บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 550 แผนลับ / ตอนที่ 551 คำขอของซูเฟย

ตอนที่ 550 แผนลับ

 

 

เซียงฉือเดินออกจากตำหนักจู้เซียงอย่างสง่าผ่าเผย แต่เพียงพ้นประตูหน้าตำหนัก ขาของนางก็อ่อนยวบ ขันทีข้างกายปราดเปรียวนัก รีบเข้าไปประคองนางทันที

 

 

เขาพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า

 

 

“ใต้เท้าอวิ๋นระวังด้วยขอรับ ดูบันไดพวกนี้ให้ดีอย่าทำให้ตนเองต้องบาดเจ็บนะขอรับ”

 

 

เซียงฉือได้แรงของเขาจึงลุกขึ้นยืนได้ นางใช้มือยันกำแพงหอบหายใจแรงๆ นางยังไม่ทันตอบคำขันทีคนนั้นก็ได้ยินเขาพูดต่อสะอึกสะอื้นว่า “นั่นคืนหรูอี้กงกง เป็นหรูอี้กงกงที่เคยถวายการรับใช้อยู่ข้างกายฝ่าบาทมาก่อน”

 

 

“ทำไมซูเฟยจึงได้ฆ่าเขาเสียล่ะ”

 

 

ขันทีคนนี้ชื่อเสี่ยวเต๋อจื่อ เป็นขันทีระดับล่างในตำหนักเจิ้งหยาง ทุกวันมีหน้าที่คอยติดตามซูกงกงทำความสะอาดโต๊ะหนังสือของหรงจิง ถึงจะยังอายุไม่มาก แต่ก็นับเป็นคนเก่าคนแก่ในตำหนักเจิ้งหยาง จึงรู้จักผู้คนมากกว่าเซียงฉือ

 

 

เพียงมองไปบนพื้นก็รู้สภาพความเป็นไป

 

 

เมื่อครู่เซียงฉือพาเขาเข้าไปข้างในเพียงคนเดียวเท่านั้น

 

 

ถึงตอนนี้ซูเฟยจะปล่อยนางออกมาแต่ทหารรักษาพระองค์แถวหนึ่งจ้องมองพวกนางไม่วางตา ถึงแม้เซียงฉือจะรู้แล้วว่าผู้ตายเป็นใครแต่ก็พูดอะไรออกไปไม่ได้ หากไปถึงข้างกายฮ่องเต้แบบนี้นางคงยากที่จะพูดให้ชัดเจนได้ เพราะถึงเวลานั้นในตำหนักคงไม่เหลือเบาะแสอะไรให้พบเห็นอีกแล้ว

 

 

เซียงฉือมองซ้ายแลขวาแล้วจึงพูดกับขันทีข้างกายด้วยเสียงเบาเป็นพิเศษ

 

 

“เจ้ารู้ว่านั่นคือหรูอี้กงกง เสี่ยวเต๋อจื่อ วันนี้เจ้ากับข้ามาเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้าแล้ว ถึงวันนี้ซูเฟยจะยอมปล่อยข้าแต่ก็รับประกันไม่ได้ว่านางจะไม่คิดเอาชีวิตเจ้า ข้ากับเจ้าร่วมอยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน การกระทำของซูเฟยคิดว่าเจ้าก็คงเข้าใจ อีกสักครู่เมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์ เจ้าก็ใช้ดุลยพินิจจัดการเอาก็แล้วกัน”

 

 

เซียงฉือไม่ได้ยุยงเสี้ยมสอน นางเป็นข้าราชสำนักสตรี เป็นคนที่ฮ่องเต้รักและเชื่อใจ วันนี้มาส่งราชโองการที่ตำหนักจู้เซียงเป็นกรณีพิเศษ หากมาแล้วไม่กลับฮ่องเต้จะต้องตรวจสอบเรื่องนี้ถึงที่สุด ถึงตอนนั้นซูเฟยย่อมไม่พ้นต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องเมื่อครู่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ซูเฟยก็ไม่สามารถฆ่าคนให้หมดทั้งตำหนักได้

 

 

แต่ขันทีคนนี้ได้เห็นทุกอย่างแล้ว หากซูเฟยคิดจะลงมือก็คงจะกำจัดเขาก่อนเป็นคนแรกเพื่อขจัดภัยที่จะตามมา

 

 

สตรีเฉกเช่นซูเฟยนี้ นอกจากตัวเองแล้วก็เชื่อเพียงคนตายเท่านั้นว่าจะเก็บงำความลับได้มิดชิด

 

 

เสี่ยวเต๋อจื่อตกใจกับคำพูดเซียงฉือจนเหงื่อเย็นท่วมตัว เขาฟังคำพูดนางแล้วแทบจะคุกเข่าทรุดลงไป เซียงฉือพลิกมือประคองเขาไว้แล้วพูดว่า

 

 

“ในเมื่อซูเฟยไม่ยอมปล่อยเจ้าแน่ ถ้าเจ้าคิดจะสู้ตาย ข้าก็มีวิธีเป็นตายห้าสิบห้าสิบ อยู่ที่ว่าเจ้าจะกล้าเอาชีวิตตัวเองมาเดิมพันหรือไม่”

 

 

เมื่อเซียงฉือพูดเช่นนี้ ท่าทางเสี่ยวเต๋อจื่อก็เคร่งเครียดขึ้นมา เซียงฉือไม่พูดเปรียบเปรยเรื่องเป็นตายขึ้นอยู่กับวาสนาร่ำรวยตามเกณฑ์ชะตาฟ้า ถึงนางคิดจะให้เขาช่วยแต่ก็ไม่อาจรับประกันชีวิตของเขาได้ ดังนั้นจึงได้บอกสั่งกับเขาอย่างชัดเจน

 

 

ชีวิตของตน ตัวเองเท่านั้นที่ต้องเป็นคนเลือก

 

 

ใบหน้าเสี่ยวเต๋อจื่อย่นขยุ้มจนเหมือนลูกซาละเปา เห็นแล้วน่าเวทนา แต่เมื่อใคร่ครวญสักครู่แล้วจึงพูดอย่างหนักแน่นขึ้นมา

 

 

“ถึงใต้เท้าจะเข้าวังไม่นานแต่ไม่เคยดูถูกพวกคนตอนอย่างข้า ฝ่าบาทก็ทรงโปรดปรานท่าน อีกทั้งใต้เท้าไม่เคยดุด่าคนรับใช้อย่างพวกเรารุนแรง ดังนั้นใต้เท้าพูดอะไรเสี่ยวเต๋อจื่อก็เชื่อ”

 

 

เสี่ยวเต๋อจื่อพูดถึงขนาดนั้นทำให้เซียงฉืออึ้งไป คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวเต๋อจื่อจะพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาได้ เขายังพูดอีกว่า

 

 

“ข้ารู้ว่าใต้เท้าอวิ๋นคิดเพื่อช่วยข้า ถ้าหากใต้เท้ามีวิธีที่สามารถช่วยข้าให้พ้นจากสภาพลำบากนี้ได้ วันหน้าข้าย่อมตอบแทนพระคุณของใต้เท้าอย่างแน่นอน”

 

 

เซียงฉือพยักหน้า นางแนบข้างหูเขาแล้วบอกแผนการของตนแก่เขาเบาๆ

 

 

 

 

ตอนที่ 551 คำขอของซูเฟย

 

 

คนที่สามารถรับใช้ในตำหนักเจิ้งหยางไม่มีใครที่ไม่ฉลาดปราดเปรื่อง เซียงฉือเพียงพูดครั้งเดียวเสี่ยวเต๋อจื่อก็จดจำได้หมด เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต นางจึงไม่กล้าไม่ใส่ใจ

 

 

เมื่อทั้งสองกระซิบกระซาบคุยกันเสร็จแล้วต่างพยักหน้าให้กัน

 

 

เซียงฉือกับเสี่ยวเต๋อจื่อเพิ่งคุยกันจบซูเฟยก็จัดแจงเรียบร้อยออกมาจากตำหนักจู้เซียง เซียงฉือจึงเดินเข้าไปผงกศีรษะให้นางน้อยๆ แล้วเดินนำหน้าออกไป

 

 

เซียงฉือเดินอยู่ข้างหน้า เสี่ยวเต๋อจื่อตามอยู่ข้างหลัง ซูเฟยเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับพวกเขา ตลอดทางนางดึงเซียงฉือไว้ ทหารรักษาพระองค์กันคนของนางห่างออกไปไกล เซียงฉือรู้ดีว่านางจะทำอะไร

 

 

เรื่องในวันนี้ไม่มีทางที่จะจบลงอย่างง่ายดายเช่นนี้

 

 

เมื่อครู่ซูเฟยยังลนลานอยู่จึงถูกคำพูดเสนาะหูของเซียงฉือหลอกล่อไป เมื่อนางออกมาใหม่ก็รู้ว่าระหว่างพันธมิตรจะต้องช่วยกันปกปิดความลับจึงจะแน่นอนที่สุด

 

 

เซียงฉือนำพวกเขาเดินไปทางริมทะเลสาบชิงซี ทะเลสาบชิงซีเป็นทะเลสาบที่อยู่ระหว่างตำหนักเจิ้งหยางของฮ่องเต้กับตำหนักจู้เซียงของซูเฟย ไม่ว่าจะเดินอย่างไรก็ไม่อาจอ้อมผ่านลำน้ำคดเคี้ยวยาวเหยียดนี้ไปได้

 

 

“น้องเซียงฉือมีไหวพริบปฏิภาณดีจริงๆ ในสภาพฉุกละหุกเช่นนั้นยังสามารถคิดอะไรได้รอบคอบ แต่ปฏิกิริยาของพี่เชื่องช้าไม่ทันน้อง จึงเพิ่งนึกออกเมื่อสักครู่นี้เอง”

 

 

“ในระหว่างพันธมิตรต่างควรต้องถ่วงดุลย์กันได้ ในเมื่อน้องหญิงรู้ความลับข้าแล้ว ส่วนข้ายังไม่มีความลับอะไรของน้องหญิงในมือ ทำให้ต้องคอยกังวลใจ ไม่รู้ว่าน้องหญิงจะทำให้พี่สบายใจได้อย่างไร”

 

 

เซียงฉือยังคิดว่าอย่างน้อยนางคงต้องรออีกสักครู่หนึ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าจะร้อนรนเช่นนี้ แต่ก็ยังดีที่ว่านางได้สั่งการทุกอย่างไว้แล้ว

 

 

เมื่อได้ฟังคำพูดซูเฟยจึงไม่กล้าแสดงความมั่นใจออกไปมากนัก นางลนลานก้มหน้าลง

 

 

“ไม่ทราบว่าพี่หญิงตรัสเช่นนี้หมายความเช่นไรเพคะ หม่อมฉันต่ำต้อยพูดจาไร้น้ำหนัก ไม่กล้าทำเรื่องอะไรผิดพลาดใหญ่หลวงอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าคำพูดที่ทรงตรัสนี้”

 

 

เซียงฉือถามก็ถูกซูเฟยดึงมือ นางชี้ไปยังปลาในน้ำนั้นว่า

 

 

“น้องหญิงรู้ไหมว่าเหตุใดที่นี่จึงมีปลาชุกชุมที่สุด”

 

 

เซียงฉือส่ายหน้า ซูเฟยจึงปิดปากหัวเราะเบาๆ

 

 

“เพราะที่นี่น้ำลึกที่สุด คนตกลงไปก็จะจมลงไปโดยเร็ว วันนี้คนที่เห็นเรื่องนี้ไม่ได้มีน้องหญิงเพียงคนเดียว ข้าสามารถเชื่อเจ้าได้ว่าจะปิดปากได้สนิทแต่คนอื่นเล่า ไม่มีใครสามารถรับรองได้มิใช่หรือ”

 

 

ซูเฟยมองเพ่งเป้าไปทางเสี่ยวเต๋อจื่อที่ด้านหลังแล้วยิ้มเยาะ เซียงฉือเข้าใจความหมาย มือนางสั่นขึ้นน้อยๆ นางไม่เคยลงมือทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน

 

 

ถึงนางได้เตรียมใจไว้แล้วแต่ก็ยังตื่นตระหนกแม้จะพยายามควบคุมอารมณ์ตนเองก็ตาม

 

 

ซูเฟยสามารถรับรู้ถึงอาการตื่นตระหนกของเซียงฉือ และนางก็ยิ่งพึงพอใจกับความตระหนกนี้ เพราะเมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมแสดงว่านางทำถูกต้องแล้ว

 

 

เซียงฉือมองเสี่ยวเต๋อจื่อ รอยยิ้มบนใบหน้าแปลกประหลาดไป เสี่ยวเต๋อจื่อถอยหลังทีละก้าวช้าๆ อย่างระมัดระวัง แต่ทันใดนั้นก็ชนเข้ากับหลี่กงกงที่ข้างหลัง

 

 

“โธ่เอ๊ยเจ้าขันทีน้อย เจ้าจะไปไหนหรือ”

 

 

เซียงฉือเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นตาทั้งคู่ก็ปิดลง ขนตาสั่นระริก

 

 

“ความหมายของพี่หญิงหม่อมฉันเข้าใจแล้วพคะ หม่อมฉันขอเพียงพี่หญิงมีใจเป็นหนึ่งเดียวกับหม่อมฉันมุ่งไปยังกุ้ยเฟย เพื่อแก้แค้นให้กับคนในครอบครัวหม่อมฉัน ส่วนเรื่องอื่น เซียงฉือจะคิดเพียงว่าติดค้างเขา วันหน้าจะเผากระดาษเงินทองให้ทุกปี ขอให้เจ้าอย่าต้องไปเป็นผู้รับใช้ใครในโลกเบื้องล่างอีกเลย”

 

 

เซียงฉือพูดเช่นนั้น ใบหน้าเสี่ยวเต๋อจื่อหวาดกลัวอย่างที่สุด มองดูเซียงฉืออย่างตระหนกและหวาดกลัว

 

 

หลี่กงกงยกมือขึ้นหมายจะทำให้เสี่ยวเต๋อจื่อสลบ แต่เซียงฉือห้ามไว้

 

 

“หลี่กงกงช้าก่อน ในเมื่อจะแสดงละคร ก็ต้องทำให้สมจริงหน่อยจะดีกว่า”

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset