บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 213

ตอนที่ 213 การสอบรอบแรก

 

 

วันนี้หลิ่วจุ้ยขอลางานกับหวังหมัวหมัวเป็นกรณีพิเศษแล้วไปยังตำหนักเหวินอิงเป็นเพื่อนเซียงฉือ ถึงแม้ตอนนี้ผู้หญิงที่รู้หนังสือมีจำนวนไม่น้อย แต่พวกที่เขียนเป็นคำนวณเป็นจริงๆ อีกทั้งเชี่ยวชาญเรื่องจารีตประเพณีในวังนั้นมีไม่มาก

 

 

หลิ่วจุ้ยเมื่อส่งเซียงฉือเข้าตำหนักเหวินอิงไปแล้วก็ไปหาพี่ๆ น้องๆ จากตำหนักอื่นเพื่อสนทนา เซียงฉือมองดูประตูหน้าที่มั่นคงของตำหนักเหวินอิงด้วยความเคารพยำเกรง

 

 

การสอบวันนี้มีสามด่าน วัตถุประสงค์เพื่อขจัดหญิงสาวที่มีแผนหวังฉกฉวยโอกาสแล้วคัดเอาคนที่มีความสามารถจริงๆ เพื่อเข้าสู่เส้นทางข้าราชสำนักสตรี

 

 

เซียงฉือยกชายกระโปรงเดินขึ้นบันไดเข้าไปในตำหนักหน้าของตำหนักเหวินอิง

 

 

สวี่อี้เป็นหนึ่งในข้าราชสำนักสตรีที่รับผิดชอบการสอบรอบแรกในครั้งนี้ นางยืนรออยู่หน้าประตูแต่เช้า จัดการให้ผู้สมัครตามลำดับหมายเลขที่สมัครเข้าไปในห้องเล็กๆ ของพวกนางแต่ละคน

 

 

ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับการสอบเข้ารับราชการของผู้ชายภายนอก โดยจะกักไว้ในคอกเล็กๆ เพื่อให้เขียนเรื่องจารีตประเพณีในวังจากที่ท่องจำมา

 

 

เซียงฉือเห็นสวี่อี้และรับป้ายเล็กๆ จากมือนางแล้วเดินเข้าไปในห้องของตน นั่งรอเวลาเริ่มสอบ

 

 

ใจของนางในตอนนี้สงบอย่างยิ่งเหมือนยามปกติ เพียงเกิดความตื่นเต้นเล็กน้อยว่าสามารถเข้าร่วมการสอบข้าราชสำนักสตรีได้ ซึ่งเป็นความเร้าใจอย่างหนึ่งสำหรับนาง

 

 

เวลาผ่านไปทุกนาที การสอบรอบแรกนี้ง่ายทีเดียว ไม่ต้องใช้ความเข้าใจ เพียงอาศัยการเขียนออกมาจากการท่องจำ เขียนเรื่องแบบฉบับของสตรีให้จบตั้งแต่ต้น

 

 

ความทรงจำของเซียงฉือนับว่าใช้ได้ ถึงแม้ตอนท่องจำจะติดขัดอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เป็นปัญหาในการสอบให้ผ่านรอบแรกนี้ การสอบด่านนี้เพื่อเป็นการดูลายมือของหญิงสาวว่าเป็นระเบียบเรียบร้อยหรือไม่ ท่องจำได้แม่นยำเพียงใด

 

 

แบบฉบับของสตรีมีจำนวนคำไม่มากนัก เป็นการเตรียมความรู้พื้นฐานของการสอบข้าราชสำนักสตรี กลั่นกรองเอาพวกที่หวังพึ่งโชคออกไป การสอบในตอนเช้าตรู่เมื่อเขียนเสร็จแล้วก็จะเข้าไปสอบในด่านถัดไป

 

 

เซียงฉือได้ยินเสียงฆ้องทองแดงตีดังสามครั้ง นางเขียนจนจบหมดแล้วและกำลังตรวจทานเป็นครั้งสุดท้าย

 

 

เมื่ออ่านจบรอบแล้วไม่พบข้อผิดพลาดจึงลุกขึ้นส่งกระดาษคำตอบ

 

 

ในด่านนี้จะมีข้าราชสำนักสตรีตรวจและตัดสินทันทีว่าสอบผ่านหรือไม่ เซียงฉือส่งกระดาษคำตอบให้ผู้คุมสอบแล้วคารวะอย่างนอบน้อม ยืนคอยฟังผลอยู่ด้านข้าง สวี่อี้กวาดตามองรอบหนึ่งแล้วก็ประทับตรา ผู้คุมสอบอีกสามคนด้านล่างต่างพยักหน้า เซียงฉือจึงมั่นใจมาก

 

 

สวี่อี้เก็บกระดาษข้อสอบเข้าไว้บนโต๊ะ มองดูเซียงฉือแล้วพูดเสียงหนักแน่น

 

 

“ผู้เข้าสอบหมายเลขห้าสิบสอง อวิ๋นเซียงฉือ สอบผ่าน!”

 

 

เซียงฉือยิ้มน้อยๆ นางรับป้ายสีเขียวจากมือสวี่อี้ และเห็นมีคนชี้ทางบอกนางไปยังสถานที่สอบถัดไป

 

 

การสอบทั้งหมดในวันนี้ง่ายมาก ข้อสอบที่สองเป็นการท่องเรื่องจารีตและกฎเกณฑ์ของสังคม รอบนี้เป็นการทดสอบทักษะการพูดของผู้เข้าสอบและการออกเสียงว่าชัดเจนหรือไม่

 

 

ส่วนด่านที่สามเป็นการพิจารณาบุคลิกลักษณะ การคัดเลือกข้าราชสำนักสตรีในวังต้องการพวกหน้าตาดี รูปร่างสมส่วน ข้อเรียกร้องยังสูงกว่าการคัดเลือกสาวงาม บนร่างกายจะมีรอยแผลหรือตำหนิไม่ได้

 

 

ทั้งสามด่านนี้สำหรับเซียงฉือแล้วไม่นับว่ายาก แต่เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายสำหรับหญิงสาวคนอื่นๆ

 

 

และนี่จึงทำให้สวี่อี้วางใจ ขอเพียงให้เซียงฉือได้มีโอกาสเข้าร่วมการสอบ โอกาสที่จะสอบผ่านมีสูงมาก

 

 

และครั้งนี้ทางกองงานเย็บปักซึ่งเป็นงานที่เซียงฉือถนัดได้ประกาศรับคนจำนวนมาก สวี่อี้จึงได้วางใจเช่นนี้

 

 

ทั้งสามด่านในวันนี้ผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเซียงฉือออกพ้นประตูหน้าของตำหนักเหวินอิง ก็เห็นหลิ่วจุ้ยเดินอมยิ้มเข้ามาหา

 

 

“ผ่านแล้วหรือ”

 

 

หลิ่วจุ้ยเฝ้ารออยู่ข้างนอกอย่างกระวนกระวาย เมื่อมองเห็นเซียงฉือจึงยิ้มอย่างเบิกบานใจ พวกนางกำนัลในวังนี้พากันพูดว่า มีแต่พวกสมองเสื่อมแล้วเท่านั้นที่ไปสอบข้าราชสำนักสตรี การสอบข้างในนั้นไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะทำได้เลย

 

 

แต่ว่าท่าทางที่ผ่อนคลายของเซียงฉือเช่นนั้น ทำให้นางรู้สึกแปลกใหม่

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset