บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 621 ไม่เหมือนเดิม

ตอนที่ 621

ไม่เหมือนเดิม

“อาจารย์ การประลองที่เรากำลังจะไปเข้าร่วมท่านส่งแต่ศิษย์หญิงลงประลองหรือขอรับ”ขณะนั่งรถม้าเดินทางไปยังเมืองหลิงชวน ฟงเป่าที่นั่งร่วมรถม้ากับหลินเฟยก็เอ่ยถามคำถามขึ้นมาด้วยท่าทีสงสัย แม้ฟงเป่าจะไม่ได้มีรายชื่อลงประลอง แต่เพราะศิษย์ของเจ้าสำนักอย่างหนี่หลิงหนานและเซี่ยจินเย่ต่างลงประลองกันหมด แถมหลินเฟยยังเดินทางมาด้วยตนเองอีกต่างหากจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ฟงเป่าจะต้องรออยู่ที่สำนักเลย

“ใช่ ข้าต้องการให้การประลองคราวนี้สร้างชื่อเสียงให้กับศิษย์หญิงของสำนักเรา เจ้าถามเช่นนี้อยากลงประลองด้วยงั้นหรือ”หลินเฟยถามด้วยท่าทีประหลาดใจ ไม่นึกเลยว่าฟงเป่าจะคิดอยากลงประลองด้วย

“เปล่าขอรับ ข้าแค่อยากให้ท่านสอนวิชาควบคุมเพลิงให้ข้าบ้างขอรับ”ฟงเป่าว่าพลางยิ้มน้อยๆออกมา ท่าทางอ้อมค้อมเช่นนี้สมกับเป็นฟงเป่าก็ว่าได้

“วิชาควบคุมเพลิง เจ้าจะฝึกไปทำไมกัน”หลินเฟยได้ยินฟงเป่าขอร้องก็พลันสนใจไปด้วยเช่นกัน แม้จะไม่ได้มีธาตุไฟโดยตรง แต่หากอยากจะฝึกก็ใครก็สามารถฝึกฝนวิชาควบคุมเพลิงได้ อย่างหลินเฟยเองก็ควบคุมเพลิงได้ดีกว่าคนธาตุไฟคนอื่นๆมาก

“ข้าอยากจะหลอมกระบี่ขอรับ”ฟงเป่าตอบพลางนำหินแร่ออกมาจากมิติส่วนตัวที่พึ่งใช้งานได้ไม่นานมานี้

“กระบี่…”หลินเฟยเห็นท่าทีขัดๆของฟงเป่าก็หันไปมองหนี่หลิงหนานที่นั่งอยู่รถม้าอีกคันทันที ฟงเป่าแม้จะใช้ปราณกระบี่แต่ก็ไม่ใช่กระบี่ เหตุผลเดียวที่ฟงเป่าจะสร้างกระบี่ก็มีแต่ให้คนอื่นเท่านั้น และคนเดียวที่ใช้กระบี่ก็คือหนี่หลิงหนานนั่นเอง จะว่าไปกระบี่ที่นางพกมาด้วยเป็นกระบี่เล่มที่ 2 แล้วที่นางขอเบิกจากคลังของสำนัก ดูเหมือนกระบี่ดั้งเดิมของนางจะพังไปตอนฝึกซ้อม และกระบี่ที่นางเบิกไปเล่มแรกก็เสียหายหนักหลังจากฝ่าเขตอสูรมาอย่างยากลำบาก

“อืม…..”หลินเฟยยิ้มกริ่มออกมาด้วยท่าทีทะเล้นไม่นึกเลยว่าฟงเป่าจะมีมุมมองแบบนี้ด้วย นี่มันถึงกับจะสร้างกระบี่ให้สาวเลยงั้นหรือ ไม่เลวเลย จะว่าไปทั้งหลินเฟยทั้งท่านน้าจูล่งก็เคยทำแบบนี้นี่นา แค่ว่าหญิงสาวที่ทำกระบี่ให้ไม่ใช่คนที่ทั้งสองสนใจเสียอย่างนั้น

“ได้สิ ข้าจะสอนให้”หลินเฟยว่าพลางตบบ่าฟงเป่าเบาๆ แถมแร่ที่ฟงเป่าเอาออกมายังเป็นแร่ชั้นดีที่หาได้จากเขตอสูรที่หลินเฟยพาเข้าไปอีกต่างหาก ขอเพียงฟงเป่าฝึกฝนให้ได้สักครึ่งของผานซูกระบี่ที่ออกมาเผลอๆจะแข็งแกร่งกว่าทวนที่ถวายให้องค์จักรพรรดิไปแล้วเสียอีก

“ขอบพระคุณขอรับอาจารย์”ฟงเป่ายิ้มออกมาด้วยท่าทีดีใจ แม้ความจริงควรจะปล่อยให้ฟงเป่าฝึกฝนวิชากระบี่แสงอรุณต่อไป แต่ฟงเป่าก็มีความเข้าใจวิชาต่างๆได้เร็วไม่น้อย แค่ให้มันเรียนวิชาควบคุมเพลิงเพื่อสร้างกระบี่ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร

.

.

.

“มาถึงเสียที”หนี่หลิงหนานถอนหายใจออกมาก่อนจะก้าวลงจากรถม้าลงมาบนพื้นด้วยท่าทีลำบากใจ โชคดีที่ตอนนี้เมืองหลิงชวนกำลังวุ่นวายเพราะงานประลองที่เหมือนเป็นเทศกาลที่ถูกจัดไปทั้งเมือง ทำให้ภายในเมืองวุ่นวายเกินกว่าจะมีคนหันมาสนใจหนี่หลิงหนาน และหวังว่าหนี่หลิงหนานจะไม่เจอคนรู้จักก่อนจะเข้าร่วมงานประลองนะ….

“หลิงหนาน สำนักเกราะทองอยู่ตรงไหนงั้นหรือ”หลินเฟยถามพลางเดินเข้ามาหาหนี่หลิงหนาน นางเป็นคนพื้นที่ย่อมรู้จักถนนหนทางดีกว่าหลินเฟยเป็นแน่

“ทางนี้เจ้าค่ะ”หนี่หลิงหนานได้ยินคำถามของหลินเฟยก็เดินนำทางด้วยท่าทีเคยชิน จากประตูเมืองที่พวกนางเดินทางมาถึงเพียงเดินเท้าไปไม่กี่สิบนาทีก็สามารถไปถึงสำนักเกราะทองได้แล้ว

“คนเยอะจัง พี่หลิงหนานปกติคนเยอะแบบนี้ทุกครั้งเหรอเจ้าคะ”เซี่ยจินเย่ถามขณะเดินตามหนี่หลิงหนานไปยังสำนักเกราะทองซึ่งเป็นเจ้าภาพของการประลอง แม้จะไม่ถึงกับแน่นขนัดแต่ก็ทำให้กลุ่มของหลินเฟยที่มีคน 9 คนเดินด้วยกันอย่างยากลำบากพอสมควร

“ใช่ ทุกครั้งจะมีสำนักอันดับต้นๆมาร่วมประลองกันตลอด อาจจะเพราะงานประลองนี้จัดก่อนงานวิจารณ์กระบี่ไม่กี่เดือนสำนักใหญ่ๆเลยส่งศิษย์ตนเองมาลองเชิงสำนักอื่นๆกัน”หนี่หลิงหนานตอบด้วยท่าทีสบายๆ แต่หลินเฟยที่ฟังอยู่ด้านหลังกลับชะงักไปเล็กน้อย

“เจ้าว่างานอะไรจะจัดขึ้นในไม่กี่เดือนนะ”หลินเฟยถามด้วยท่าทีประหลาดใจ เหมือนตนเองจะพลาดเรื่องสำคัญอะไรไปบางอย่าง

“ก็…งานวิจารณ์กระบี่ไงเจ้าคะ งานนั้นเป็นงานสำคัญที่ใช้จัดลำดับสำนักท่านคงไม่ได้ลืมหรอกนะเจ้าคะอาจารย์”หนี่หลิงหนานถามพลางเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย แต่เรื่องสำคัญแบบนั้นอาจารย์ของนางคงไม่ลืมหรอก

“นะ นั่นสินะ”หลินเฟยเหงื่อตกพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา จะว่าไปก็เหมือนผานซูพูดเรื่องนี้ผ่านหูบ้าง แต่ตอนนั้นเป็นช่วงที่หลินเฟยไม่สนใจเรื่องของสำนักเท่าไหร่เลยไม่ได้ตั้งใจฟังนี้สิ

“พวกท่าน…คนของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายสินะขอรับ”ระหว่างที่หลินเฟยกำลังบันทึกเรื่องงานวิจารณ์กระบี่เอาไว้ในสมอง คนของสำนักเกราะทองก็เดินเข้ามาหาพวกหลินเฟยทันที นั่นเพราะตอนนี้พวกหลินเฟยอยู่ในชุดที่มีตราสัญลักษณ์ของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายที่อกซ้ายและกลางหลังนั่นเอง

“หายากนะขอรับที่สำนักเหยี่ยวทะเลทรายจะมาเข้าร่วมงานประลองด้วย เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบท่านเจ้าสำนักขอรับ”ศิษย์สำนักเพราะทองพูดด้วยท่าทีนอบน้อมก่อนจะเชิญหลินเฟยเข้าไปในสำนักอย่างยินดี สำนักเกราะทองนั้นเหมือนจะเป็นสำนักลำดับที่ 27 เรียกได้ว่าเป็นสำนักที่มีฝีมือแต่ไม่โดดเด่นนัก เมื่อสำนักเหยี่ยวทะเลทรายมาเยือนย่อมเป็นฝ่ายเคารพอีกฝ่ายมากกว่า แต่ก็แค่คนเฝ้าประตูเท่านั้นที่ทำท่าทีเช่นนี้

“นั่นนะหรือเจ้าสำนักคนใหม่ของสำนักเหยี่ยวทะเลทราย แค่ข่าวรับศิษย์หญิงเข้าสำนักก็แย่พอแล้ว นี่กลับให้ผู้หญิงเป็นเจ้าสำนักอีก สำนักเหยี่ยวทะเลทรายคงจะจบแล้วจริงๆกระมัง”ศิษย์ที่อยู่ภายในสำนักเกราะทองไม่มีท่าทีเคารพเหมือนคนต้อนรับเลย บางทีคนต้อนรับเองก็คงโดนสั่งว่าห้ามเสียมารยาทเท่านั้นก็เลยไม่มีท่าทีจะห้ามปรามศิษย์คนอื่นให้หยุดนินทาเลย

“ท่านเจ้าสำนัก เป็นเกียรติที่ได้พบ”ระหว่างเดินเข้ามาในสำนัก อยู่ๆชายคนหนึ่งที่อยู่ในชุดสีแดงเลือดหมูก็เดินเข้ามาหาหลินเฟยด้วยท่าทียิ้มแย้ม หากดูจากตราสำนักแล้วชายผู้นี้คือคนของสำนักกิ่งจันทร์อันเป็นสำนักอันดับ 6 ของลำดับสำนักในตอนนี้

“ท่านผู้นี้คือ…”หลินเฟยประสานมือรับอีกฝ่ายก่อนจะมองไปทางชายตรงหน้าด้วยท่าทีสงสัย แปลกอีกฝ่ายเป็นสำนักลำดับสูงกว่าแท้ๆเหตุใดจึงเคารพตนเองอย่างประหลาดเช่นนี้

“ข้ามีนามว่าหานหลิวขอรับ ตอนนี้ดำรงตำแหน่งเจ้าสำนักกิ่งจันทร์”ยิ่งได้ยินตำแหน่งของหานหลิวหลินเฟยก็ยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่

“ข้าได้ยินเรื่องรับศิษย์หญิงของท่านแล้วทำให้ข้าประทับใจมากขอรับ ในที่สุดก็มีคนยอมรับสตรีเพศเสียที”หานหลิวว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีดีใจ รอยยิ้มของมันนั้นไม่มีร่องรอยของการโกหกอยู่เลย เป็นรอยยิ้มที่มาจากใจจริงๆ

หลังจากได้พบหานหลิวตัวมันก็ขอร่วมเดินชมสำนักพร้อมๆกับหลินเฟยด้วยอีกคน เมื่อได้เล่าประวัติหานหลิวก็บอกว่าตนเองนั้นมีบุตรสาวอยู่คนหนึ่ง แม้นางจะมีความสามารถแต่เพราะธรรมเนียมของสำนักไม่อาจฝืนทำให้หานหลิวต้องส่งบุตรสาวไปเข้าสำนักที่เมืองทางตะวันตกที่มีสำนักสำหรับสตรีสำนักเล็กๆตั้งอยู่ ไม่ใช่ว่าหานหลิวไม่อยากจะรับบุตรสาวของตนเข้าเป็นศิษย์สำนัก แต่อาวุโสทั้งหลายรวมทั้งเจ้าสำนักรุ่นก่อนไม่ยินยอมทำให้หานหลิวไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ มันจึงนับถือหลินเฟยมากที่เปิดรับศิษย์สตรีเช่นนี้

“พวกเจ้าเข้าที่พักกันไปก่อนก็แล้วกัน ข้าจะไปดื่มน้ำชากับท่านเจ้าสำนักหานหลิวเสียหน่อย”หลังจากเดินทางมาถึงที่พักที่ถูกจัดขึ้นให้สำนักเหยี่ยวทะเลทราย หลินเฟยก็ขอตัวไปกับหานหลิวเพราะตัวหานหลิวอยากจะขอฝากฝังบุตรสาวของตนเองเข้าสำนักของหลินเฟย แต่เพราะนางอยู่ในสำนักอื่นแล้วเลยต้องปรึกษากันให้เข้าใจก่อนไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดปัญหาได้ และหลินเฟยเองก็สนใจสำนักหญิงที่ว่าด้วย

.

.

.

“……….”พอหลินเฟยจากไป หนี่หลิงหนานก็เลื่อนสายตามองไปรอบๆด้วยท่าทีแปลกๆ ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนนางเคยวาดฝันเอาไว้เสมอว่าจะได้เข้ามาในสำนักเกราะทองสักครั้ง ไม่นึกเลยว่าความฝันที่เลือนรางในตอนนั้นจะสำเร็จได้รวดเร็วเช่นนี้ เพียงแต่นางไม่ได้เข้าเป็นศิษย์ของสำนักเหยี่ยวทะเลทราย แต่นางกลายเป็นแขกของสำนักต่างหาก

“นั่นมัน เด็กตระกูลหนี่นี่นา”ระหว่างหนี่หลิงหนานกำลังมองภายในสำนักเกราะทองอยู่นั้น สิ่งที่หนี่หลิงหนานไม่อยากให้เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นจนได้

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่กัน คนนอกเขาห้ามเข้านะ”กลุ่มชาย 8 คนเดินเข้ามาหาหนี่หลิงหนานด้วยท่าทีไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ ดูจากภายนอกแล้วอีกฝ่ายอายุมากกว่าหนี่หลิงหนานหลายปี แต่ที่เห็นได้ชัดที่สุดคงเป็นเครื่องแบบที่กำลังสวมเครื่องแบบของสำนักเพราะทองอยู่

“คนนอก..”หนี่หลิงหนานได้ยินเช่นนั้นก็มองไปยังมือของเหล่าชายหนุ่มที่เดินเข้ามา พวกมันนั้นเป็นพวกกลุ่มผู้ชายในย่านที่หนี่หลิงหนานโตมา และเป็นพวกที่ชอบดูถูกความฝันของหนี่หลิงหนานมาตลอด เรียกได้ว่าเจ้าพวกนี้นี่ล่ะคือต้นเหตุของความแค้นที่หนี่หลิงหนานพุดถึงเลยทีเดียว

“เสียใจด้วยนะ ตอนนี้ข้าไม่ใช่คนนอก แต่เป็นแขกต่างหาก”หนี่หลิงหนานมองสิ่งของที่คนทั้ง 8 ถือมาด้วยท่าทียิ้มๆ ของที่พวกมันถือมาคือผ้าห่มและข้าวของเครื่องใช้ที่เตรียมจะนำมามอบให้กับเหล่าศิษย์ของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายนั่นเอง เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้สถานะของหนี่หลิงหนานสูงกว่าพวกมันมาก

“อย่ามาทำเป็นพูดดีไป แค่ได้เข้าสำนักที่กำลังแย่เลยกล้าปากดีงั้นหรือ ก่อนหน้านี้เจ้ายังมาคุกเข่าต่อหน้าพวกเราแล้วขอให้ช่วยพูดให้เจ้าสำนักรับเจ้าเป็นศิษย์อยู่เลย”ชายคนหน้าพูดพลางจ้องมองหนี่หลิงหนานด้วยท่าทีไม่พอใจ แถมอีกฝ่ายยังปล่อยพลังวิญญาณออกมาข่มหนี่หลิงหนานอีกต่างหาก พวกมันฝึกที่สำนักมาหลายปีแล้วทำให้พลังของชายทั้ง 8 อยู่ระดับก่อกำเนิดพลังเซียนขั้นต้นกันทั้งหมด หนี่หลิงหนานที่อยู่ระดับชำระวิญญาณเมื่อไม่กี่เดือนก่อนไม่มีทางเอาชนะพวกตนได้แน่ๆ

“พี่หลิงหนานมีเรื่องอะไรหรือขอรับ”ฟงเป่าเห็นหนี่หลิงหนานโดนคนของสำนักเกราะทองเข้ามาล้อมก็เข้ามาถามทันทีด้วยความเป็นห่วง แต่หนี่หลิงหนานกลับไม่มีท่าทีจะหวาดกลัวชายทั้ง 8 เลยแม้แต่น้อย

“ไม่มีอะไรหรอก แค่คนเคยรู้จักเท่านั้นเอง”หนี่หลิงหนานยิ้มพลางปล่อยพลังวิญญาณของตนออกมาบ้าง เพราะต้องเข้าไปในเขตอสูรหลินเฟยเลยสอนวิชาปกปิดพลังให้พวกตนด้วยเช่นกันทำให้ยามนี้หนี่หลิงหนานปกปิดพลังระดับเหรินเซียนเอาไว้ได้เล็กน้อย

“จริงสิ พวกเจ้าขนของมาให้พวกเราสินะ เอาไว้ข้าจะพูดชมพวกเจ้ากับคนของสำนักเกราะทองให้ก็แล้วกัน”หนี่หลิงหนานยิ้มบางๆก่อนจะเดินหันหลังกลับไปหากลุ่มของตนในทันที

“……….”ชายทั้ง 8 คนที่ยังเป็นเพียงศิษย์ระดับล่างของสำนักเกราะทองมองหนี่หลิงหนานตาค้าง นางใช้วิธีอะไรกันแน่ถึงได้เพิ่มระดับ 2 ระดับชั้นในเวลาไม่กี่เดือน สำนักเหยี่ยวทะเลทรายน่ากลัวถึงเพียงนี้เลยงั้นหรือ

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

Status: Ongoing
บุตรอสูรบรรพกาล ไป๋จูเหวิน เด็กหนุ่มผู้ถูกเลี้ยงดูโดย อสูรแมงมุม ที่มีอายุมายาวนานนับหมื่นๆปี มันดูแลเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ที่ไม่ทราบมาจากที่ใดดั่งบุตรของตนเอง แต่เด็กมนุษย์เพียงคนเดียวไม่อาจอยู่ในแดนอสูรที่มีแต่อสูรได้ มันจึงเดินทางมายังแดนมนุษย์อีกครั้ง ระดับของอสูร -ทองแดง -เงิน -ทอง -หยก -หยกขาว -ตำนาน -มายา -บรรพกาล ระดับของมนุษย์ (มีเพิ่มภายหลัง) -มนุษย์ -ก่อกำเนิด -ผลึกวิญญาณ -หลอมรวมปฐพี -หลอมรวมนภา -หลอมรวมวิญญาณ -ชำระกล้ามเนื้อ -ชำระกระดูก -ชำระเส้นเอ็น -ชำระวิญญาณ -ก่อกำเนิดพลังเซียน -เหรินเซียน -ตี้เซียน -เสินเซียน -เทียนเซียน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset