บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 459 ตระกูลชิง

ตอนที่ 459

ตระกูลชิง

“ขอบคุณนะเจ้าคะที่มาส่ง”หลี่เย่ตอบด้วยท่าทีอ่อนน้อมหลังจากได้ไป๋หลินมาช่วยส่งตนเองกลับมาที่อาณาจักรอู๋ หลังจากได้รับน้ำจากสระชีพจรวารีหลี่เย่ก็ขอร้องให้ไป๋หลินกลับมาส่งทันทีเพราะนางต้องการจะทำยาไปรักษาคนผู้หนึ่งอย่างเร่งด่วน แน่นอนว่าไป๋หลินเข้าใจความสำคัญข้อนี้ดีเลยพานางมาส่งโดยด่วน เพียงแต่คราวนี้ไป๋หลินไม่ได้ขี่หลังของไป๋ไป่มาแต่อย่างไร แต่กลับขี่หลังของท่านน้าไก่ฟ้ามาต่างหาก

“เช่นนั้นขอให้เจ้าโชคดี”ไป๋หลินยิ้มรับพลางบอกลาหลี่เย่ด้วยท่าทีเอ็นดู ในสายตาของไป๋หลินนั้นหลี่เย่เป็นหมอที่เก่งและมีเมตตาไม่น้อย แม้แต่ของรางวัลที่ได้จากองค์จักรพรรดิยังเป็นยาสำหรับไปรักษาคน อาณาจักรอู๋ได้หมอเก่งๆเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องดีจริงๆ

“หลินเอ๋อ ไปกันเถอะ”ไก่ฟ้าหงอนทองว่าพลางกระพือปีกเรียกให้ไป๋หลินกลับมาหาตนไวๆ พวกน้าๆคนอื่นๆต่างได้เจอลูกๆกันหมดแล้ว มีเพียงน้าไก่ฟ้าเท่านั้นที่ยังไม่ได้เจอเพราะจินจื่อและจื่อหนิงไม่ได้อยู่ที่เขตอสูรผาไร้ก้นนั่นเอง ทั้งสองอาศัยอยู่ที่เมืองหลวงเก่าของอาณาจักรไป๋ซึ่งมีตระกูลชิงเป็นเจ้าเมืองอยู่นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ผู้ครองตำแหน่งเจ้าเมืองย่อมเป็นชิงจื่อน้องชายของชิงชิวนั่นเอง

“เจ้าค่ะ”ไป๋หลินยิ้มกับท่าทีรีบๆของท่านน้า แต่คนที่ดูรีบร้อนอีกคนกลับเป็นชิงชิวเสียอย่างนั้น จะว่าไปชิงชิวก็ไม่ได้พบน้องชายมานานแล้วสินะ มันเองก็คงอยากจะไปที่เมืองหลวงเก่าไวๆแล้วเช่นกัน

.

.

.

วูบ….ร่างของไก่ฟ้าหงอนทองพุ่งพรวดลงไปที่เมืองหลวงเก่าของอาณาจักรไป๋อย่างรวดเร็ว เพียงแต่ในพื้นที่นี่ไม่มีใครแปลกใจแม้แต่น้อย มีเพียงทหารไม่กี่คนเท่านั้นที่เห็นร่างของไก่ฟ้าหงอนทองตั้งแต่ไกลแล้วรีบเข้าไปแจ้งข่าวให้จื่อหนิง และ จินจื่อ ทราบว่าไก่ฟ้าหงอนทองมาเท่านั้น

“เจ้าเมืองของพวกเจ้าอยู่ที่ไหนงั้นหรือ”ไป๋หลินถามหลังจากลงมาจากหลังของน้าไก่ฟ้า แทบจะทันทีที่เหล่าทหารเห็นไป๋หลิน บางคนก็ทำสีหน้าตื่นเต้นดีใจ บางคนก็ทำหน้างงว่านางเป็นใครเสียอย่างนั้น แต่เพราะนางมากับไก่ฟ้าหงอนทองพวกมันเลยไม่กล้าเสียมารยาท

“อยู่ที่ลานฝึกขอรับ”เมื่อได้ยินคำตอบ ทั้งไป๋หลินทั้งชิงชิวก็มีสีหน้างุนงงทันที ลานฝึกอะไรกัน?

“งั้น ข้าขอไปดูหน่อยนะ”ชิงชิวว่าพลางเดินไปตามที่ทหารบอกทางมา เพียงแต่ที่นี่ไม่เหมือนกับวังหลวงของอาณาจักรอู๋ที่ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปจากสมัยก่อนเลย ตรงกันข้ามเมืองหลวงเก่าแห่งนี้เปลี่ยนไปจนชิงชิวจำไม่ได้เสียด้วยซ้ำ

แต่ถึงอย่างนั้นชิงชิวก็ยังจำกลิ่นของชิงจื่อได้ ต่อให้จำทางไม่ได้ชิงชิวก็เพียงแค่ตามกลิ่นไปเท่านั้นก็พอ และสิ่งที่ชิงชิวได้พบหลังจากตามกลิ่นของชิงจื่อมาก็คือ ลานฝึกฝนพลังวิญญาณที่ตั้งอยู่กลางวังหลวงเก่านั่นเอง โดยตรงกลางลานนั้นปรากฏร่างของชิงจื่อที่ยามนี้ดูโตกว่าชิงชิวเสียอีกกำลังนั่งทำสมาธิอยู่อย่างจริงจัง ตัวมันนั้นแต่เดิมไม่มีพลังวิญญาณ แต่ยามนี้กลับมีพลังวิญญาณระดับชำระเส้นเอ็นเลยทีเดียว นับว่าน่าประหลาดใจมากสำหรับคนที่ไม่สนใจการฝึกฝนพลังวิญญาณเช่นมัน

“กาลเวลาเปลี่ยนไปจริงๆ หนอนหนังสืออย่างเจ้ายังออกมาฝึกฝนพลังวิญญาณโลกนี้คงใกล้จมน้ำเสียแล้ว”ชิงชิวพูดพลางเดินเข้าไปหาชิงจื่อช้าๆ ระดับการปกปิดพลังของชิวชิวยอดเยี่ยมมากไม่มีทางที่ชิงจื่อจะรู้ตัวเลยหากมันไม่พูดอะไรออกมา

“……..”ชิงจื่อลืมตาขึ้นมาพลางมองไปทางชิงชิวด้วยท่าทีอึ้งๆ แม้นานๆทีชิงชิวจะส่งข่าวมาบ้าง แต่ครั้งสุดท้ายที่ได้พบชิงชิวตัวเป็นๆก็นานมากแล้ว บอกตามตรงว่ามันไม่คิดว่าชิงชิวจะกล้ามาในอาณาจักรไป๋กลางวันแสกๆเช่นนี้

“เจ้า รู้หรือไม่ว่าที่นี่เป็นสถานที่ส่วนบุคคล”ทหารคนหนึ่งเข้ามาห้ามชิงชิวเอาไว้ทันที น่าเสียดายที่ยามนี้ชิงชิวดูอย่างไรก็ไม่เหมือนพี่ชายของชิงจื่อเลยแม้แต่น้อย หากบอกว่าเป็นหลานก็คงได้กระมัง

“ไม่เป็นไร”ชิงจื่อว่าพลางลุกขึ้นมาช้าๆ เพราะมันฝึกฝนพลังวิญญาณช้าก็เลยอยู่ในช่วงวัยกลางคนแล้ว

“พี่ชิว ข้าจะไปหาจินจื่อก่อนนะ ท่านเสร็จธุระแล้วก็ไปเจอกันที่ห้องทดลองล่ะ”ชิงจื่อยังไม่ทันได้พูดอะไร อยู่ๆไป๋หลินก็โผล่หน้าเข้ามาในลานฝึกก่อนจะบอกกล่างวธุระของตนเองเสียเสร็จสรรพ แต่ก่อนจะออกไปนางหันมาสบตากับชิงจื่อครู่หนึ่ง ก่อนจะขยิบตาให้น้อยๆทำเอาชิงจื่อได้แต่ยืนนิ่งไปหลายอึดใจ

“พวกท่าน…”ชิงจื่อพูดพลางมองไปทางประตูที่ไป๋หลินพึ่งเข้ามาพลางมองสลับกับชิงชิวช้าๆ

“เอาเป็นว่าข้าจัดการปัญหาของข้าได้แล้ว ก็เลยจะมาบอกเจ้าว่าข้าจะย้ายกลับมาอยู่ที่เขตอสูรผาไร้ก้นตั้งแต่นี้ไป”ชิงชิวตอบพลางยิ้มออกมา คำตอบของมันทำเอาชิงจื่อลอบหลั่งน้ำตาออกมาน้อยๆ

“ดีจริงๆ”ชิงจื่อว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีดีใจ สำหรับชิงจื่อแล้วผู้ที่ทำให้ตระกูลชิงกลายเป็นเช่นนี้ก็คือชิงชิวคนเดียวเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะชิงชิวชิงจื่อคงไม่ได้ล่ำเรียนอย่างที่หวัง ป่านนี้ก็คงเป็นครอบครัวชาวนาธรรมดาอยู่ไม่ผิดแน่ การได้ทราบข่าวว่าพี่ชายจะกลับมาอยู่ใกล้ๆตนแล้วนับเป็นข่าวดีอย่างมาก

“ชิงจื่อ…ข้าขอไปพบท่านแม่หน่อยได้หรือไม่”ชิงชิวว่าพลางยิ้มออกมาด้วยสีหน้าเศร้าๆ

“ได้สิขอรับ ตามข้ามาเถอะ”ชิงจื่อว่าพลางพาชิงชิวเข้าไปในตัววังหลวงเก่าอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าเป้าหมายของมันก็คือห้องบรรพบุรุษนั่นเอง

“ท่านแม่ ข้าขอโทษที่ไม่ได้อยู่เฝ้าท่าน”ชิงชิวว่าพลางเดินเข้าไปจุดธูปที่หน้าป้ายวิญญาณช้าๆ เวลามันก็ผ่านมาจะร้อยปีอยู่แล้ว แม่ของชิงชิวเป็นเพียงสาวชาวบ้านธรรมดา ไม่มีทางมีชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้อยู่แล้ว ชิงชิวเลยไม่แปลกใจอะไรที่มารดาของตนจากไปแล้ว ตอนนี้ครอบครัวของชิงชิวท่าทางจะเหลือเพียงชิงชิวและชิงจื่อเท่านั้นกระมัง

“ท่านแม่บอกว่าพี่ต้องพูดแบบนั้นแน่ๆ”ชิงจื่อถอนหายใจออกมาช้าๆ ก่อนจะเสียแม่ของชิงชิวเดาเอาไว้ว่าชิงชิวต้องกลับมาสักวันและมาบ่นแบบนั้นให้ชิงจื่อฟังอย่างแน่นอน ไม่นึกว่าท่านแม่จะเดาได้แม่นยำราวตาเห็นเช่นนี้

“แม่บอกว่าพี่ช่วยให้มีคนคอยดูแลแม้ตอนแก่ตั้งมากมาย ไม่ต้องเสียใจหรอก”ชิงจื่อว่าพลางยิ้มออกมา ตอนที่แม่ของชิงชิวยังมีชีวิตมีฐานะเป็นถึงเจ้าเมืองของเมืองหลวงเก่าเลยทีเดียว ไม่แปลกที่จะมีคนใช้มากมายคอยดูแล เรื่องความสะดวกสบายไม่ต้องพูดถึง เรียกได้ว่าไม่มีอะไรลำบากเลยทีเดียว

“เช่นนั้นก็ดี”ชิงชิวว่าพลางยิ้มรับด้วยสีหน้าโล่งใจ แม้มันจะทราบดีว่าต่อให้มีคนใช้เป็นร้อยๆแต่ในวาระสุดท้ายก็ย่อมต้องอยากให้บุตรชายอยู่ดูใจเป็นธรรมดา แต่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่มีใครคิดจะโทษใครแต่อย่างไร

“ท่านพ่อ มีแขกมาหรือขอรับ”ระหว่างที่พวกชิงชิวกำลังเคารพป้ายบรรพบุรุษอยู่นั้น อยู่ๆที่ด้านหลังชิงชิวก็ปรากฏร่างของเด็กชาย 1 คน และเด็กสาวอีก 2 คนเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวคนหนึ่ง ใบหน้าของพวกมันดูครั้งเดียวก็ทราบทันทีว่าพวกมันคือบุตรชายและบุตรสาวของชิงจื่อเป็นแน่ ส่วนด้านหลังนั่นท่าทางจะเป็นภรรยาสินะ ยังสาวอยู่เลย เจ้าน้องชายคนนี้ได้เมียเด็กเช่นนี้เลยงั้นหรือ?

“เข้ามาสิ เข้ามาทักทายลุงของลูกๆ”ชิงจื่อว่าพลางยิ้มออกมา ไม่นานเด็กๆก็พากันเข้ามาหาชิงชิวพร้อมประสานมือคารวะอย่างนอบน้อม ท่าทางเป็นเด็กดีกันทั้งนั้นทำเอาชิงชิวเผลอยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้

.

.

“ท่านมาช้านะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”ไป๋หลินถามขณะชิงชิวเดินเข้ามาหาตนเอง

“ข้ากลายเป็นลุงไปเสียแล้วสิ”ชิงชิวหัวเราะพลางเดินเข้ามายืนข้างๆไป๋หลิน ตอนนี้ดูเหมือนชิงจื่อกำลังจะทดสอบอะไรบางอย่างอยู่พวกตนเลยเข้าไปยุ่งไม่ได้

“คิดว่าพวกเราอายุเท่าไหร่กันแล้วล่ะ”ไป๋หลินหัวเราะออกมา แม้สำหรับผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณจะเหมือนยังอายุไม่มาก แต่สำหรับคนธรรมดาพวกตนอายุจะร่วมร้อยปีกันอยู่แล้ว สมควรกลายเป็นปู่เป็นย่าคนได้แล้วเสียด้วยซ้ำ

“พอข้าเห็นครอบครัวของชิงจื่อ ข้าก็รู้สึกเสียดายเวลาจริงๆ”ชิงชิวว่าพลางจับมือของไป๋หลินเอาไว้แน่น

“บางที ข้าควรจะขอเจ้าแต่งงานได้แล้ว”ชิงชิวว่าพลางมองไปทางไป๋หลินที่อยู่ข้างๆ แม้เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันหลังหมั้นหมายจะน้อย แต่พวกตนก็ผ่านอะไรกันมามาก ยิ่งช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาทั้งสองยังไม่เคยปันใจเป็นอื่นยังคงรอคอยกันและกันก็ไม่เท่ากับพิสูจน์ไปแล้วงั้นหรือว่าพวกตนสมควรทำเช่นไรต่อ

“ท่านแน่ใจนะ”ไป๋หลินถามพลางหันมามองชิงชิวด้วยเช่นกัน ยามนี้ดวงตาของมั้งสองประสานกันนั้นกลับไม่มีสิ่งใดอยู่ในความสนใจของทั้งสองอีกแล้ว

ตูม!!! เสียงระเบิดดังขึ้นภายในลานด้านหน้าห้องทดลองที่จินจื่อกำลังทำงานอยู่ แต่เสียงระเบิดนั่นกลับไม่ได้ทำให้ชิงชิวหรือไป๋หลินหันเหความสนใจไปจากดวงตาของอีกฝ่ายได้เลย

“สำเร็จ…”เหล่าคนงานและนักประดิษฐ์ต่างโห่ร้องกันออกมา บ้างปรบมือบ้างส่งเสียโห่ร้องกับภาพสิ่งก่อสร้างที่ถูกยิงขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกมันยามนี้กำลังดีอกดีใจกับความสำเร็จของพวกตนจนไม่ได้มองเลยว่าที่ด้านหลังนั้นมีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังจูบกันโดยไม่สนใจโลกภายนอกเลยแม้แต่น้อย

.

.

.

“อาจารย์ ข้ากลับมาแล้ว”ในขณะเดียวกัน หลี่เย่เองก็กลับมาถึงบ้านของตนอย่างปลอดภัยพร้อมตรงเข้าไปในห้องของอาจารย์ทันที

“มาแล้วงั้นหรือ ได้มาหรือไม่”หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งถามพลางมองไปทางหลี่เย่

“ได้มาแล้วเจ้าค่ะ”หลี่เย่ตอบพลางยื่นขวดที่ใส่น้ำของสระชีพจรวารีเอาไว้จนเต็ม ทำให้อาจารย์ของนางเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

“มากถึงขนาดนี้เชียว…”อาจารย์ของหลี่เย่พูดพลางเปิดฝาขวดแก้วขึ้นมาตรวจสอบ ไม่นึกว่าการใช้ชื่อขององค์จักรพรรดิอู๋จะทำให้ได้น้ำของบ่อชีพจรวารีมามากมายเช่นนี้ นับว่าน่าประหลาดใจมากทีเดียว ตอนแรกนางคิดว่าคงได้มานิดหน่อยจากในคลังของราชวงศ์เสียอีก

“ดูเหมือนน้ำจากบ่อชีพจรวารีในคลังของอาณาจักรอู๋จะไม่เหลือแล้วเจ้าค่ะ องค์จักรพรรดิก็เลยบอกให้ข้าไปขอความช่วยเหลือจากท่านหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูร”หลี่เย่ตอบพลางยิ้มออกมา ตัวนางนั้นได้รับความช่วยเหลือจากไป๋หลินอีกที นับว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ ประสบการณ์ที่ได้เข้าไปในเขตอสูรผาไร้ก้นนั้นเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากมากอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

“องค์จักรพรรดิให้หัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรไปนำมาให้เพิ่มสินะ มิน่าล่ะถึงได้มาเยอะนัก”อาจารย์ของหลี่เย่ตอบพลางเทน้ำจากสระชีพจรวารีลงไปในหม้อที่เตรียมเอาไว้ช้าๆ

“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าได้รับความช่วยเหลือจากพี่สาวท่านหนึ่งก็เลยได้เข้าไปในเขตอสูรผาไร้ก้น”หลี่เย่ตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีดีใจ

“เจ้าว่าอะไรนะ”อยู่ๆมือของอาจารย์ก็ชะงักไป นางหันมามองหลี่เย่พลางคาดคั้นให้นางเล่าเรื่องทั้งหมดออกมาเสียแต่โดยดี

เพี๊ย! ทันทีที่ฟังจบอาจารย์ของหลี่เย่ก็ตบใบหน้าของหลี่เย่เข้าอย่างจังทันที ทำเอาหลี่เย่ได้แต่งุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น

“เจ้า…เจ้าได้เข้าไปในเขตอสูรผาไร้ก้น แต่กลับเอาออกมาได้แค่น้ำขวดเดียวเนี่ยนะ”อาจารย์ของหลี่เย่พูดด้วยน้ำเสียงเดือดดาลอย่างมาก เขตอสูรผาไร้กันเป็นเขตอสูรต้องห้าม ไม่ว่าใครก็อยากจะเข้าไปทั้งนั้น แต่เจ้าเด็กนี่กลับเข้าไปแล้วไม่เอาอะไรออกมาเลย มันช่างน่าหัวเราะยิ่งนัก

“ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ พี่สาวไป๋หลินเป็นคนพาข้าเข้าไป ข้าไม่กล้าหยิบฉวยของอย่างอื่นหรอกเจ้าค่ะ”หลี่เย่ตอบ ต่อให้นางอยากก็คงทำไม่ได้ หากนางเผลอไปขโมยของข้างในเข้ามีหวังพวกอสูรได้เล่นงานนางทันทีแน่ๆ ที่นั่นมีแต่อสูรมากมายเต็มไปหมด แถมพวกมันยังร่วมมือกันดีมากเสียด้วย ไม่มีทางรอดพ้นสายตาไปได้เลย

“จะว่าไป เจ้าบอกว่ามีมนุษย์กลุ่มหนึ่งเหมือนจะเป็นเจ้าของเขตอสูรผาไร้ก้นด้วยสินะ”อาจารย์ของหลี่เย่พูดพลางแสดงสีหน้าครุ่นคิดออกมาช้าๆ

“เจ้าไปตีสนิทกับพวกมันซะ หากทำได้ก็ยั่วยวนบุตรชายคนเล็กเสียเลย หากทำได้วัตถุดิบทั้งเขตอสูรต้องเป็นของข้าอย่างแน่นอน”อาจารย์ของหลี่เย่หัวเราะออกมาพลางนำสมุนไพรใส่ลงไปในหม้อช้าๆโดยไม่ได้สนใจสีหน้าลำบากใจของหลี่เย่เลยแม้แต่น้อย

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

Status: Ongoing
บุตรอสูรบรรพกาล ไป๋จูเหวิน เด็กหนุ่มผู้ถูกเลี้ยงดูโดย อสูรแมงมุม ที่มีอายุมายาวนานนับหมื่นๆปี มันดูแลเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ที่ไม่ทราบมาจากที่ใดดั่งบุตรของตนเอง แต่เด็กมนุษย์เพียงคนเดียวไม่อาจอยู่ในแดนอสูรที่มีแต่อสูรได้ มันจึงเดินทางมายังแดนมนุษย์อีกครั้ง ระดับของอสูร -ทองแดง -เงิน -ทอง -หยก -หยกขาว -ตำนาน -มายา -บรรพกาล ระดับของมนุษย์ (มีเพิ่มภายหลัง) -มนุษย์ -ก่อกำเนิด -ผลึกวิญญาณ -หลอมรวมปฐพี -หลอมรวมนภา -หลอมรวมวิญญาณ -ชำระกล้ามเนื้อ -ชำระกระดูก -ชำระเส้นเอ็น -ชำระวิญญาณ -ก่อกำเนิดพลังเซียน -เหรินเซียน -ตี้เซียน -เสินเซียน -เทียนเซียน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset