บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 272 เกินทน

บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 272 เกินทน

ตอนที่ 272

เกินทน

“น้องมู่ ครอบครัวเจ้าอยู่ในเมืองนี้นั้นหรือ” ชายหนุ่มที่ริษยาอ้อนมาตลอดทางถามพลางลงจากม้าที่หน้าเมืองร้อยแปดอสูรพอดี

“ค่ะ ข้าได้ข่าวว่าพวกท่านย้ายมาที่นี่ ริษยายิ้มพลางมองประตูเมืองร้อยแปดอสูรด้วยท่าทีสนใจ นางไม่เคยเห็นเมืองที่มีอสูรมากมายเช่นนี้เลย ดูเจ้าม้านั่นสิ คงวิ่งไวกว่าม้าธรรมดาหลายเท่าแน่ๆ

“ หรือว่าครอบครัวของน้องมู่จะเป็นคนของกลุ่มนักล่าอสูร” ชายหนุ่มถามพลางมองมาทางริษยา คนในกลุ่มนักล่าอสูรส่วนใหญ่มีพลังวิญญาณแข็งแกร่งกันทั้งนั้น แต่ทําไมเซียนมู่ของมันถึงไม่มีพลังวิญญาณเลยล่ะ

“คงจะอย่างนั้นเจ้าค่ะ ไหนๆก็มาถึงแล้วข้าขอลาตรงนี้เลยนะเจ้าคะ”ริษยาลงจากหลังม้าพร้อมทั้งโลกมือลาขายหนุ่มอย่างไร้เยื่อใย เพราะถึงอย่างไรนางก็แค่ใช้มันเพื่อมาส่งเท่านั้น

“น้องมู่…หากเจ้าอยากไปเที่ยวอาณาจักรชูอีก ก็ติดต่อข้ามานะ” ชายหนุ่มยิ้มพลางโบกมือลาช้าๆ ตัวมันทํางานคุ้มกันคนผ่านทาง เดินทางข้ามเขตอาณาจักรอยู่ตลอด หากจะไปอาณาจักรชูละก็มันสามารถคุ้มกันได้ทุกเมื่อ

“เฮ้อ ไปสักที ชักรําคาญแล้วสิ”ริษยาบ่นพลางเดินเข้า เมืองร้อยแปดอสูรไปด้วยท่าทางสบายใจ

“แม่นาง เจ้ามาทําอะไรที่นี่”ยามเฝ้าของหน่วย 9 ถามพลางจ้องมองริษยาด้วยความสงสัย ปกติคนไม่มีพลังวิญญาณจะไม่ค่อยเข้ามาในเมืองร้อยแปดอสูร เพราะพวกอสูรนั้นน่ากลัวมากสําหรับคนธรรมดา แต่มันก็สัมผัสพลังอสูรในร่างของนางไม่ได้เช่นกัน คงต้องตีความเป็นอย่างเดียวว่าเป็นคนธรรมดาเท่านั้น

“ข้ามาขอซื้อสินค้าเจ้าค่ะ” เซียนมู่ว่าพลางแอบนําถุงเงินออกมาจากมิติของตน โดยทําท่าเหมือนหยิบออกมาจากด้านหลัง โดยในห้อเงินนั้นมีเหรียญทองจํานวนหลายร้อยเหรียญใส่เอาไว้

“อืม เข้าใจแล้ว ข้าจะให้ลูกน้องของข้าพาเจ้าไปหน่วย 10” ชายหนุ่มตอบพลางเรียกลูกน้องที่อยู่ด้านหลัง

“มะ ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ข้าไปเองได้”ริษยาตอบยิ้มๆด้วยท่าที่อ่อนหวาน

“เจ้าไม่กลัวพวกอสูรหรือยังไง คนธรรมดาแบบเจ้าทําอะไรพวกมันไม่ได้หรอกนะ” ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นว่ามีลูกน้องตามมาแล้ว

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ พวกมันดูเชื่องดี ข้าเชื่อว่าพวกมันเป็นเด็กดีทุกตนเลยเจ้าค่ะ”ริษยาตอบพลางเดินเข้าไปในเมืองโดยไม่รอให้ คนเฝ้าประตูเสนออะไรอีก

“ไอ้พวกบ้า…มีอสูรคอบรับใช้แบบนี้สบายซะจริงนะ ริษยาว่าพลางกัดฟันกรอด ในเมืองร้อยแปดอสูรมีอสูรคอยช่วยงานมากมาย แม้แต่การเพาะปลูกยังทําบนหลังมังกรดิน มันช่างน่าหมั่นไส้จริงๆ

“อยากจะเจอยัยสาวงามแล้วสิ จะหน้าตายังไงกันนะ ริษยาบ่นพลางเดินผ่านเขต 9 เข้ามาจนถึงส่วนกลางตรงที่วังมังกรตั้งอยู่ได้ ข่าวว่าเมืองร้อยแปดอสูรไม่มีคนระดับถึงเทียนเซียนขั้นที่ 10 เสียด้วยซ้ํา หากนางอาลาวาดก็สามารถบุกเข้าไปได้ทันที แต่แบบนั้นมันน่าเบื่อ นางอยากจะเห็นก่อนว่ายัยเหม่ยหลินอะไรนั่นจะสวยแค่ไหน หากสวยจริงนางอยากจะกรีดหน้าเล่นเหมือนยัยลูกสาวพ่อค้านั่นจริงๆ ไม่สิ ต่อให้ไม่สวยการที่นางมีพ่อเป็นหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรแบบนี้ก็น่าหมั่นไส้อยู่ดี หรือนางจะฆ่าพ่อของนางแล้วปล่อยให้นางอยู่คนเดียวดีนะ

“น้องสาว เจ้ามาทําอะไรหน้าวังมังกรหรือ” ขณะกําลังคิดหาวิธีระบายอารมณ์ของตนเองอยู่นั้น อยู่ๆเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้นที่ด้านหลังของริษยา บางทีอาจจะเพราะนางยืนขวางประตูอยู่ก็ได้นางเลยทักแบบนั้น

“ข้า…”ริษยาหันไปมองคนพูด แต่เหมือนกับมีแสงจ้าเข้าตามาไม่มีผิด หญิงสาวที่ถามนางนั้นงดงามจนน่าเหลือเชื่อ ยิ่งกว่าราคะอีกกระมัง พระเจ้าทําไมถึงปั้นแต่งมนุษย์คนหนึ่งออกมาได้สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ที่ท่านเอาเวลาในการปั้นแต่งหน้าคนอื่นมาใช้กับนางใช่หรือไม่ ท่านมันลําเอียงยิ่งนัก

“ท่านคือเหม่ยหลินหรือเจ้าคะ”ริษยาถามพลางมองมาทางเหม่ยหลิน

“จ้ะ”เหม่ยหลินตอบพลางพยักหน้าช้าๆ นางพึ่งกลับมาจากไป ตรวจเขตต่างๆเพราะตอนนี้ไป๋จูเหวินเดินทางไปเขตอสูรผาไร้กันพอดี

“ขะ ข้าเดินทางมาจากเมืองเล็กๆทางตะวันออกเจ้าค่ะ”ริษยาพูดพลางพยายามหาแผนการในหัว อยู่ๆนางก็ได้เจอเหม่ยหลินเลย แต่สิ่งที่นางคิดอออกกลับไม่ใช่แผนการ แต่เป็นความคิดที่ว่าจะทําอะไรกับเหม่ยหลินดี กรีดหน้าเหรอ มันเบาเกินไป มันต้องเฉือนหนังหน้าที่นางภูมิใจนักหนาออกมา แล้วเอาไปตากให้แห้งแล้วค่อยเย็บเข้าไปใหม่สิ..

“ข้าทราบมาว่าท่านเป็นหญิงงามผู้แสนเมตตา ข้าเลยจะมาขอรับใช้ท่านเจ้าค่ะ” ด้วยความรีบร้อน ริษยาอ้างเรื่องไม่เป็นเรื่องออกไปเสียอย่างนั้น ทําเอาพวกจูเชวี่ย เสวี่ยนอู่ และ หยวนหยวนที่อยู่ด้านหลังขมวดคิ้วทันที

“ไม่ได้หรอก วังมังกรไม่ได้รับมนุษย์เข้ามาทํางานหรอกนะจ๊ะ” เหม่ยหลินตอบพลางยิ้มด้วยสีหน้าอ่อนหวานจนเส้นเลือดบนหน้าผากของริษยาปูดโปนออกมา

“โอ้ย ไม่ทนมันแล้ว” ราวกับความริษยาในกายนางโดนกระตุ้น ท่าทางมารยาก่อนหน้านี้สลายหายไปสิ้น พร้อมการปลดปล่อยพลังมารออกมาในจํานวนที่แม้แต่ผู้ไม่ใช่มารยังสัมผัสได้

“พลังอะไรกัน” จูเชวี่ยเบิกตากว้างมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความงุนงง นางไม่ใช่อสูร แต่พลังนี้ก็ไม่คุ้นเคย

“มาร” เหม่ยหลินที่เคยเจอหยงเว่ยมาแล้วแทบจะสรุปทันที เพราะหากไม่มีพลังวิญญาณและพลังอสูรแล้วก็มีอยู่อย่างเดียวเท่านั้น

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทําไมมีมารบุกมาที่นี่ได้เหม่ยหลินเรียกกระบี่ของนางออกมาพลางตั้งท่าป้องกันเอาไว้

“โอ้ย..พึ่งเคยรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก เจ้ามันน่าอิจฉาเกินไปแล้ว”ยิ่งความรู้สึกเด่นชัดเท่าไหร่พลังมารก็ยิ่งมาก ยิ่งได้เจอสาวงามเช่นนี้ ความอิจฉาที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างก็ระเบิดออกมา

ฟุบๆๆๆ มีด 6 เล่มปรากฏขึ้นรอบตัวของริษยา ด้วยธาตุลมของนางนั้นสามารถบังคับมีดทั้ง 6 ได้ดั่งใจนึก ทําให้มีดสั้นของนางนั้นนน่ากลัวอย่างมาก

เครงๆๆๆๆ อยู่ๆมีดสั้นทั้ง 6 เล่มของนางก็โดนปัดทิ้งลงพื้นเสียอย่างนั้น ทําเอาริษยางุนงงไปอีกใจหนึ่ง

“แม้แต่ฝีมือก็…”ริษยากัดฟันจนปรากฏเลือดไหลออกมาจากขอบปาก ยัยนี้มันจะมากเกินไปแล้ว จะได้ดีไปหมดทุกอย่างเลยหรือไง มีทั้งใบหน้าที่งดงาม ฐานะสูงส่ง มีสหายมีฝีมือ แถมยังได้ข่าวว่าก่อนหน้านี้ได้แต่งงานกับองค์ชายต่างเมืองด้วยไม่ใช่หรือยังไง

“แก”ริษยาคํารามพลางเรียกมีดทั้ง 6 ขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะสั่งพวกมันให้โจมตีทันที

เคร๊งๆๆๆ ด้วยฝ่ามือบังคับหกปักษาของเหม่ยหลิน ทําให้มีดพวกนั้นโดนดีดออกก่อนจะเข้ามาถึงตัวเหม่ยหลินเสียอีก ฝีมือของนางยามนี้ไม่สามารถดูถูกได้เลย

“อีนังนี่”ริษยาเห็นบังคับมีดบินโจมตีไม่ได้ นางจึงจับมีดเข้าไปโจมตีระยะประชิดเอง ด้วยพลังที่เหนือกว่าของนางย่อมสามารถเอาชัยได้ไม่ยาก

เคร๊งๆๆ มีดและกระบี่ปะทะกันอยู่ครู่หนึ่ง ริษยาก็ได้พบว่าการปะทะกับเหม่ยหลินไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่ใช่ว่านางยังอยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 1 งั้นหรือ

เครั้ง! กระบี่ของเหม่ยหลินปรากฏรอยร้าวเล็กน้อยหลังจากการปะทะอย่างหนักหน่วง อาวุธของพวกมารทั้ง 7 นั้นมีความพิเศษ ตรงที่แข็งแกร่งเหนือจิตสํานึก เนื่องเพราะเป็นที่สถิตของจิตมารทําให้ไม่ว่าจะอาวุธใดก็ทําลายไม่ได้

เครืดดดดเปรี้ยง!! เหม่ยหลินใช้กระบี่รับมีดเอาไว้ก่อนจะหมุนตัวหนึ่งรอบใช้ฝ่ามือปักษาสะบัดปีกใส่นางไปที่หนึ่ง

“อัก”ริษยางุนงงวูบไปครู่หนึ่งเมื่อโดนฝ่ามือของเหม่ยหลินเข้าไป พลังทําลายนั้นรุนแรงมาก นี่เป็นการโจมตีของขั้นที่ 1 จริงๆงั้นหรือ

ฟุบๆ ขณะที่ริษยากําลังถอยออกไป มีดสั้นอีก 2 เล่มก็บินเข้ามาโจมตีเหม่ยหลินจากด้านข้าง ตอนนี้นางพึ่งใช้ฝ่ามืออื่นไป ไม่มีทางใช้บังคับหกปักษาปักอาวุธของนางได้แน่ๆ

“น่าเสียดาย เฉียดหน้าไปหน่อยเดียวเอง ริษยาว่าพลางมองเส้นผมของเหม่ยหลินที่ตกลงมาบนพื้น เมื่อครู่นางหลบได้อย่างฉิวเฉียดพอดี

“เจ้าทําไมต้องโจมตีพวกเราด้วย” เหม่ยหลินถามพลางมองริษยานิ่ง ได้ข่าวว่ายังมีตํารามารหลงเหลืออยู่ตามดินแดนต่างๆมากมาย หรือเพราะการรวมดินแดนของอาณาจักรอู่ทําให้พวกมารถูกรวมเข้ามาด้วยนะ?

“ทําไมงั้นเหรอ” ริษยาว่าพลางเรียกมีดกลับมารอบๆตัว

“เพราะเจ้ามันน่าหมั่นไส้ยังไงล่ะ”ริษยาพูดจบก็บังคับมีดเข้าไปหาเหม่ยหลิน แต่ทันทีที่เหม่ยหลินใช้บังคับหกปักษากับมีดบิน ริษยาก็แทรกตัวเข้าใช้มีดในมือแทงไปที่หน้าทันที

เครั้ง! กระบี่ของเหม่ยหลินรับมีดเอาไว้ แม้ภายนอกนางจะเหมือนหญิงสาวไร้เดียงสา แต่ภายในนางคือมารที่พร้อมจะทําร้ายคนอื่นด้วยอารมณ์ของนางเท่านั้น

ฉับ! กระบี่ของเหม่ยหลินเปลี่ยนทิศทางเข้าฟันต้นแขนของริษยาทันที วิชากระบี่ของชินหลุนนั้นรุนแรงและน่าหวาดกลัว ทําให้ตอนแรกเหม่ยหลินไม่ได้ใช้ออกมา นางเพียงใช้กระบี่รับและใช้ฝ่ามือโจมตีเท่านั้นเพราะยังไม่ทราบสาเหตุของริษยา แต่ในเมื่อนากคิดโจมตีเหม่ยหลินเพราะความหมันไส้เท่านั้นก็อีกเรื่อง

สมกับที่อาวุโสเทียนหมิงระวังเอาไว้จริงๆ หากโดนมารครอบงํา แล้วก็จะคุมตัวเองไม่ได้ ฆ่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ต้องกําจัดเท่านั้น

เคร็งๆๆๆๆ กระบี่ของเหม่ยหลินเริ่มเปลี่ยนจากรับมาเป็นรุก ทําให้ริษยาเสียกระบวนไปไม่น้อย ยังไม่ทันบังคับมีดก็โดนนางโจมตีซ้ําเสียจนมือเป็นระวิง

“ยัยสารเลว”ริษยาคํารามพลางกระโดดถอยไปด้านหลัง ระดับเทียนเซียนขั้น 1 อะไรกัน ยัยนี่มันระดับยอดฝีมือแล้วไม่ใช่หรือยัง

“ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ”ริษยาว่าพลางใช้ธาตุลมดีดตัวถอยไปด้านหลัง

“ไม่ปล่อยให้หนีหรอก” เหม่ยหลินพูดจบก็ใช้ฝ่ามือหมอกควันกบดานดึงร่างของริษยาเข้ามาหาตน ก่อนจะชี้กระบี่ไปทางที่ดึงนางเข้ามา

เครั้ง! ฉีก!! ริษยาบังคับมีดของนางในวินาทีสุดท้ายเข้ามากระแทกกระบี่ของเหม่ยหลินจนกระบี่เฉไปทางอื่น แต่ก็ไม่อาจปัดจนพ้นร่างของนางได้ ทําให้กระบี่ของเหม่ยหลินแทงไปที่ไหล่ของนางแทน

“อี” ริษยาเจ็บจนกรีดร้องออกมาไม่เป็นภาษา ก่อนจะเตะเข้าที่ท้องของเหม่ยหลิน แต่เมื่อเห็นว่านางกําลังจะทําอะไรเหม่ยหลินก็รีบถอยออกมาเสียก่อน

“ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ”ริษยาพูดจบก็บินหนีไปด้วยพลังธาตุลม แม้จูเชวี่ยทําท่าจะบินตามไป แต่เสวียนอู่กลับห้ามนางไว้เพราะเห็นชัดๆว่านางฝีมือเหนือกว่าพวกตนมาก หากไม่ใช่เหม่ยหลินคงรับมือไม่ไหว

“คุณหนู เป็นอะไรมากหรือแปล่า” หยวนหยวนถามพลางเดินเข้าไปหาเหม่ยหลินด้วยความเป็นห่วง

“มะ ไม่เป็นไรค่ะพี่หยวน”เหม่ยหลินตอบพลางลูบไปที่ท้องของนาง เมื่อครู่นางหลบออกมาก่อนเลยไม่ได้ถูกเตะแต่อย่างไร

Comment

Options

not work with dark mode
Reset