชัดเลยว่าพลังมารของหยงเว่ยเปลี่ยนไป เพราะมันผสมระหว่างพลังของโทสะ และริษยานั่นเอง เพียงแต่หลังจากปล่อยพลังมารออกมาแล้ว ทั่วร่างของหยงเว่ยกลับปรากฏควันสีดําลอยออกมาช้าๆ ดูเหมือนวิชาลมปราณมังกรของไป๋จูเหวินเลย

 

“หลังจากข้าได้ศึกษาวิชาเทวะปราบมารแล้ว ข้าก็ได้ทราบความจริงข้อหนึ่ง” หยงเว่ยว่าพลางลดพลังมารลง ไอสีดําพวกนี้เกิดจากการเรียนวิชาเทวะปราบมารงั้นหรือ

 

“วิชาเทวะปราบมารไม่สามารถเรียนได้ด้วยพลังมาร แต่ข้าสามารถใช้พลังมารสร้างวิชาใหม่ขึ้นมาได้ มันคือวิชาผนึกมาร” หยงเว่ยพูดจบ ไป๋จูเหวินก็มีสีหน้ากังวลยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

“เจ้าจะบอกว่า เจ้าจะผนึกมารทั้ง 7 เอาไว้ในร่างตัวเองงั้นหรือ” ได้ยินไป๋จูเหวินถาม หยงเว่ยกลับส่ายหน้า

 

“ไม่ใช่” หยงเว่ยตอบเสียงเรียบ พลางหลับตาลงช้าๆ

“ข้าจะผนึกมารทั้ง 7 และวิชามาร 108 เอาไว้ในร่างของข้า” หยงเว่ยพูดด้วยท่าทีจริงจังและเด็ดเดี่ยวอย่างมาก การรับริษยาเข้ามาทําให้สมองของหยงเว่ยได้รับภาระไม่น้อย แม้แต่ตอนที่พูดอยู่นี้ ริษยายังเอาแต่บ่นและถามหยงเว่ยอยู่เสมอว่าไม่อิจฉาไป๋จูเหวินหรืออย่างไร ไม่อิจฉาอู๋หมิงหรืออย่างไรไม่เลิกการรับมารตนอื่นๆมาจะยิ่งทําให้หยงเว่ยรับภาระหนักกว่านี้แน่ๆ

“เจ้ามั่นใจแล้วงั้นเหรอ”อู๋หมิงถามด้วยท่าที่จริงจัง

 

“มั่นใจสิ” หยงเว่ยว่าพลางลุกขึ้นยืน

 

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะจบเรื่องนี้ให้ได้โดยที่พวกเจ้าไม่ต้องเดือดร้อน” หยงเว่ยว่าพลางเดินหันหลังออกจากห้องประชุมไป

“หยงเว่ย”ไป๋จูเหวินเรียกตัวมันเอาไว้พลางเดินตามมาที่หน้าประตูห้องประชุม

นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง novelza.com

“ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องแบกรับคนเดียว”ไป๋จูเหวินพูดจบ หยงเว่ยก็ส่ายหน้าช้าๆ

 

“ข้ามาที่นี่เพื่อบอกเรื่องมารให้พวกเจ้าทราบ ไม่ได้มาเพื่อขอความช่วยเหลือ เจ้าปล่อยเรื่องนี้ให้ข้าทําเถอะ ส่วนเจ้าก็ปกป้องคนของเจ้าอยู่ที่นี่”หยงเว่ยพูดจบมันก็เดินจากไปทั้งๆแบบนั้น การจัดการกับมารนั้นแม้แต่ไป๋จูเหวินก็คงทําไม่ได้ คนที่สามารถผนึกมารเอาไว้ในร่างได้คงมีแต่หยงเว่ยเท่านั้น

 

“หากข้าไม่ลงนรก แล้วใครจะลง” หยงเว่ยรําพึงออกมาพลางเดินออกจากเมืองร้อยแปดอสูรไป ตอนนี้มันสําเร็จวิชาผนึกมารแล้ว แถมยังได้พลังของริษยาเพิ่มมาอีก ทําให้ตอนนี้หยงเว่ยสามารถต่อกรกับพวกมารได้ในระดับหนึ่ง

“เจ้าจะไปไหนน่ะ”ริษยาถามพลางมองหยงเว่ยที่มุ่งหน้าไปทางตะวันตก

 

“ข้าจะไปอาณาจักรชู” หยงเว่ยตอบพลางเริ่มเดินทางด้วยความเร็วที่มากขึ้น

 

“อาณาจักรชู! เจ้าไปทําบ้าอะไรที่นั่น”ริษยาสะดุ้งโหยง เพราะไม่คิดว่าหยงเว่ยจะไปอาณาจักรชู

 

“เจ้ามารตนนั้น ไอ้คนที่แต่งตัวหรูๆ” หยงเว่ยว่าพลางนึกถึงภาพของอัตตาที่กําลังสังหารเจ้าอาวาส ทําเอามันต้องกดความรู้สึกโมโหเอาไว้ เพราะไม่อยากไปปลุกโทสะเข้า

 

“มันสวมเครื่องประดับของอาณาจักรชู” พูดจบหยงเว่ยก็รวบรวมพลังมารของตนแล้วพุ่งไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วทันที

Comment

Options

not work with dark mode
Reset