บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 514 สวีฝูรับสารภาพ / ตอนที่ 515 ซาบซึ้งอุ่นใจ

ตอนที่ 514 สวีฝูรับสารภาพ  

 

 

เซียงฉือมองดูผ้าห่มที่ยุ่งเหยิงแต่ตนเองยังแต่งกายเรียบร้อยดีอยู่จึงถอนใจโล่งอก  

 

 

หรงจิงเห็นเซียงฉือเช่นนั้น ใบหน้านางแดงเรื่อ รีบลุกขึ้นเตรียมรับใช้เขาที่ตื่นนอน นางได้ยินเสียงมีคนแงะประตูที่ด้านนอก หรงจิงจึงสะบัดมือพูดว่า  

 

 

“เจ้าไปแปรงฟันล้างหน้าที่เรือนด้านหน้า หากไม่ได้เรียกก็ไม่ต้องกลับเข้ามา”  

 

 

เซียงฉือพยักหน้าแล้วปลีกตัวออกไปอย่างว่าง่าย ในตอนนั้นเซียงซวินก็เดินเข้ามา  

 

 

“เซียงซวินมาถวายรายงานเพคะ”  

 

 

หรงจิงพูดอย่างเกียจคร้าน  

 

 

“ว่ามา”  

 

 

คำพูดกระชับได้ใจความตามแบบวิธีพูดที่หรงจิงเคยชิน ส่วนเซียงซวินก็ไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องนี้ นางปฏิบัติตามอย่างสงบ  

 

 

พูดต่อว่า  

 

 

“ที่บ้านเกิดของสวีฝูมีวิชาปรุงพิษจากสัตว์มีพิษที่ไม่ถ่ายทอดสู่ภายนอกชื่อพิษกลืนวิญญาณ โดยใช้วิธีฉีดแมลงตัวเมียเข้าสู่ร่างกาย แล้วเป่าขลุ่ยเร่งไข่ฟักตัวทุกคืน ซึ่งจะทำให้ผู้ถูกพิษเจ็บปวดสาหัส ดังนั้นนางจึงใช้การปรุงยาน้ำที่ตนศึกษามากับอาศัยช่องว่างในการรักษาเซียงฉือ ใช้ยานี้เป็นยาขับพิษหนาวที่ส่งมาให้อวิ๋นเซียงฉือเพคะ”  

 

 

“แต่ดูจากอาการป่วยของใต้เท้าอวิ๋นแล้ว คิดว่านางคงไม่ได้ดื่มยาเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดนี้เพคะ”  

 

 

“นอกจากนี้ สวีฝูยังสารภาพว่าคดีขององค์หญิงก่อนหน้านี้ก็เป็นฝีมือของนางกับวั่นกวง แต่องค์หญิงทรงพลั้งพลัดตกน้ำเองเพคะ นางเพียงมองเห็นความตายแต่ไม่ยอมช่วยเหลือเท่านั้น”  

 

 

เซียงซวินเล่าออกมา หรงจิงพยักหน้า เรื่องนี้ไม่ต่างไปจากการคาดคะเนของเขา แต่มูลเหตุของเรื่องนี้หรงจิงยังอดสงสัยมิได้ จึงถามขึ้น  

 

 

“นางถูกใครบงการให้คิดทำร้ายเซียงฉือ”  

 

 

เมื่อหรงจิงถาม เซียงซวินจึงตอบว่า  

 

 

“วั่นกวงเพคะ แต่เหตุใดวั่นกวงจึงคิดจะฆ่าเซียงฉือนั้นนางก็ไม่ทราบเพคะ นางเพียงปฏิบัติตามคำสั่ง จากคำบอกเล่าของนาง ความจริงคนในครอบครัวนางควรจะตายไปแล้วในภัยธรรมชาติคราหนึ่งเมื่อสองปีก่อน แต่โชคดีได้รับความช่วยเหลือจากวั่นกงกงจึงได้รักษาชีวิตคนทั้งครอบครัวไว้ได้ ครั้งนี้จึงได้ใช้ชีวิตคนในครอบครัวนางข่มขู่บังคับนางทำให้นางไม่อาจไม่ทำตามได้เพคะ”  

 

 

หรงจิงส่งเสียงอึ้มใบหน้าไม่แสดงความรู้สึก เซียงซวินถอยออกไปอย่างรู้งาน หรงจิงจ้องนิ่งไปยังโคมดอกท้อที่ข้างหน้าหน้าต่าง ยิ้มพูดขึ้นเบาๆ  

 

 

“โดยปกติล้วนเป็นข้าที่จะจุดโคมแล้วบรรดาสนมก็จะมาถวายงาน”  

 

 

“พอถึงคราวเจ้ากับข้า เหตุใดจึงได้กลับกันเช่นนี้ เจ้าเป็นคนจุดโคม แล้วข้าก็นอนไม่หลับ”  

 

 

หรงจิงมองดูแสงไฟที่ไหวคลอนแล้วยิ้มอย่างอ่อนใจ  

 

 

เซียงฉือจัดแจงตนเองเสร็จแล้ว นางเปลี่ยนชุดข้าราชสำนักสตรีที่สะอาดเรียบร้อยแล้วนั่งอยู่บนม้านั่งอย่างเชื่อฟัง แต่ในห้องยังมีความหนาวเย็น หรงจิงมีร่างกายแข็งแรงจึงยังไม่ถึงเวลาที่จะจุดไฟอัง  

 

 

แต่เป็นการทรมานสำหรับเซียงฉือ หนาวเหน็บจนมือเท้าเย็น  

 

 

ในเวลาเช่นนี้หากอยู่ในบ้านของนาง เมื่อฤดูหนาวมาถึง เซียงฉือจะขดตัวจนแทบจะกลายเป็นก้อน นางเองก็หวังเสมอว่าตนเองจะสามารถกลายเป็นแมวที่มีขนเต็มตัว เพราะแบบนั้นนางก็จะไม่ต้องกลัวฤดูหนาวอีกแล้ว  

 

 

ตอนหรงจิงเข้ามาเซียงฉือกำลังเป่ามืออยู่ ท่าทางดูน่ารัก หรงจิงเดินเข้าไปจับมือนางพูดว่า  

 

 

“ทำไมจึงเย็นเช่นนี้”  

 

 

ใบหน้าเซียงฉือแดงเรื่อขึ้นทันที นางดึงมือกลับพูดว่า  

 

 

“ฝ่าบาทมิทรงทราบหรือเพคะว่ามือของสตรีนั้นล้วนเย็นเช่นนี้”  

 

 

หรงจิงหัวเราะแล้วจับมือเล็กๆ นั้นกลับมาอีก วางไว้กลางฝ่ามือพูดว่า  

 

 

“ข้าจะแบ่งความอบอุ่นให้เจ้า อย่าได้วิ่งไปที่ไหนอีก เจ้าเด็กต๊อง”  

 

 

เซียงฉือก้มหน้าต่ำไม่กล้าพูดอะไร เพียงแต่ลอบยิ้ม  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 515 ซาบซึ้งอุ่นใจ  

 

 

หรงจิงเห็นนางเป็นแบบนั้นจึงเรียกซูกงกงมา  

 

 

“อากาศหนาวเย็นขนาดนี้แล้ว เหตุใดจึงยังไม่ตั้งเตาผิงอีก”  

 

 

ซูกงกงเบิ่งตาโตแต่ก็ไม่กล้าโต้แย้ง ปากได้แต่พึมพำ  ฝ่าบาท พระองค์จะต้องทรงรอจนกระทั่งหิมะตกจึงค่อยให้ตั้งเตาผิง แต่ตอนนี้ยังอีกนานกว่าที่หิมะจะตกนะ  

 

 

แต่ก็ได้แต่คิดในใจไม่กล้าพูดออกมา เมื่อทำความเคารพแล้วก็รีบไปจัดการตามคำสั่ง  

 

 

หรงจิงเห็นเซียงฉือยิ้ม จึงเอียงศีรษะมองดู เห็นนางก้มหน้าต่ำอย่างขวยเขิน  

 

 

ไม่รู้เป็นไปตั้งแต่เมื่อไรที่หรงจิงชอบจะใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่กับเซียงฉือเช่นนี้ เมื่อก่อนเขายังไม่มีความรู้สึกเช่นนี้ จนกระทั่งเมื่อคืน เขาทิ้งมู่ตาอิ้งแล้วรีบออกไป  

 

 

ตลอดมาหรงจิงเชื่อถือพลังของหน่วยข่าวกรองมังกรเหินของตน แต่เมื่อคืนกลับคิดจะออกไปดูให้รู้ว่าเป็นใครกันที่บังอาจกล้าลงมือต่อคนของเขาเช่นนี้  

 

 

ซึ่งไม่ใช่วิธีการทำงานของเขา แต่เพราะว่าเป็นเซียงฉือ เขาจึงยิ่งไม่อาจวางใจได้  

 

 

หรงจิงนั่งอยู่ข้างๆ เซียงฉือ มองดูนางแล้วพูดว่า  

 

 

“ข้าให้คนไปตามซู่เวิ่นกลับมาแล้ว สุขภาพของเจ้าต่อไปก็ให้นางเป็นคนดูแลเพียงผู้เดียว สวีฝูเพราะความแค้นเคืองจากเรื่องในตำหนักเจิ้งหยางครั้งก่อนจึงได้วางยาพิษเจ้า ดีที่รู้ตัวได้ทันการ แต่เจ้าก็อย่าได้กังวลเกินไปนัก”  

 

 

พลันเซียงฉือนึกขึ้นได้ถึงวันที่องค์หญิงหมิงอวี้จะออกจากวัง นางอ้ำๆ อึ้งๆ แล้วบอกแก่นางว่า  

 

 

‘ระวังโหรวผินให้ดี มีคนจะทำร้ายเจ้า’  

 

 

เซียงฉือคิดแล้วร่างกายหนาวเย็นขึ้นมา วันเวลาเช่นนี้นางไม่เคยคิดถึงมาก่อน โหรวผิน สตรีที่อ่อนโยนมีแต่รักโดยเฉพาะกับฝ่าบาทที่มิตรภาพของนางยิ่งลึกซึ้ง จะลงมือทำร้ายคนได้อย่างไร  

 

 

เซียงฉือส่ายหน้าไม่กล้าคิดต่อ เพียงยิ้มน้อยๆ พูดกับหรงจิง  

 

 

“ในเมื่อขจัดภัยร้ายได้แล้ว หม่อมฉันก็สามารถถวายการรับใช้ฝ่าบาทต่อไปได้อีก ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ หม่อมฉันได้เพิ่มความยุ่งยากให้ฝ่าบาทอีกไม่น้อย ฝ่าบาททรงดูแลเอ็นดูสงสาร หม่อมฉันซาบซึ้ง…”  

 

 

ทุกครั้งเซียงฉือจะเกิดความซาบซึ้งใจต่อหรงจิงอย่างมาก แต่พูดคำพูดยิ่งกว่านี้ไม่ออก ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่าประหลาดใจอะไร ในเมื่อนางเป็นเจ้าตัวปัญหาตัวน้อย ทั้งยังฐานะเล็กจ้อยพูดจาไร้น้ำหนัก ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณอย่างไร  

 

 

“ต่อไปไม่ต้องมาซาบซึ้งอะไรข้าเช่นนี้อีก ข้าเคยบอกแล้วว่าเจ้าเป็นคนของข้า จะไม่ยอมให้ใครมารังแกเจ้า”  

 

 

เซียงฉือตื้นตันใจอย่างแท้จริง ดวงตาถึงกับมีน้ำตารื้นขึ้นมา หรงจิงเห็นแล้วทนไม่ได้จึงลุกขึ้นเดินออกไป  

 

 

“วันนี้ซู่เวิ่นก็จะกลับวังแล้ว ให้นางตรวจดูเจ้าให้ดี เดี๋ยวเป็นโน่นนี่ ทำให้คนเป็นห่วงเสียอย่างนั้น ต่อไปไม่อนุญาตให้เจ้าเป็นแบบนี้อีก และครั้งนี้เมื่อหายป่วยแล้วก็ห้ามเกียจคร้าน ข้าจะฝึกสอนวิทยายุทธ์ให้เจ้าเอง ตกลงตามนี้นะ”  

 

 

หรงจิงพูดจบก็เข้าไปแปรงฟันล้างหน้าที่ห้องด้านใน เซียงฉือยังคงอยู่ที่เดิม นึกสงสารตนเองขึ้นมาบ้าง  

 

 

“เพิ่งจะซาบซึ้งใจ ท่านก็จะมาเพิ่มความกดดันให้แล้ว จะมีก็เพียงฝ่าบาทกับหรงจิงนี่แหละที่คบหาด้วยยากจริงๆ”  

 

 

เซียงฉือคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฝ่าบาทกับหรงจิงไม่ใช่คนเดียวกันหรอกหรือ จึงหัวเราะพรืดออกมา เป็นจังหวะเดียวกับที่หรงจิงเดินออกมาจากข้างในพอดี จึงได้เห็นรอยยิ้มปานบุปผาของเซียงฉือ ริมฝีปากจึงแย้มขึ้นน้อยๆ รอยยิ้มสดใส  

 

 

เซียงฉือลุกขึ้นช่วยฮ่องเต้สวมเครื่องทรง วันนี้เป็นวันประชุมใหญ่ราชสำนัก ดังนั้นจึงต้องสวมศิราภรณ์หยก ประกอบด้วยเม็ดหยกขาวห้อยระย้าสิบสองสาย ช่วยเก็บซ่อนใบหน้าเคร่งขรึมของหรงจิง ให้แลดูลึกลับยิ่งขึ้น  

 

 

จักรพรรดิแท้จริงควรเป็นเช่นนี้ ต้องอยู่สูงส่งห่างไกลเกินใครจะเอื้อม แต่เซียงฉือกลับได้อยู่ข้างหรงจิงทุกวัน ไม่รู้ว่าเป็นวาสนาเช่นไรจึงเป็นไปได้เช่นนี้  

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset