บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 518 ตรวจสอบ / ตอนที่ 519 หยอกล้อ

ตอนที่ 518 ตรวจสอบ  

 

 

หลิวหมิงหลิ่วเจอคำพูดเช่นนี้ของหรงจิงเข้าก็ไม่รู้ว่าควรแสดงออกอย่างไรต่อไป ได้แต่ถอนใจพูดว่า  

 

 

“กระหม่อมทั้งสี่คิดกันว่า ในเมื่อพิษแมลงพิษมีประโยชน์ช่วยควบคุมได้เช่นนี้ จึงควรปล่อยพิษแมลงพิษนี้ไว้ก่อน แล้วตรวจสอบเครื่องใช้ของใต้เท้าอวิ๋นเพื่อค้นหาต้นตอของยาพิษเรื้อรัง พวกกระหม่อมจึงจะสามารถรักษาได้ถูกทางพ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

หรงจิงแทบจะฝืนสีหน้าไว้ไม่ได้ เขาไว้ใจหลิวหมิงหลิ่ว แต่การที่มีพิษถึงสองตัวอยู่ภายในร่างกายเช่นนี้ อย่างไรก็รู้สึกอึดอัดใจ แต่พวกหลิวหมิงหลิ่วทั้งสี่คนต่างพูดเช่นนี้ หรงจิงจึงได้แต่สะบัดมือ  

 

 

พวกเขาทั้งสี่ปรึกษาได้ตัวยามาขนานหนึ่ง เพื่อใช้ขับพิษเรื้อรังในร่างเซียงฉือออกมาช้าๆ เท่านี้ก็ใช้ได้แล้ว แต่ว่าจำเป็นต้องหาให้ได้ว่าเซียงฉือรับพิษเข้าไปด้วยวิธีใด ซึ่งเป็นความยากของความยากมากมายหลายชั้น  

 

 

“ฝ่าบาท โปรดทรงรับสั่งให้พวกกระหม่อมนำของใช้พวกนี้ไปตรวจสอบเถิดพ่ะย่ะค่ะ ส่วนคนที่เกี่ยวข้องก็ให้ทางกองคดีตรวจสอบให้ละเอียด มิเช่นนั้นหากปล่อยให้เนิ่นนานไป เกรงว่าใต้เท้าอวิ๋นจะทนต่อไปได้ไม่นานพิษก็จะกำเริบขึ้นอีกพ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

หรงจิงฟังแล้วตกใจ มือใหญ่สะบัดขึ้นพูดว่า  

 

 

“เรียกสวี่อี้เข้าเฝ้า”  

 

 

หรงจิงกวาดตามองหมอหลวงทั้งสามพูดว่า  

 

 

“หมอหลวงทั้งสามเมื่อเปิดใบสั่งยาแล้วก็กลับไปได้ เรื่องตรวจสอบต้นตอของพิษข้าจะส่งคนอื่นไปทำ ทั้งสามท่านรีบเร่งค้นหาวิธีขจัดพิษให้ได้โดยเร็วด้วย”  

 

 

หลิวหมิงหลิ่วกับหมอหลวงอีกสองคนทำความเคารพแล้วออกไป  

 

 

ซู่เวิ่นมองดูแต่ไม่ได้ขยับ สายตาหรงจิงจับจ้องมายังนางอย่างรวดเร็ว  

 

 

“ผลงานครั้งก่อนของเจ้าไม่เลวเลย ครั้งนี้ให้เจ้ากับสวี่อี้ร่วมกันตรวจสอบเรื่องนี้ หาต้นตอของพิษออกมา ครั้งนี้ขอเพียงหาหลักฐานออกมาได้ ข้าจะไม่ละเว้นพวกนั้นเด็ดขาด จำไว้ ไม่ว่าเป็นใครก็ตาม”  

 

 

ซู่เวิ่นทำตามประเพณีอย่างเคร่งครัด ตอบว่า  

 

 

“หม่อมฉันน้อมรับพระบัญชาเพคะ”  

 

 

หรงจิงยังมีงานต้องจัดการอีกมากจึงไม่อยู่รอสวี่อี้ เขามอบหมายงานนี้ให้ซู่เวิ่นแล้วออกไปจากตำหนักเจิ้งหยาง เมื่อเดินไปได้ครึ่งทาง เซียงซวินก็เดินเข้ามาอย่างเงียบกริบ  

 

 

“นายท่าน เซียงซวินทำงานไร้ความสามารถ ขอนายท่านลงโทษด้วยเถิด”  

 

 

หรงจิงสะบัดมือห้ามไม่ให้นางพูดต่อ แล้วพูดว่า  

 

 

“ไม่ใช่ความผิดของเจ้าอยู่แล้ว เรื่องนี้นอกจากวั่นกวงแล้วยังมีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง คืนนี้นำตัววั่นกวงไปวังบาดาลข้าจะสอบสวนเขาเอง แต่อย่างไรเขาก็เป็นคนเก่าคนแก่คนสนิทของเสด็จแม่ จะต้องเห็นแก่เสด็จแม่ด้วย”  

 

 

เซียงซวินฟังแล้วก็รับปาก หรงจิงจึงพูดต่อ  

 

 

“เรื่องนี้ข้ามอบหมายให้สวี่อี้กับซู่เวิ่น สวี่อี้ข้าได้ตรวจสอบชัดแจ้งแล้ว พวกเจ้าจะต้องตรวจสอบซู่เวิ่นให้แจ่มชัดด้วยหากสะอาดบริสุทธิ์ ข้าก็จะได้ใช้งานนางได้”  

 

 

เซียงซวินผงกศีรษะ นางจดจำไว้แล้ว หรงจิงพูดจบเพียงสะบัดมือนางก็หายไปจากที่เดิมในทันที นอกจากซูกงกงก็ไม่มีใครอื่นอีกเลยที่จะเห็นเซียงซวินมาที่นี่  

 

 

หรงจิงหยุดอยู่ชั่วครู่ มองดูนกกระจอกที่บินอยู่เบื้องบน  

 

 

“ซูกงกง ในวังนี้ช่างยุ่งเสียเหลือเกิน ข้าสมควรจะแต่งฮองเฮาที่เก่งกาจสักคนแล้วใช่หรือไม่ มิเช่นนั้นมีเรื่องให้ต้องวุ่นวายใจมากมายยิ่งนัก”  

 

 

หรงจิงพูดเช่นนี้ ซูกงกงไม่กล้าตอบรับ เพียงพูดว่า  

 

 

“ตำแหน่งฮองเฮายังว่างอยู่ย่อมต้องเป็นที่ครหาของผู้คน แต่โบราณมาบุรุษจะจัดการงานภายนอก สตรีจัดการงานภายใน ฝ่าบาทควรอภิเษกฮองเฮาพระองค์หนึ่ง เพื่อปรนนิบัติฝ่าบาทนะพ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

ซูกงกงพูดเช่นนี้แล้วก็เดินตามหรงจิงไป  

 

 

อุทยานหลวงในฤดูใบไม้ร่วงดูโรยรา อีกไม่กี่วันหากหิมะตก เป็นไปได้ที่หรงจิงจะไปหลบหนาวยังตำหนักเฉิงเอินที่หลานโจว เมื่อไปอยู่ที่ตำหนักเฉิงเอิน จะทำให้ยากแก่การตรวจสอบเรื่องนี้ ดังนั้นหรงจิงจึงสั่งให้จัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว  

 

 

ระยะนี้งานที่สวี่อี้ต้องทำมีมากมายจริงๆ เมื่อได้รับราชโองการก็ต้องรีบวิ่งมา พอเห็นซู่เวิ่นยืนนิ่งอยู่ในตำหนักก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าประหลาด และพอได้ฟังซู่เวิ่นถ่ายทอดเรื่องราว โทสะก็ทะลักขึ้นมา  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 519 หยอกล้อ  

 

 

ตอนเซียงฉือตื่นขึ้นมาเป็นเวลาเที่ยงแล้ว ฤทธิ์ยาเพิ่งจะหมด พอลืมตาที่ลางเลือนขึ้นก็เห็นสวี่อี้นั่งอยู่ข้างเตียงกำลังมองนางอยู่ ใบหน้าผุดรอยยิ้ม  

 

 

“สวี่อี้ เจ้ามาได้อย่างไร”  

 

 

เซียงฉือเหมือนได้นอนกลางวันตื่นหนึ่งจึงไม่รู้สึกแปลกอะไร แต่ภายในห้องดูยุ่งเหยิง ซู่เวิ่นกำลังพลิกหาไปทีละอย่างๆเซียงฉือลุกขึ้น สวี่อี้จึงยัดหมอนหมอนใบหนึ่งรองให้นางแล้วถามว่า  

 

 

“เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้างไหม”  

 

 

สวี่อี้ดูเคร่งขรึม เซียงฉือไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่ก็ส่ายหน้า  

 

 

“ไม่ได้ไม่สบายที่ตรงไหนเลย ทำไมล่ะ ทำไมพวกเจ้าถึงดูจริงจังกันแบบนี้”  

 

 

เซียงฉือเห็นคนขวักไขว่ไปมาในห้อง ต่างใช้เข็มเงินจับโน่นพลิกนี่ตรวจสอบทีละอย่างอยู่ในห้องของนาง จึงรู้ว่าเกี่ยวกับเรื่องยาพิษ  

 

 

“เจ้าถูกพิษแล้วเจ้ายังไม่รู้อีกหรือ ในตัวเจ้ามีพิษเรื้อรังอยู่ ซู่เวิ่นเพิ่งจะฝังเข็มให้ก็พบว่าเจ้ารับพิษมาได้เจ็ดวันแล้วหากไม่ใช่เพราะมีคนวางยาพิษจากแมลงเจ้า เจ้าคงตายไปนานแล้ว”  

 

 

“ปกติคอยบอกให้เจ้าดูแลตัวเองให้ดีเจ้าก็เอาแต่ทำเป็นไม่เห็นสำคัญ ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะปาฏิหาริย์สุสานบรรพชนเจ้า สวรรค์คงมาเอาตัวเจ้ากลับไปแล้ว”  

 

 

สวี่อี้อารมณ์ไม่ค่อยดี เซียงฉือฟังแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนค่อยๆ ผ่อนออกมา  

 

 

“อยู่หรือตายตามแต่ฟ้าลิขิต อยู่ในวังเช่นนี้ใครจะรู้ว่าจะอยู่ถึงเมื่อไร ข้าเองไม่พะวง แต่กลับทำให้ท่านพี่ต้องเป็นห่วงเป็นความผิดของข้าแท้ๆ”  

 

 

เห็นเซียงฉือเป็นแบบนี้ สวี่อี้จึงว่าอย่างโกรธๆ  

 

 

“ตอนที่ทั้งครอบครัวเจ้าถูกจองจำยังเห็นมีความหวังอยู่ แล้วตอนนี้เป็นอะไรไป หรือว่ายาพิษแล่นเข้าสมองเจ้าไปแล้วทำให้เจ้าเปลี่ยนไปถึงกับพูดจาเหลวไหลเช่นนี้ ข้าจะบอกใต้เท้าซู่เวิ่นฝังเข็มเจ็บๆ บนหัวเจ้าสักหลายๆ เข็ม ดูซิว่าเจ้ายังจะพูดจาเหลวไหลอีกหรือไม่”  

 

 

เซียงฉือยิ้มแล้วพิงซบไหล่สวี่อี้พูดขึ้นว่า  

 

 

“สวี่อี้ มีเจ้าดีจริงๆ ..”  

 

 

สวี่อี้ฮึ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้ขยับ ปล่อยให้นางซบอยู่แบบนั้น แล้วพูดอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก  

 

 

“เจ้านี่นะ ดีตรงฝีปากนี่แหละ ขยันหลอกล่อให้ข้าพะวักพะวงแทนเจ้าแต่จะสำนึกบ้างหรือไม่ เอาเถอะๆ เจ้าบำรุงร่างกายให้ดีก็แล้วกัน เรื่องนี้ฝ่าบาททรงใส่พระทัยและมอบหมายให้ข้ากับซู่เวิ่นทั้งหมด จะไม่ทำให้เจ้าต้องได้รับความอยุติธรรมก็แล้วกัน”  

 

 

เซียงฉือพยักหน้า มองดูโคมไฟบนหน้าต่างจนใจลอย นางไม่ได้มีสิ่งของมากมายอยู่ในวังนี้ นอกจากบางครั้งที่หรงจิงจะมอบเครื่องประดับให้นางบ้าง นอกจากนั้นก็ไม่มีทรัพย์สินอะไรติดตัวอีก  

 

 

ทุกเดือนเมื่อได้รับเงินเดือนก็จะส่งไปช่วยเหลือเป็นค่าใช้จ่ายให้ทางบ้าน ท่านพ่อกับน้องชายคงต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากยากแค้น ได้แต่เพียงช่วยดูแลเล็กน้อยเท่านี้ เพื่อแสดงถึงความรู้สึกในใจของนาง  

 

 

ซู่เวิ่นเดินไปรอบหนึ่งแล้วกลับมา เมื่อเห็นเซียงฉือตื่นแล้วจึงยื่นมือไปจับชีพจรนาง พูดว่า  

 

 

“หลายวันนี้ข้าได้รับพระบัญชาจากฝ่าบาทให้คอยดูแลเจ้าตลอดเวลา เพื่อความสะดวกข้าจึงย้ายมาอยู่กับเจ้าครึ่งเดือน เจ้าอย่าเบื่อข้าเสียก่อนล่ะ”  

 

 

ซู่เวิ่นวางผ้าเช็ดหน้าเก็บเข้ากล่องยา เซียงฉือเห็นแล้วก็งงงัน ซู่เวิ่นมาตรวจชีพจรให้นางไม่เคยใช้ผ้าเช็ดหน้ามาก่อนเลย จึงถามขึ้น  

 

 

“หรือว่าโรคของข้าจะติดต่อได้ เหตุใดใต้เท้าซู่เวิ่นถึงต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าเล่า”  

 

 

เซียงฉือเพียงคิดจะหยอกล้อนาง แต่ซู่เวิ่นกลับพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า  

 

 

“ให้ใช้วิธีเฉกเช่นเดียวกับพระชายาในการตรวจชีพจรเซียงฉือ ฝ่าบาททรงมีรับสั่งเช่นนี้ ข้าจะไม่เชื่อฟังได้อย่างไร”  

 

 

ซูเวิ่นพูดเช่นนั้น สวี่อี้ถึงกับหัวเราะพรืดออกมา แต่เซียงฉือใบหน้าแดงซ่านด้วยความอาย ไม่กล้าพบหน้าใคร นางผลักซู่เวิ่น พูดว่า  

 

 

“ท่านพี่ก็ล้อคนเก่งนักเชียว ฝ่าบาทไม่มีทางรับสั่งเช่นนี้หรอก”  

 

 

แล้วนางก็หันกายกลับไป ไม่สนใจทั้งสองคนอีก  

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset