บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน – บทที่ 43 ผู้หญิงอ่อนโยนเหมือนน้ำ เห็นภาพเลย

บทที่ 43 ผู้หญิงอ่อนโยนเหมือนน้ำ เห็นภาพเลย
“ข้าหลอมรวมน้ำมวลหนักปฐมกาลเข้าไปในร่างกายแล้ว?”

เสิ่นเทียนตะลึงงัน สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

ความรู้สึกหิวโหยและไร้เรี่ยวแรงอย่างรุนแรงถาโถมไปทั่วร่าง

วินาทีนี้ เขามีความรู้สึกเหมือนร่างกายของตนเองว่างเปล่าไปหมดในทันใด

“ผิดปกติ ของสิ่งนั้นกำลังดูดซับแก่นพลังสำคัญในร่างกายของข้า!”

เสิ่นเทียนใช้มือจับตรงไต สัมผัสได้เพียงแก่นพลังสำคัญในร่างกายกำลังหายไปอย่างรวดเร็ว

ตรงไตของเขาระเบิดพลังดึงดูดสายหนึ่งที่รุนแรง กำลังดูดซับพลังอย่างบ้าคลั่ง

“เชี้ย ทุกคนล้วนแต่กล่าวว่าผู้หญิงอ่อนโยนเหมือนน้ำ เห็นภาพเลย”

ในขณะที่เสิ่นเทียนกำลังบ่นในใจ เขารีบหยิบศิลาวิญญาณจำนวนมากออกจากแหวนมหาสมุทร

ดังคำพูดที่ว่าฝึกจิตหลอมปราณ อันที่จริงแล้วพลังจิตและพลังวิญญาณเป็นพลังงานสองชนิดที่มีความเชื่อมโยงกัน

เพียงแต่พลังวิญญาณบริสุทธิ์มากกว่าพลังจิตทั่วไป

เพราะเหตุนี้ผู้บำเพ็ญเซียนส่วนใหญ่มักจะอาศัยอาหารในชีวิตประจำวันสะสมแก่นแท้ของพลังจิต จากนั้นหลอมมันให้กลายเป็นพลังวิญญาณเพื่อฝึกบำเพ็ญ

แต่ถ้าหากมีศิลาวิญญาณจำนวนมากอยู่ในมือ ก็สามารถเปลี่ยนพลังวิญญาณให้กลายเป็นพลังจิตอย่างรวดเร็ว

ร่างกายของเสิ่นเทียนในขณะนี้ น้ำมวลหนักปฐมกาลกำลังดูดซับพลังจิตของเขาอย่างบ้าคลั่ง

เขาก็ทำได้แต่ดูดซับศิลาวิญญาณมาเติมส่วนที่ขาดหายไป

ถุงศิลาวิญญาณถูกเสิ่นเทียนนำออกมาทีละถุง กลืนกินพลังวิญญาณที่อยู่ในนั้นอย่างบ้าคลั่ง

หนึ่งร้อยก้อน

สองร้อยก้อน

สามร้อยก้อน

……

ไม่นาน ศิลาวิญญาณที่โดนดูดพลังวิญญาณจนแห้งตกลงสู่พื้น

สีหน้าของเสิ่นเทียนก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย เพียงแต่ขอบตาของเขายังคงดำจนน่าตกใจ

คนที่ไม่รู้คงคิดว่าเสิ่นเทียนมีสัมพันธ์กับหญิงงามจนหมดสภาพ ทำให้พลังหยินหยางในไตไม่สมบูรณ์!

ดูดซับต่อ!

หนึ่งพันก้อน

สองพันก้อน

สามพันก้อน

……

ถุงที่ว่างเปล่าถูกโยนออกไปด้านข้างถุงแล้วถุงเล่า กุ้ยกงกงและคนอื่นมองจนตาค้าง

นี่มันน่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้วกระมัง!

ในเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งชั่วยาม ถึงขั้นดูดซับศิลาวิญญาณไปแล้วหลายพันก้อน

ถึงเป็นผู้บำเพ็ญระดับแก่นพลังทอง กลืนกินศิลาวิญญาณมากเช่นนี้ก็คงจะท้องอืดแล้วกระมัง!

ทว่าเสิ่นเทียนกลับไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

เขานั่งขัดสมาธิ ร่างกายราวกับเป็นวังวนขนาดใหญ่ กลืนกินพลังวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง

ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาอยากหยุดก็สามารถหยุดได้แล้ว

หลังจากที่สัมผัสได้ว่าเสิ่นเทียนส่งถ่ายพลังวิญญาณ น้ำมวลหนักปฐมกาลในไตยิ่งฮึกเหิม

มันเลิกดูดซับพลังจิตของเสิ่นเทียนทันที หันไปดูดซับพลังวิญญาณอย่างบ้าคลั่งแทน

พลังวิญญาณที่เสิ่นเทียนส่งถ่ายเข้าไปในร่างกายโดนน้ำมวลหนักปฐมกาลกลืนกินจนหมด

แต่สิ่งที่คู่ควรแก่การกล่าวถึงคือหลังจากน้ำมวลหนักปฐมกาลกลืนกินพลังวิญญาณอย่างต่อเนื่อง กลิ่นอายของเสิ่นเทียนก็กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

หลอมกายขั้นหนึ่ง

หลอมกายขั้นสอง

หลอมกายขั้นสาม

หลอมกายขั้นสี่!

ในเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งชั่วยาม กลิ่นอายของเขาถึงขั้นเพิ่มจากหลอมกายขั้นหนึ่งไปถึงขั้นสี่

ต้องบอกก่อน บนเส้นทางบําเพ็ญเซียนยิ่งเดินไกลมากเท่าไร เส้นทางข้างหลังก็ยิ่งยากลำบากขึ้นเท่านั้น

ทะลวงถึงระดับหลอมกายขั้นสี่ ยากยิ่งกว่าการทะลวงหลอมกายขั้นหนึ่งไม่ต่ำกว่าสิบเท่า!

ถึงเป็นผู้บำเพ็ญเซียนศาสตร์หลอมปราณ ก็เป็นเรื่องยากที่จะสามารถทะลวงได้ในระดับความเร็วเช่นนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ศาสตร์ที่เสิ่นเทียนฝึกบำเพ็ญเป็นศาสตร์หลอมกายเทพมาร

ความเร็วที่เพิ่มขึ้นระดับนี้น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง!

……

“เป็นไปได้อย่างไร”

กุ้ยกงกงและฉินเกามองเสิ่นเทียนด้วยความตกตะลึง สีหน้าท่าทางเหมือนกำลังสงสัยความเป็นจริงของชีวิต

สามวันมานี้อาศัยศิลาวิญญาณที่เสิ่นเทียนมอบให้ พลังบำเพ็ญของคนทั้งสองก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว

พลังบำเพ็ญของกุ้ยกงกงได้ก้าวหน้าไปอีกขั้น บรรลุถึงระดับหลอมปราณขั้นแปด

เดิมทีฉินเกาอยู่ในระดับสูงสุดของหลอมปราณขั้นสาม ก็ทะลวงถึงระดับหลอมปราณขั้นห้าเช่นกัน

ที่ผ่านมาคนทั้งสองตกใจกับผลลัพธ์การถ่ายทอดของคัมภีร์มารสู่สุริยันมาโดยตลอด

แต่ตอนนี้เมื่อเทียบกับความก้าวหน้าที่เพิ่มพูนอย่างก้าวกระโดดขององค์ชาย

คนทั้งสองรู้สึกเพียงการบำเพ็ญของตนเองไม่คืบหน้าเลย

ศาสตร์หลอมกายที่ตนเองฝึกบําเพ็ญนั้นง่ายกว่ามาก ส่วนศาสตร์หลอมกายที่องค์ชายฝึกยากยิ่งกว่า?

วิชาที่ตนเองฝึกเป็นวิชาที่สืบทอดโดยราชันมารสู่สุริยันที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคัมภีร์มารที่มีความเร็วในการฝึกบำเพ็ญมากที่สุดจริงหรือ

ส่วนการฝึกบำเพ็ญขององค์ชาย เป็นทักษะหลอมกายคบเพลิงที่ซื้อกลับมาในราคาห้าตำลึงเงิน?

เหตุใดถึงรู้สึกว่าโลกทั้งใบกำลังเล่นตลกกับพวกข้า!

นอกเสียจากอันที่จริงแล้วองค์ชายเป็นบุคคลในตำนาน

ผู้บำเพ็ญเซียนอัจฉริยะที่มีเพียงหนึ่งในหมื่น

……

เวลาล่วงเลยผ่านไปเหมือนสายน้ำ

ในที่สุด กลิ่นอายของเสิ่นเทียนก็เริ่มสงบลง

พลังบำเพ็ญของเขาหยุดอยู่ที่ระดับสูงสุดของหลอมกายขั้นสี่

และศิลาวิญญาณที่ถูกเขาดูดซับไปแล้วในตอนนี้เกินหนึ่งหมื่นก้อน

ต้องบอกก่อนโดยทั่วไปแล้วผู้บำเพ็ญเซียนทะลวงถึงขั้นสร้างฐาน อย่างมากก็ใช้ศิลาวิญญาณอยู่ที่ประมาณหนึ่งพันก้อน

ศิลาวิญญาณที่เสิ่นเทียนเผาผลาญในครั้งนี้ เพียงพอที่จะปลูกฝังผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานสิบคน

ทะลวงจากหลอมกายขั้นหนึ่งถึงขั้นสี่ใช้ศิลาวิญญาณไปทั้งหมดหนึ่งหมื่นก้อน

ถ้าหากพูดเรื่องนี้ออกไป ไม่รู้ว่าจะมีผู้คนมากเท่าไรที่ตกใจจนหัวใจวาย

สีหน้าของเสิ่นเทียนฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ขอบตาสีดำก็หายไปแล้ว

เขาลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า กล่าวพึมพำกับตนเอง “ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง”

หลังจากโคจรวิชาตรวจดูทั่วร่าง เสิ่นเทียนเริ่มเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองทั้งหมด

เสิ่นเทียนหมดสติไปสามวันสามคืนก็จริง แต่ในระหว่างนั้นเขาก็ไม่ได้สูญเปล่า

หลังจากน้ำมวลหนักปฐมกาลถูกดูดซับเข้าไปในร่างกาย มันโคจรไปตามเส้นทางของทักษะหลอมกายคบเพลิงอย่างต่อเนื่อง

กำลังขัดเกลาร่างกายของเขา!

……

ต้องบอกก่อนน้ำมวลหนักปฐมกาลในฐานะอันดับสิบสองของรายนามน้ำแท้ คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของมันก็คือหนัก

น้ำหนักของน้ำมวลหนักปฐมกาลหนึ่งหยดหนักเท่ากับหนึ่งแสนจุน[1]

หากเพิ่มพลังวิญญาณจำนวนมากลงไป ยังสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกหลายเท่า

ในโลกของการบำเพ็ญ มันถูกยกให้เป็นสมบัติชั้นสูงที่มีส่วนช่วยในฝึกบำเพ็ญศาสตร์หลอมกายเทพมารชั้นสูง

หลังจากหลอมรวมน้ำมวลหนักปฐมกาลเข้าไปในร่างกาย

สามารถควบคุมน้ำมวลหนักปฐมกาลขัดเกลาร่างกายของตนเอง ทำให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

แต่วิธีขัดเกลาเช่นนี้อันตรายมาก หากควบคุมไม่ดีอาจส่งผลให้ร่างกายระเบิดตายในที่สุด

อย่างไรก็ดีน้ำมวลหนักปฐมกาลหนึ่งหยดที่มีน้ำหนักหนึ่งแสนจูน มันใช่สิ่งที่สามารถแบกรับได้อย่างง่ายดายหรือ

เสิ่นเทียนก็ไม่เข้าใจ เหตุใดตนเองจึงสามารถดูดซับน้ำมวลหนักปฐมกาลได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

ทั้งที่เขาฝึกบําเพ็ญทักษะหลอมกายคบเพลิง ไม่ใช่ทักษะหลอมกายคบน้ำสักหน่อย!

ยิ่งไปกว่านั้นในระหว่างสามวันที่เขาหมดสติ น้ำมวลหนักปฐมกาลยังคงโคจรอยู่ในร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง ช่วยขัดร่างเนื้อของเขาให้แข็งแกร่งขึ้น

ในช่วงสามวันนี้ ความแข็งแกร่งร่างเนื้อของเสิ่นเทียนเพิ่มพูนขึ้นไม่ต่ำกว่าสิบเท่า

เพียงแต่เนื่องจากไม่มีพลังวิญญาณหนุนเสริม ดังนั้นร่างเนื้อจึงเหือดแห้ง กลิ่นอายจึงถูกกักเก็บอยู่ด้านในก็เท่านั้น

เมื่อกี้เสิ่นเทียนดูดซับศิลาวิญญาณไปหนึ่งหมื่นก้อน เติมเต็มร่างกายที่ว่างเปล่าให้เต็มเปี่ยม

ทันใดนั้น กลิ่นอายของระดับหลอมกายขั้นสี่จึงฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์

วินาทีนี้ เสิ่นเทียนรู้สึกว่าตนเองแข็งแกร่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

……

“ลุงกุ้ย ลองพลังของข้าดู”

ในแววตาเสิ่นเทียนปรากฏให้เห็นประกายแสง หัวเราะเสียงดังแล้วพุ่งเข้าไปหากุ้ยกงกง

มือขวาของเขากำเป็นหมัด ชกใส่กุ้ยกงกงอย่างกะทันหัน

จุดที่หมัดพุ่งผ่านราวกับแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว ส่งเสียงฉีกกระชากอากาศดังกึกก้อง

เห็นได้ชัด กำลังของหมัดนี้เทียบกับเมื่อสามวันก่อน มีความก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก

สีหน้าของกุ้ยกงกงเปลี่ยนไปเล็กน้อย แลดูค่อนข้างเคร่งขรึม

แม้พลังบำเพ็ญในปัจจุบันของเขาจะบรรลุถึงระดับหลอมปราณขั้นแปด อยู่เหนือกว่าเสิ่นเทียนไปไกลมาก

แต่วินาทีนี้ รัศมีของเสิ่นเทียนทำให้เขาตกใจมาก

……

“ทานตะวันสู่สุริยันเบ่งบาน!”

กุ้ยกงกงสูญหายใจเข้าลึกๆ คำรามเสียงดัง

ทันใดนั้นมีพลังวิญญาณสีแดงระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา ก่อตัวขึ้นเป็นดอกทานตะวันสีเลือดตรงหน้าของเขา

นี่คือกระบวนท่าป้องกันที่ถูกบันทึกไว้ใน ‘คัมภีร์มารสู่สุริยัน’—ทานตะวันมารพิทักษ์ร่าง

ควบแน่นพลังวิญญาณให้กลายเป็นดอกทานตะวันมารสีแดง ต้านทานอยู่ตรงหน้าของตนเอง

ดอกทานตะวันมารดอกนี้มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งแฝงอยู่ ถึงเป็นผู้บำเพ็ญหลอมกายเทพมารในระดับเดียวกันก็ยากที่จะทำลายได้

ตูม!

หมัดของเสิ่นเทียนกระแทกใส่บนดอกทานตะวันมารอย่างแรง

สีหน้าของกุ้ยกงกงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาสามารถสัมผัสได้ว่าดอกทานตะวันมารสั่นเล็กน้อย

“เป็นไปได้อย่างไร ทั้งที่พลังบำเพ็ญขององค์ชายเป็นเพียงระดับหลอมกายขั้นสี่ เหตุใดถึงรู้สึกว่าแข็งแกร่งกว่าระดับหลอมกายขั้นเจ็ดทั่วไป!”

ต้องบอกก่อนว่าทักษะหลอมกายเทพมารส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นวิชาลับที่ไม่ถ่ายทอดให้คนนอกของสำนักบําเพ็ญเซียนใหญ่

มีเพียง ‘ทักษะหลอมกายคบเพลิง’ ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด ถึงได้แพร่หลายไปทั่วทั้งโลกบำเพ็ญเซียน

แต่วิชาที่ถูกแพร่หลายไปทั่วท้องตลาดเช่นนี้ กลับถูกองค์ชายฝึกฝนจนมีอนุภาคที่น่ากลัวเช่นนี้?

พรสวรรค์ฝึกบำเพ็ญขององค์ชายน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร

กุ้ยกงกงไม่มีเวลาให้คิดมาก สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

เพราะการจู่โจมของเสิ่นเทียนพุ่งเข้ามาอีกแล้ว

“ลุงกุ้ย ระวังให้ดี!”

เสิ่นเทียนคำรามลากเสียงยาว ตบไปที่ตำแหน่งตรงไตของตนเองโดยพลัน

จากนั้นเห็นเพียงมีของเหลวสีเงินปรากฏขึ้นบนพื้นผิวกำปั้นข้างขวาของเขา

หลังจากของเหลวสายนี้ปรากฏขึ้น รัศมีบนตัวของเสิ่นเทียนเพิ่มพูนขึ้นอย่างกะทันหัน

เขาออกหมัดแล้ว!

……………………………………………………..

[1] จุน ตามอัตราชั่งของประเทศจีน 1 จุนเท่ากับ 15 กิโลกรัม

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน
Status: Ongoing
อ่านนิยายบุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนเพราะความสามารถพิเศษหลังข้ามมิติมา ทำให้เสิ่นเทียนกลายเป็นบุคคลนำโชคผู้เป็นที่ต้อนรับที่สุดในโลกบำเพ็ญเซียน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset