บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 262 ร่วมแผน

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 262 ร่วมแผน 

 

“เจ้าแน่ใจหรือ” องค์จักรพรรดิถามขึ้นเมื่อบัตรสาวคนโตมารายงานเรื่องที่ไป๋จูเหวินเองก็อยากจะโจมตีกลุ่มเขี้ยวโลหิตเช่นกัน

 

“เจ้าค่ะ ข้าให้คนของข้าไปสอบถามจากพ่อค้าที่มาจากอาณาจักรอู๋แล้ว ชื่อเสียงของน้องเหม่ยหลินเป็นความจริงเจ้าค่ะ” ชินอันยืนยันอย่างหนักแน่นเพราะนางส่งคนไปถาม พวกพ่อค้าจากอาณาจักรอู๋ที่มาขายของในเมืองหลวงแล้ว พวกมันส่วนใหญ่ต่างรู้จักเหม่ยหลิน และพูดเป็นเสียงเดียว กับว่านางคือธิดาของหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรจริงๆ แม้พว กมันจะไม่เคยเห็นหน้าเหม่ยหลินมาก่อน แต่ทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกับว่า นางคือสาวงามอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรอย่างแน่นอน

 

“เจ้าได้ถามหรือไม่ว่าทําไมชินอี้ถึงเล็งกลุ่มเขี้ยวโลหิตเอาไว้”องค์จักรพรรดิถามพลางลูบเคราตนเองอย่างครุ่นคิด ตอนนี้สถาณการณ์ของราชวงศ์กับกลุ่มเขี้ยวโลหิตไม่ลงลอยกันอย่างมาก หากกลุ่มเขี้ยวโลหิตมีเรื่องพลาดออกมาพวกมันก็จะไม่รอช้าเข้าไปจัดการทันทีแน่ๆ

 

“ดูเหมือนมารดาของน้องชินอี้จะโดนหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตสังหารเจ้าค่ะ”ชินอันตอบ เพราะนางได้พูดคุยกับทั้งเหม่ยหลินและไป๋จูเหวินมาแล้ว

 

“เช่นนั้นก็เรื่องใหญ่แล้วมิใช่หรือเสด็จพ่อ หากนางเป็นมารดาของน้องชินอี้ นั่นหมายความว่านางคือคนในราชวงศ์นะขอรับ” ชาหนุ่มคนหนึ่งที่ดูผอมบางที่สุดในกลุ่มพี่น้องราชวงศ์ชินพูด

 

“เช่นนั้นก็ใช้เรื่องนี้ตอบโต้ดีหรือไม่” ชายหนุ่มยืนอยู่ใกล้องค์จักรพรรดิถาม หากเรื่องนี้เป็นความจริง การสังหารสะใภ้ของราชวงศ์นับเป็นความผิดร้ายแรง พวกมันไม่ต้องรอความลับของกลุ่มเขี้ยวโลหิตเผยออกมาเสียด้วยซ้ํา

 

“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะยืนยันกับหลานชินอี้ด้วยตนเอง หากเป็นจริง ราชวงศ์ก็มีอํานาจที่จะระดมคนโจมตีกลุ่มเขี้ยวโลหิตได้

 

“องค์จักรพรรดิ เรียกหาข้าหรือขอรับ” หลังจากปรึกษากันเสร็จ องค์จักรพรรดิก็เรียกไป๋จูเหวินมาที่ห้องอาหารทันที ในตอนนี้นอกจากไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินแล้วก็มีเพียงองค์จักรพรรดิและเหล่าองค์ชายองค์หญิงทั้งสิ้น

 

“หลานชินอี้ ข้าได้ทราบเรื่องจากชินอันแล้ว ทั้งหมดเป็นความจริงงั้นหรือ” ได้ยินองค์จักรพรรดิถามไป๋จูเหวินก็พยักหน้าช้าๆ

 

“เป็นความจริงขอรับ นี่คือสาเหตุที่ท่านพ่อมอบกระบี่ทองให้ข้าน้ํามันมาขอความช่วยเหลือจากราชวงศ์ชิน”ไป๋จูเหวินว่าพลางประสานมือไปข้างหน้า

 

“ตัวข้าเองไม่มั่นใจว่าจะสามารถจัดการกลุ่มเขี้ยวโลหิตได้หรือไม่ ข้าจําเป็นต้องหากําลังเสริมมาช่วยเท่าที่จะเป็นไปได้ขอรับ”ไป๋จูเหวินว่าพลางก้มลงช้าๆ

 

“ไม่จําเป็นต้องขอร้องขนาดนั้นหรอกหลานชินอี้ ข้าต้องการเพียงคํายืนยันจากเจ้า ว่ามารดาของเจ้า ถูกหม่ากุนหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตสังหารจริงหรือไม่” คําถามขององค์จักรพรรดิทําให้ไป๋จูเหวินเงยหน้าขึ้น ดวงตาของมันทอประกายกล้าพร้อมสบตากับองค์จักรพรรดิตรงๆ

 

“ข้ามั่นใจขอรับ และหากท่านไม่เชื่อข้าที่นอกวังยังมีบ่าวของบิดาข้าที่อยู่ในเหตุการณ์ มันสามารถยืนยันได้ว่าหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตสังหารมารดาข้าจริง”ไป๋จูเหวินว่า พลางชี้ไปรอบวัง จริงๆแล้วหวังตงเดินทางมากับพวกมันด้วย แต่มันไม่ได้เข้ามาในวังเพราะมันไม่ชินกับการวางตัวในวังเอาเสียเลย

 

“เช่นนั้นเชิญมันมา ราชวงศ์ชินของเราไม่ยอมให้ใครมาทําร้ายคนในตระกูลโดยเด็ดขาด ต่อให้เป็นสะใภ้หรือเขยแต่งเข้าก็ตาม” องค์จักรพรรดิประกาศกร้าว เรียกได้ว่าไป๋จูเหวินมาได้จังหวะพอดีเลยก็ว่าได้ เพราะพวกมันกําลังหาช่องทางโจมตีอยู่พอดี

 

“หลานชินอี้ ต่อจากนี้เจ้าอย่าพึ่งบอกเรื่องนี้กับใคร ข้ายังอยากให้หม่ากุนประมาทแบบนี้ต่อไปก่อน ในตอนนี้ข้าจะรวบรวมยอดฝีมือและเตรียมตัวโจมตีกลุ่มเขี้ยวโลหิตชนิดม้วนเดียวจบให้เจ้าเห็น”องค์จักรพรรดิยิ้มกว้างพลางมองไปทางบุตรชายและบุตรสาวของมัน ในที่สุดหนามยอกอกของพวกมันก็จะถูกกําจัดเสียที่

“การรวบรวมยอดฝีมือใช้เวลานานหรือไม่ขอรับ”ไป๋จูเหวินถามออกมา หากมีเวลาบางทีมันอาจจะไปตามพวกท่านน้ามาช่วยได้

 

“ข้าขอเวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้น”องค์จักรพรรดิตอบด้วยท่าที่มั่นใจ ความจริงพระองค์ติดต่อเหล่ายอดฝีมือเอาไว้อยู่แล้ว เรียกได้ว่าเมื่อได้ช่องโจมตีพวกมันก็พร้อมจะเดิน ทางมาทันที เวลา 1 เดือนที่ว่าคือเวลาที่ต้องใช้เพื่อให้ยอดฝีมือเดินทางมาถึงนั่นเอง

 

“เดือนเดียวงั้นหรือ”ไป๋จูเหวินนิ่งไปพักหนึ่ง เวลาเพียงเดือนเดียวไม่อาจเดินทางไปยังเขตอสูรผาไร้กันและกลับมาได้ทันเวลาแน่ๆ ถ้าเช่นนั้นก็ต้องหากําลังจากทางอื่น

 

“องค์จักรพรรดิ ท่านพอทราบแหล่งของเขตอสูรในอาณาจักรชินหรือไม่ขอรับ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองไปทางเหม่ยหลิน มีแต่นางเท่านั้นในห้องนี้ที่ทราบว่าไป๋จูเหวินต้องการจะทําอะไร

 

“มี แต่ส่วนใหญ่โดนกลุ่มเขี้ยวโลหิตกวาดล้างไปหมดแล้วนี่สิ” องค์จักรพรรดิ์พูดว่าพลางขมวดคิ้วอย่างงุนงง ไป๋จูเหวินต้องการที่อยู่ของเขตอสูรไปทําอะไรกัน

 

“ไม่เป็นไรขอรับ ข้าอยากได้ข้อมูลของเขตอสูรที่ยังอยู่ และใช้เวลาเดินทางน้อยที่สุดขอรับ”ได้ยินเช่นนั้นองค์จัก รพรรดิก็ชะงักไปครู่หนึ่ง รายงานเรื่องเขตอสูรนั้นกลุ่มเขี้ยว โลหิตต้องรายงานให้สํานักวังหลวงด้วยเช่นกัน ทํา ให้วังหลวงเองก็มีตําแหน่งของเขตอสูรต่างๆเอาไว้ เรื่องนั้นหาให้ไป๋จูเหวินได้ไม่ยาก แม้มันจะไม่ทราบว่าไป๋จูเหวินต้อ งการไปทําอะไรก็ตาม

 

“ได้ ข้าจะหามาให้”องค์จักรพรรดิรับปากก่อนจะเริ่มตก ลงนัดหมายกัน ก่อนอื่นเลยองค์จักรพรรดิจะติดต่อไปยังเหล่ายอดฝีมือที่ยอมถวายงานรับใช้ให้มารวมตัวกันที่เมืองหลวง เมื่อถึงเวลา พวกมันจะอ้างเรื่องการสังหารมารดาของไป๋จูเหวิน เพื่อเข้าไปจับตัวหม่ากุน แน่นอนว่าหากกลุ่มเขี้ยวโลหิตขัดขืนก็จะโจมตีทันที

 

เปรี้ยง! สายฟ้าสายหนึ่งผ่าลงมาบนหลังคาของตึกแห่งหนึ่งกลางเมืองของกลุ่มเขี้ยวโลหิต พยัคฆ์อัสนีในตอนนี้นั้น ได้รับอิสระในระดับหนึ่งเพราะเย่หลิงขอให้พยัคฆ์อัสนีอยู่ในสวนหลังร่วมกันกับนาง โดยอ้างว่ามันหลงใหลพลังของเย่หลิงอย่างมาก และการขังอสูรระดับบรรพกาลเอาไว้ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไหร่ พวกอาวุโสจึงยอมให้พยัคฆ์อัสนีอยู่นอกกรงได้ เพราะเห็นได้ชัดว่ากรงไม่สามารถขังมันเอาไว้ได้เลย

 

“เหอะ..ไม่มีจริงๆ” พยัคฆ์อัสนีว่าพลางมองคุ้ยของในห้องของหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิต แม้จะเดาเอาไว้แล้วว่าคงไม่มีทางที่หัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตจะเก็บยาเอาไว้ในห้องสัก 10 หรือ 20 เม็ด แต่ถ้าไม่ลองมาดูก็ไม่รู้ พยัคฆ์อัสนีเดินไปที่ด้านหลังห้องพลางเปิดประตูบานเลื่อนออกอย่างช้าๆ ที่นี่ไม่ค่อยมีคนเข้ามานัก ที่มันได้กลิ่นก็มีแต่กลิ่นของอาวุโสและกลิ่นของเจ้ารองหัวหน้านั่น ส่วนกลิ่นที่มันไม่คุ้นเคยคงเป็นกลิ่นของเจ้าตัวหัวหน้ากลุ่มเอง

 

เครั้ง….พยัคฆ์อัสนีพยายามไล่เปิดหาตามลิ้นชักยา แต่ไม่ว่าจะเปิดดูอย่างไรก็มีแต่สมุนไพรธรรมดาๆไม่กี่อย่างเท่านั้น ไม่มีอะไรน่าจะเป็นยาถอนพิษของเย่หลิงได้เลย ท่าทางหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตคงจะเก็บเอาไว้ในมิติของมันกระมัง

 

“กลิ่นนี้มัน…” พยัคฆ์อัสนียนจมูกพลางเดินผ่านประตูอีกบานไปยังห้องที่อยู่ท้ายสุดของอาคาร ที่นี่เหมือนเป็นสถานที่ต้มยาอะไรบางอย่าง แม้จะไม่เหลือสมุนไพรแล้ว แต่ก็ยังมีหม้อและเจาที่ใช้อยู่

 

“นี่คงจะเป็นหม้อที่ใช้หลอมยาแก่พิษ” พยัคฆ์อัสนีว่าพลางหยิบหม้อใบหนึ่งขึ้นมาดู ต้องขอบใจเจ้ารองหัวหน้านั่น จริงๆที่ยื่นยาให้มันได้ดม ทําให้พยัคฆ์อัสนีจํากลิ่นของยาแก้พิษได้

 

“…” พยัคฆ์อัสนีมองข้างในหม้อพลางใช้นิ้วสัมผัสด้านในดู แม้จะไม่มีตัวยาเหลืออยู่ไม่มาก แต่ก็พอให้ส่งกลิ่นออกมาได้ พยัคฆ์อัสนีหลับตาลงพลางสูดกลิ่นเข้าไปอย่างตั้งใจ กลิ่นของสมุนไพรแต่ละอย่างถูกแยกภายในเซลล์รับกลิ่นของพยัคฆ์อัสนีอย่างช้าๆ แม้มันจะไม่ได้ตั้งใจศึกษาสมุนไพรเหมือนมังกรธรณ์ แต่มันก็รู้จักสมุนไพรมากมาย

 

“บ้าเอ้ย” พยัคฆ์อัสนีคํารามออกมาพลางทิ้งหม้อกลับที่เดิมของมัน ตัวสมุนไพรที่ใช้ทํายาแก้พิษนั้นหาไม่ยากเลย ขอแค่ไปร้านสมุนไพรในเมืองก็สามารถหามาได้จนครบ แต่มีกลิ่นหนึ่งที่พยัคฆ์อัสนี้ไม่สามารถหามาได้ มันคือกลิ่นของโลหิตนั่นเอง

 

วิชาที่เย่หลิงโดนมาจากผู้ฝึกฝนพลังภูติอุดร หรือก็คือหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตนั่นเอง ในตัวยานผสมเลือดของมันลงไปด้วย ทําให้ส่วนผสมที่ขาดไปคือเลือดของหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตนั่นเอง นั่นหมายความว่าหากรักษาอาการของเย่หลิงไม่ได้ ก็ไม่อาจฆ่าหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตได้

 

“ไอ้พวกเลว เรื่องแบบนี้ละถนัดนักนะ” พยัคฆ์อัสนีคํารามออกมา พวกมันใช้เย่หลิงเป็นตัวประกัน ทําให้พวกอสูรเชื่อฟังและไม่อาจไปไหนได้ แถมตอนนี้มันยังผูกชีวิตของเย่หลิงเอาไว้กับตัวหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตอีกต่างหาก

 

เปรี้ยง!! อยู่ๆพยัคฆ์อัสนีก็สัมผัสได้ว่ามีคนเข้ามาใกล้อาคารของหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิต มันจึงพุ่งตัวเป็นสายฟ้าออกไปจากหน้าต่างทันที เพียงแต่ภาพของหัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตที่ลอดผ่านประตูมาทําให้พยัคฆ์อัสนีต้องหยุดมอง หากหาทางรักษาเย่หลิงได้ มันจะขย้ําคอไอ้เจ้านี้อย่างแน่นอน

 

“ท่านหัวหน้า องค์จักรพรรดิเรียกตัวท่านไปมีอะไรหรือ” รองหัวหน้ากลุ่มที่พยัคฆ์อัสนีเคยเจอคราวก่อน ถามขณะวิ่งตามหหัวหน้ากลุ่มเข้ามา

 

“มันกําลังสงสัยพวกเรา” หัวหน้ากลุ่มเขี้ยวโลหิตว่าพลางกําหมัดแน่น ตอนนี้มันสะสมกําลังพลได้มากมาย แม้คิดจะแพ้คนขององค์จักรพรรดิแต่อย่างไร เพียงแต่แผนของมันเหนือไปยิ่งกว่านั้น

 

“ถ้าเช่นนั้นก็จัดการไปเลยดีหรือไม่ขอรับ คนของวังหลวงเริ่มก่อความวุ่นวายให้พวกเราแล้วด้วย” รองหัวหน้ากลุ่มเสนอด้วยท่าทีเหี้ยมโหด ตัวมันนั้นอยากให้จัดการราชวงศ์ชินไปเสียให้พ้นๆตามานานแล้ว

 

“ไม่…ห่อนอื่นเราต้องไปเอาตัวฝันร้ายสีขาวจากผาไร้ก้นมาก่อน หากมีมันไม่ว่าจะเมืองไหนก็ไม่อาจต่อต้านได้”ด้วยชื่อเสียงของอสูรแมงมุมที่เล่าต่อกันมาเมื่อหลายพันปีก่อนนั้น ทําให้เห็นได้ชัดเจนว่านางแข็งแกร่งเกินกว่าที่มนุษย์จะตอบโต้ได้ นางเดินตรงมุ่งหน้าจากแดนเหนือลงไปยังผาไร้กันโดยไม่มีใครสามารถป้องกันได้ ยามใดที่นางเดินผ่านเมืองที่เคราะห์ร้ายกลายเป็นเมืองใน เส้นทางของนางมีทางเลือกเพียง 2 ทางเท่านั้น นั่นคือสู้และพ่ายแพ้ หรือหนี และปล่อยให้นางพังเมืองเท่านั้น

 

ในอดีตยอดฝีมือของอาณาจักรหนึ่งที่อยู่เหนือขึ้นไปจากอาณาจักรชินหลายพันหลายหมื่นกิโลรวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับอสูรแมงมุม แต่ผลที่ออกมาคือ ยอดฝีมือตายเรียบ ไม่แม้แต่จะชะลอความเร็วของนางเสียด้วยซ้ํา ด้วยความสามารถระดับนี้ หากได้นางมาจะต้องสามารถยึดครองทั้งแผ่นดินได้อย่างแน่นอน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset