บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 618 หนังสือสมรส / ตอนที่ 619 คืนวิวาห์

ตอนที่ 618 หนังสือสมรส  

 

 

อวิ๋นเซียงฉือมองดูรอบๆ อย่างฉงน นางไม่กล้าเลิกผ้าแพรแดงที่คลุมหน้าไว้ขึ้นมาเอง ได้แต่เหลียวซ้ายแลขวา รอบด้านไร้สุ้มเสียงและไม่มีใคร นางร้อนใจขึ้นมาจึงร้องเรียกเบาๆ  

 

 

“หงซีกูกูท่านอยู่ที่ไหน”  

 

 

“หงซีกูกู?”  

 

 

ใบหน้าภายใต้ผ้าแพรแดงคลุมหน้าของเซียงฉือผุดความสงสัย แต่ทันใดนั้นก็เห็นบุรุษสวมรองเท้ายาวสีแดงยืนอยู่เบื้องหน้า เซียงฉือหายใจขัดในทันใดไม่กล้าเคลื่อนไหวอีก พยายามมองขนาดของรองเท้าคู่นั้นให้ออกอย่างจริงจัง  

 

 

ด้วยใจที่เต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ พิจารณาอยู่ว่าคนเบื้องหน้าจะใช่หรงจิงหรือไม่  

 

 

หรงจิงไม่ส่งเสียง เขาได้ยินเซียงฉือเรียกหาหงซีกูกูก็แอบยิ้มแต่ก็ยังไม่พูดจา  

 

 

เซียงฉือมองดูสักครู่ นิ้วมือบิดผ้าเช็ดหน้าในมือจนมันแทบถูกบิดเป็นเชือกป่าน  

 

 

รออยู่อีกครู่หนึ่งหรงจิงจึงได้ยื่นมือขวาออกไปจับมือน้อยขาวผุดผาดคู่นั้นที่บิดอยู่ข้างหน้า  

 

 

ใจของเซียงฉือพลันสะดุด นางก้มหน้างุดไม่กล้าออกเสียง หรงจิงจึงจับมือนางอีก เซียงฉือสัมผัสกับความกระด้างบนมือที่คุ้นเคยได้จึงค่อยวางใจ นางยื่นมือซ้ายออกให้หรงจิงจับ  

 

 

หรงจิงยิ้ม บรรจงยกมือนางขึ้นประทับริมฝีปากจูบลงเบาๆ  

 

 

“เป็นกลิ่นของเซียงฉือจริงๆ ด้วย”  

 

 

ใบหน้าภายใต้แพรแดงของเซียงฉือแดงขึ้นมา หรงจิงจูงนางเดินไปข้างหน้า เซียงฉือถูกจูงอยู่ในกลางฝ่ามือของเขาแล้ว ทำให้สบายใจยิ่งขึ้น  

 

 

หรงจิงหยุดเท้าเมื่อไปถึงเบื้องหน้าเทียนแดงคู่ เขายืนตรงข้ามกับเซียงฉือ มองดูนางเนิ่นนาน ในใจทั้งตื่นเต้นอีกทั้งรอคอย  

 

 

เหงื่อซึมออกใจกลางฝ่ามือเซียงฉือ หรงจิงหยิบคันชั่งจากบนโต๊ะ สูดหายใจเข้าลึกแล้วสอดผ่านผ้าแพรคลุมหน้า คอยมองเซียงฉือด้วยแววตาคาดหวัง  

 

 

อวิ๋นเซียงฉือข้างใต้ผ้าคลุมหน้าแต่งกายอย่างวิจิตรและงดงาม ก้มศีรษะลงน้อยๆ เอียงอายแบบหญิงสาว นางแอบมองหรงจิง แววตาเปี่ยมไปด้วยความสุข  

 

 

หรงจิงกล่าวชมนางเต็มที่  

 

 

“เซียงฉือ วันนี้เจ้าสวยมาก”  

 

 

ใบหน้าเซียงฉือแดงก่ำ ยิ่งแลดูนุ่มนวลลึกซึ้งใต้แสงเทียนแดง นางเงยหน้าที่เปี่ยมล้นความปิติมองหรงจิง น้ำตาแห่งความสุขค่อยๆ เอ่อท้นขึ้นมา  

 

 

“ในวันมงคลเช่นนี้ทำไมเจ้ายังร้องไห้อีก หรือนี่เป็นการร้องไห้ออกเรือน เพิ่งจะมาเริ่มเอาตอนนี้หรือนี่”  

 

 

เซียงฉือฟังเขาพูดแล้วก็หัวเราะทั้งน้ำตา นางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาแล้วยิ้มแย้มอย่างปิติยินดี  

 

 

หรงจิงเมื่อเห็นเซียงฉือยิ้ม รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งกว้างขึ้น เขารั้งเอวนางพาเดินอ้อมไปด้านหลังโต๊ะหนังสือ  

 

 

“เซียงฉือ เราไม่อาจให้ตำแหน่งฮองเฮากับเจ้า แต่ในใจเรา เจ้าเท่านั้นที่เป็นคนที่เราถนอมรักที่สุด เราหวังจะร่วมกันประคับประคอง ไว้วางใจซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันจนแก่เฒ่ากับเจ้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”  

 

 

เซียงฉือฟังคำพูดของหรงจิงแล้วพยักหน้าตอบว่า  

 

 

“หม่อมฉันไม่ขอตำแหน่งฮองเฮา ขอเพียงฝ่าบาทจะไม่เปลี่ยนพระทัยแรกเริ่มที่มีต่อเซียงฉือเช่นนั้นตลอดไปตราบจนแก่เฒ่าเพคะ”  

 

 

หรงจิงได้ยินแล้วพยักหน้าช้าๆ เขากางกระดาษออก  

 

 

“เราจะเขียนหนังสือยืนยันการแต่งงานกับเจ้า เพื่อแสดงว่าเราตบแต่งเจ้าอย่างถูกต้องตามประเพณี เป็นการบอกกล่าวฟ้าเบื้องบนให้ประจักษ์”  

 

 

“หรงจิง อวิ๋นเซียงฉือแต่งงานกันในวันนี้ ด้วยดวงชะตาที่สมพงศ์ จะเกื้อกูลดูแลกันชั่วชีวิต จึงอธิษฐานบอกกล่าวต่อเบื้องบน จะขอร่วมบุพเพสันนิวาสชั่วนิรันดร มอบเป็นคำมั่นสัญญาจวบจนแก่เฒ่าบันทึกลงในหนังสือนี้”  

 

 

หรงจิงกางกระดาษสีแดงแผ่นหนึ่งแล้วเขียนคำพูดเหล่านั้นลงไป ทำให้เซียงฉือซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง นางรับพู่กันมาจากมือหรงจิง แล้วเขียนชื่อของตนเองลงไปอย่างตั้งใจและมีความสุข  

 

 

‘อวิ๋นเซียงฉือ’  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 619 คืนวิวาห์  

 

 

หรงจิงมอบหนังสือสมรสที่เขียนเสร็จแล้วให้อวิ๋นเซียงฉือ นางเป่าตัวอักษรที่ยังไม่แห้งบนนั้นเบาๆ แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน แววตาเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข  

 

 

“ฝ่าบาทอย่าทรงหลอกหม่อมฉันนะเพคะว่าจะไม่ลืมความตั้งพระทัยแรก จะทรงอยู่กับหม่อมฉันจนแก่เฒ่า มีหนังสือสมรสเป็นหลักฐานแล้วจะทรงบ่ายเบี่ยงไม่ได้นะเพคะ”  

 

 

หรงจิงมองเซียงฉือรอยยิ้มก็ยิ่งกว้างขึ้น เขามองใบหน้านางแล้วพยักหน้า  

 

 

เซียงฉือยิ้ม หรงจิงจึงนำหนังสือสมรสในมือนางวางลง  

 

 

สายตาที่มองนางยิ่งอ่อนโยนดุจน้ำ เซียงฉือก็มองเขากลับในแบบเดียวกัน ในดวงตาหงส์นั้น ใบหน้าหรงจิงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เงามืดจากแสงเทียนค่อยๆ บดบังสายตาของเซียงฉือ  

 

 

เซียงฉือปิดตาลงช้าๆ ใจเต้นตูมตาม รู้ว่าริมฝีปากอุ่นร้อนของหรงจิงจูบลงมาแผ่วเบา นางถูกเขากอดไว้ในอ้อมอกเพียงจูบเดียวก็เกือบทำเอาขาอ่อนยวบ  

 

 

“เรายังไม่ได้ร่วมดื่มสุรามงคลกับเจ้าเลย ตามเรามา…”  

 

 

เซียงฉือหน้าแดง นางก้าวตามหรงจิงไป รองเท้าพื้นนุ่มที่สวมใส่ยามเหยียบย่างลงบนทางพื้นหินให้ความรู้สึกสบายยิ่งเซียงฉือรู้สึกแต่ว่าตนเองในเวลานี้ราวกับตัวเบาหวิวลอยล่องอย่างมีความสุขยิ่ง  

 

 

หรงจิงนำนางไปถึงห้องนอน พอตบมือ คนด้านล่างก็หลั่งไหลกันเข้ามา  

 

 

เมื่อเซียงฉือมองไปก็เห็นในมือพวกเขาถือสิ่งของมากมาย หรงจิงพยักหน้า ซูกงกงก็ยกสุรามงคลสองจอกเดินยิ้มเข้ามา  

 

 

“ฝ่าบาท นายหญิงน้อย”  

 

 

หรงจิงยกจอกสุราทั้งสองแล้วส่งให้เซียงฉือจอกหนึ่ง สายตาเซียงฉือที่มองหรงจิงเจือความขวยเขิน หรงจิงนั่งลงข้างกายนาง จับแขนนางเบาๆ ทั้งคู่มองสบตากันแล้วดื่มสุราจอกหนึ่งลงไป  

 

 

หรงจิงไม่เป็นไรแต่หน้าเซียงฉือค่อยๆ แดงขึ้น สุรามงคลมีผสมยาลุ่มหลงอยู่บ้าง เซียงฉือที่ดื่มสุราไม่แข็งหน้าจึงแดงขึ้นทันที หรงจิงหัวเราะอย่างยิ่งเบิกบานใจ  

 

 

หงซีกูกูคุกเข่าอยู่ระหว่างหรงจิงกับเซียงฉือ มัดชายชุดของทั้งคู่ไว้ด้วยกัน ยิ้มน้อยๆ พูดว่า  

 

 

“บ่าวขอถวายพระพรฝ่าบาทนายหญิงน้อย ขอทรงสมัครสมานพูนสุข ทรงครองคู่กันจนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรนะเพคะ”  

 

 

หรงจิงผงกศีรษะ เซียงฉือก็ยิ้มอิงอยู่บนกายหรงจิง สี่กงกงประคองถั่วลิสงกับพุทราจีนที่ห่อรวมไว้โยนไปบนเตียงนอนด้านหลัง ยิ้มตาหยีพูดว่า  

 

 

“บ่าวขอถวายพระพรฝ่าบาทนายหญิงน้อย ขอทรงรักใคร่ปรองดอง มีพระโอรสในเร็ววันพ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

เซียงฉือได้ยินคำพูดนี้ก็หน้าแดง แต่แล้วรู้สึกว่าคำพูดของเขาเกินเลยขอบเขตไป จึงดุออกไป  

 

 

“เสียวสี่จื่อ อยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท ห้ามพูดจาเหลวไหล”  

 

 

แต่หรงจิงสะบัดมือ พูดยิ้มๆ ว่า  

 

 

“สามวันแรกของการแต่งงานไม่แบ่งใหญ่เล็ก ฮูหยินไม่ต้องกังวลใจ”  

 

 

เซียงฉือฟังด้วยความอบอุ่นใจแล้วไม่พูดอะไรอีก เสียวสี่จื่อเกาศีรษะ ออกไปรับรางวัลอย่างดีใจ  

 

 

หรงจิงมองดูเซียงฉือ แล้วสะบัดมือพูดว่า  

 

 

“จุดโคมไฟได้…”  

 

 

เซียงฉือก้มหน้าไม่กล้ามองหรงจิง พวกคนรับใช้พากันเดินออกไป ซูกงกงกับหงซีกูกูช่วยกันปล่อยผ้าม่านลงทีละชั้นๆและดับโคมไฟเบื้องหน้าทีละชั้นๆ ไปด้วย  

 

 

พากันถอยออกนอกห้องอย่างเบามือเบาเท้า เหลือเพียงหรงจิงกับเซียงฉืออยู่ในที่ว่างคับแคบ  

 

 

หรงจิงกอดเซียงฉือเบาๆ น้ำเสียงอ่อนนุ่มยิ่งนัก  

 

 

“เซียงฉือ จากวันนี้เป็นต้นไปเจ้าก็จะเป็นผู้หญิงของเราแล้ว เราจะถนอมเจ้าอย่างดี”  

 

 

เซียงฉือช้อนตาขึ้นมอง ขบริมฝีปากพูดอย่างเอียงอายว่า  

 

 

“จากวันนี้เป็นต้นไปหม่อมฉันจะเป็นสตรีของฝ่าบาท และจะเป็นของฝ่าบาททั้งกายทั้งใจทั้งชาติทั้งชีวิต ถวายการปรนนิบัติสุดจิตสุดใจ ขอฝ่าบาทโปรดทรงเมตตาสงสารเซียงฉือตลอดไปด้วยเถิดเพคะ”  

 

 

หรงจิงพยักหน้าน้อยๆ โอบไหล่นาง ประทับจูบลงบนกลีบปากแดงเรื่อของนาง  

 

 

เซียงฉือยื่นมือเกาะไหล่หรงจิง หรงจิงจึงอุ้มนางวางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล สัมผัสที่นุ่มนวลทำให้เซียงฉือรู้สึกสบายจนต้องครางออกมา หรงจิงบังเกิดความคึกคะนองขึ้นทันที  

 

 

เขากอดเซียงฉือ จูบนาง เขาไม่ได้ใช้แรงมากทว่าอดทนและนุ่มนวลอย่างยิ่ง  

 

 

ด้วยความขวยอายใบหน้าจึงยิ่งแดงซ่าน ถูกขับให้เด่นดุจดั่งผลแอปเปิ้ลสุกอยู่ภายในตำหนักที่อบอุ่นด้วยน้ำแร่อุ่นนี้  

 

 

หรงจิงเป็นฮ่องเต้ อวิ๋นเซียงฉือเป็นสตรีคนแรกที่เขาปฏิบัติด้วยอย่างนุ่นมวลเช่นนี้  

 

 

เซียงฉือหน้าแดงเมื่อนอนคว่ำหน้าอยู่บนกายหรงจิง  

 

 

“ฝ่าบาท…”  

 

 

หรงจิงได้ยินเสียงเรียกของนางแต่ไม่ได้ลืมตาเพียงกระชับแขนที่โอบกอดนางไว้แน่นขึ้น ขานรับเบาๆ ถามขึ้นว่า  

 

 

“มีอะไรหรือ”  

 

 

ผมเผ้าเซียงฉือยุ่งเหยิง นางรวบเส้นผมที่ไม่เชื่อฟังพวกนั้นให้สยายอยู่ด้านหลังหมอน ลุกขึ้นช้าๆ ฟุบลงบนอกหรงจิงลอบมองดูเขา แล้วทำใจกล้าด้วยท่าทางที่ยังไม่ประสานัก จูบลงบนริมฝีปากหรงจิง  

 

 

เขาอดรู้สึกขำไม่ได้ นอกจากเซียงฉือแล้ว ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่เป็นฝ่ายจูบเขามาก่อน  

 

 

หรงจิงกระชับมือเบาๆ เซียงฉือคิดจะถอนจูบของตนกลับถูกหรงจิงรัดอยู่ในอ้อมกอดแน่นจนไม่อาจขยับ  

 

 

หรงจิงพลิกกายมาจูบนางเนิ่นนานก่อนจะยอมปล่อยแล้วถามว่า  

 

 

“เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังทำอะไร”  

 

 

เวลาหรงจิงยิ้มทำให้ดูไม่เข้มงวด เซียงฉือเห็นเช่นนั้นจึงไม่หวั่นเกรง  

 

 

หรงจิงพูดไปแล้วก็นึกสนุกขึ้นมา เขาตบลงบนสะโพกงอนๆ ของนาง พูดอย่างเขินๆ ว่า  

 

 

“เห็นว่าวันนี้เป็นคืนแรกของเจ้าเราจะยอมให้ ต่อไปห้ามยั่วยุเราอีก มิเช่นนั้นเป็นได้น่าดูชม”  

 

 

เซียงฉือแลบลิ้นแล้วนอนอยู่ข้างกายหรงจิงอย่างว่าง่ายไม่ซุกซนอีก  

 

 

แต่ว่านางนอนไม่หลับ ขยับกายไปมาอย่างไม่เป็นสุข  

Related

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset