บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 456 ลำดับเหตุการณ์ / ตอนที่ 457 ฆ่าคนปิดปาก

ตอนที่ 456 ลำดับเหตุการณ์  

 

 

เซียงฉือสะบัดศีรษะ นางไม่ได้ต่อต้านคำพูดสวี่อี้ แต่เพราะเกิดความหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูกบางอย่างขึ้นในใจนางขณะนี้  

 

 

นางไม่รู้ว่าตนเองหวาดกลัวอะไรอยู่ แต่ใจนั้นพรั่นพรึงอย่างยิ่ง หวาดกลัวยิ่งนัก เป็นความรู้สึกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่าตนเองได้ทำเรื่องอะไรผิดพลาดไป  

 

 

“สวี่อี้ สวี่อี้”  

 

 

เซียงฉือดึงมือสวี่อี้ นางไม่คิดจะพูดอะไร เพียงเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา  

 

 

“เจ้าเป็นอะไรไป”  

 

 

สวี่อี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเซียงฉือจึงได้แต่ตบหลังมือนางและพูดปลอบอย่างอ่อนโยน  

 

 

เซียงฉือเขยิบเข้าไปพูดเสียงเบาที่ข้างหูนาง  

 

 

จิตใจข้าว้าวุ่นและโศกเศร้ามาก ไม่รู้ว่าได้ทำพลาดสิ่งใดไปหรือไม่ สวี่อี้เจ้าลองบอกซิว่าข้าทำอะไรผิดไปบ้าง เหตุใดข้าถึงได้หวาดกลัวและหวาดหวั่นเช่นนี้”  

 

 

สวี่อี้ฟังคำพูดเซียงฉือแล้วก็ไม่รู้ควรปลอบเช่นไร ในค่ำคืนที่ลมฝนด้านนอกกระโชกแรง เสียงฟ้าร้องดังก้องสะท้านฟ้าเช่นนี้ ฉู่อวิ๋นเซียวมองดูเซียงฉือถูกสวี่อี้โอบไว้ในอ้อมแขนด้วยความแปลกประหลาด  

 

 

เขายื่นมือเกาศีรษะแล้วยกกาน้ำชาขึ้นกรอกชาเข้าปากคำโต ไม่มองดูอากัปกิริยาเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างพวกนางที่เป็นผู้หญิงอีก  

 

 

“เซียงฉือเจ้าฟังข้านะ ไม่ว่าเจ้ากลัวหรือกังวลอะไร จะหวาดหวั่นพรั่นพรึงแค่ไหนก็ตาม ตอนนี้เจ้าหยุดคิดเสียก่อน ทำให้ตัวเองสงบเย็นลงให้ได้ อย่าให้ปัจจัยเบื้องนอกเหล่านั้นมาชี้นำความคิดของเจ้า พวกเรามีเรื่องต้องใคร่ครวญกันมากมาย พวกเราจำเป็นต้องจัดการแยกแยะออกมาเป็นเรื่องๆ”  

 

 

“เจ้าคืออวิ๋นเซียงฉือ เจ้าจะอ่อนแอเช่นนี้ต่อไปไม่ได้”  

 

 

อวิ๋นเซียงฉือฟังคำสวี่อี้แล้วก็ถอนหายใจออกมายาวๆ คำพูดของโหรวผินราวกับมีเวทมนตร์ เพราะนางสามารถทำให้อวิ๋นเซียงฉือที่เยือกเย็นมาตลอดเริ่มเกิดความสงสัยในตัวเองขึ้นมา แต่ความสงสัยเช่นนี้จะปล่อยให้อยู่ต่อไปนานๆ ไม่ได้  

 

 

อวิ๋นเซียงฉือผละออกจากสวี่อี้ นางเดินไปนั่งลงที่ข้างโต๊ะหนังสือ  

 

 

“ก็ดี ตอนนี้พวกเรามาไล่เรียงเหตุการณ์ที่ผ่านมากันเถอะ”  

 

 

“สวี่อี้เจ้าเป็นคนพูด ข้าเป็นคนเขียน ส่วนใต้เท้าฉู่ ขอให้ท่านช่วยเพิ่มเติมจะได้หรือไม่ พวกเรามาฮึดสู้ให้เต็มที่กันดีกว่า”  

 

 

ถึงแม้เซียงฉือจะยังไม่สู้สงบลงนัก แต่สวี่อี้พูดถูก นางคืออวิ๋นเซียงฉือ นางจะอ่อนแอเช่นนี้ต่อไปไม่ได้  

 

 

สวี่อี้เมื่อเห็นเซียงฉือจัดแจงเช่นนี้ก็หายใจเข้าลึกๆ หวนคิดถึงเรื่องราวทั้งหมด จากนั้นจึงค่อยๆ เอ่ยปาก ลมฝนที่ด้านนอกแรงอย่างยิ่ง สวี่อี้ปิดประตูหน้าต่างแน่น แล้วความคิดก็ดุจดั่งคลื่นกระหน่ำในลำน้ำ ถาโถมสาดซัดขึ้นมา  

 

 

ทุกครั้งที่ได้ถกเรื่องคดีความกับเซียงฉือ จะเป็นเวลาที่สวี่อี้รู้สึกถึงอกถึงใจที่สุด  

 

 

“องค์หญิงหมิงอวี้ตกน้ำ นักฆ่าปฏิบัติการฆ่าคนในวังหลวง ตลอดมาพวกเราพากันคิดแต่ว่านักฆ่าคนนี้จะเป็นใคร เหตุใดจึงหายตัวไปได้ แต่พวกเรากลับลืมจุดที่น่าสนใจที่สุดไปว่าเหตุใดคนผู้นั้นจึงไปปรากฏกายอยู่ในที่นั้นได้ แล้วเหตุใดคนผู้นั้นจึงได้ลงมือกับองค์หญิงหมิงอวี้”  

 

 

คำพูดสวี่อี้ทำให้เซียงฉือชะงักไปเล็กน้อย แล้วพูดต่อว่า  

 

 

“องค์หญิงหมิงอวี้เป็นพระธิดาประสูติแต่จวงไท่เฟย ตระกูลของจวงไท่เฟยเป็นตระกูลบัณฑิตในหมู่บ้านริมน้ำที่ไห่โจว ไม่เข้าวงการราชการ ไม่มีศัตรูคู่แค้น องค์หญิงหมิงอวี้ยิ่งไม่มีความแค้นกับผู้ใด หากว่าเป็นการวางแผนฆาตกรรมล่วงหน้าก็ดูไม่น่าจะใช่เสียทีเดียว ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้เพียงสองอย่าง หนึ่งคือเป็นการก่อคดีอย่างปัจจุบันทันด่วนหรือสองพลั้งพลาดตกน้ำ”  

 

 

เซียงฉือพูดจบฉู่อวิ๋นเซียวทุบกำปั้นกับฝ่ามือ พูดอย่างไม่เชื่ออย่างยิ่งว่า  

 

 

“พลั้งพลาดตกน้ำเป็นไปไม่ได้ ใต้เท้าอวิ๋นก็เห็นไม่ใช่หรือว่ามีคนยืนอยู่ด้านข้างตอนที่องค์หญิงหมิงอวี้ตกน้ำ อีกทั้งทหารองครักษ์ที่ส่งออกไปสามคนต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยที่พวกเขายังไม่ทันได้เห็นตัวคนชัดเจนก็ถูกทำร้ายล้มลงแล้ว แสดงว่าฝ่ายตรงข้ามมีวิทยายุทธสูงล้ำยิ่งนัก”  

 

 

เซียงฉือฟังจบก็ส่ายศีรษะ  

 

 

“ถ้าตามที่ใต้เท้าฉู่เล่ามา ไม่ทราบว่าวิทยายุทธ์ของนักฆ่าหากเปรียบเทียบกับใต้เท้าฉู่แล้วเป็นอย่างไรบ้าง”  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 457 ฆ่าคนปิดปาก  

 

 

ฉู่อวิ๋นเซียวไตร่ตรองเล็กน้อยก่อนตอบว่า  

 

 

“กว่าครึ่งของวิทยายุทธ์ คนผู้นั้นใช้วิชาตัวเบาเป็นหลัก ส่วนข้ามีชาติกำเนิดมาจากทหาร วิทยายุทธ์ที่ฝึกจึงต่างกัน หากต่อสู้กันซึ่งหน้าเขาจะไม่มีทางได้เปรียบ แต่หากลอบจู่โจม ข้าก็จะเสียเปรียบเช่นกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรฝีมือของทหารองครักษ์ก็ไม่อ่อนด้อยอยู่แล้ว”  

 

 

เซียงฉือผงกศีรษะ นางวางพู่กันในมือลงแล้วลุกขึ้นพูดว่า  

 

 

“ใต้เท้า ข้าอายุห่างจากองค์หญิงหมิงอวี้สองปี พอจะรู้การต่อสู้อยู่บ้าง ไหนใต้เท้าลองลงมือเพื่อฆ่าข้าดูสักทีซิ”  

 

 

ฉู่อวิ๋นเซียวมีท่าทางตกใจ สวี่อี้ที่อยู่ข้างๆ ก็มองเซียงฉือด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ  

 

 

“ใต้เท้าลงมือแบบไว้ไมตรีด้วยก็แล้วกัน ท่านลองคิดว่าท่านจะฆ่าข้าแต่ไม่ต้องการให้คนรู้ว่าเป็นฝีมือของท่าน ท่านจะทำเช่นไร”  

 

 

ฉู่อวิ๋นเซียวเข้าใจความหมายของเซียงฉือในทันใดจึงเดินเข้าไปแล้วตะปบคออวิ๋นเซียงฉือแล้วใช้มือนั้นยกตัวเซียงฉือขึ้นมา  

 

 

เพียงแค่ท่านี้ท่าเดียว สีหน้าเซียงฉือก็แดงเรื่อขึ้นแล้ว ไม่ใช่เพราะนางเขินอาย แต่เป็นเพราะไม่สามารถหายใจได้ในฉับพลันนั้น  

 

 

“ปล่อยมือ”  

 

 

เสียงของเซียงฉืออ่อนแรงอย่างยิ่งจนแทบจะไม่ได้ยิน  

 

 

ความโหดเ**้ยมบนใบหน้าของฉู่อวิ๋นเซียวมลายหายไปทันที เขามองเซียงฉืออย่างขอโทษแล้วพูดว่า  

 

 

“ลงมือหนักไปหน่อย ใต้เท้าอวิ๋นอย่าได้ถือโทษ”  

 

 

เซียงฉือนวดคอ ไอเบาๆ ออกมาสองครั้ง สวี่อี้ลุกขึ้นมาประคองเซียงฉือลงนั่ง  

 

 

“เจ้าเด็กคนนี้ทำอะไรนี่ ถ้าใต้เท้าฉู่คิดจะฆ่าเจ้าก็ทำได้ในชั่วพริบตา ดังนั้นไม่ต้องทำเรื่องเช่นนี้แล้ว ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ จะทำอย่างไร”  

 

 

เซียงฉือฟังดังนั้นแล้วก็กระแอมไอออกมาแรงๆ จากนั้นตบมือครั้งหนึ่งพูดขึ้น  

 

 

“นั่นอย่างไร ไม่ว่าข้าหรือองค์หญิงหมิงอวี้ต่างเป็นดั่งมดปลวกเมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือดังเช่นใต้เท้าฉู่ การผลักให้ตกน้ำนั้นจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามมองเห็นตนเองได้ มีโอกาสผิดพลาดได้มาก และหากจะถูกใครผลักตกน้ำจริงก็ควรจะเป็นศพขององค์หญิงหมิงอวี้”  

 

 

เมื่อเซียงฉือพูดถึงตรงนี้แล้วพลันชะงักลง  

 

 

สวี่อี้ก็ชะงักไปเช่นกัน ทั้งสองคนต่างมองกันและกันโดยไม่ได้นัดหมาย  

 

 

เมื่อมองออกไปเห็นฝนตกหนักทางด้านนอกแล้วต่างก็พูดขึ้นว่า  

 

 

“เด็กๆ เตรียมอุปกรณ์ป้องกันฝน”  

 

 

เซียงฉือบังเกิดความกลัวเมื่อคิดขึ้นมาจึงเดินไปมาสับสนอยู่ภายในห้องนั้น  

 

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ ควรต้องเป็นศพของหมิงอวี้ แต่หากนางได้รับความช่วยเหลือ แล้วฟื้นขึ้นมา นางต้องไปพบเห็นในสิ่งที่ไม่สมควรเห็นมาเป็นแน่ มิเช่นนั้นคนผู้นั้นคงไม่นิ่งดูดายและรีบเร่งจากไปโดยที่ไม่ช่วยเหลือนาง  

 

 

จากจุดนี้สามารถตัดสินได้ว่าคนผู้นั้นจะไม่ยอมปล่อยหมิงอวี้ไปโดยง่ายอย่างแน่นอน และคืนนี้นักฆ่าคนนั้นก็ย่อมไม่ปล่อยโอกาสให้ผ่านไป  

 

 

เซียงฉือคิดเช่นนี้จึงยิ่งหวาดกลัว  

 

 

“ควรตายจริงๆ ในเวลาเช่นนี้ข้ากลับไม่อยู่ข้างกายหมิงอวี้”  

 

 

เดิมทีฉู่อวิ๋นเซียวเป็นคนที่เดินพล่านไปมา แต่ตอนนี้กลับต้องมองดูหญิงสาวสองคนที่เดินกวัดแกว่งกันไปมาอยู่เบื้องหน้าเขาทำให้จิตใจเขาว้าวุ่นอย่างยิ่ง  

 

 

ฉู่อวิ๋นเซียวมองดูคนทั้งสองรออุปกรณ์กันฝนอยู่ด้วยความร้อนรน เขาจับบ่าของข้าราชสำนักสตรีทั้งสองไว้แล้วพูดว่า  

 

 

“พวกเจ้าว่ามาว่าข้าควรจะไปที่ไหน ฝนหนักขนาดนี้หยุดพวกเจ้าได้แต่หยุดข้าไม่ได้หรอก”  

 

 

“ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ ข้าบอกไว้ก่อนแล้วอย่างไรว่าพวกเจ้ารับผิดชอบระดมสมอง ส่วนเรื่องพละกำลังปล่อยข้ารับผิดชอบทั้งหมดเอง”  

 

 

เซียงฉือฟังดังนั้นแล้วรีบดึงแขนเสื้อฉู่อวิ๋นเซียวไว้พูดว่า  

 

 

“รีบไปยังกองโอสถแล้วคอยเฝ้าอยู่ข้างกายองค์หญิงหมิงอวี้ โอสถที่องค์หญิงเสวย น้ำที่ทรงดื่ม คนที่เข้าพบ ใต้เท้าช่วยตรวจสอบดูด้วย อย่าให้ใครมีโอกาสได้ลงมือ ข้ากับใต้เท้าสวี่จะรีบติดตามไปทันที”  

 

 

“ข้าขอฝากชีวิตขององค์หญิงหมิงอวี้ไว้กับใต้เท้าฉู่แล้ว”  

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset