บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 516 แฝงพิษประหลาด / ตอนที่ 517 พิษเรื้อรัง

ตอนที่ 516 แฝงพิษประหลาด  

 

 

ซู่เวิ่นกลับเข้าวัง นางได้รับคำสั่งจากหรงจิงย่อมรู้ว่าสิ่งใดควรหรือมิควรพูด ดังนั้นจึงตรวจชีพจรให้เซียงฉืออย่างละเอียด จากนั้นออกใบสั่งยาให้ ทั้งยังนำภาชนะเครื่องใช้ทั้งหมดของนางไปตรวจสอบ  

 

 

ซู่เวิ่นเป็นคนละเอียดถี่ถ้วน เซียงฉือดูด้วยความสนใจแต่ไม่ได้ยื่นมือเข้าแทรกในเรื่องที่นางกำลังทำ  

 

 

ซู่เวิ่นกลับมาที่ข้างกายนางแล้วถามว่า  

 

 

“หลายวันมานี้ยังฝันร้ายอีกหรือไม่”  

 

 

เซียงฉือพยักหน้า แต่ซู่เวิ่นขมวดคิ้วมุ่นมองดูเซียงฉืออย่างสงสัย เพียงมองดูอยู่นานโดยไม่ได้พูดอะไร ตอนที่หรงจิงกลับมาถึงตำหนักเจิ้งหยาง ซู่เวิ่นกำลังจะออกไปพอดี  

 

 

“ใต้เท้าซู่เวิ่น ช่วยตรวจพระชีพจรเพื่อความสวัสดีถวายฝ่าบาทด้วยเถิด หลายวันนี้ฝ่าบาทก็บรรทมได้ไม่สนิทเลย”  

 

 

ซูกงกงพบซู่เวิ่น รู้ว่าวิชาการแพทย์ของนางสูงส่ง จึงคิดจะรั้งนางไว้ แต่การถวายการรักษาฮ่องเต้เป็นหน้าที่ของหมอหลวง และเพราะฝ่ายในมีการป้องกันระหว่างชายหญิง ดังนั้นหมอหลวงจึงเข้าเวรแต่ในเวลากลางวัน หากต้องเข้าไปรักษายังตำหนักด้านใน จะต้องมีข้าราชสำนักสตรีจากกองโอสถไปด้วยจึงจะทำได้  

 

 

วิชาการแพทย์ของข้าราชสำนักสตรีแต่ไรมาจะเน้นโรคเกี่ยวกับสตรีเป็นหลัก หรงจิงพูดเช่นนี้เพราะมีเจตนาจะรั้งนางไว้  

 

 

หรงจิงอยู่ในที่ประธานมองดูภายในห้อง เขาถอดศิราภรณ์หยกออก มองดูซู่เวิ่นถามว่า  

 

 

“พิษจากสัตว์พิษในร่างนางขจัดไปแล้วหรือไม่”  

 

 

ซู่เวิ่นส่ายศีรษะ หรงจิงเกิดความไม่พอใจแต่ถามคำถามเพิ่มอย่างอดทน  

 

 

“ทำไม สวีฝูได้บอกวิธีแก้พิษแล้วมิใช่หรือ ยังจะมีปัญหาอะไรอีก”  

 

 

ซู่เวิ่นฟังแล้วทำความเคารพ ขณะนั้นเซียงฉือกินยาแล้วเพิ่งนอนหลับไป ถึงเสียงจะดังบ้างก็ไม่เป็นไร แต่ว่าเรื่องนี้ยังคงเป็นความลับ ซู่เวิ่นจึงเดินไปเบื้องหน้าหรงจิง ทำความเคารพแล้วคุกเข่าพูดว่า  

 

 

“ฝ่าบาทยังมิทรงทราบ เรื่องพิษของแมลงพิษนั้นนักโทษสวีฝูพูดไว้ไม่ผิด วิธีแก้พิษก็ถูกต้อง แต่ว่าจากการตรวจชีพจรของใต้เท้าอวิ๋นพบว่า โรคของใต้เท้าอวิ๋นหาได้เกิดจากเพียงพิษของแมลงไม่ ดังนั้นจึงไม่กล้าผลีผลามใช้วิธีขจัดพิษเพื่อเป็นการป้องกันที่รอบคอบเพคะ”  

 

 

หรงจิงฟังคำพูดนี้แล้วเกิดโทสะบางๆ ในเมื่อเรื่องก็ชัดเจนแล้ว ซู่เวิ่นคนนี้มาพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร สีหน้าหรงจิงไม่พอใจ ซูกงกงเห็นดังนั้นจึงรีบถามแทนหรงจิง  

 

 

“วิชาการแพทย์ของใต้เท้าซู่เวิ่นเป็นเลิศที่สุดในกองโอสถ โรคภัยนี้ฝ่าบาทของพวกเราก็ได้ทรงตรวจสอบสาเหตุออกมาให้ใต้เท้าแล้ว แต่เหตุใดจึงยังรักษาไม่หายเล่า”  

 

 

“ฝ่าบาทโปรดทรงวินิจฉัย ในกายใต้เท้าอวิ๋นยังมีพิษอีกชนิดหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะพิษของแมลงคอยถ่วงไว้ เกรงว่าเซียงฉือคงสิ้นชีวิตไปนานแล้วเพคะ แต่ในชั่วขณะหนึ่งที่หม่อมฉันกราบทูลนี้ยังเป็นเพียงข้อสงสัย ส่วนความจริงเป็นเช่นไรจำเป็นต้องให้หมอหลวงหลายๆ คนมาช่วยกันรักษาจึงจะตัดสินได้เพคะ เพราะหม่อมฉันยังอายุน้อย พบเห็นโรคที่ยากซับซ้อนมาก็ยังไม่มากเพคะ”  

 

 

ซูกงกงมองดูหรงจิงแล้วคิดจะถามเพิ่ม แต่หรงจิงสะบัดมือตัดคำพูดเขา  

 

 

“เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าต้องการหมอหลวงคนไหนบ้างที่จะให้มาช่วยเจ้ารักษา บอกชื่อออกมา ข้าจะส่งคนไปเชิญพวกเขามา”  

 

 

ซู่เวิ่นได้ยินหรงจิงพูดเช่นนี้ก็ยิ้มพูดว่า  

 

 

“หมอหลวงจัง หมอหลวงเฉียน และหมอหลวงหลิว ก็พอแล้วเพคะ”  

 

 

ซูกงกงขมวดคิ้ว หมอหลวงเหล่านี้ล้วนเป็นหมอที่มีความชำนาญเลื่องชื่อที่สุดในสำนักแพทย์หลวง ตึงเครียดขนาดนี้เกรงว่าเรื่องนี้คงจะยุ่งยากเสียแล้ว เมื่อมองดูหรงจิง ก็รู้สึกได้ว่าสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น  

 

 

“ได้ยินแล้วก็ไปจัดการ”  

 

 

“ซู่เวิ่นรออยู่ก่อน จนกว่าหมอหลวงทั้งสามจะมาถึง ให้พวกเจ้าปรึกษาหารือกัน สุขภาพของเซียงฉือข้ามอบให้เจ้า หวังว่าเจ้าจะสามารถช่วยชีวิตนางได้”  

 

 

ซู่เวิ่นตอบว่า  

 

 

“หม่อมฉันซู่เวิ่น จะทุ่มเทสุดความสามารถ จะไม่ทำให้ทรงผิดหวัง จะไม่ทรยศต่อความไว้วางใจของเซียงฉือเพคะ”  

 

 

หรงจิงพยักหน้าอย่างพอใจยิ่ง แล้วลุกขึ้นไปประคองซู่เวิ่นที่คุกเข่าอยู่ขึ้นมา  

 

 

ซู่เวิ่นลุกขึ้นตามการประคอง พยักหน้าน้อยๆ เมื่อลุกขึ้นแล้วก็ยืนรออยู่ด้านข้างไม่กล้าเข้าใกล้และไม่พูดอะไรอีก  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 517 พิษเรื้อรัง  

 

 

หลิวหมิงหลิ่ว แพทย์วินิจฉัยจากสำนักแพทย์หลวงเป็นผู้มีฝีมือเป็นเลิศในวงการแพทย์ รักษาโรคภายในต่างๆ โดยเฉพาะทุกวันจะทำการรักษา มีวิชาการแพทย์ล้ำเลิศ  

 

 

“กระหม่อมหลิวหมิงหลิ่ว เฉียนอี้ จังซือเหมี่ยว ถวายบังคมฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงพระเกษมสำราญพ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

หรงจิงสะบัดมือ ทั้งสามลุกขึ้นแล้วเดินไปยังข้างหน้าต่างของเซียงฉือ ปรึกษากันแล้วหลิวหมิงหลิ่วจึงเดินเข้าไปตรวจชีพจรเซียงฉือเป็นคนแรก  

 

 

หรงจิงพูดว่า  

 

 

“ใช้กฎมารยาทแบบพระสนม”  

 

 

หลิวหมิงหลิ่วได้ยินก็ชะงัก ผู้คนในห้องก็รู้สึกตกใจไม่คาดคิด หลิวหมิงหลิ่วได้ยินดังนั้นแล้วจึงทำตามด้วยการหยิบผ้าไหมผืนเล็กขาวบริสุทธิ์ออกมาจากกล่องยา วางทาบลงบนข้อมือเซียงฉือ  

 

 

เซียงฉือเพราะกินยาของซู่เวิ่นจึงอยู่ในสภาพหลับใหล ไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้  

 

 

นิ้วมือหลิวหมิงหลิ่วแตะอยู่บนชีพจร เขาลูบเคราเบาๆ แต่เพียงชั่วขณะท่าทีก็จริงจังขึ้นมา  

 

 

ซูกงกงยกเก้าอี้ตัวหนึ่งมาให้หรงจิงนั่งลงข้างๆ ยิ่งดูก็ยิ่งไม่สบายใจ หรงจิงร้อนใจขึ้นมาแต่ยังไม่พูดอะไร จนกระทั่งนิ้วมือของหลิวหมิงหลิ่วถอนออกจากเซียงฉือแล้ว จึงได้ถามว่า  

 

 

“ท่านหมอหลิว เป็นอย่างไรบ้าง”  

 

 

หลิวหมิงหลิ่วประสานมือตอบว่า  

 

 

“ฝ่าบาท โรคนี้อันตรายยิ่งนัก ซู่เวิ่นทำได้ดีที่ไม่ได้ขจัดพิษแมลงพิษในทันที มิเช่นนั้นผลที่ตามมาจะต้องเลวร้ายเกินกว่าจะคาดคิดพ่ะย่ะค่ะ ยังควรให้หมออีกสองท่านร่วมกันตรวจ กระหม่อมจะได้ร่วมพิจารณาปรึกษากับพวกเขาจึงจะสามารถหาวิธีเพื่อความปลอดภัยอย่างที่สุดได้พ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

หรงจิงฟังแล้วทนไม่ได้ คำพูดแบบเดียวกับซู่เวิ่นทำให้เขายิ่งไม่เข้าใจว่า นอกจากวั่นกวง สวีฝูแล้ว ยังมีคนอื่นคิดจะลงมือกับเซียงฉืออีกหรือ  

 

 

เขาอดที่จะสงสัยไม่ได้ คนคนนี้คงไม่ได้มีความแค้นกับเซียงฉือ แต่คงคิดจะฆ่านางเพื่อส่งคนให้มาใกล้ชิดเขา หรือไม่ก็คิดจะใช้พิษแมลงพิษเพื่อควบคุมเซียงฉือ  

 

 

ไม่ว่าสาเหตุไหน เซียงฉือต้องมารับความทุกข์ลำบากเช่นนี้ก็เพราะเขา เพราะตำแหน่งหน้าที่นี้  

 

 

สีหน้าหรงจิงดุดัน เหล่าหมอหลวงพากันเงียบกริบ หมอทั้งสามต่างตรวจชีพจรแล้ว ความหมายในคำพูดกับสิ่งที่ซู่เวิ่นบอกมีความแตกต่างกันมาก แต่พอถามถึงวิธีรักษา ต่างพากันส่ายหน้า  

 

 

หลิวหมิงหลิ่วเข้าสู่วัยหกสิบ ทั้งผมทั้งหนวดล้วนเป็นสีขาว หากไม่ใช่เพราะในสำนักแพทย์หลวงยังไม่มีใครสามารถรับตำแหน่งแทนเขาได้ ด้วยประสบการณ์มากมายของเขา และการได้รับความเชื่อถือจากฮ่องเต้ถึงสองยุค ใช่ว่าใครจะสามารถขยับเขาได้โดยง่าย  

 

 

เมื่อเห็นบรรยากาศในห้องอยู่ในภาวะชะงักงัน เขาจึงเอ่ยปากอธิบายต่อหรงจิงขึ้นก่อน  

 

 

“ฝ่าบาท กระหม่อมขอทูลอธิบายถึงอาการป่วยของใต้เท้าอวิ๋นพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมทั้งสี่ล้วนเป็นแพทย์ แต่ว่าโรคที่หาได้ยากเช่นนี้ไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน จึงไม่มีความมั่นใจว่าจะรอบคอบเพียงพอ จึงต้องทูลปรึกษาฝ่าบาทก่อน ถึงจะกล้าลงมือพ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

หรงจิงฟังคำพูดนี้แล้วใจเต้นตึกตัก แต่ก็รู้ว่าชีวิตอวิ๋นเซียงฉือในตอนนี้อยู่ในมือของคนพวกนี้ จึงไม่กล้ารีรอ  

 

 

“ฝ่าบาท ความเห็นที่ตรงกันของกระหม่อมทั้งสี่คนนั้นเห็นว่าในร่างกายใต้เท้าอวิ๋นมีพิษสองชนิด ชนิดหนึ่งคือพิษจากแมลงพิษที่ฝ่าบาททรงตรวจสอบมาได้ อีกชนิดหนึ่งเป็นยาพิษเรื้อรังชนิดหนึ่ง ซึ่งตอนนี้พวกกระหม่อมยังไม่รู้ว่าเป็นพิษชนิดใด แต่ว่ายาพิษนี้ได้แทรกซึมสะสมอยู่ในร่างใต้เท้าอวิ๋นมานาน หากไม่ใช่เพราะได้รับพิษแมลงพิษเข้าไปแล้วช่วยกำจัดพิษร้ายนี้ไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว เกรงว่าตอนนี้ใต้เท้าอวิ๋นคงเสียชีวิตไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

หลิวหมิงหลิ่วพูดเอื่อยช้าเพราะกลัวหรงจิงฟังไม่เข้าใจ ทั้งยังพูดอย่างละเอียดยิ่ง หรงจิงใจร้อนถามขึ้นว่า  

 

 

“ใต้เท้าหลิวเป็นหมอวินิจฉัยโรคมานานปี วิชาการแพทย์สูงล้ำ ข้าเชื่อใจท่านได้ ข้าไม่สนใจว่านางจะถูกพิษอะไร ข้าเพียงต้องการให้พวกท่านรักษานางให้หาย เพราะฉะนั้นไม่ต้องอธิบายอะไร บอกมาเพียงว่าจะให้ข้าทำอะไรก็พอ”  

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset