บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 218

ตอนที่ 218 เซียงซือขออาสา

 

 

สายตาจินกุ้ยเฟยเย็นเยียบ เซียงซือถึงแม้จะรู้ว่าเมื่อครู่ตนเองบุ่มบ่ามเกินไป แต่ว่านางหักห้ามใจไม่ได้ นางคิดถึงฝ่าบาท เรื่องนี้ถึงจะไม่มีใครรู้ แต่ตอนนางอยู่ที่นอกห้อง ได้ยินกุ้ยเฟยเอ่ยกับเซียงฉือถึงข้าราชสำนักสตรีด้านอักษร

 

 

นางไม่สามารถปฏิเสธความเย้ายวนใจนั้น ความหวังที่จะได้พบหน้าหรงจิงทุกวันคืน

 

 

นางหลงรักฝ่าบาท ความคิดถึงได้หลอมสติปัญญานางให้ละลายไปสิ้น

 

 

อีกทั้งตอนที่เซียงฉือออกจากห้องไปนางได้แอบเปิดจดหมายที่เซียงฉือเก็บซ่อนไว้ ยิ่งได้อ่านถ้อยคำที่เหอเจี่ยนสุยเขียนถึงนางแล้ว ยิ่งบังเกิดความริษยาขึ้นในใจ

 

 

ถึงนางจะรู้ว่าตนเองกับเซียงฉือเป็นญาติที่ผูกพันกันทางสายเลือด แต่ก็ไม่อาจควบคุมความริษยาของตนได้ ตั้งแต่เล็กจนโต นางและเซียงฉือต่างเป็นบุตรสาวบ้านสกุลอวิ๋น แต่เหอเจี่ยนสุยให้ความสนิทสนมกับเซียงฉือเป็นอย่างยิ่ง

 

 

กับนางที่อยู่ในวัยใกล้เคียงกว่าเสียอีกกลับทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็น ขนาดว่าพบกันโดยบังเอิญก็ยังทำตัวห่างเหินอย่างเกรงใจ

 

 

นางมักรู้สึกว่าเป็นเพราะเหอเจี่ยนสุยเห็นนางเป็นบุตรสาวสายรองจึงดูแคลนนางเสมอมา จึงยิ่งริษยาเซียงฉือมากขึ้น แต่ตอนนี้บ้านสกุลอวิ๋นล่มแล้ว ยังจะมีบุตรสาวสายตรงสายรองอะไรอีก ทั้งคู่ต่างเป็นนางกำนัลเล็กๆ ที่ถูกคนเหยียบย่ำตามใจ

 

 

แต่ว่าเหอเจี่ยนสุยยังคงเสมอต้นเสมอปลายต่อเซียงฉือ

 

 

นางริษยา พอได้ยินกุ้ยเฟยพูดถึงข้าราชสำนักสตรีด้านอักษรจึงทำให้ยิ่งกระตือรือร้นขึ้นมา

 

 

แม้สายตากุ้ยเฟยในขณะนี้จะไม่เป็นมิตรอย่างยิ่ง แต่นางจะต้องฉกฉวยโอกาส ทุ่มเทเต็มที่เพื่อความรักของตน

 

 

เซียงซือคิดดังนั้นแล้วจึงเงยหน้ามองจินกุ้ยเฟย พูดขึ้นด้วยท่าทีสงบ

 

 

“กุ้ยเฟยทรงประทานอภัยโทษด้วยเพคะ หม่อมฉันได้สำนึกตัวแล้ว ขอพระองค์โปรดประทานโอกาสให้หม่อมฉันสักครั้ง หม่อมฉันยินดีทำคุณไถ่โทษ เป็นข้ารับใช้สนองพระกรุณาธิคุณ โปรดทรงเห็นแก่ความจริงใจของหม่อมฉัน ประทานอภัยในความผิดพลาดที่แล้วมาด้วยเถิดเพคะ”

 

 

“หม่อมฉันจะสำนึกในพระกรุณาธิคุณของพระองค์ ขอพระองค์โปรดประทานโอกาสให้หม่อมฉันอีกสักครั้งเถิดเพคะ”

 

 

เซียงซือพูดจบก็โขกศีรษะลงไปอย่างแรง จินกุ้ยเฟยเห็นดังนั้นจึงมองดูอวิ๋นเซียงฉือที่อยู่ข้างกันอีกครั้ง ทั้งสองคนมีความละม้ายคล้ายกันอยู่ แต่ไม่รู้ทำไมนางมีความเชื่อมั่นในตัวเซียงฉือมากกว่า

 

 

และนางก็มีความประหลาดใจ เป็นพี่น้องกันแท้ๆ แต่เหตุใดคนหนึ่งปฏิเสธ ส่วนอีกคนกลับร้อนรนเช่นนี้

 

 

นางเห็นเป็นเรื่องน่าสนุก ถึงแม้ยังโกรธอยู่แต่ก็เกิดความสนใจในพวกนาง ปลอกกันเล็บจึงดันศีรษะเซียงซือขึ้นแล้วเชยใบหน้าน้อยๆ นั้นขึ้นดู

 

 

“เซียงซือ?”

 

 

จากนั้นหันไปเชยใบหน้าเซียงฉือขึ้นอีกคน มองเปรียบเทียบซ้ายขวา

 

 

“เซียงฉือ?”

 

 

“เจ้าสองคนเป็นพี่น้องกัน เป็นลูกสาวขุนนางต้องโทษทั้งคู่ แต่คนหนึ่งปฏิเสธ ส่วนอีกคนร้อนรน อยากรู้เสียจริงว่าบ้านสกุลอวิ๋นของพวกเจ้าอบรมลูกสาวกันอย่างไร”

 

 

ตั้งแต่เล็กจนโต ของของอวิ๋นเซียงฉือล้วนเป็นของที่ดีที่สุด ส่วนทุกสิ่งของนางล้วนต้องพยายามด้วยตนเองเพื่อให้ได้มา ความรักของท่านปู่ การเห็นความสำคัญของคนรุ่นบิดา นางล้วนต้องช่วงชิงด้วยตัวเองทั้งสิ้น

 

 

แต่อวิ๋นเซียงฉือมักจะไม่สนใจในทุกสิ่งที่นางต้องวางแผนแทบตายเพื่อให้ได้มาแม้แต่น้อย

 

 

เซียงฉือมองเซียงซือและสบเข้ากับสายตาเซียงซือพอดี สายตาของเซียงฉือมีความประหลาดใจและกังวล แต่ยังคงไม่มีความร้อนรนเสียดายในส่วนที่ควรเป็นของตนเลย

 

 

เป็นของที่นางไม่เห็นค่าควรต้องการอีกแล้วสินะ

 

 

เซียงซือรู้สึกไม่สบอารมณ์ นางก้มหน้าลงไม่รู้ว่าควรตอบเช่นไร

 

 

เซียงฉือมองดูเซียงซือด้วยความรู้สึกหลายอย่างปะปนกัน เหมือนนางยังเข้าใจญาติผู้พี่คนนี้ไม่มากพอ สายตานางวาววับขึ้นเดี๋ยวหนึ่งแล้วเป็นปกติอย่างรวดเร็วสงบใจดูเหตุการณ์ต่อไป ทิ้งคำตอบที่ตอบยากนั้นเอาไว้ให้นาง

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset