บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 540 น้ำลวกเซียงฉือ / ตอนที่ 541 แต่งตั้งเฟย

ตอนที่ 540 น้ำลวกเซียงฉือ  

 

 

ตอนที่เซียงฉือกลับเข้าไปในตำหนักฉินเจิ้งอีกครั้ง หรงเฉิงเยี่ยได้นั่งอยู่ตรงข้ามกับหรงจิงแล้ว ทั้งคู่กำลังกินแตงที่ขันทีปอกให้อยู่และพูดคุยเรื่อยเปื่อยกันอย่างสบายอารมณ์ มองดูแล้วหรงจิงอารมณ์ดียิ่ง  

 

 

เซียงฉือเดินยกน้ำชาเข้าไปให้  

 

 

“ฝ่าบาททรงชิมเพคะ เป็นปี้หลัวชุนที่เพิ่งได้รับมาใหม่ ซูกงกงบอกว่ามีคุณภาพดีที่สุดในปีนี้เพคะ”  

 

 

หรงจิงรับมาจากมือเซียงฉือแล้วจ่อกับริมฝีปากเป่าเบาๆ จากนั้นจิบคำหนึ่ง  

 

 

“อึม น้องพี่ก็ลองดื่มดูสักหน่อย”  

 

 

เซียงฉือได้ยินที่หรงจิงสั่งจึงเตรียมยกน้ำชาไปให้หรงเฉิงเยี่ย แต่เขายกมือขึ้นพอดี  

 

 

“โอ๊ะ!”  

 

 

น้ำชาในมือเซียงฉือถูกกระแทกหล่น หรงเฉิงเยี่ยไม่ได้ตั้งใจ สีหน้าเขาดูลนลาน  

 

 

หรงจิงรีบสลัดผ้าห่มทันที เขาจับมือเซียงฉือที่ถูกลวกแล้วร้องสั่งอย่างรีบเร่ง  

 

 

“เรียกหมอมาด่วน! ซูกงกงไปเอายาทาแผลน้ำร้อนลวกอย่างดีที่สุดมา!”  

 

 

หรงจิงเห็นหลังมือเซียงฉือถูกลวกจนแดงก็รู้สึกปวดร้าวใจ เขาเช็ดน้ำร้อนบนนั้นออกแล้วรีบยกมือนางขึ้นเป่าเบาๆ  

 

 

เซียงฉือเห็นท่าทางเขาเช่นนี้ก็นิ่งอึ้งไป  

 

 

หรงเฉิงเยี่ยก็ถูกน้ำชาหกรดตัว เขากระโดดออกทันใดแล้วเช็ดเสื้อผ้าของตน และได้เห็นหรงจิงจับมือเซียงฉือกับสายตาที่มีแววรักสงสารเป็นอย่างยิ่ง  

 

 

ทันใดนั้นหรงเฉิงเยี่ยเกิดความรู้สึกขึ้นว่าเสด็จพี่ของเขาเจอรักแท้เข้าแล้ว บางทีความรักของเขาต่อเซียงฉือไม่ได้น้อยไปกว่าเหอเจี่ยนสุยเลยแม้แต่น้อย เขาเป็นถึงจักรพรรดิ ใต้หล้านี้ล้วนเป็นของเขา แต่เขากลับรักหญิงสาวคนหนึ่งอย่างสุดใจเช่นนี้  

 

 

ไม่ใส่ใจกับความน่าเกรงขามในยามปกติ เป็นแต่เพียงผู้ชายที่รักใคร่คนรักอย่างสุดซึ้งคนหนึ่ง  

 

 

ในขณะนั้น เรื่องสามหลักห้าคุณธรรม เหตุผลความซื่อสัตย์ ที่หรงเฉิงเยี่ยคิดจะเอามาพูดกับเซียงฉือพลันมลายหายไปสิ้น  

 

 

บางทีแบบนี้อาจจะดีกว่า เซียงฉือขมวดคิ้ว แต่เมื่อเห็นหรงจิงทำเช่นนี้ใจก็เปี่ยมล้นด้วยความอบอุ่น  

 

 

“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เป็นไรแล้วเพคะ ฝ่าบาทอย่าทรงกังวลพระทัยเลยเพคะ”  

 

 

เซียงฉือเห็นหรงเฉิงเยี่ยที่ด้านข้างจ้องมองนางกับหรงจิงอยู่ตลอดก็รู้สึกเกรงใจ นางคิดจะชักมือตนเองกลับแต่ถูกหรงจิงจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย  

 

 

“เจ้าเด็กต๊อง อย่าเอาแต่ขยับพูดเรื่อยเปื่อย นั่งลงให้เรียบร้อย”  

 

 

ถึงแม้หรงจิงจะพูดกับนางด้วยท่าทีลนลานแต่น้ำเสียงก็ไม่ดุ แต่เมื่อไม่เห็นซูกงกงกลับมาสักที ก็ตะโกนออกไปอย่างโมโห  

 

 

“เสี่ยวลี่จื่อ ไปยกน้ำใส่น้ำแข็งมาอ่างหนึ่ง ด่วน!”  

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ ไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

เสี่ยวลี่จื่อวิ่งล้มลุกคลุกคลานออกไป เซียงฉือกุมมือหรงจิงไว้ ยิ้มอย่างอ่อนโยน  

 

 

“ฝ่าบาทโปรดอย่าทรงร้อนรนเช่นนี้เลยเพคะ ตอนนี้ไม่ปวดแล้ว อีกสักครู่ทายาก็หายแล้วเพคะ”  

 

 

แววตาเซียงฉือสั่นไหว สายตานางมองไปทางหรงเฉิงเยี่ย แล้วพูดอย่างเขินอายว่า  

 

 

“ฝ่าบาท ท่านอ๋องยังอยู่ตรงนี้ อย่าให้ท่านอ๋องเห็นขบขันเลยเพคะ แค่น้ำร้อนลวกเล็กน้อย เดี๋ยวก็หายแล้วเพคะ”  

 

 

ถึงนางจะพูดแบบนี้แต่หรงจิงก็ไม่ปล่อยมือ  

 

 

“ก็ให้เขาดูไว้ โตจนป่านนี้ยังซุ่มซ่ามอีก จะให้เขาหาชายาสักคนก็ไม่ยอม ปล่อยให้ดูไปก็แล้วกัน”  

 

 

เซียงฉือฟังคำพูดหรงจิงแล้วก็หัวเราะขำ เสี่ยวลี่จื่อยกน้ำใส่น้ำแข็งเข้ามาแล้ว หรงจิงกวักน้ำเบาๆ ใส่มือเซียงฉือจนเปียก  

 

 

จากนั้นจึงค่อยจุ่มมือนางลงไปในน้ำเย็น  

 

 

มือที่แดงเป็นปื้นก็กลับดีขึ้น เซียงฉือยิ้มแล้วพูดว่า  

 

 

“ฝ่าบาทควรเอามือหม่อมฉันไปวางไว้ในหิมะนะเพคะ ผิวพรรณจะได้ยิ่งแดงฝาดวับวาว”  

 

 

หรงจิงได้ยินนางพูดเช่นนั้น จึงยื่นมือไปจิ้มหน้าผากนาง  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 541 แต่งตั้งเฟย  

 

 

หมอหลวงมาถึงอย่างรวดเร็ว มือของเซียงฉือถูกห่อจนเหมือนขนมจ้าง ส่วนหรงเฉิงเยี่ยที่เป็นต้นเหตุได้หนีหายไปแล้ว  

 

 

หรงจิงยกมือเซียงฉือขึ้นมาดูอยู่นานแต่ก็ยังไม่พอใจ ในความเป็นจริงการถูกน้ำร้อนลวกแค่นี้เพียงทายาก็หายได้อย่างรวดเร็วแล้ว แต่สีหน้าของหรงจิงกังวลอยู่ตลอดเวลาทำให้หมอหลวงหวาดกลัว จึงได้พันแผลชั้นแล้วชั้นเล่ากระทั่งหลังมือเซียงฉือถูกห่อเป็นเช่นนี้  

 

 

หรงเฉิงเยี่ยหลบออกไปอย่างรวดเร็ว แต่สายตาที่มองทิ้งท้ายนั้น ทำให้เซียงฉือสงสัยอย่างมาก  

 

 

อาการเหยียดหยามเย็นชาในตอนต้นของหรงเฉิงเยี่ยที่มีต่อนาง เซียงฉือมองเห็นอยู่ แต่ตอนจะออกไปได้เพิ่มความรู้สึกผูกพัน หรือจะเป็นความเข้าใจหรือจริงใจซึ่งตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจ  

 

 

เซียงฉือไม่ไปคิดอื่นใดอีกเพราะวันนี้มีคนมามากมาย เริ่มจากจิ้งเฟยที่พาหรงเย่ว์มานั่งชั่วครู่ พูดคุยกับฮ่องเต้อยู่พักหนึ่ง ตามด้วยซูเฟยที่เข้ามาพร้อมกับจินกุ้ยเฟยแทบจะทันที  

 

 

วันนี้ซูเฟยแต่งกายเรียบๆ งดงาม ไม่สวมชุดสีชมพูและสีน้ำเงินสว่างอย่างที่ชอบสวมใส่ในยามปกติ แลดูซีดเซียวไปบ้าง ส่วนจินกุ้ยเฟยยังคงชมชอบแต่งแต้มสีสันดอกท้อสดใสเหมือนปกติ สวมชุดแดงเข้มไม่เหมาะสมกับวัย  

 

 

ทั้งคู่ยืนอยู่เบื้องหน้าหรงจิงเช่นนั้น ต่างมีเสน่ห์ตามแบบของตนจริงๆ แต่ดูแล้วไม่น่าสบายนัก  

 

 

หรงจิงเลิกคิ้วพูดขึ้นว่า  

 

 

“วันนี้เป็นยังไง จิ้งเฟยมาก่อนทำเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูดอะไร พวกเจ้าทั้งสองก็ยากนักที่จะมาด้วยกัน หรือว่าฝ่ายในเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น”  

 

 

ถูกหรงจิงถามเช่นนั้น ซูเฟยและจินกุ้ยเฟยจึงสบตากัน ถึงสายตาต่างมีแววเหยียดหยาม แต่เมื่อหรงจิงพูดเช่นนั้นจึงได้จับมือกัน ซูเฟยยิ้มตอบขึ้นก่อนว่า  

 

 

“ทำไมฝ่าบาทตรัสเช่นนั้นเพคะ หม่อมฉันกับจินกุ้ยเฟยรักใคร่กลมเกลียวกันเสมอมา วันนี้จึงนัดกันมาเยี่ยมฝ่าบาทเพคะ”  

 

 

ซูเฟยพูดจบจินกุ้ยเฟยจึงรับคำต่อด้วยสายตาเย็นชาแต่ยิ้มแย้มว่า  

 

 

“น้องซูเฟยกล่าวถูกต้องแล้วเพคะ ฝ่าบาทไม่ได้ไปเยี่ยมเยียนพวกเราตั้งนาน ยังจะไม่ทรงยินยอมให้พวกเราพี่น้องมาเยี่ยมฝ่าบาทบ้างหรือเพคะ”  

 

 

หรงจิงเกิดความตระหนกดีใจขึ้นมาบ้าง เซียงฉือไม่อยากดูการแสดงของพวกนาง จึงหมุนกายเตรียมกลับห้องไป  

 

 

แต่ถูกซูเฟยเรียกไว้ทันที นางพูดว่า  

 

 

“น้องเซียงฉือจะไปไหนหรือ”  

 

 

เซียงฉือชะงัก นางหันกายกลับมาทำความเคารพอย่างนอบน้อมแล้วตอบว่า  

 

 

“พระชายาทั้งสองทรงสนทนาเรื่องภายในครอบครัวกับฝ่าบาท หม่อมฉันไม่สะดวกจะอยู่ด้วย จึงจะออกไปก่อนเพคะ”  

 

 

เซียงฉือตอบแล้วซูเฟยก็พูดขึ้นยิ้มๆ  

 

 

“น้องเซียงฉือ พวกเราไม่ใช่คนครอบครัวเดียวกันแล้วหรอกหรือ ในเมื่อฝ่าบาททรงร่วมบรรทมกับน้องแล้วย่อมต้องแต่งตั้งเป็นสนม ต่อไปก็เป็นพี่น้องครอบครัวเดียวกันแล้ว ยังมีอะไรที่จะพูดคุยกันไม่ได้อีก”  

 

 

ซูเฟยปิดปากหัวเราะเบาๆ เซียงฉือตกตะลึงลมหายใจชะงักอยู่กับที่ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร  

 

 

ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของจินกุ้ยเฟยพูดขึ้น  

 

 

“ฝ่าบาทยังจะทรงซ่อนสาวไว้ในห้องไปถึงเมื่อไหร่เพคะ แบบนั้นผิดจารีตที่บรรพชนทรงบัญญัติไว้นะเพคะ เมื่อใดที่ข้าราชสำนักสตรีฝ่ายในได้รับโปรดก็จะต้องแต่งตั้งให้เป็นสนม ย้ายออกจากตำหนักเจิ้งหยางเพื่อเลือกอยู่ตำหนักอื่น ซูเฟยก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดแล้วนี่เพคะ”  

 

 

จินกุ้ยเฟยมองเซียงฉือแล้วแสร้งยิ้มพ่นเสียงออกจมูก ซูเฟยเห็นดังนั้นจึงรับลูกพูดต่อ  

 

 

“ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะทรงให้น้องเซียงฉืออยู่ในระดับไหนเพคะ ในเมื่อเป็นข้าราชสำนักสตรีที่เคยถวายงานหน้าพระพักตร์ ฝ่าบาทควรแต่งตั้งนางเป็นกุ้ยเหริน หากเข้าฝ่ายในแล้วตั้งครรภ์ หรือให้ประสูติพระโอรสก็ขึ้นเป็นพระชายาได้”  

 

 

สีหน้าหรงจิงไม่สู้ดี เซียงฉือได้แต่คุกเข่าหน้าแดง นางจะอธิบายอย่างไรหรือพูดเหตุผลในเรื่องนี้ออกมา ตอนนี้ทั้งจินกุ้ยเฟยและซูเฟยมาถามอย่างอาจหาญเช่นนี้ ไม่รู้หรงจิงจะตอบอย่างไร  

 

 

เซียงฉือเกิดความกังวลใจ ได้แต่เพียงไม่แสดงอะไรออกไป  

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset