บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 530 เตียงหยกอุ่นแห่งหูโจว / ตอนที่ 531 เจ้าชอบฝ่าบาท

ตอนที่ 530 เตียงหยกอุ่นแห่งหูโจว  

 

 

หรงจิงจูบหน้าผากนางแล้วผละออกอย่างรวดเร็ว เขาอุ้มเซียงฉือวางลงบนเตียงหยกอุ่น มองดูใบหน้าแดงเรื่อราวผิงกั่วของนาง ไม่ยอมขยับกาย  

 

 

“ยายเด็กต๊อง”  

 

 

หรงจิงคิดจะขยับเข้าใกล้อีกครั้งเซียงฉือพลันหันกายกลับมา นางมองดูหรงจิงตาโต เหมือนกำลังมองดูสัตว์ประหลาดที่ล่วงล้ำเข้าไปในอาณาเขตของนาง  

 

 

หรงจิงส่ายหน้า พูดว่า  

 

 

“ลองดู ข้าได้ยินมาว่าผู้หญิงนอนบนเตียงหยกอุ่นจะดีต่อร่างกาย จึงสั่งให้คนไปนำหยกอุ่นชั้นดีมาจากหูโจว ด้านล่างผ่านน้ำร้อน อ่อนละมุนยามสัมผัส สั่งทำมาให้เจ้าโดยเฉพาะ”  

 

 

“ร่างกายของเจ้านี่ อย่าทำให้ข้าต้องเป็นห่วงนักเลยได้ไหม”  

 

 

เซียงฉือยื่นมือลูบไปบนเตียงหยกอุ่น หรงจิงใส่ใจนางเช่นนี้ นางจะไม่รู้สึกซาบซึ้งได้อย่างไร  

 

 

แต่จิตใจของนาง นางเคยหมั้นหมายกับเหอเจี่ยนสุย ในครั้งที่นางถูกจองจำเขาก็ไม่ได้ถอนหมั้นนาง แล้วนางจะทรยศผู้ชายคนนั้นได้อย่างไร  

 

 

เซียงฉือเริ่มรู้สึกปวดใจ  

 

 

หรงจิงดีต่อนางมาก เขาพูดเสมอว่า  

 

 

‘เซียงฉือ เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า ข้าจะไม่ยอมให้ใครอื่นมาทำร้ายเจ้า’  

 

 

ซึ่งเป็นสิ่งที่เซียงฉือปรารถนาที่สุด นางเป็นเหมือนดั่งจอกแหนต้นหนึ่ง ที่ล่องลอยไปตามคลื่นในน้ำ ส่วนหรงจิงเหมือนต้นไม้สูงใหญ่ เขาคุ้มครองนาง ทำให้นางรู้สึกว่าตนเองปลอดภัยอย่างยิ่งและสบายใจยิ่ง  

 

 

ดังนั้นนางจึงเชื่อใจหรงจิงโดยไม่รู้ตัว  ฝากใจของตนเองไว้กับเขา ให้ตัวเขาเป็นที่พึ่งพิงของตน  

 

 

แต่เหอเจี่ยนสุยไม่เหมือนกัน เขามักพูดว่า  

 

 

‘เซียงฉือ อดทนอีกหน่อยนะ แล้วรอข้า รอให้เจ้าสามารถออกจากวัง รอข้าสร้างผลงานใหญ่ รอฝ่าบาทมีราชโองการ’  

 

 

คำสัญญาของเขามีความไม่แน่นอนมากมาย ทำให้นางที่เคว้งคว้างที่ปรารถนาความมั่นคงต้องหวาดผวา ต้องเหน็ดเหนื่อยทุกวันเพื่ออนาคตที่ไม่แน่นอนนั้น แม้จะมองไม่เห็นจุดลงเอยแต่นางก็ยังไม่ลืม นางเคยคิดจะทิ้งคำสัญญาของนางกับเหอเจี่ยนสุย แต่กลับถูกเหอจิ่นเซ่อใช้การหมั้นหมายครั้งแล้วครั้งเล่ากับคำมั่นสัญญามาจุดความหวัง ก่อเป็นกำแพงขึ้นมา  

 

 

นางไม่กล้าทำให้ตนเองต้องกลายเป็นหญิงไม่ซื่อสัตย์ ดังนั้นนางจึงหนี  

 

 

อวิ๋นเซียงฉือลงจากเตียงหยกอุ่นลุกขึ้นมายืน นางยกชายกระโปรงแล้ววิ่งหนีหายไปต่อหน้าหรงจิง  

 

 

นางไม่กล้าปล่อยให้ตนเองอยู่ในสถานที่ดึงดูดใจเช่นนั้นต่อไป  

 

 

หรงจิงคือแรงดึงดูดใจที่สุด เขารักและให้ความสำคัญกับตน แล้วยังอำนาจของเขาที่สามารถช่วยให้เซียงฉือบรรลุความสมหวังทั้งหมดของนางได้  

 

 

โอกาสที่จะได้เฟื่องฟูขึ้นในชั่วพริบตาแบบนั้น โอกาสที่จะได้กอบกู้วงศ์ตระกูลให้รุ่งเรืองขึ้นใหม่ โอกาสที่จะได้ชำระความแค้นและล้างความอัปยศอดสู สำหรับนางแล้วล้วนเป็นแรงดึงดูดใจอย่างมาก นางเกรงว่าจะไม่สามารถควบคุมใจของตนเองได้  

 

 

เซียงฉือวิ่งไปจนถึงยวนหรงถัง หรงจิงมองดูด้านหลังของนางสีหน้าดำคล้ำ เซียงฉือไม่กล้ากลับไปทั้งคืน ส่วนหรงจิงก็ไม่ได้ออกมาตลอดคืนเช่นกัน  

 

 

ความอึดอัดเล็กๆ น้อยๆ นั้น ทำให้คนหายใจติดขัด  

 

 

เมื่อสวี่อี้เห็นเซียงฉือกลับมา ก็ถามด้วยความเป็นห่วง  

 

 

“เจ้าเด็กคนนี้ทำอะไรอยู่นี่ ฝ่าบาทไม่อยู่หรือ ทำไมกลับมาเร็วนัก”  

 

 

สวี่อี้เห็นเซียงฉือก็ถามรวดเดียวอย่างห่วงใย เซียงฉือเห็นแล้วก็กอดนางไว้อยากจะร้องไห้ แต่นางจะร้องด้วยเหตุใดกัน ดังนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า  

 

 

“กำไลของข้าหายไป พวกท่านเห็นบ้างหรือไม่ ช่วยข้าหาหน่อยได้ไหม”  

 

 

สตรีทั้งสามจึงค่อยๆ หาตามบ่อน้ำร้อน กำไลหยกขาวอันนั้นตอนนี้จู่ๆ ก็อันตรธานไป เซียงฉือหาตามข้างๆ บ่อน้ำร้อนอย่างจริงจัง น้ำตาหยดใหญ่หลั่งลงมา นางขบริมฝีปากแน่นไม่กล้าร้องไห้เสียงดัง  

 

 

 สวี่อี้พบกำไลอยู่ในบ่อน้ำร้อน ขณะจะนำไปคืนให้นางก็พบว่าเซียงฉือกำลังหลั่งน้ำตา จึงแอบซ่อนกำไลนั้นไว้  

 

 

จนกระทั่งเซียงฉือลุกขึ้นยืนแล้วแอบปาดน้ำตา จึงได้พูดว่า  

 

 

“ให้เจ้า ดูซิว่าใช่วงนี้หรือไม่”  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 531 เจ้าชอบฝ่าบาท  

 

 

เซียงฉือรีบรับมาแล้วสวมเข้าในมือ หงซีกูกูเดินเข้ามาเห็นกำไลหยกขาวบนมือเซียงฉือจึงพูดว่า  

 

 

“แม่นางเซียงฉือผอมลงมาก กำไลนี้หลวมไปแล้วไม่เหมาะกับเจ้าแล้ว”  

 

 

เซียงฉือได้ยินใจก็อึ้งไป แล้วพูดยิ้มๆ ว่า  

 

 

“รอให้ข้าหายป่วย พออ้วนขึ้นมาก็พอดีแล้วไม่ใช่หรือ”  

 

 

หงซีกูกูไม่พูดอะไร สวี่อี้ก็รู้สึกเก้อเขิน  

 

 

เซียงฉือกอดสวี่อี้นอนอยู่ในหนิงอวี้เก๋อคืนหนึ่ง หรงจิงไม่ได้เดินผ่านหนิงอวี้เก๋อ ไม่ได้กลับไปนอนยังตำหนักหลัง เซียงฉือเริ่มไม่สบายใจ จึงเดินไปยังตำหนักฉินเจิ้งราวมีพรายกระซิบสั่ง แอบมองดูหรงจิงที่ก้มหน้าอ่านรายงานอยู่ที่หลังฉากบังลม  

 

 

บางครั้งขมวดคิ้ว บางทีดูโกรธ ไม่รู้ว่านางยืนอยู่นานเท่าใด กระทั่งสวี่อี้ติดตามมาแล้วคลุมผ้าให้นาง  

 

 

“ชู่ว์”  

 

 

จู่ๆ ด้านหลังก็อุ่นขึ้นทำให้เซียงฉือตกใจ สวี่อี้รีบทำสัญญาณมือ เมื่อเซียงฉือเห็นว่าเป็นนางจึงได้เบาใจ  

 

 

แล้วก็ก้มหน้าคิดจะพาสวี่อี้กลับไป หรงจิงได้ยินเสียงฝีเท้าเซียงฉือนานแล้ว และก็รู้ว่านานยืนอยู่ตรงนั้นมานาน แต่ว่าเขาไม่ได้เคลื่อนไหวซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หากเป็นยามปกติคงจะเงยหน้ามองนางนานแล้ว  

 

 

แต่ว่าตอนนี้เขาไม่อยากจะเงยหน้าและรู้สึกไม่พอใจ  

 

 

หรงจิงรู้ว่าการที่เซียงฉือปฏิเสธเขาไม่ใช่เพราะปัญหาด้านสุขภาพหรือจิตใจ แต่เป็นเพราะคุณธรรม เขาได้ทำการตรวจสอบอวิ๋นเซียงฉือไปแล้ว  

 

 

ถึงแม้ประวัติของเซียงฉือจะไม่มีอะไรซับซ้อน แต่เขาเชื่อว่าในชีวิตของนางจะต้องมีชายหนุ่มสักคนที่ทำให้นางไม่สามารถตัดขาด เช่นเดียวกับกำไลหยกขาวหยาบๆ แต่นางให้ความสำคัญอย่างยิ่งบนมือนางวงนั้น  

 

 

สายตาหรงจิงค่อยๆ หรี่ลง แฝงแววอันตรายที่แทบจะมองไม่ออก  

 

 

เซียงฉือกลับเข้าไปในห้อง นอนลงบนเตียงกับสวี่อี้ ความจริงต่างไม่ได้หลับด้วยกันทั้งคู่ แต่พวกนางก็ไม่คิดจะพูดอะไร  

 

 

เงียบกันไปพักหนึ่ง สวี่อี้จึงพูดขึ้นก่อน  

 

 

“เจ้าชอบฝ่าบาท”  

 

 

เซียงฉือถูกตีเข้าจุดสำคัญทันใด นางไม่รู้จะตอบเช่นไรจึงค่อยๆ หันกายกลับไป ไม่พูดจา  

 

 

สวี่อี้จึงพูดต่อ  

 

 

“ข้าราชสำนักสตรีก็เป็นผู้หญิงของฝ่าบาทอยู่แล้ว เจ้าชอบฝ่าบาท ข้ามองออกว่าฝ่าบาทก็ทรงใส่ใจเจ้าเช่นกัน แบบนี้ไม่ดีหรอกหรือ”  

 

 

เซียงฉือฟังแล้วก็ตอบว่า  

 

 

“ดียิ่ง แต่ก็ไม่ดีเช่นกัน”  

 

 

“ถ้าเจ้ารู้ว่ามีคนคนหนึ่งยังรอเจ้าอยู่ แต่เวลาที่เจ้าจะทรยศเขา มันทรมานใจมาก”  

 

 

“ข้าไม่ต้องการเป็นคนแบบนั้น”  

 

 

เซียงฉือพูดแล้วหันกาย กัดริมฝีปากแน่นไม่พูดอีก สวี่อี้จึงพูดว่า  

 

 

“ข้าชอบท่านอ๋อง เหลียนชินอ๋อง วันนี้ข้าเปิดเผยความในใจกับพระองค์ แต่ถูกพระองค์ปฏิเสธ”  

 

 

สวี่อี้พูด อดไม่ได้ต้องร้องไห้ออกมา เซียงฉือคิดจะปลอบโยนแต่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร  

 

 

สวี่อี้พูดต่อว่า  

 

 

“ข้าได้รับการช่วยเหลือจากพระองค์ตอนอายุสิบสอง พระคุณที่ช่วยชีวิตจึงคิดมอบกายเป็นการตอบแทน ด้วยฐานะวงศ์ตระกูลข้าคงพอจะเทียบได้ แต่พระองค์ไม่ทรงโปรด สุดท้ายยังทรงตรัสอีกว่าชีวิตนี้จะทรงหาสตรีที่รู้ใจมาเคียงข้างหญิงที่รักและเอาใจใส่ มิเช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงแต่งงานเลยตลอดชีวิต”  

 

 

“พระองค์ตรัสเช่นนี้และทรงทำแล้ว ส่วนข้าคิดแต่ว่าชะตาชีวิตจะต้องไม่ธรรมดาจึงปฏิเสธการหมั้นหมายที่พ่อแม่หาให้แล้วเข้าวังมาเป็นข้าราชสำนักสตรี”  

 

 

“ข้าทำเพื่อพระองค์เช่นนั้น แต่เหลียนชินอ๋องก็ยังคงปฏิเสธข้า หรือว่าข้าจะเกลียดพระองค์ สมควรแค้นพระองค์ไหม”  

 

 

เซียงฉือฟังสวี่อี้พูด ฟังความเศร้าจากใจนางเช่นนั้น  

 

 

สวี่อี้ยังคงพูดต่อ  

 

 

“เซียงฉือ ข้าชอบพระองค์ แล้วพระองค์จะทรงแต่งกับข้าหรือ นี่เหตุผลอะไรกัน เขารอเจ้า เจ้าจึงถนอมตัวราวหยกเพื่อเขา ละทิ้งความสุขของตัวเองเช่นนั้นหรือ เซียงฉือ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรทำ”  

 

 

คำพูดของสวี่อี้ทำให้ใจของเซียงฉือสั่นไหวอย่างรุนแรง นางเบิ่งตาโตมองดูสวี่อี้  

 

 

เซียงฉือไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้อีก นางยื่นมือทั้งคู่ออกไปโอบไหล่ที่สั่นเทาของสวี่อี้เข้ามากอดอย่างจริงจังแล้วพูดว่า  

 

 

“เหลียนชินอ๋องทรงมีเจ้าช่างเป็นความสุขจริงๆ”  

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset