บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 482 ผู้เกี่ยวข้องอีกคน / ตอนที่ 483 ถือโอกาส

ตอนที่ 482 ผู้เกี่ยวข้องอีกคน  

 

 

เซียงฉือเพียงชวนเสียวสี่จื่อคุยเรื่อยเปื่อย แล้วก็พบว่าขันทีน้อยคนนี้น่าสนใจ เวลาพูดอะไรออกมาทำให้นางชื่นชอบ  

 

 

ขันทีคนนี้นอกจากจะชอบสรรเสริญเยินยอนางแล้วยังสามารถพบความสัตย์ซื่อบนตัวเขาได้อีกด้วย ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้น้อยอย่างยิ่งในวังนี้  

 

 

ดังนั้นเซียงฉือเห็นแล้วจึงยิ่งยินดี ยิ่งชื่นชอบ  

 

 

เมื่อได้ยินคำวิจารณ์สวีหมิ่นจากเสียวสี่จื่อแล้ว นางจึงถามตามไปว่า  

 

 

“ได้ยินมาตลอดว่าสวีกงกงมีฝีมือเลิศล้ำในการปรุงเครื่องหอมมากมาย คิดว่าคงเป็นงานที่ทำยากไม่เบา ไม่อย่างนั้นแล้วคงไม่ขังตัวเองอยู่ในห้องทุกวันแบบนั้น”  

 

 

เซียงฉือพูดเช่นนั้นเสียวสี่จื่อสั่นหัวดิก เขามองเซียงฉือแล้วพูดว่า  

 

 

“สวีกงกงของพวกเราปรุงเครื่องหอมไม่เป็นหรอก มือไม้เขาเงอะงะจะแย่ ล้วนเป็นกูกูคนหนึ่งเป็นคนทำ กูกูที่ร้ายกาจยิ่ง แต่ข้าเพียงเคยเห็นนางครั้งเดียว สวีกงกงนอบน้อมต่อนางมาก กูกูคนนั้นแหละที่มอบเครื่องหอมให้กับเขา”  

 

 

“กลิ่นของมันดีมากเลย เพียงได้กลิ่นครั้งเดียวก็ชอบอย่างยิ่ง ดังนั้นทางด้านวั่นกงกงจึงเร่งของอยู่เรื่อย จะให้สวีกงกงทำส่งไปให้มากขึ้น แต่ตลอดมาสวีกงกงก็ไม่เคยปรุงได้ดีเลยสักครั้งเดียว”  

 

 

เซียงฉือได้ยินดังนั้นตกใจอย่างยิ่ง ในเรื่องนี้ยังมีกูกูอีกคนหนึ่ง แล้วนางจะมีบทบาทอะไรหนอ โครงสร้างฝ่ายในนี่มันอย่างไรกัน ทำไมคนเหล่านั้นจึงมีความสัมพันธ์กันซับซ้อนนัก  

 

 

คล้ายดั่งตาข่ายผืนใหญ่ ไม่ว่าจะขยับตรงไหน ตาข่ายทั้งผืนก็จะขยับเขยื้อนอย่างรุนแรง  

 

 

เซียงฉืออึ้งไป นางมองเสียวสี่จื่อแล้วพูดอย่างจริงจังยิ่งว่า  

 

 

“เสียวสี่จื่อพี่ถามเจ้าหน่อย เจ้าจำหน้าตากูกูคนนั้นได้ไหม”  

 

 

เสียวสี่จื่อส่ายหน้า ตอบอย่างอึดอัดว่า  

 

 

“ท่านพี่ ไม่ใช่เสียวสี่จื่อจะไม่ช่วยท่าน แต่เพราะเห็นแต่ข้างหลังนางจริงๆ ยังไม่เคยเห็นข้างหน้าเลย ความจำข้าดีมากนะ คนที่เห็นผ่านตาแล้วจะไม่มีวันลืมเลย”  

 

 

เซียงฉือยิ้ม ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำพูดนี้นัก เพียงแต่ได้ยินที่เขาพูดแล้วรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเท่านั้น  

 

 

“เอาเถอะๆ พวกเรารีบกลับไปกันดีกว่า เสียวสี่จื่อร้ายกาจที่สุดแล้ว”  

 

 

คำพูดของเซียงฉือไม่ต่างอะไรกับคำหลอกเด็ก ทำให้เสียวสี่จื่อไม่พอใจเบ้ปาก แต่ก็ยังดีใจมากที่ถูกพี่เซียงฉือจูงแขนรีบกลับไปยังสำนักอักษรซื่อคู่  

 

 

สวี่อี้เดินออกมาจากข้างในพอดีแล้วก็เห็นเซียงฉือ สีหน้านางเคร่งเครียดมาก  

 

 

เซียงฉือไม่เข้าใจจึงรีบเดินเข้าไปถามว่า  

 

 

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมจึงได้ขัดเคืองเช่นนี้”  

 

 

เซียงฉือถาม สวี่อี้พ่นลมเย็นออกจมูก ด้านหลังมีหมัวหมัวตามมาสองคน ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน  

 

 

“ใต้เท้าทั้งสอง พวกเราไม่รู้ว่าของพวกนั้นมีความสำคัญ เพียงคิดว่าเจ้าสวีหมิ่นที่สมควรตายถึงกับกล้าไปลอบปลงพระชนม์องค์หญิง เกรงว่าการตายของเขาจะพลอยทำให้พวกเราเดือดร้อนไปด้วย จึงได้เผาของทั้งหมดของเขาจนหมดไม่เหลือซากแล้ว”  

 

 

“ใต้เท้าสวี่อย่าได้โกรธเลยเจ้าค่ะ หากเสียสุขภาพ พวกเราจะรับโทษไม่ไหวนะเจ้าคะ”  

 

 

หมัวหมัวสองคนที่ด้านหลังรีบปลอบเตือน เซียงฉือก็ส่ายหน้าด้วยความเสียดาย แล้วก็ได้ยินสวี่อี้พูดว่า  

 

 

“ของพวกนั้นล้วนเป็นหลักฐาน หลักฐานนะ ถึงกับกล้าปิดบังไม่แจ้งกองคดี พวกเจ้าบังอาจมาจากไหนถึงกับกล้าทำลายหลักฐาน ตามกฎบัญญัติวังหลวงแห่งแคว้นเซียวจิ่ง ข้าสามารถตีพวกเจ้าได้คนละร้อยไม้”  

 

 

“เฮอะ ช่างน่าโมโหนัก”  

 

 

เซียงฉือได้ยินแล้วรู้สึกขำ สวี่อี้พูดถูก เพียงแต่ว่าตอนนี้เป็นคำพูดที่นางพูดขณะกำลังโกรธทำให้หมัวหมัวทั้งสองหวั่นเกรงแข้งขาสั่นเทาแทบจะทรงตัวไม่ไหว แลดูแจ่มชัดยิ่งกว่านักแสดงบนเวทีเสียอีก  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 483 ถือโอกาส  

 

 

เซียงฉือเห็นฝ่ายตรงข้ามหวาดกลัวเช่นนั้นจึงเดินเข้าไปพูดขึ้นยิ้มๆ  

 

 

“โถๆๆ ใต้เท้าสวี่ของพวกเราจะโกรธไปทำไม กับเพียงแค่คนไม่กี่คน ไม่พอใจก็สั่งใครตีเสียให้ตายก็สิ้นเรื่อง จะต้องมารำคาญใจแบบนี้ทำไม”  

 

 

คำพูดเซียงฉือทำให้หมัวหมัวทั้งสองคุกเข่าลงทันที น้ำมูกน้ำตาไหลนองพื้น ร้องขอชีวิตงกๆ อย่างหวาดกลัว  

 

 

“เซียงฉือ ข้า…”  

 

 

สวี่อี้ฟังคำพูดเซียงฉือแล้วเกิดความสงสัยมองดูนาง นางไม่เคยคิดทำลายชีวิตใครมาก่อน ถึงนางจะควบคุมกองคดีแต่ตลอดมาไม่เคยโหดร้ายเช่นนั้น  

 

 

พอเซียงฉือพูดเช่นนั้น นางคิดจะโต้แย้ง เซียงฉือจึงเลิกคิ้วกลอกตา สวี่อี้จึงได้หยุดคำพูด  

 

 

“ว่าอย่างไร หรือว่าข้าอยุติธรรมกับพวกเจ้าทั้งหลาย”  

 

 

หมัวหมัวพวกนั้นกลัวตัวสั่น มองกันเลิกลั่กไปมาหลายหน แต่ไม่กล้าพูดอะไร  

 

 

เหตุที่เซียงฉือทำเช่นนี้เพราะนางรู้สึกว่าหมัวหมัวพวกนี้ไม่มีความกล้าพอจะไปทำลายหลักฐานได้ จะต้องมีใครบงการให้พวกนางทำเช่นนั้น  

 

 

ทั้งเซียงฉือและสวี่อวี้เองก็มาสายเกินไปจึงไม่หลงเหลือหลักฐานอะไรอีกเลย  

 

 

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกนางมีแต่จะถูกคนจูงจมูก ส่วนสวี่อี้ฟังเซียงฉือพูดแล้วจึงได้คลายจากโทสะ พูดต่อด้วยสีหน้าเย็นชา  

 

 

“เฮอะ เป็นเพราะยายเฒ่าไม่กี่คนอย่างพวกเจ้าทำให้ข้าปิดคดีไม่ได้ หากฝ่าบาทคาดโทษลงมาก็ต้องตายสถานเดียว ในเมื่อพวกเจ้าทำลายการงานของข้าเช่นนี้จะเก็บพวกเจ้าไว้ทำไม”  

 

 

เซียงฉือยิ้มแล้วเติมเชื้อเพลิงลงไปอีก  

 

 

“ใต้เท้าสวี่ ข้ามีวิธีการหนึ่ง คนพวกนี้ไม่มีคำสั่งจากเจ้านายก็กล้าลอบทำลายของทิ้ง ในเมื่อท่านกับข้าอย่างไรก็คงจะจับคนร้ายไม่ได้แล้ว มิสู้จัดให้คนพวกนี้เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังแล้วจับตัวไปเป็นอย่างไร”  

 

 

พอเซียงฉือพูดเช่นนั้น พวกคนด้านล่างก็ยิ่งเหลือเพียงลมหายใจออกไม่มีลมหายใจเข้าแล้ว ตกใจจนฟันกระทบกันกึกกักคุกเข่ากองอยู่ด้วยกัน แม้แต่ร้องไห้ก็ยังไม่กล้าเสียงดัง มองกันไปมาสายตากลอกกลิ้ง  

 

 

“ใต้เท้าอวิ๋นสมควรแล้วที่เป็นคนใกล้ชิดฝ่าบาท ช่างมีข้อคิดเฉียบแหลม แผนการไม่ธรรมดา ยายเฒ่าพวกนี้ทำให้ข้าเดือดดาลจริงๆ หากจับพวกนางข้อหาลอบปลงพระชนม์องค์หญิง คิดว่าฝ่าบาทไม่เพียงจะสั่งสับเถือพวกนางเป็นพันชิ้น ยังจะกวาดล้างครอบครัววงศ์ตระกูลให้สิ้นอีกด้วย ตัดหัวเสียทุกคนจึงจะขจัดความกังวลพระราชหฤทัยได้”  

 

 

พวกยายเฒ่าถูกสวี่อี้สำทับลงไปอีกครั้ง พวกที่ขวัญอ่อนแทบจะสลบล้มพับไป แต่ก็มีพวกใจกล้าไม่กลัวตายเข้าไปกอดขาเซียงฉือ ร้องไห้ฟ้องเสียงดัง  

 

 

“ใต้เท้า ข้าน้อยถูกใส่ความ ถูกใส่ความเจ้าค่ะ เป็นเพราะหลี่กงกงมาสั่งการ บอกให้พวกเราทำลายของพวกนั้นเสียล้วนเป็นหลี่กงกงสั่งการ ข้าน้อยเพียงทำตามคำสั่ง ข้าน้อยอ้อนวอนต่อใต้เท้า ปล่อยข้าน้อยเถิด!”  

 

 

เซียงฉือมองสวี่อี้ ทั้งคู่ผงกศีรษะอย่างพอใจ  

 

 

เซียงฉือสลัดขา พูดขึ้นว่า  

 

 

“ปล่อยมือ! หลี่กงกงอะไรกัน หลี่กงกงสั่งพวกเจ้าทำอะไรพวกเจ้าก็ทำเช่นนั้นหรือ แต่งเรื่องโกหกแบบนี้มาหลอกข้าเห็นข้าเป็นคนโง่หรือไร ทหาร! จับพวกนางไปขังในคุกที่กองคดี รอการพิจารณา”  

 

 

หมัวหมัวคนที่กอดขาเซียงฉือร้องไห้อย่างเจ็บช้ำ ส่วนหมัวหมัวด้านข้างพูดต่อขึ้นมาอย่างฉลาด  

 

 

“เป็นหลี่กงกงจากตำหนักจู้เซียงเจ้าค่ะ เขาบอกว่าได้รับคำสั่งจากซูเฟย พวกเราเป็นเพียงบ่าว ซูเฟยทรงควบคุมฝ่ายในเป็นดั่งฮองเฮา พวกเราจะกล้าไม่เชื่อฟังได้อย่างไร ขอให้ใต้เท้าพิจารณาด้วยเถิด ใต้เท้าโปรดพิจารณาด้วยเถิดเจ้าค่ะ”  

 

 

เซียงฉือขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังหรือจะเป็นซูเฟยจริงๆ  

 

 

เซียงฉือเพิ่งจะเริ่มเป็นพันธมิตรกับซูเฟย หรือว่าตอนนี้จะต้องมาสู้รบปรบมือกันเพื่อแก้ปัญหาแล้ว  

 

 

สวี่อี้มองเซียงฉือแล้วยกมือขึ้น ทหารองครักษ์หลายคนก็ออกมานำตัวหมัวหมัวหลายคนไป เมื่อสั่งการให้ดูแลให้ดี อย่าให้พวกนางฆ่าตัวตายได้ จึงให้นำตัวไป  

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset