บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน – บทที่ 94 ไม่อย่างนั้นก็ชื่อตำหนักสวรรค์แล้วกัน!

บทที่ 94 ไม่อย่างนั้นก็ชื่อตำหนักสวรรค์แล้วกัน!
เรือเหาะมหึมาลอยขึ้นไปช้าๆ ทำให้สายลมโดยรอบแหวกออก

บนเรือเหาะ แววตาพวกเถ้าแก่ซ่งเต็มไปด้วยความแปลกใจและตื่นเต้น ไม่อาจบดบังได้

รู้กันดีว่าต่อให้อยู่โลกบำเพ็ญเซียน เรือเหาะก็เป็นทรัพยากรที่มีกลยุทธ์สูง มูลค่าเท่าเมือง

ในสำนักแดนผาสุกอันดับท้ายๆ ยังเอาเรือเหาะธรรมดาออกมาไม่ได้ด้วยซ้ำ จะออกจากสำนักต้องขี่กระบี่เหาะเหิน

แม้จะอยู่ในสำนักเซียนสุดยอดอย่างแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ก็มีแค่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กับเก้าผู้อาวุโสใหญ่ระดับหลอมรวมเทพเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ใช้

อ้อ ไม่ใช่สิ ไม่ใช่เก้าผู้อาวุโสใหญ่ แต่เป็นแปดผู้อาวุโสใหญ่

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตฉู่หลงเหอเป็นผู้อาวุโสเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่มีสิทธิ์ยืมเรือเหาะเทพสวรรค์ เพราะเจ้านี่ขับเรือเหาะเทพสวรรค์ออกไปหลายครั้ง ไม่ถึงครึ่งวันก็ต้องแบกกลับมาแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว

เจ้านี่ยังมีหน้ามาโทษศิษย์ที่เฝ้าเรือเหาะเทพสวรรค์ว่าเหตุใดทุกครั้งถึงไม่จำว่าต้องเติมพลังงานศิลาวิญญาณเรือเหาะให้เต็ม

ต่อมาเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จางหลงหยวนสังเกตเห็นเลยตั้งใจวางอุบายแอบดู ในที่สุดก็ได้พบต้นตอของปัญหา เจ้านี่เอาศิลาวิญญาณในเรือเหาะออกมาทีละก้อนก่อนจะเอามากินเองหมด

นับจากนั้นมา นักพรตชราก็กลายเป็นคนที่ทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องระวังป้องกัน แค่ของมีค่าเล็กน้อยยังไม่กล้าเอาเข้าใกล้เขา

ครั้งนี้ต้องมารับบุตรศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียน ต้องให้มีระดับจะให้น้อยหน้าไม่ได้จริงๆ ขณะเดียวกันยังมีจางอวิ๋นซีจับตามองอยู่ จางหลงหยวนถึงให้เรือเหาะเทพสวรรค์ออกมาอย่างไม่ค่อยวางใจนัก

เขากลัวว่าศิษย์พี่ใหญ่ที่พึ่งพาไม่ได้ของตนจะพลิกมือเอาเรือเหาะเทพสวรรค์ไปขาย แล้วกุเรื่องเจอผู้แข็งแกร่งระดับฝ่าด่านเคราะห์ระหว่างทาง เรือเหาะเลยถูกทำลายไป

ถึงตอนนั้น จางหลงหยวนต้องโมโหจนกลับมามีความรู้สึกอีกครั้งแน่

……

เรือเหาะทะลวงผ่านชั้นเมฆ แผ่นดินใหญ่อยู่ใต้เท้า

เสียงพูดคุยเฮฮาลากผ่านฟ้าเป็นเพลงกลอนยาว ต้องเติบโตเงียบๆ อย่าเด่น

นี่คือความรู้สึกที่เสิ่นเทียนยืนอยู่บนเรือเหาะ รับสายลมโชย

ต้องบอกว่ามิน่าล่ะในภาพยนตร์ถึงชอบยืนรับลมตรงหัวเรือ เป็นประสบการณ์ที่เยี่ยมจริงๆ

น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือข้างหลังไม่มีใครประคอง มักจะรู้สึกโยกเยกทรงตัวไม่อยู่

ถึงอย่างไรเรือเหาะนี่ก็เร็วมากจริงๆ แม้จะวางวงแหวนเวทต้านลม ก็ยังทำให้ร่างมนุษย์อดโคลงเคลงมิได้

เถ้าแก่ซ่งเดินมาหน้าเสิ่นเทียนเนิบๆ “ท่านเซียน ไม่ทราบว่าองค์ชายหกเสิ่นเอ้ากลับถึงวังปลอดภัยหรือไม่”

ความจริงตั้งแต่ปล่อยเสิ่นเอ้าครั้งที่สอง เถ้าแก่ซ่งมักจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

เจ้าเด็กเสิ่นเอ้านี่ซวยมากจริงๆ ทำให้คนเป็นห่วงจริงๆ เถ้าแก่ซ่งเองก็ปวดใจ

พอได้ฟังคำพูดของเถ้าแก่ซ่ง เสิ่นเทียนอดมุมปากกระตุกมิได้

พี่หกโดนอาจารย์ตัวเองพาไป ก็น่าจะ…น่าจะไม่เป็นไรกระมัง!

พอนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนสวดภาวนาให้พี่หกพี่น้องแท้ๆ เงียบๆ ในใจ ขอให้เขาปลอดภัย

ทางด้านหลิวไท่อี่ พอเห็นเสิ่นเทียนก็ไม่พูดไม่จาร้องไห้ออกมาเลย หยดน้ำตาในดวงตาลอยขึ้น “ท่านเซียน ในที่สุดก็ได้พบท่านแล้ว ท่านรู้หรือไม่ว่าหลายวันมานี้ข้ากินไม่ได้นอนไม่หลับ เป็นห่วงท่านขนาดไหน”

เจินจื้อเจี่ยเอ่ยเช่นกัน “ใช่ ข้ากับสหายอี่พลิกทั่วทั้งสวนหมื่นวิญญาณเพื่อตามหาท่าน”

สยงเหมิ่งข้างๆ พยักหน้า “ข้าด้วย ข้าก็หาด้วยเหมือนกัน!”

……….

ซี้ด!

พอเห็นเจ้าสามคนข้างๆ ไม่ทักทายก็เริ่มประจบก้นท่านเซียนแล้ว เถ้าแก่ซ่งหน้าดำมืด ตอนนี้ลัทธิปรมาจารย์เซียนไม่มีกฎเลยสักนิดจริงๆ

การประจบท่านเซียนเรื่องสำคัญเช่นนี้ แม้แต่การเข้าแถวยังไม่รู้จัก ใครเป็นผู้อาวุโสใหญ่ในลัทธิกันแน่ไม่นับหรือ

พอคิดได้ดังนั้น เถ้าแก่ซ่งก็คุกเข่าลงดังตึง น้ำตาลากเป็นเส้นขวาง “ท่านเซียน ท่านเป็นคนมอบโชคลิขิตให้ข้าแท้ๆ ในใจข้ารู้ดี ด้วยคุณสมบัติตื้นเขินยิ่งของข้า ชีวิตนี้คงยากจะทะลวงระดับแก่นพลังทองอยู่แล้ว

แต่ท่านเซียนลดตัวลงมาสงสารข้า มอบโชคลิขิตระดับคัมภีร์อี้จิงชะล้างกระดูกให้ข้าได้สร้างคุณสมบัติขึ้นมาใหม่ ตอนนี้แม้ข้าจะเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว แต่ก็ขอติดตามท่านเซียนตลอดไป”

เจินจื้อเจี่ยกับหลิวไท่อี่เห็นเถ้าแก่ซ่งคุกเข่าลงแล้วถึงกับอึ้งงัน แต่สยงเหมิ่งโต้ตอบไว เขาคุกเข่าลงข้างเถ้าแก่ซ่ง “ข้าก็เช่นกัน!”

หลิวไท่อี่สูดลมหายใจเย็นๆ เฮือกหนึ่ง ตนเคยแพ้มาครั้งหนึ่งแล้ว เหตุใดยังโดนเถ้าแก่ซ่งกดอีก

คิดๆ แล้วหลิวไท่อี่ก็คุกเข่าหน้าเสิ่นเทียนแรงๆ “ข้าด้วย ข้าหลิวไท่อี่มิใช่คนไม่รู้จักตอบแทนคุณ ท่านเซียนมอบโชคลิขิตยิ่งใหญ่ให้ข้า พาข้าเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์ หลิวไท่อี่สำนึกในบุญคุณ มิกล้าหลงลืมแม้แต่น้อย

นับจากนี้ไปชีวิตของแซ่หลิวเป็นชีวิตของท่านเซียน ร่างของแซ่หลิวก็เป็นร่างของท่านเซียน ไม่ว่าจะมีดดาบอับจนหนทางใดในแดนศักดิ์สิทธิ์หรือภูเขาทะเลเพลิงใด แต่หากจะใช้ข้า ข้าจะไม่มีวันลังเลใจ!”

เพิ่งพูดจบ สยงเหมิ่งข้างๆ ก็พูดตาม “ข้าก็เช่นกัน”

เจินเจื้อเจี่ยเห็นพี่น้องสามคนคุกเข่าแล้ว เขาจะกล้ายืนพูดเฉยๆ หรือ

เขารีบคุกเข่าลงหน้าเสิ่นเทียน “ขอสาบานว่าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับท่านเซียน เป็นตายขอตามไปด้วยกัน!”

สยงเหมิ่งอยากจะพูดว่าข้าก็เช่นกัน แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงสายตาไม่เป็นมิตรสามดวงมองมาที่ตนพร้อมกัน

เขามีสีหน้าเก้อเขินทันที ก่อนจะพูดติดอ่าง “ขะ ข้าก็เช่นกัน!”

เห็นเจ้าตัวตลกสี่คนคุกเข่าหน้าเสิ่นเทียนแล้ว จางอวิ๋นซีมีเส้นสีดำลากบนหน้าผาก

เจ้าสี่คนนี้มีแก่นรากอัสนีเทพกำเนิดฟ้าในตัวจริงๆ หรือไม่กันแน่ อย่าว่าแต่ศิษย์ฝ่ายในเลย ศิษย์ฝ่ายนอกนางก็ไม่รับ

แต่ละคนทำท่าประจบสอพลอ นี่เหมือนผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนหรือ

ก็รู้อยู่ว่าประจบสหายเสิ่น หรือว่าประจบสหายเสิ่นแล้วจะได้เป็นผู้แข็งแกร่งมีความสามารถเลิศล้ำหรือ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ จางอวิ๋นซีก็เดินมาหน้าเสิ่นเทียน “สหายเสิ่น เจ้าต้องจัดการลัทธิปรมาจารย์นี่แล้วนะ”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ท่านเซียนอวิ๋นซีคิดว่าควรจะจัดการอย่างไรดี ข้าจะฟังเจ้าทุกอย่าง”

จะว่าไป เสิ่นเทียนก็กำลังกังวลอยู่เลยว่าที่สี่คนโชว์ออฟทำเสียงดังน่าตกใจนี่อาจจะสร้างปัญหาให้ตนได้!

ถึงอย่างไรที่ที่พวกเขาจะต้องไปก็คือแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ในสิบสองแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นเสือหมอบมังกรซ่อน

เดิมทีเสิ่นเทียนครองตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเป้าโจมตีแล้ว ตอนนี้ควรจะอยู่เงียบๆ ถึงจะปลอดภัยหน่อย แต่เจ้าสี่คนนี้ตามประจบอยู่ข้างหลังทุกวัน กลัวว่าข้าจะโดนล็อกเป้าช้าไปหรือ

ได้ใช้หัวข้อของจางอวิ๋นซีจัดการลัทธิปรมาจารย์เซียนนี่พอดีเลย

นี่คือความคิดในใจเสิ่นเทียน ทว่าจางอวิ๋นซีกลับไม่คิดเช่นนั้น

อะไรนะ สหายเสิ่นบอกว่าจะฟังข้าทุกอย่าง ให้ข้าเป็นคนจัดการลัทธิปรมาจารย์เซียนนี่หรือ

สหายเสิ่นเป็นคนสร้างลัทธิปรมาจารย์เซียนด้วยตัวคนเดียว สำหรับเขาเกรงว่าคงมีความหมายไม่ธรรมดาอย่างยิ่งกระมัง!

ไม่อยากเชื่อว่าจะบอกให้ข้าจัดการ ฟังข้าทุกอย่างหรือ

ซี้ด นี่ต้องเชื่อใจระดับใด ต้องให้ความสำคัญระดับใดกัน!

คิดได้ดังนั้น จางอวิ๋นซีก็หน้าแดงขึ้นมา

…..

จางอวิ๋นซีสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนกล่าว “เรียกท่านเซียนอวิ๋นซีมันดูห่างเหินเกินไป ในเมื่อศิษย์น้องเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ ก็ถือว่าเป็นศิษย์แกนหลักของแดนศักดิ์สิทธิ์ ภายภาคหน้าศิษย์น้องเรียกข้าว่าศิษย์พี่หญิงได้ หรือ…หรือจะเรียกข้าว่าอวิ๋นซีตรงๆ เลยก็ได้”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ตกลงศิษย์พี่หญิง แล้วศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีคิดว่าจะจัดการลัทธิปรมาจารย์เซียนอย่างไรดี”

จางอวิ๋นซีพูดด้วยความจนปัญญา “ตามกฎของสำนักแล้ว ในสำนักเซียน อย่างมากสุดก็ทำได้แค่ก่อตั้งกลุ่ม ห้ามก่อตั้งลัทธิเดี่ยวๆ อีกทั้งชื่อปรมาจารย์เซียนก็โอ้อวดเกินไป จะทำให้คนไม่พอใจได้ง่ายๆ ดังนั้นข้าขอเสนอให้เปลี่ยนชื่อแล้วกัน!”

จางอวิ๋นซีมองสี่คนที่คุกเข่าข้างๆ ก่อนจะมองเสิ่นเทียนอีกครั้ง “ศิษย์น้องชื่อเสิ่นเทียน ข้าขอเสนอให้ในกลุ่มเติมคำว่าสวรรค์เข้าไป ฟังดูน่าเกรงขามขึ้นมาหน่อย”

ตอนนี้เอง สยงเหมิ่งเหมือนนึกอะไรออก “ข้ารู้ ข้ารู้! ในชื่อมีคำว่าสวรรค์ แล้วต้องน่าเกรงขาม ไม่อย่างนั้นก็ชื่อตำหนักสวรรค์แล้วกัน!”

ในที่สุดก็ไม่พูดว่าข้าก็เช่นกันแล้ว ดีใจจริง!

เสิ่นเทียนงุนงง

…………………….

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน
Status: Ongoing
อ่านนิยายบุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนเพราะความสามารถพิเศษหลังข้ามมิติมา ทำให้เสิ่นเทียนกลายเป็นบุคคลนำโชคผู้เป็นที่ต้อนรับที่สุดในโลกบำเพ็ญเซียน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset