บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 504 ตกใจตื่นจากฝัน / ตอนที่ 505 ถูกคนควบคุม

ตอนที่ 504 ตกใจตื่นจากฝัน  

 

 

รั้วของความทรงจำส่วนลึก คือความโศกเศร้าที่ไม่มีที่ทางให้หลบซ่อน  

 

 

อีกครั้งที่เซียงฉือร้องไห้จนตื่นขึ้นมา ยามค่ำคืนที่ตื่นจากฝันคล้ายดั่งการพิจารณาคดีที่ค้างเติ่งไม่ปิดฉาก พกพาความเศร้ารันทดหนักหนาที่ไม่สิ้นสุดแก่นาง เซียงฉือเข้าวังมาเกือบสองปีแล้ว แต่จดหมายจากทางบ้านมีมาเพียงฉบับเดียวเหมือนดั่งซุกเงียบอยู่ใต้หมอนของนาง ถูกน้ำตาของนางหลั่งรดทุกวัน  

 

 

ระยะนี้ไม่รู้เพราะเหตุใดเมื่อถึงตอนเที่ยงคืนต้องตื่นขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุ แม้จะดื่มยาที่ทางกองโอสถส่งมาให้แล้วก็ยังไม่ดีขึ้น  

 

 

เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นบนหน้าผาก เซียงฉือดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะ ไม่รู้จริงๆ ว่ากำลังคิดอะไร  

 

 

“นอนไม่หลับอีกแล้วหรือ”  

 

 

ในห้องมีเสียงไม่คาดคิดเสียงหนึ่งดังขึ้น นำกลิ่นอายความเงียบเหงาของแสงจันทร์คืนสารทฤดูมาด้วย แต่ทำให้เซียงฉือรู้สึกอบอุ่นยิ่งขึ้น  

 

 

“ฝ่าบาทยังไม่บรรทมหรือเพคะ”  

 

 

เซียงฉือยื่นศีรษะออกมาจากใต้ผ้าห่ม ในเวลาและสถานที่เช่นนี้ และที่สำคัญที่สุดคือเสียงเสียงนี้ คงมีก็แต่เพียงหรงจิงเท่านั้น  

 

 

หรงจิงยืนอยู่ใต้หน้าต่างไม่ห่างออกไปนัก เซียงฉือลืมตามองไปยังหรงจิง มองดูแสงจันทร์สาดเกลื่อนพื้น และใบหน้าหรงจิงที่อาบอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์นั้น  

 

 

“เหตุใดฝ่าบาททรงบรรทมไม่หลับเพคะ” เซียงฉือลุกขึ้นแล้วสวมเสื้อคลุม แต่เพราะในห้องอากาศเย็นจึงขดตัวอยู่ในผ้าห่มไม่คิดจะออกมา  

 

 

หรงจิงนั่งดื่มสุราอยู่ด้านหนึ่ง ดื่มเบาๆ ทีละคำ  

 

 

เซียงฉือมองดูเขาที่หันหลังให้แสงสว่างจึงมองสีหน้าไม่ชัดเจน นางกระชับเสื้อคลุมแล้วเดินเข้าไป  

 

 

“คนเมาใจไม่เมา ช่างเงียบเหงาไปทุกที่ ท่องฝันในราตรี จันทร์ผ่องศรีมิได้ชม”  

 

 

เซียงฉือได้ยินแล้วก็หัวเราะขำออกมา นางเติมสุราในจอกหรงจิงจนเต็มแล้ววางไว้เบื้องหน้าเขา  

 

 

“จันทร์เคียงดื่มลำพังพบเกลอเก่า เชิญดื่มเหล้าหมดจอกเถิดหนาท่าน”  

 

 

คำพูดเซียงฉือทำให้หรงจิงเลิกคิ้ว แล้วรับจอกสุราจากเซียงฉือดื่มรวดเดียวจนหมด  

 

 

เซียงฉือนั่งอยู่ข้างกายหรงจิงอย่างสงบ การนอนหลับของนางในระยะนี้แย่ลงเรื่อยๆ นางไม่ได้มีจิตใจที่มั่นคงเหมือนหรงจิง จิตใจจึงยิ่งหงุดหงิดวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ  

 

 

หากเพียงหรงจิงมานั่งดื่มสุราใต้หน้าต่างบ้าง ก็จะสามารถได้ยินเสียงถอนหายใจยาวๆ ของเซียงฉือ  

 

 

“เหตุใดเจ้าจึงไม่นอน หรือจะซุกซ่อนความลับในใจกระมัง ข้าบังเอิญได้ยินเสียงร้องไห้อย่างโศกเศร้าเหลือเกินจากในห้องเจ้า แต่พอเดินเข้ามาก็เห็นเจ้าหลับอยู่”  

 

 

เซียงฉือฟังแล้วก็ส่ายศีรษะไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร นางเคยคิดว่าที่ร้องไห้ถึงขนาดนี้คงเป็นเพราะคิดถึงญาติ แต่ต่อมาพบว่าเรื่องนี้หนักหนารุนแรงกว่าที่นางคิดไว้มาก  

 

 

จึงได้ไปตรวจที่กองโอสถหลายครั้ง แต่แม้แต่ซู่เวิ่นเองก็ไม่รู้ว่าเซียงฉือเป็นโรคอะไรแน่  

 

 

อีกไม่กี่วันบรรดาสนมใหม่ก็จะเข้าวังแล้ว ภายในวังจึงมีการทำความสะอาดปรับปรุงซ่อมแซมอาคารกันใหม่วุ่นวายไม่น้อย แต่หรงจิงไม่ได้ยินดีอะไรมากมาย เซียงฉือเองเพราะเรื่องร้องไห้แล้วตื่นขึ้นกลางดึกเช่นนี้ ทำให้ไม่มีชีวิตชีวาในแต่ละวัน  

 

 

หรงจิงหยิบจอกสุราใบหนึ่งที่ด้านข้าง แล้วพูดว่า  

 

 

“ยังไม่เคยเห็นเจ้าดื่มสุรามาก่อน สุรานี้รสชาติชุ่มคอแต่ออกฤทธิ์แรง หากคนคอไม่แข็งดื่มไปเพียงจอกเดียว ก็จะหลับสนิทไปจนถึงสว่าง”  

 

 

เซียงฉือฟังแล้วมองสุราจอกนั้น ลังเลครู่หนึ่งก่อนจะยกจอกขึ้นแล้วกลืนลงไปในรวดเดียว  

 

 

“แค่ก แค่ก แค่ก…”  

 

 

รสชาตินั่นชุ่มคอเสียเมื่อไหร่ มีแต่รสเผ็ดร้อน ทำให้คอของเซียงฉือราวถูกไฟแผดเผา ถึงกับต้องกระแอมไอออกมา หรงจิงหัวเราะ  

 

 

“เจ้าก็ยังเป็นเจ้าเด็กต๊องอยู่นั่นเอง ใครใช้ให้เจ้าดื่มลงไปรวดเดียวเช่นนั้น”  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 505 ถูกคนควบคุม  

 

 

หรงจิงหัวเราะพร้อมกับตบหลังเซียงฉือ พูดแฝงความรักใคร่ว่า  

 

 

“พรุ่งนี้ไม่ต้องลุกขึ้นมา นอนให้มากสักหน่อยจะดีกว่า ซู่เวิ่นบอกไม่ใช่หรือว่าเป็นเพราะประสาทเจ้าตื่นตัวมากเกินไปจึงได้เป็นแบบนี้”  

 

 

ใบหน้าเซียงฉือแดงก่ำเหมือนสุกไปหมด หรงจิงเห็นนางส่ายหน้าไปมาจึงยื่นมือออกไปจับใบหน้านาง  

 

 

“อยู่ข้างกายข้าทำให้เจ้าหวาดกลัวถึงขนาดนี้เชียวหรือ”  

 

 

เขาหัวเราะเหอะๆ ราวกับเด็กไร้เดียงสา หรงจิงเหมือนถูกนางที่เป็นเช่นนี้ทำให้ผิดไปจากความเป็นจริง  

 

 

ทั้งใจยังถูกนางกระตุ้น หรงจิงแปลกใจตนเองจนต้องส่ายศีรษะ  

 

 

ขณะจะดึงตัวเองออกจากความรู้สึกเช่นนี้ เซียงฉือก็ยื่นนิ้วออกมา แตะเบาๆ ที่ริมฝีปากเขา ตรึงไว้ด้วยสายตาลุ่มหลงท่าทางเลอะเลือน ดวงตาหรงจิงหรี่ลง  

 

 

“ฝ่าบาท หม่อมฉันโดดเดี่ยวตัวคนเดียวจริงๆ เพคะ อยู่ในวังนี้อย่างไร้ที่พึ่งน่าหวาดกลัวยิ่งนัก ท่านปู่ก็ไม่อยู่แล้ว ท่านพ่อก็ไม่รู้ว่าไปไหน ส่วนเซียงซือก็เกลียดหม่อมฉันมาก”  

 

 

“ฝ่าบาท หม่อมฉันพากเพียรเพื่อความอยู่รอด แต่เหตุใดจึงได้โดดเดี่ยวเช่นนี้…”  

 

 

หรงจิงพอฟังคำพูดนางแล้ว ความประหลาดใจที่ค้างอยู่ก็มลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยจริงๆ  

 

 

ลมสายหนึ่งพัดกระทบหน้าต่าง กระดาษกรุหน้าต่างบางๆ ถูกลมพัดจนส่งเสียงขึ้นมา คล้ายดั่งเสียงสะอื้นอย่างโศกเศร้าของเซียงฉือ  

 

 

หรงจิงยื่นมือออกไปโอบเซียงฉือ จับศีรษะนางแนบเข้ากับแผ่นอก ค่อยๆ ตบหลังนาง  

 

 

“เจ้าไม่ได้กลัวข้าหรอกหรือ หรือว่าจะคิดถึงบ้าน”  

 

 

หรงจิงยิ้มและอ่อนโยนกับนางยิ่งขึ้น เสียงขลุ่ยดังขึ้นด้านนอกหน้าต่าง ฉับพลันนั้นเซียงฉือเกิดปวดท้องขึ้นมา สติจึงแจ่มชัดขึ้นบ้างในทันที นางถึงกับกุมท้องทรุดลงนั่งบนเข่า สีหน้าเจ็บปวดลุกไม่ขึ้น  

 

 

น้ำตาหลั่งรินแต่ไม่มีเสียงแม้แต่น้อย หรงจิงรู้สึกตกใจ รีบอุ้มนางเดินไปที่เตียง ร่างกายเซียงฉืออ่อนปวกเปียกราวสิ้นเรี่ยวแรง ปล่อยให้หรงจิงเคลื่อนไหวตามสบาย อีกครั้งที่นางเหมือนดั่งร่วงลงสู่หุบเหวลึกไร้ก้น  

 

 

ตอนนี้ถึงแม้นางจะเจ็บปวดแต่ก็เข้าสู่ความฝันอย่างรวดเร็ว ฝันร้ายของนางเริ่มขึ้นอีกแล้ว ครั้งนี้นางอยู่ในทะเลทรายรกร้าง ไม่มีน้ำ ไม่มีผู้คน ในความทรงจำเหมือนดั่งว่ากำลังหาใครอยู่ นางเดินไปๆ แต่ว่าทรายปลิวว่อนเต็มท้องฟ้านางกระหายน้ำ กระหายอย่างยิ่ง ในลำคอเหมือนมีกองไฟกองหนึ่งกำลังเผาไหม้  ร่างของนางกำลังใกล้จะถูกเค้นจนเหือดแห้ง  

 

 

“ข้าหิวน้ำเหลือเกิน หิวน้ำ ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย…”  

 

 

“ช่วยข้าด้วยได้ไหม” เสียงของเซียงฉืออ่อนแรงอย่างยิ่ง แต่หรงจิงอยู่ข้างๆ ได้ยินอย่างชัดเจน อวิ๋นเซียงฉือในตอนนี้ไม่รู้ตัวว่านิ้วและเล็บของนางได้จิกลึกลงไปบนแขนหรงจิง ลึกลงไปบนนั้นและมีเลือดติดอยู่  

 

 

หรงจิงได้รับความเจ็บปวดแต่ไม่ได้ดึงแขนออก แต่กลับพลิกมือกอดเซียงฉือไว้ พูดปลอบให้คลายกังวล  

 

 

“ข้าเฝ้าเจ้าอยู่ เจ้าไม่ต้องกลัว”  

 

 

หรงจิงได้ยินเสียงขลุ่ยด้านนอกค่อยๆ หายไป เซียงฉือจึงกลับสงบลงได้อย่างช้าๆ ดวงตาหรงจิงคมกริบปานกระบี่  

 

 

เขารู้แล้วว่าอาการนอนไม่หลับของเซียงฉือไม่ใช่เรื่องธรรมดา เบื้องหลังจะต้องมีคนควบคุมเรื่องนี้อยู่ แต่ไม่ว่าคนคนนั้นจะมีแผนการใด เขาจะไม่มีทางให้คนคนนั้นประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน  

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset