บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 512 จับตัวสวีฝู / ตอนที่ 513 ดูไม่น่าเชื่อ

ตอนที่ 512 จับตัวสวีฝู  

 

 

เซียงซวินจับตัวคนกลับไปยังคุกใต้ดินทำการสอบสวนในคืนนั้น เครื่องลงทัณฑ์ในมังกรเหินเหนือกว่าของกองคดี ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเครื่องมือเพื่อการศึกษาวิธีถลกหนังเลาะกระดูกโดยเฉพาะ เพื่อให้คนเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่  

 

 

ดังนั้น คนที่เข้ามาในคุกใต้ดินนี้ ยังไม่เคยมีที่จะง้างปากออกมาไม่ได้มาก่อน  

 

 

เซียงซวินได้รับบัญชาจึงส่งคนเข้าคุก แล้วก็มียายเฒ่าคนหนึ่งยกชามน้ำแกงเดินเข้ามาทันที นางงกๆ เงิ่นๆ ผมขาวเต็มไปทั่ว ฟันเหลือง ทั้งเสื้อผ้าบนร่างก็ไม่สะอาดเรียบร้อย แต่คนทั้งหลายต่างนอบน้อมต่อนาง  

 

 

ยายเฒ่าคนนั้นพูดว่า “เข้าประตูนรกของข้าแล้ว จะต้องดื่มน้ำแกงลืมภพ วังบาดาลนี้ไม่มีคนมานานแล้ว ไม่มีใครมาคุยกับยายเฒ่าคนนี้แล้ว”  

 

 

“มาเถอะ เด็กน้อยเอ๋ยดื่มน้ำแกงชามนี้แล้ว จะทำให้ลืมเรื่องราวในชาติภพก่อนสิ้น ยายเฒ่าขอเตือนเจ้า มีคำพูดอะไรก็จงพูดออกมา ที่นี่ยังน่ากลัวกว่านรกขุมที่สิบแปดเสียอีก”  

 

 

ยายเฒ่าคนนั้นพูดจบก็แสยะยิ้ม แล้วกรอกยาน้ำดำเมี่ยมชามนั้นลงไป  

 

 

ใบหน้างดงามของสวีฝูบิดเบี้ยวราวถูกขยุ้มในทันใด แลดูน่ากลัวอย่างยิ่ง รสชาติน้ำแกงลืมภพชามนั้นคงไม่ได้อร่อยสักเท่าใด  

 

 

“แม่เฒ่าเมิ่ง เป็นอย่างไรบ้าง”  

 

 

เซียงซวินเดินเข้ามาในมือถือแส้ที่ทำจากหญ้า ยิ้มแล้วตีลงบนฝ่ามือเพื่อทดสอบน้ำหนัก ยายเฒ่าเมิ่งจึงพูดว่า  

 

 

“ยาของข้าจะออกฤทธิ์ในหนึ่งเค่อ นางนี่นะ ถึงจะเป็นหญิงสาวที่มีความอดทนแต่ก็ทนความทรมานจากน้ำแกงภูติของข้าได้ยาก นางจะไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน เจ้าสามารถทรมานได้ตามสบาย”  

 

 

“ดูผิวหนังละเอียดอ่อนเนื้อนุ่มละมุนนี่สิ เฒ่าอู๋บอกไว้แล้วว่ามีของงดงามมา ช่วยเหลือหนังไว้ให้เขาสักครึ่งหนึ่งด้วย เตียงมนุษย์ของเขาขาดเป็นรูอยู่ เห็นว่านอนไม่สบายเอาเสียเลย”  

 

 

น้ำแกงที่ยายเฒ่าเมิ่งเพิ่งให้มาชามนั้นหาใช่น้ำแกงยายเมิ่งที่ดื่มก่อนข้ามสะพานไน่เหอไม่ แต่เป็นน้ำแกงภูติที่ขึ้นชื่อลือชาที่สุดในวังบาดาลแห่งนี้ เมื่อดื่มน้ำแกงแล้วถึงจะมีความสามารถยิ่งใหญ่เพียงใดก็ไม่สามารถสำแดงออกมาได้ ทั้งร่างราวกับถูกภูติผีฉุดยื้อตัวไว้ ไร้สิ้นเรี่ยวแรง เบื้องหน้าจะเห็นวิญญาณล่องลอยผ่านไปตลอดเวลา ทำให้ประสาทคนขาดผึง  

 

 

เซียงซวินรู้ถึงความน่ากลัวของสิ่งนี้ดี ดังนั้นจึงสั่งคนเตรียมไว้แต่แรก ตอนนี้เห็นสวีฝูหมดสิ้นเรี่ยวแรงต่อต้านจึงได้ถามขึ้น  

 

 

“เจ้านายส่งข้ามาถามเจ้า เจ้านายเบื้องหลังเจ้าเป็นใคร แล้วพวกเจ้าทำอะไรใต้เท้าอวิ๋นบ้าง เหตุใดต้องทำเช่นนั้น”  

 

 

คำพูดของเซียงซวินทำให้ศีรษะของสวีฝูผงกอยู่ตลอดอย่างไม่อาจควบคุมได้  

 

 

ร่างของสวีฝูหนักอึ้ง เจ็บปวดอย่างรุนแรง เบื้องหน้ามีแต่วิญญาณเลือนราง ห้อยศีรษะลงครึ่งหัวเหมือนกำลังจะมาทวงชีวิตกับนาง ทำให้นางตกใจแทบตาย  

 

 

ยังดีที่ยายเฒ่าเมิ่งไม่ได้ให้ยาแรงมาก รอเพียงครู่เดียวทั้งร่างก็จะสิ้นเรี่ยวแรง มิเช่นนั้นเซียงซวินยังกังวลว่าสวีฝูจะเป็นบ้าไปเสียก่อนจะทันได้สอบสวน  

 

 

สวีฝูหลบเซียงซวินไปไกล นางหวาดกลัวไม่กล้าลืมตา แต่ถึงจะทำเช่นนั้นก็ยังมีเสียงน่าสะพรึงคอยติดตามดั่งเงา น่ากลัวอย่างที่สุด  

 

 

นางกลัวจนอยากจะร้องตะโกน แต่นางได้แต่อ้าปากกว้าง ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา  

 

 

นางหายใจอย่างยากลำบาก เซียงซวินรู้ว่าทุกคนจะต้องผ่านประสบการณ์เช่นนี้ช่วงเวลาหนึ่ง ขอเพียงนางอย่าหวาดกลัวจนเกินไปก็จะไม่ไปหยุดประสิทธิภาพของน้ำแกงภูติ แต่ก็ต้องปล่อยให้จิตใจและสติของนางได้รับความทรมานให้เต็มที่เสียก่อน จึงจะพูดคุยด้วยได้ง่ายขึ้น  

 

 

เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งแล้ว สวีฝูเหมือนจะสลบไป เซียงซวินสาดน้ำเย็นเข้าไปอ่างหนึ่ง นางจึงค่อยๆ ฟื้นขึ้น ถึงแม้เบื้องหน้าจะไม่มีอะไรแล้ว แต่สวีฝูก็ยังหวาดกลัวไม่กล้ามองสะเปะสะปะ ได้แต่หลับตาหวีดร้องด้วยความกลัว  

 

 

เซียงซวินแนบข้างหูนางพูดว่า  

 

 

“ทำร้ายคนไปมากล่ะสิ คงไม่รู้สินะว่าคนพวกนั้นจะมาทวงชีวิตคืนน่ะ”  

 

 

“มีคำพูดว่าหากไม่ทำเรื่องชั่วร้ายในตอนกลางวันแล้วละก็ ตกกลางคืนก็ไม่ต้องกลัวภูติผีมาเคาะประตูเรียก”  

 

 

“ใต้เท้าสวีกำลังหวาดกลัวสิ่งใดอยู่หรือ”  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 513 ดูไม่น่าเชื่อ  

 

 

ฤทธิ์ยาน้ำแกงภูติค่อยๆ สลายไป แต่ความหวาดผวาที่หลงเหลือไว้ยังไม่ได้หายไปด้วย กลับทำให้ชั่วขณะที่สวีฝูมองเห็นเซียงซวินนั้นแทบจะวิกลจริตไป เอาแต่กรีดร้องเสียงดัง  

 

 

แต่ที่อยู่ในวังบาดาลนี้ เซียงซวินเพียงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า  

 

 

“เจ้าร้องไปเถอะตามสบาย ที่นี่อยู่ห่างจากห้องโถงด้านบนกว่าสิบหมี่ ถึงเจ้าจะร้องจนคอแตกก็คงไม่มีใครได้ยินเจ้า”  

 

 

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดประโยคนั้นหรือคำคำใดที่ให้ผล สวีฝูจึงได้หยุดกรีดร้องอย่างหวาดกลัวลงได้ แต่สายตานางยังคงเลื่อนลอยขณะอ้อนวอนต่อเซียงซวิน  

 

 

“ขอร้องล่ะใต้เท้า ข้าไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้อะไรสักอย่าง ปล่อยข้าเถอะนะ ช่วยข้าด้วยเถิด”  

 

 

ใบหน้างดงามของสวีฝูบิดเบี้ยวได้ถึงปานนี้ ทำให้เห็นถึงความแปลกประหลาดอันน่ากลัวของสิ่งนั้น  

 

 

เซียงซวินพูดอย่างถูกใจว่า  

 

 

“ถ้าเช่นนั้นก็อย่ามาเสียเวลาของพวกเรากันเลย ตอบคำถามข้ามาให้ชัดเจนแล้วเรื่องนี้ก็จะแก้ไขได้ เชิญใต้เท้าสวี”  

 

 

ถึงสติสัมปชัญญะของสวีฝูจะยังสับสนอยู่บ้างแต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปโดยไม่ยั้งคิด เซียงซวินเห็นท่าทีต่อต้านถึงที่สุดของนางเช่นนั้นก็เลิกเกรงใจ แล้วประเคนแส้เชือกหยาบๆ ลงไปตรงๆ  

 

 

“โอ๊ย”  

 

 

“อ๊า”  

 

 

สวีฝูร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แต่แล้วก็กัดริมฝีปากแน่นไม่กล้าให้เสียงเล็ดลอดออกมา แต่ผิวพรรณที่ขาวผุดผาดได้ผุดรอยเลือดสีแดงๆ ขึ้นเป็นริ้ว เห็นแล้วชวนคลื่นเ**ยน การตีเช่นนี้เหมือนการฝังเข็มเงินเข้าจุด ยังไม่ถึงเวลาหนึ่งก้านธูป สวีฝูก็สารภาพออกมาจนหมด  

 

 

วันนั้นที่องค์หญิงตกน้ำ เป็นเพราะไปเห็นวั่นกวงกับสวีฝูติดต่อกันและได้ยินวั่นกวงบอกสวีฝูให้วางยาพิษเซียงฉือ  

 

 

นางมาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีคำเท็จใดที่จะพูดออกมาอีก ได้แต่ยอมรับทุกเรื่องอย่างซื่อสัตย์  

 

 

การที่องค์หญิงเพลี่ยงพล้ำตกน้ำ ในตอนนั้นนางกลัวจะถูกโยงใยเข้าไปด้วยจึงรีบเร่งหนีไป ส่วนวั่นกวงออกไปดูก็เห็นพระชายาและข้าราชสำนักสตรีอื่นๆ มาถึง จึงรีบหายตัวไป  

 

 

การกระทำของสวีฝูเกิดจากการชี้นำของวั่นกงกง ส่วนเหตุใดนางจึงยอมร่วมมือด้วยนั้น เพียงเหตุผลง่ายๆ  นั่นเพราะคนในครอบครัวสวีฝูถูกวั่นกวงควบคุมเอาไว้ นางจึงไม่อาจไม่เชื่อฟังคำสั่งวั่นกวง  

 

 

เหตุใดคนในครอบครัวสวีฝูสามารถถูกขันทีคนหนึ่งคุกคามได้ เป็นเพราะว่าถึงแม้วั่นกวงจะชราภาพแล้ว แต่เขาได้กำความลับไว้มากมายอีกทั้งยังมีไพ่ตายในมือ หากคนของเขาพวกนี้ไม่เชื่อฟัง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็จะเค้นคอพวกเขาจนถึงตาย  

 

 

ดังนั้นคนจำนวนมากจึงยอมเชื่อฟังเพราะเหตุนี้ และสวีฝูก็เป็นคนหนึ่งในนั้นด้วย นางพบกับวั่นกวง แต่ยังรู้สึกว่าวั่นกวงไม่ใช่ผู้บงการหลักในฝ่ายใน ซึ่งผู้บงการหลักในฝ่ายนั้นควรต้องเป็นบุคคลอื่น  

 

 

ส่วนคนคนนี้จะเป็นใครนั้นไม่สามารถตัดสินได้ง่ายๆ เพราะอย่างไรวั่นกวงก็เป็นคนใหญ่คนโต  

 

 

เซียงซวินก็ไม่กล้าปิดบังเรื่องนี้ จึงทูลฮ่องเต้ตามจริงทั้งหมด  

 

 

ขณะนั้นหรงจิงกำลังกอดเซียงฉือหลับสนิทอยู่ในห้อง  

 

 

เซียงซวินเองก็ไม่ทิ้งเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ นางคลุมเสื้อเอนกายหลับอยู่บนเก้าอี้เอนไปตลอดคืน ขณะนั้นเซียงฉือตื่นขึ้นมาเงียบๆ นางเห็นหรงจิงเฝ้าอยู่ข้างกาย พลันแสดงท่าทางที่ไม่กล้าเชื่อขึ้นมา  

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset