บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน – บทที่ 26 การหาทางรอดของเถ้าแก่ซ่ง

บทที่ 26 การหาทางรอดของเถ้าแก่ซ่ง
มองดูคนทั้งสามที่คุกเข่าลงพื้นอย่างกะทันหัน เสิ่นเทียนตกตะลึง

เคยเห็นแต่คนคุกเข่าลงเพื่อขอยืมเงินคนอื่น ไม่เคยเห็นมีใครคุกเข่าลงเพื่อขอให้คนอื่นรับเงิน

นี่พวกเจ้าเอาจริงหรือ!

ตอนนี้ ผู้ชมที่อยู่โดยรอบก็เริ่มพากันพูดเกลี้ยกล่อม

“ในเมื่อเป็นน้ำใจของพวกเขา พี่เซียนท่านก็รับไว้เถอะ!”

“หากไม่มีพี่เซียน พวกเขาก็ไม่มีทางได้รับศิลาวิญญาณพวกนี้ นี่คือสิ่งที่พี่เซียนสมควรได้รับ”

“หว่านเมล็ดแห่งความดีย่อมได้รับผลที่ดีตอบแทน พี่เซียนสมควรได้รับ!”

“น้องชายคนนี้พูดถูกแล้ว พวกเราก็เป็นผู้มีวาสนาของท่านเซียนเช่นกัน”

“หากท่านยืนกรานไม่รับผลตอบแทนใดๆ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่มีหน้าไปขอให้ท่านเซียนช่วย”

“ท่านเซียนยืนกรานไม่รับผลตอบแทน เช่นนี้ไม่เท่ากับทำให้พวกเรากลายเป็นคนต่ำที่ไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณหรือ”

“เชิญท่านเซียนโปรดพิจารณาเพื่อพวกเรา รับผลตอบแทนไว้เถอะ!”

……

“พวกเจ้ากำลังทำให้ข้าลำบากใจ!”

ฟังคำพูดเกลี้ยกล่อมของผู้คนที่อยู่รอบข้าง เสิ่นเทียนถอนหายใจอย่างหมดหนทาง

เขายื่นมือออกไปประคองคนทั้งสามที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าลุกขึ้น

ทว่าสิ่งที่กระอักกระอ่วนคือตอนที่คนทั้งสามทิ้งตัวลงคุกเข่าใช้แรงพอสมควร

ด้วยพละกำลังของเสิ่นเทียนที่ไม่มีพลังบำเพ็ญ จึงไม่สามารถประคองพวกเขาลุกขึ้น

และการกระทำของเสิ่นเทียนก็ทำให้สิ่งที่คนทั้งสามคิดหนักแน่นขึ้น

“เป็นอย่างที่คิด ท่านเซียนต้องการผลตอบแทน แค่ไม่รู้ควรจะพูดอย่างไรก็เท่านั้น”

“ไม่เช่นนั้น ด้วยพลังบำเพ็ญของท่านเซียน เกรงว่าคงสามารถยกพวกเราขึ้นด้วยนิ้วเดียวแล้วกระมัง!”

“ในเมื่อท่านเซียนต้องการถ่อมตน ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะให้ความร่วมมือท่านเซียนเอง!”

……

นึกถึงตรงนี้ ผู้มีวาสนาคนแรกกรอกตาไปมาหนึ่งรอบ กล่าว “ท่านเซียนโปรดฟังข้าสักคำ!”

“ท่านเซียนมาจากถ้ำหุบเหวเดียวดายแห่งเขานามวสันต์ อาจารย์คือผู้สูงศักดิ์เทียนจี เป็นผู้สืบทอดของสำนักพรรคใหญ่ที่มีชื่อเสียง”

“แม้ท่านเซียนอยู่เหนือธรรมชาติหลุดพ้นทุกสรรพสิ่ง ไม่แสวงชื่อเสียงและผลประโยชน์ แต่การบริหารสำนักจำเป็นต้องใช้เงินทุน”

“ท่านเซียนมีบุญคุณต่อพวกเรา ก็เท่ากับสำนักมีบุญคุณต่อพวกเรา ท่านเซียนคิดเสียว่าเงินเหล่านี้เป็นค่าธูปเทียนที่ผู้ศรัทธาบริจาคให้สำนักเป็นอย่างไร”

ผู้มีวาสนาอีกสองคนก็กล่าวสนับสนุนเช่นกัน

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว แม้เป็นวัดทั่วไปหรือสำนักเต๋าก็ไม่ปฏิเสธค่าธูปเทียนของผู้ศรัทธา”

“พวกเราและท่านเซียนมีวาสนาต่อกัน ก็ถือเป็นผู้ศรัทธาของท่านเซียน ทำไมท่านเซียนจึงไม่ยอมรับค่าธูปเทียนของพวกเรา เช่นนี้ทำให้พวกเรารู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก”

เสิ่นเทียนตกตะลึง เขากำลังคิดอยู่เลยว่าจะหาข้ออ้างรับเงินอย่างไรดี!

แต่ปรากฏว่า คนเหล่านี้ถึงกับนึกข้ออ้างแทนเขาแล้ว?

จริงใจเช่นนี้ จะให้ข้า…

ปฏิเสธได้อย่างไร!

“เฮ้อ เบาปัญญา เบาปัญญา!”

“พวกเจ้าทำเช่นนี้ ทำให้ข้าลำบากใจยิ่งนัก!”

เสิ่นเทียนเผยให้เห็นสีหน้าที่ขมขื่น ถอนหายใจ “ช่างเถอะ ในเมื่อนี่เป็นน้ำใจของพวกเจ้า ข้าจะช่วยอาจารย์ฝืนรับไว้ก็แล้วกัน”

“แต่รับไว้เก้าส่วนมันมากเกินไป ข้าช่วยพวกเจ้าค้นวิญญาณประเมินแร่ คิดค่าตอบแทนคนละหนึ่งส่วนก็แล้วกัน”

คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้ทุกคนอึ้งไปตามกัน

ไม่นาน ผู้มีวาสนาคนแรกกล่าวปฏิเสธอย่างชอบธรรม “หนึ่งส่วน? เช่นนี้ได้อย่างไร!”

“แม้แต่เถ้าแก่ซ่งก็ได้รับผลประโยชน์หนึ่งส่วน พวกข้าให้ท่านเซียนเพียงส่วนเดียว เช่นนี้ไม่เท่ากับดูถูกท่านเซียนหรอกหรือ”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ท่านเซียนอย่าบ่ายเบี่ยงเลย ในความเห็นของข้าอย่างน้อยต้องแปดส่วน!”

เสิ่นเทียนจะยิ้มก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่เชิง “ทุกท่านเกรงใจเกินไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้มากเช่นนั้น อย่างมาก ข้ารับได้แค่สองส่วน มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”

“ท่านเซียนคุณธรรมสูงส่ง เช่นนี้ก็แล้วกัน! พวกเราเก็บสามส่วน ท่านเซียนเอาเจ็ดส่วน ไม่ต้องบ่ายเบี่ยงแล้ว!”

“สามส่วน!”

“หกส่วน!”

“สี่ส่วน!”

“ห้าส่วน! ห้าส่วนนี่แหละ มากกว่านี้แค่ครึ่งก้อนพวกเราก็ไม่เอา!”

คนทั้งสามกล่าวอย่างหนักแน่น “พวกเราและท่านเซียนมีวาสนาต่อกัน คือโชคลาภอันประเสริฐ”

“หินแร่วิญญาณเหล่านี้ ท่านเซียนก็เป็นคนลงแรงใจเลือกออกมา พวกเราไม่ได้ออกแรงอะไรเลย รับไว้ครึ่งหนึ่งก็หน้าด้านพอแล้ว จะให้แบ่งมากกว่านี้ได้อย่างไร!”

“หากท่านเซียนยังบ่ายเบี่ยง พวกข้าก็คงทำได้แต่คุกเข่าไม่ลุกไปไหน!”

เห็นสีหน้าที่แน่วแน่ของคนทั้งสาม ยังมีผู้มีวาสนาอีกสิบเจ็ดคนที่ต้องการลองเสี่ยงโชค

เสิ่นเทียนรู้ ตนเองไม่มีทางให้ถอยแล้ว

“เฮ้อ ก็ได้!”

“ไม่รู้จะทำอย่างไรกับพวกเจ้าแล้ว”

……

เสิ่นเทียนเริ่มรู้สึกสงสัยแล้ว ทำไมถึงรู้สึกว่าพล็อตเรื่องนี่มันผิดปกติ!

ก็ไหนบอกว่าในโลกบําเพ็ญเซียนผู้อ่อนแอเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง

ทหารนับพันม้านับหมื่นข้ามสะพานไม้ เจ้าตายข้ารอดเพียงเพื่อแย่งชิงโชคลิขิต แสวงเส้นทางที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไม่ใช่หรือ

ก็ไหนบอกว่าในโลกบำเพ็ญเซียน แม้เป็นทรัพยากรเล็กน้อยก็จำเป็นต้องแย่งชิงไม่ใช่หรือ?

แต่ทำไมผู้มีวาสนาของเขาเหล่านี้ใจกว้างเช่นนี้ เกรงใจเช่นนี้

ราวกับตนเองมีศิลาวิญญาณมากแล้ว ส่งมอบให้ผู้อื่นได้

เสิ่นเทียนไม่ยอมรับผลตอบแทน พวกเขากลับไม่ยอม!

หรือว่าเขาเดินทางข้ามภพผิดวิธี?

……

สิ่งที่คู่ควรแก่การกล่าวถึงคือ หลังจากเสิ่นเทียนยอมตกลงแบ่งศิลาวิญญาณห้าส่วน

เขารู้สึกว่าวงรัศมีเหนือศีรษะของคนทั้งสามเขียวขึ้นมาก

เพียงแต่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดก็เท่านั้น

ดังนั้นเสิ่นเทียนก็ไม่สามารถมั่นใจว่าเป็นเพราะเขาคิดไปเองหรือเปล่า

หลังจากจัดการเรื่องการแบ่งผลกำไร การดำเนินต่อจากนี้ดูเป็นระบบระเบียบมากยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ผู้มีวาสนาคนที่สี่เลือกหินแร่ขนาดเล็กที่ถูกกำหนดราคาไว้ที่ศิลาวิญญาณสิบก้อน เปิดผนึกวิญญาณออกมาจากด้านในหนึ่งก้อน ขายได้ราคาศิลาวิญญาณหนึ่งพันสองร้อยก้อน

คำนวณแล้วถือเป็นผลตอบแทนที่สูงที่สุดในบรรดาคนทั้งสี่

ได้ผลตอบแทนกลับมาสูงถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเท่าขึ้นไป ถึงขั้นสูงกว่าการแสดงครั้งก่อนของเสี่ยวหลิงเซียน

ทำให้ผู้มีวาสนาคนที่สี่ดีใจจนคุกเข่าลงทันที ดูตื่นเต้นกว่าสามคนแรกมาก

ภายใต้การชี้แนะของผู้มีวาสนาคนแรก เขาก็เลือกที่จะแบ่งผลกำไรครึ่งหนึ่งให้เสิ่นเทียนเป็นผลตอบแทน

ผลกำไรของคนทั้งสี่รวมกันอยู่ที่ประมาณศิลาวิญญาณแปดพันก้อน

หรือพูดอีกอย่างก็คือปัดเศษปัดอะไรทิ้งทั้งหมด เฉพาะผู้มีวาสนาสี่คนนี้ รายได้ของเสิ่นเทียนในวันนี้เกินศิลาวิญญาณสี่พันก้อน พูดออกไปสามารถทำให้คนตกใจจนหัวใจวาย

ต้องบอกก่อน การเก็บภาษีของทั้งอาณาจักรต้าเหยียน วันหนึ่งยังไม่เกินศิลาวิญญาณสี่พันก้อน!

คุณชายซ่งที่อยู่ด้านข้าง รู้สึกอิจฉาจนตาแดง

……

“เจ้าตัวเหม็น ข้าขอเตือนไว้ก่อนว่าอย่าคิดเล่นตุกติกอะไรเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นทั้งตระกูลซ่งของเราจะทำให้เจ้าลงไปอยู่ในหลุมแน่!”

เถ้าแก่ซ่งเขกหัวคุณชายซ่งจนได้สติ

ศิลาวิญญาณสี่พันก้อน จริงอยู่ที่มันน่าอิจฉามาก

เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนมากมายเกิดกิเลส

แต่เจ้าก็ไม่คิดเสียบ้างเลยว่าคนตรงหน้าเป็นใคร เขาเป็นถึงลูกศิษย์ของแดนเทวาดาวประกายพรึก

ยิ่งเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของแดนเทวาดาวประกายพรึก คู่รักข่าวลือขององค์หญิงน้อยตระกูลหลี่

ยิ่งไปกว่านั้นท่านเซียนยังมีความสามารถค้นวิญญาณประเมินแร่ที่น่าตกใจ

บุคคลเช่นนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่สามารถปกป้องตนเองได้

ไอ้เจ้าเด็กเวร เจ้าช่วยใช้สติปัญญาหาทางรอดหน่อยได้หรือไม่!

คิดแล้วคิดอีก เถ้าแก่ซ่งยังรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย

อย่างไรก็ดี ลูกชายของตนเองเคยถูกท่านเซียนเสิ่นกระทืบ

หากท่านเซียนเสิ่นยังแค้นฝังใจจะทำอย่างไร!

จำเป็นต้องคิดหาวิธีเสียเงินฟาดเคราะห์!

……

นึกถึงตรงนี้ เถ้าแก่ซ่งหยิบแหวนวงหนึ่งออกมาด้วยความปวดใจ

เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเสิ่นเทียน กล่าวด้วยความเคารพ “ศิลาวิญญาณมากเช่นนี้ ท่านเซียนคงพกไม่สะดวกกระมัง!”

“แหวนสุริยาจันทราวงนี้เป็นแหวนที่ข้าสั่งทำด้วยจำนวนเงินมากโข ขอเพียงหยดเลือดก็สามารถทำพันธะเจ้าของ”

“ด้านในมีพื้นที่หนึ่งร้อยตารางเมตร เป็นอาวุธอาคมชั้นสูง”

“หากท่านเซียนไม่รังเกียจ ข้ายินดีมอบให้ท่านเซียน”

เห็นสีหน้าที่จริงใจของเถ้าแก่ซ่ง เสิ่นเทียนอึ้งไปแล้ว

พวกเขามอบศิลาวิญญาณให้ข้า นั่นเป็นเพราะข้าช่วยพวกเขาค้นวิญญาณประเมินแร่

เจ้าเถ้าแก่ซ่ง มอบของให้ข้าทำไม

เป็นเพราะข้าหน้าตาดีหรือ

……

อาวุธอาคมชั้นสูงที่มีพื้นที่หนึ่งร้อยตารางเมตรเกรงว่ามูลค่าของมันคงจะสูงเกินศิลาวิญญาณหนึ่งหมื่นก้อนแล้วกระมัง!

เพราะไม่พอบรรจุศิลาวิญญาณสี่พันก้อน ดังนั้นก็เลยมอบแหวนสุริยันจันทราที่มีมูลค่าสูงถึงศิลาวิญญาณหนึ่งหมื่นก้อน?

วิธีการเช่นนี้ ทำไมข้าถึงไม่ค่อยเข้าใจนัก!

……………………………………………..

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน
Status: Ongoing
อ่านนิยายบุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนเพราะความสามารถพิเศษหลังข้ามมิติมา ทำให้เสิ่นเทียนกลายเป็นบุคคลนำโชคผู้เป็นที่ต้อนรับที่สุดในโลกบำเพ็ญเซียน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset